Beranda / รักโบราณ / เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว / 14. เจียวซินกับวิธีสร้างชื่อเสียง (3)

Share

14. เจียวซินกับวิธีสร้างชื่อเสียง (3)

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-24 23:07:59

“เรียกข้างั้นหรือ…”

“จะ..เจ้าค่ะ ช่วยข้าเลือกกลิ่นเครื่องหอมได้หรือไม่เจ้าคะ” เฟยเทียนเดินเข้าใกล้เจียวซิน แล้วฉวยเอาข้อมือของเจียวซินขึ้นมา

“ตรงนี้ใช่หรือไม่”

“เจ้าค่ะ” สิ้นเสียงของเจียวซิน เฟยเทียนก้มหน้าลงจนปลายจมูกโด่งแตะลงบนข้อมือของเจียวซิน

“อ๊ะ…” เหตุใด!! เหตุใดท่านอ๋องต้องเองจมูกแตะลงไปเช่นนั้นด้วยเล่า เจียวซินใจเต้นกับการกระทำนี้ไม่น้อย ตั้งแต่ที่นางมาอยู่โลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องแสดงท่าทีใกล้ชิดกับนางเฉกเช่นสามีภรรยาคู่อื่น เมื่อนึกถึงจุดนี้ก็ทำเอาเจียวซินหน้าขึ้นสีระเรื่อ

“อีกกลิ่นเล่า อยู่ตรงที่ใด” เฟยเทียนเอ่ยถาม มิใช่ว่าเขาไม่เห็นท่าทีขัดเขิน แต่เลือกที่จะปล่อยผ่าน มิอยากทำให้นางต้องอึดอัด เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาแตะเนื้อต้องตัวนางตั้งแต่ที่นางแต่งเข้ามา แต่ครั้งนี้…เขาแค่อยากรู้ อยากรู้ว่ากลิ่นเหล่านั้นจะหอมเพียงใด เมื่ออยู่บนตัวนาง

“อยู่หลังมือ ข้างนี้เจ้าค่ะ” เจียวซินยื่นมืออีกข้างให้ท่านอ๋องลองดมกลิ่น เฟยเทียนแตะจมูกลงไปบนหลังมือเจียวซินอีกครั้ง

หอม หอมมากทั้งสองกลิ่น ไม่ว่ากลิ่นใดก็หอม

“เอากลิ่นใดดีเจ้าคะ” เจียวซินเอ่ยถามออกไป แม้จะขัดเขินต่อการกระทำที่ไม่สนสายตาผู้ใดของท่านอ๋องไม่น้อย

“เอาทั้งสอง ข้าชอบทั้งสองกลิ่น”

“แต่ว่า…” เสียดายเงิน...

“ข้าจะจ่ายให้ ซื้อมาทั้งสองกลิ่น” เฟนเทียนเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางที่กำถุงเงินในมือแน่นก็เข้าใจว่านางคงมิอยากจ่ายเงิน

“เจ้าค่ะ แล้วของอื่นๆ ท่านพี่จะจ่ายให้ข้าด้วยหรือไม่เจ้าคะ” เมื่อไม่ได้เสียเงินซื้อเอง เจียวซินก็ยิ้มจนหน้าบาน

“อืม วันนี้ข้าจะจ่ายให้ทั้งหมด”

“ข้าเอาทั้งสองกลิ่นเลยเจ้าค่ะ” เจียวซินหันไปพูดภาษาอังกฤษกับเจ้าของร้าน เมื่อได้สินค้ามาแล้วจึงส่งไปให้หนิงเออร์และนางกำนัลถือ จากนั้นจึงเดินซื้อของร้านอื่นเรื่อยๆ ในเมื่อมีคนจ่ายให้ ก็ต้องซื้อให้คุ้ม คริคริ

“จะไปที่ใดอีก” เฟยเทียนที่เดินตามตลอดทางเอ่ยถาม เมื่ออยู่ๆ เจียวซินก็ยืนนิ่งไม่ขยับ

