หน้าหลัก / รักโบราณ / เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว / 13. เจียวซินกับวิธีสร้างชื่อเสียง (2)

แชร์

13. เจียวซินกับวิธีสร้างชื่อเสียง (2)

ผู้เขียน: หมอนบนโซฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-24 23:07:51

.

.

“ท่านอ๋องและพระชายาจะออกไปนอกจวน เจ้ารีบนำความไปบอกท่านพ่อเสีย อย่าให้ถูกจับได้” หญิงสาวรับคำสั่งจากผู้เป็นนายแล้วจึงเร่งรีบออกไปส่งข่าว

.

.

ด้านเฟยเทียนและเจียวซินที่กำลังนั่งรถม้าไปยังตลาดเทียบท่า ระยะทางค่อนข้างไกลต้องใช้เวลาเดินทางเกือบครึ่งชั่วยาม เจียวซินที่ได้ออกนอกจวนครั้งแรกถึงกับยิ้มไม่หุบ เปิดม่านดูบรรยากาศรายทาง ปากก็เอ่ยถามสิ่งที่แปลกตากับท่านอ๋อง จนลืมไปเสียสนิทว่าตนเองต้องอย่าล้ำเส้นท่านอ๋อง ส่วนเฟยเทียนก็ทำหน้าที่ตอบคำถามของชายาตน ภายในหัวก็คุ้นคิดว่าเจียวซินนั้นจะแกล้งเป็น จำมิได้หรือไม่ แต่คำตอบที่เขาได้คือ ดูอย่างไรนางก็ไม่มีท่าทีแกล้งหรือหลอกลวงใดๆ เขาเชื่อไปแปดในสิบส่วนแล้วว่านางจำสิ่งใดมิได้เลย

“ท่านอ๋องคิดว่าหม่อมฉันจะเปิดสำนักศึกษาสำหรับชาวบ้านดีหรือไม่” เจียวซินเอ่ยถามขณะมองชาวบ้านตามท้องถนน

“หากจะทำต้องมีเงินทองมากพอ เพราะชาวบ้านคงมิมีเงินทองสำหรับมา ใช้จ่ายค่าเล่าเรียน”

“จริงของท่าน เช่นนั้นหม่อมฉันจะสอนลูกขุนนางและเชื้อพระวงศ์ไปด้วย สอนชาวบ้านไปด้วยดีหรือไม่เพคะ”

“เหตุใดต้องไปสอนลูกขุนนางด้วยเล่า” เฟยเทียนเอ่ยถามเสียงนุ่ม เมื่อไหร่มิรู้ที่เขาหลงไหลไปกับแววตาและสีหน้าที่มุ่งมั่นนี้

“ก็…หากพ้นสองหนาวไปเราคงหย่าขาดจากกันแล้ว ระหว่างนั้นหม่อมฉันมีเรื่องให้ใช้จ่ายมากมาย คงต้องนำเงินจากการสอนลูกขุนนางมาใช้จ่ายอย่างไรเพคะ” เฟยเทียนได้ยินคำตอบถึงกับสะอึก นี่นางคิดจะหย่าขาดจากเขาจริงงั้นหรือ ตัวเฟยเทียนมิคิดจะหย่าขาดกับนางตั้งแต่แรก เพราะอย่างไรนางก็เป็นบุตรของ ผู้ที่เป็นทั้งอาจารย์และผู้ช่วยชีวิตเขา แต่ที่ต้องกล่าวว่าจะหย่าขาดกับนางก็เพราะอยากรู้ว่าผู้ใดบ้างที่คิดจะใช้ประโยชน์จากจางเจียวซิน เหล่าทหารของอดีตแม่ทัพจางจงรักพักดีเป็นอย่างมาก ย่อมปกป้องและอยู่ฝ่ายเดียวกับเจียวซินแน่ อักทั้งพี่ชายของเจียวซินเป็นถึงรองแม่ทัพ ทหารในสังกัดมีมากมายหลายหมื่น หากผู้ใดได้เจียวซินไปอยู่เคียงข้างย่อมเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่า แต่หลังจากเหตุการณ์ที่ เจียวซินจมน้ำ เฟยเทียนก็คิดจะล้มเลิกแผนการนี้อยู่แล้ว หากนางโดดน้ำฆ่า ตัวตายเพราะเรื่องหย่าจริง ย่อมเป็นความผิดของเขา อีกอย่างหากใช้แผนการนี้ต่อไปนางต้องเป็นอันตรายมากกว่านี้แน่

“อืม แต่หากเจ้าไม่หย่า ข้าก็ไม่ว่าอันใด” เฟยเทียนเอ่ยขึ้นเสียงเบาๆ

“หย่าเพคะ หม่อมฉันจะหย่าให้ เพียงแต่ขอเวลาให้หม่อมฉันเก็บเงินเก็บทองก่อนเพคะ หากออกไปแต่ตัวเช่นนี้ หม่อมฉันได้อดตายแน่” เจียวซินทำท่ามุ่งมั่น ที่จะหาเงินทองให้ได้มากๆ ตลอดทางทั้งสองมิได้คุยสิ่งใดกันอีกจนรถม้าหยุด

“ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” เสียงของห่าวซวนลอดเข้ามาในรถม้า ท่านอ๋องก้าวขาลงจารถม้าแล้วจึงหันมายื่นแขนให้เจียวซินใช้เป็นที่เกาะ เจียวซินแอบลอบยิ้มให้กับการกระทำของร่างสูง ก็เป็นคนใช้ได้นี่น่า

“ขอบพระทัยเพคะ”

“ข้าจะพาเจ้าไปร้านของชาวตะวันตก ลองเจรจาซื้อสินค้าดู”

“ได้เพคะ หม่อมฉันจะทำให้เต็มที่เพคะ” การเดินทางมาครั้งนี้เฟยเทียนมิได้จัดขบวนเดินทางเอิกเกริก มีเพียงองค์รักษ์ห่าวซวนและทหารเพียงแปดนาย เจียวซินก็พาคนสนิทมาและนางกำนัลอีกเพียงสองคนเท่านั้น

“เรามาเดินตลาดไม่ต้องใช้ราชาศัพท์ ข้ามิอยากให้เราเป็นจุดเด่นมากเกินไป”

“ได้เพ- ได้เจ้าค่ะ” เจียวซินรับคำแล้วจึงเดินไปยังร้านที่เขียนติดป้ายว่า “เครื่องหอม”

“สนใจอันใดหรือเจ้าคะ” สำเนียงแปล่งๆ ของหญิงสาวเจ้าของร้านกล่าวถามขึ้น

“Hi!…This is perfume. Right?”

(สวัสดี สิ่งนี้คือน้ำหอมใช่หรือไม่)

เจียวซินทักทายและสอบถามเป็นภาษาอังกฤษ ทำเอาหญิงสาวถึงกับตกใจ (หลังจากนี้จะใช้ภาษาไทยแทน)

“ท่านพูดภาษาข้าได้ด้วยหรือเจ้าคะ”

“ข้าพอพูดคุยสื่อสารได้บ้าง แล้วนี่คือน้ำหอมใช่หรือไม่” เจียวซินถามย้ำเนื่องจากนางไม่คุ้นเคยกับภาชนะใส่น้ำหอมของสมัยนี้ จึงถามเพื่อความแน่ใจ

“ใช่เจ้าค่ะ ส่วนมากเป็นกลิ่นดอกไม้เจ้าค่ะ ท่านอยากลองดมกลิ่นดูหรือไม่” หญิงสาวหยิบยื่นเครื่องหอมกลิ่นต่างๆ ให้ เจียวซินลองดมอยู่หลายกลิ่นแต่ก็ยังตัดสินใจเลือกซื้ออันใดมิได้

“หนิงเออร์ เจ้ามาช่วยข้าเลือกทีเถิด พวกเจ้าทั้งสองด้วย” เจียวซินหันไปเรียกหนิงเออร์และนางกำนัลที่ยืนด้านหลังท่านอ๋อง

“เจ้าค่ะ” หนิงเออร์และนางกำนัลทั้งสองกล้าๆ กลัวๆ เพราะมิเคยเห็นชาวตะวันตกที่มีรูปร่างสูงใหญ่มาก่อน

“พวกเจ้าว่ากลิ่นใดหอมกว่ากัน” เจียวซินยื่นข้อมือที่แตะน้ำหอมกลิ่นต่างๆ ให้พวกนางได้ลองดม

“บ่าวว่าหอมทุกกลิ่นเจ้าค่ะ โดยเฉพาะสองกลิ่นนี้” หนิงเออร์ นางกำนัล รวมถึงตัวเจียวซินเห็นไปในทางเดียวกันว่า กลิ่นเหมยกุ้ย (ดอกกุหลาบ) และ กลิ่นโม่ลี่ (ดอกมะลิ) หอมมาก แล้วนางจะเลือกกลิ่นใดดี ยืนคิดได้ไม่นาน เจ้าของร้านจึงกระซิบบอกเป็นภาษาอังกฤษ

“เหตุใดท่านไม่ให้สามีท่านช่วยเลือกดูเล่า” เจ้าของร้านว่าแล้วก็ส่งยิ้มเขินมาให้เจียวซิน

“ท่าน…ท่านพี่” เจียวซินพูดตะกุกตะกักเพราะไม่รู้ว่านางจะใช้คำเรียกท่านอ๋องว่าอย่างไรดี