“เมื่อยขาแล้วเจ้าค่ะ ไปหาที่นั่งก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ” เหล่านางกำนัลเมื่อได้ยินผู้เป็นนายบ่นก็ย่อตัวลงบีบๆ นวดๆ ให้

“ขอบใจมาก แต่พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด ข้าทนได้ ไม่ต้องบีบๆ ลุกขึ้นๆ” เจียวซินปฏิเสธการปรนนิบัติจากนางกำนัล หันไปรอคำตอบจากท่านอ๋อง

“ยามนี้ก็ใกล้มื้อเย็นแล้ว เช่นนั้นก็ไปที่เหลาอาหาร” เฟยเทียนว่าแล้วก็เดินนำไปเหลาอาหารชื่อดังในย่านนั้น

“เชิญขอรับนายท่าน เชิญขอรับ” เสี่ยวเอ้อ (พนักงาน) ของร้านเข้ามาต้อนรับลูกค้า

“ขอห้องรับรองใหญ่ให้นายของข้าด้วย”

“ได้ขอรับ” เสี่ยวเอ้อเดินนำไปยังห้องรับรอง เจียวซินที่กำลังจะเดินตาม ท่านอ๋องเข้าไปภายในห้องรับรองก็ชะงัก

“พวกเจ้าก็รีบตามมาเถิด” เจียวซินหันไปบอกกับข้ารับใช้ที่ตามมาปรนนิบัติ ได้ยินดังนั้นเฟยเทียนจึงหยุดและหันมามอง นี่นางลืมกระทั่งว่านายและบ่าวมิควรรับสำรับร่วมกันเลยหรือ

“ฮูหยินเจ้าคะ พวกบ่าวรออยู่หน้าห้องเพคะ”

“แล้วพวกเจ้าไม่ทานมื้อเย็นหรือ ไม่หิวกันหรือ” เจียวซินทำหน้าไม่เข้าใจ

“เอ่อ…คือ” หนิงเออร์อึกอัก เห็นดังนั้นเจียวซินจึงหันไปขอความเห็นจาก ท่านอ๋อง เฟยเทียนถึงกับถอนหายใจในความเอาอกเอาใจบ่าวไพร่ของเจียวซิน มิใช่ว่าเขาไม่เห็นว่าตลอดทางนางแบ่งของกินให้เสมอ คอยถามตลอดทางว่าถือของหนักหรือไม่

“ห้องด้านข้างว่างหรือไม่” เฟยเทียนสอบถามเสี่ยวเอ้อ

“ว่างขอรับ ให้ข้าน้อยจัดอีกห้องหรือไม่ขอรับ”

“อืม พวกเจ้าก็ไปทานกันเสียให้อิ่ม ฮูหยินข้าจะได้สบายใจเสียที”

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะนายท่าน ฮูหยิน”

“ขอบพระคุณขอรับนายท่าน ฮูหยิน”

จากนั้นจึงแยกย้ายกันไปทานมื้อเย็น ภายในห้องจึงมีเพียงเฟยเทียนและเจียวซินที่กำลังนั่งทานมื้อเย็นกันอยู่ ด้วยความที่เจียวซินเพลิดเพลินไปกับ การทานอาหาร จึงใช้ตะเกียบคีบอาหารจานที่อร่อยให้ท่านอ๋อง แต่เมื่อย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า มือที่ยื่นไปกลับชะงักค้าง แล้วรีบดึงกลับทันที

“ขออภัยเจ้าค่ะ”

“มิเป็นไร ข้าอยากทานจานนั้นเช่นกัน แต่คงคีบมิถึง” เฟยเทียนที่เห็น เจียวซินแสดงท่าทีอึดอัด นางคงนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาตำหนินาง เฟยเทียนมิอยากให้เสียบรรยากาศจึงเอ่ยเช่นนั้นออกไป

“เช่นนั้นให้ข้าคีบให้ดีหรือไม่เจ้าคะ” เจียวซินรีบเสนอความช่วยเหลือ อย่างน้อยท่านอ๋องเองก็คงรู้สึกผิดที่ตำหนินางแรงเช่นนั้นเหมือนกัน แม้จะไม่ได้กล่าวคำว่าขอโทษ แต่การที่ยอมตามใจนางวันนี้ก็ถือว่าขอโทษด้วยการกระทำ แล้วกัน

นอกจากจะเป็นเด็กเอาแต่ใจแล้ว ยังปากหนักด้วยหรือนี่

“ข้าผ่านการทดสอบหรือไม่เจ้าคะ”

“อืม จากที่เห็นเจ้าก็พูดสื่อสารได้คล่องแคล่วดี ถือว่าใช้ได้”

“ถ้าเช่นนั้น…”

“ข้าจะให้เจ้าเป็นล่ามในวันที่คณะราชทูตมาเยือน”

“ได้เจ้าค่ะ แล้ว…ข้าจะได้รางวัลหรือไม่เจ้าคะ”

“ได้ หากทำดีเสด็จพ่อจะทรงพระราชทานรางวัลให้เป็นแน่”

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”

“อย่างนั้นช่วงนี้เจ้าก็ไปอ่านตำราเกี่ยวกับการปฏิบัติตนต่อหน้าเชื้อพระวงศ์ ไว้บ้าง”

“ได้เจ้าค่ะ ข้าเองก็มิรู้วิธีปฏิบัติมากเช่นกัน”

“หาก…หากที่ตำหนักเจ้าไม่มีตำรา ก็มาใช้ห้องตำราที่ตำหนักข้าได้” เฟยเทียนเอ่ยปากบอก เขาไม่ได้อยากใกล้ชิดนางหรอกนะ เพียงแต่…เพียงแต่นางจำเป็นต้องศึกษาให้มากก็เท่านั่น

“ได้หรือเจ้าคะ เช่นนั้นท่านพี่ให้คนมาสอนการปฏิบัติตนด้วยได้หรือไม่ เจ้าคะ”

“อืม ได้ ข้าจะไปขอคนจากเสด็จแม่มาสอนให้” นี่เขามิได้ตามใจนางหรอกนะ ไม่ได้ตามใจเลยจริงๆ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   25. เจียวซินกับค่ายทหาร (4)

    ด้านเฟยเทียนเมื่อได้รับจดหมายข่าวจากรองแม่ทัพซีห่าวก็ยินดีที่ รองแม่ทัพซีห่าวได้รับชัยในสงครามกับพวกนอกด่านครานี้และจะเดินทางกลับมาวังหลวงในอีกหนึ่งหนาวข้างหน้า ด้วยเหตุที่ว่าต้องช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากสงครามก่อนจะนำทัพกลับมาเมืองหลวง แต่ยินดีได้ไม่นาน รองแม่ทัพซีห่าวก็ได้รายงานเรื่องที่น่าหนักใจไม่น้อย เนื่องจากหน่วยลาดตระเวนของรองแม่ทัพซีห่าวได้ไปพบการซ่องสุมกำลังหลายพันคนบริเวณชายแดนทางเหนือเยื้องไปทางตะวันออกกำลังจะเริ่มแล้วสินะ“ท่านอ๋อง หม่อมฉันเข้าไปได้หรือไม่เพคะ” เสียงเจียวซินทำให้เฟยเทียนหลุดจากภวังค์“อืม เข้ามาได้…พวกเจ้าออกไปให้หมด” เมื่อเจียวซินเข้ามาเฟยเทียนจึงสั่งให้ทหารและหนิงเออร์ออกไปรอด้านนอก“มีอันใดหรือเพคะ” เจียวซินที่กำลังงุนงงกับคำสั่งของเฟยเทียนเอ่ยถามขึ้น“พี่ชายเจ้าเขียนจดหมายมาถึงเจ้า หากอยากอ่านก็เดินอ้อมมาตรงนี้” เจียวซินที่อยากอ่านจดหมายจากพี่ชายเดินอ้อมไปหาท่านอ๋อง แต่ทว่านางต้องตกใจเมื่อท่านอ๋องรวบตัวนางให้นั่งลงบนตักแกร่งตึกตักๆ ตึกตักๆ“อ๊ะ ท่านอ๋อง…ทำอันใดเพคะ ปล่อยหม่อมฉันเถิดเพคะ”“ข้าก็จะให้เจ้าอ่านจดหมายของพี่ชายเจ้าอย่างไร นั่งเช

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   24. เจียวซินกับค่ายทหาร (3)

    “พอเท่านี้ก่อน เจ้าเตะต่อยได้ดีเช่นที่เคยโอ้อวดไว้จริงๆ” เฟยเทียนกล่าวหยุดการประลองในครานี้“เป็นเช่นนั้นเพคะ” เจียวซินยืดอกอย่างภูมิใจ ถือว่านางพอสู้คนได้ แม้จะเจ็บบ้างแต่ก็ไม่มากมายอันใด รอยฟกซ้ำเป็นเรื่องธรรมดาในตอนที่นางเรียนเทควันโดในโลกก่อน“แต่ท่วงท่าของเจ้าช่างประหลาดเหลือเกิน ไปเล่าเรียนจากที่ใดมาหรือ” คำถามของเฟยเทียนทำให้เหล่าทหารต่างพยักหน้าตาม พวกเขาเองก็อยากรู้เช่นกันเผื่อจะได้ไปเล่าเรียนดูบ้าง“เอ่อ เรียนจาก…จากตำราเพคะ มิได้มีผู้ใดสอนหม่อมฉันศึกษาด้วยตนเอง” เฟยเทียนยังไม่ทันได้เอ่ยถามต่อก็มีทหารคนหนึ่งเข้ามาเรียกเฟยเทียน“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ รองแม่ทัพซีห่าวส่งจดหมายมาพ่ะย่ะค่ะ”“ท่านพี่…” เจียวซินพึมพำขึ้น“เจ้าจะไปด้วยหรือไม่ ข้ากับห่าวซวนจะไปทำงานสักครู่” เฟยเทียนกล่าวถามเจียวซิน“หม่อมฉันขอเดินเล่นบริเวณนี้สักครู่นะเพคะ แล้วจะตามเข้าไป”“อืม ส่วนพี่ชายเจ้า หากเขาส่งจดหมายถึงเจ้าข้าจะนำมาให้” เฟยเทียนส่งสัญญาณให้องค์รักษ์เงาทั้งสามติดตามเจียวซินอย่างใกล้ชิด“ขอบพระทัยเพคะ” เมื่อเฟยเทียนเดินจากไป ก็มีทหารหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามา“พระชายา มิได้พบกันเสียนาน พระองค์สบายดีหร

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   23. เจียวซินกับค่ายทหาร (2)

    “อันใดของเจ้า” เฟยเทียนถึงกับงุนงง นางยื่นมือมาให้เขาทำไมกัน หรือนางอยากทักทายแบบชาวตะวันตก คิดเช่นนั้นเขาจึงยื่นมือไปจับมือนาง“มิใช่เพคะ…หนึ่งตำลึงเงินเพคะ” เจียวซินเอ่ยทวงขึ้นมาอีกครั้ง“หนึ่งตำลังเงิน ทำไมงั้นหรือ” เฟยเทียนที่ยังงุนงงก็ถามกลับ“ก็ค่าน้ำชากับขนมอย่างไรเพคะ นี่หม่อมฉันนำมาให้ตั้งสองชุด อีกอย่างนะ เพคะ…ขนมนี้หม่อมฉันเข้าครัวเองเลยนะ ดูนี่ อันที่บิดๆ เบี้ยวๆ นี่หล่ะที่หม่อมฉันทำ หนึ่งตำลึงเงินถือว่าลดราคาแล้วเพคะ” เจียวซินอธิบายร่ายยาวเป็นแถบ“ห๊า!! ค่าขนมกับน้ำชา ทั้งที่เงินซื้อวัตถุดิบต่างๆ เป็นเงินข้า ข้ายังต้องจ่ายให้เจ้าอีกหรือ”“ก็ค่าทำ ค่าขนส่งอย่างไรเพคะ…พูดเช่นนี้ท่านจะกินแล้วไม่จ่ายหรือ” เจียวซินลุกขึ้นเท้าสะเอวจ้องท่านอ๋องตาเขม็ง ราวกับยักษ์ที่กำลังเกรี้ยวโกรธ“เห้อออ…จ่ายๆ นี่หนึ่งตำลึงเงินของเจ้า” เฟยเทียนถึงกับถอนหายใจ“ขอบพระทัยเพคะ ท่านอ๋องมีสิ่งใดเรียกใช้หม่อมฉันได้นะเพคะ คิดเพียงงานละหนึ่งตำลึงเงินเท่านั้น ท่านขันทีกับท่านห่าวซวนก็ด้วยเรียกใช้ข้าได้ๆ” เมื่อได้เงินก็ยิ้มแย้มราวกับร่างยักษ์เมื่อครู่มิได้มีอยู่จริง“เป็นถึงชายาเอกของข้าเจ้าจะให้ผู้อื่นเ

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   22. เจียวซินกับค่ายทหาร (1)

    “พวกเจ้าดูดีๆ ว่าครบแล้วหรือยัง” เจียวซินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยืนอยู่หน้าตำหนักมองข้ารับใช้ขนหีบของรางวัลที่ได้รับจากองค์ฮ่องเต้มาไว้ที่ตำหนัก“ครบถ้วนแล้วพ่ะย่ะค่ะพระชายา”“ขอบใจพวกเจ้าทุกคนมาก ขนมนี้ก็นำกลับไปกินกันเถิด” เจียวชินให้ หนิงเออร์จัดเตรียมขนมของว่างเอาไว้แล้ว“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะพระชายา” ข้ารับใช้ต่างรับขนมกลับไปด้วยความดีใจ ตั้งแต่พระชายาตกน้ำตกท่าครานั้นก็ใจดีขึ้นมาก“หนิงเออร์ เจ้าว่าหยกพวกนี้จะขายได้สักเท่าใด”“ได้หลายตำลึงทองเพคะ แต่ของพระราชทานเช่นนี้พระชายาจะขายมิได้นะเพคะ” หนิงเออร์พูดดักทันที“เหตุใดจึงขายมิได้”“พวกเชื้อพระวงศ์และขุนนางเขาต่างเก็บไว้เป็นเกียรติ ไว้ประดับบารมีเพคะ”“โง่เง่าเสียจริง จะเอาเกียรติเอาบารมีไปเพื่อสิ่งใด สู้ขายแล้วนำเงินมาใช้จ่าย มิดีกว่าหรือ” เจียวซินขัดเคืองกับความคิดเช่นนี้อย่างมาก มัวแต่กอดบารมีเอาไว้จะอดตายเอาได้“แล้วเดือนนี้ท่านอ๋องจะจ่ายเบี้ยหวัดเมื่อใดหรือ” ปากถามไปพลาง มือก็หยิบสำรวจของรางวัลที่ได้ว่าครบหรือไม่ หากไม่ครบจะได้ไปแจ้งท่านอ๋อง ให้ท่านอ๋องไปทวงจากฮ่องเต้ให้“เอ่อ…หม่อมฉันลืมบอกไปเพคะ”“ว่า…?” เจียวซินละสายตาจากหีบขึ้นม

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   21. เจียวซินกับคณะราชทูต (4)

    เมื่อเข้ามาในตำหนักก็พบเข้ากับฮองเฮา รัชทายาท และองค์หญิงเฟยเฟิ่งรออยู่แล้ว เห็นดังนั้นเจียวซินจึงวางองค์ชายลงเพื่อที่จะกล่าวถวายพระพรต่อฮองเฮา รัชทายาทและองค์หญิงองค์ชาย“มิต้องมากพิธี ขึ้นมานั่งเถิด”“ขอบพระทัยเพคะ” เมื่อเจียวซินขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ก็มีร่างเล็กพยายามปีนขึ้นมานั่งบนตัก เจียวซินจึงอุ้มองค์ชายน้อยขึ้นมาบนตัก“หนิงหลงเจ้าจะรบกวนพระชายาเกินไปแล้ว” องค์หญิงเฟยเฟิ่งที่ยังมิพ้นวัยปักปิ่นกล่าวเตือนน้องชาย“เจียวซินอุ้มน้องท้างวัน ท้างวันเลย”“ได้ยินว่าตกน้ำตกท่าจนวิปลาส หายดีแล้วหรือ” ฮองเฮาหลี่กล่าวถามเจียวซินป๊าป! เข้าให้ หน้าชาไปครึ่งหน้าแล้วกระมัง“หายดีแล้วเพคะ มีเพียงความจำที่หดหายไปเพคะ”“หากความจำเจ้าหดหายไปแล้วเป็นผู้เป็นคนส่งเสริมสวามีเช่นนี้ ก็ภาวนะ อย่าให้ความจำมันกลับมาเลย”ป๊าป! ชาทั้งหน้าแล้วหล่ะตอนนี้“แหะๆ เพคะ หม่อมฉันก็คิดเห็นดังนั้นเพคะ” เจียวซินยิ้มแห้งๆ ส่งไปให้“จริงสิ รู้ตัวผู้บงการเหตุลอบทำร้ายพวกเจ้าหรือยังน้องสาม” องค์รัชทายาทเฟยฉีกล่าวเปลี่ยนเรื่องทันทีมิให้บรรยากาศอึมครึมไปมากกว่านี้“หากจะคุยเรื่องนี้ก็เข้าไปคุยในที่ห้องทำงาน กำแพงกั้นยังมีหู* อ

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   20. เจียวซินกับคณะราชทูต (3)

    “ขอคำนับราชทูตทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่แคว้นเฉินของเรา ตัวข้ามีนามว่า จางเจียวซิน จะเป็นผู้แปลสารของท่านให้องค์ฮ่องเต้ได้รับรู้เจ้าค่ะ”“ยินดีที่ได้รู้จักแม่นางเจียวซิน” หนึ่งในราชทูตกล่าวขึ้นพร้อมกับยื่นมือมาให้เจียวซินจับเป็นการทักทาย“ขออภัยท่านราชทูต ตัวข้าเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว ตามธรรมเนียมของแคว้นเฉินตัวข้าจึงมิอาจจับมือทักทายกับท่านได้ หากท่านมิรังเกียจจับมือทักทายกับสามีของข้าแทนได้หรือไม่เจ้าคะ” เจียวซินพูดด้วยท่าทีนอบน้อม เพราะเกรงจะทำให้ราชทูตมิพอใจ แต่ทว่าราชทูตหนุ่มผู้นั้นกับหัวเราะเบาๆ“ข้ามิรังเกียจ อยากรู้จักชายโชคดีผู้นั้นเช่นกัน”“ท่านอ๋องสามเพคะ” เจียวซินเอ่ยเรียกเฟยเทียน“ท่านราชทูต นี่เป็นท่านอ๋องสามเฉินเฟยเทียนโอรสขององค์ฮ่องเต้ของแคว้นเฉินเจ้าค่ะ” ราชทูตจับมือทักทายเฟยเทียน ซึ่งเฟยเทียนมิได้ตื่นตระหนกกับธรรมเนียมเช่นนี้ เพราะเคยอ่านผ่านตำรามาบ้าง ทั้งเจียวซินยังสอนวิธีการทักทายเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง“กราบทูลฝ่าบาท เมื่อสักครู่เป็นธรรมเนียมการทักทายโดยการสัมผัสที่มือ เพคะ”“เช่นนั้นหรือ ชายจับชาย หญิงจับหญิงหรือ”“แท้จริงแล้วชายจับมือทักทายกับหญิงได้ถือเป็นปกติเพ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status