ท่านพี่ งั้นหรือ ท่านอ๋องจะอนุญาตให้นางเรียกเช่นนั้นได้หรือ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   14. เจียวซินกับวิธีสร้างชื่อเสียง (3)

    “เรียกข้างั้นหรือ…”“จะ..เจ้าค่ะ ช่วยข้าเลือกกลิ่นเครื่องหอมได้หรือไม่เจ้าคะ” เฟยเทียนเดินเข้าใกล้เจียวซิน แล้วฉวยเอาข้อมือของเจียวซินขึ้นมา“ตรงนี้ใช่หรือไม่”“เจ้าค่ะ” สิ้นเสียงของเจียวซิน เฟยเทียนก้มหน้าลงจนปลายจมูกโด่งแตะลงบนข้อมือของเจียวซิน“อ๊ะ…” เหตุใด!! เหตุใดท่านอ๋องต้องเองจมูกแตะลงไปเช่นนั้นด้วยเล่า เจียวซินใจเต้นกับการกระทำนี้ไม่น้อย ตั้งแต่ที่นางมาอยู่โลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องแสดงท่าทีใกล้ชิดกับนางเฉกเช่นสามีภรรยาคู่อื่น เมื่อนึกถึงจุดนี้ก็ทำเอาเจียวซินหน้าขึ้นสีระเรื่อ“อีกกลิ่นเล่า อยู่ตรงที่ใด” เฟยเทียนเอ่ยถาม มิใช่ว่าเขาไม่เห็นท่าทีขัดเขิน แต่เลือกที่จะปล่อยผ่าน มิอยากทำให้นางต้องอึดอัด เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาแตะเนื้อต้องตัวนางตั้งแต่ที่นางแต่งเข้ามา แต่ครั้งนี้…เขาแค่อยากรู้ อยากรู้ว่ากลิ่นเหล่านั้นจะหอมเพียงใด เมื่ออยู่บนตัวนาง“อยู่หลังมือ ข้างนี้เจ้าค่ะ” เจียวซินยื่นมืออีกข้างให้ท่านอ๋องลองดมกลิ่น เฟยเทียนแตะจมูกลงไปบนหลังมือเจียวซินอีกครั้งหอม หอมมากทั้งสองกลิ่น ไม่ว่ากลิ่นใดก็หอม“เอากลิ่นใดดีเจ้าคะ” เจียวซินเอ่ยถามออกไป แม้จะขัดเขินต่อการกระทำที่ไม่

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   13. เจียวซินกับวิธีสร้างชื่อเสียง (2)

    ..“ท่านอ๋องและพระชายาจะออกไปนอกจวน เจ้ารีบนำความไปบอกท่านพ่อเสีย อย่าให้ถูกจับได้” หญิงสาวรับคำสั่งจากผู้เป็นนายแล้วจึงเร่งรีบออกไปส่งข่าว..ด้านเฟยเทียนและเจียวซินที่กำลังนั่งรถม้าไปยังตลาดเทียบท่า ระยะทางค่อนข้างไกลต้องใช้เวลาเดินทางเกือบครึ่งชั่วยาม เจียวซินที่ได้ออกนอกจวนครั้งแรกถึงกับยิ้มไม่หุบ เปิดม่านดูบรรยากาศรายทาง ปากก็เอ่ยถามสิ่งที่แปลกตากับท่านอ๋อง จนลืมไปเสียสนิทว่าตนเองต้องอย่าล้ำเส้นท่านอ๋อง ส่วนเฟยเทียนก็ทำหน้าที่ตอบคำถามของชายาตน ภายในหัวก็คุ้นคิดว่าเจียวซินนั้นจะแกล้งเป็น จำมิได้หรือไม่ แต่คำตอบที่เขาได้คือ ดูอย่างไรนางก็ไม่มีท่าทีแกล้งหรือหลอกลวงใดๆ เขาเชื่อไปแปดในสิบส่วนแล้วว่านางจำสิ่งใดมิได้เลย“ท่านอ๋องคิดว่าหม่อมฉันจะเปิดสำนักศึกษาสำหรับชาวบ้านดีหรือไม่” เจียวซินเอ่ยถามขณะมองชาวบ้านตามท้องถนน“หากจะทำต้องมีเงินทองมากพอ เพราะชาวบ้านคงมิมีเงินทองสำหรับมา ใช้จ่ายค่าเล่าเรียน”“จริงของท่าน เช่นนั้นหม่อมฉันจะสอนลูกขุนนางและเชื้อพระวงศ์ไปด้วย สอนชาวบ้านไปด้วยดีหรือไม่เพคะ”“เหตุใดต้องไปสอนลูกขุนนางด้วยเล่า” เฟยเทียนเอ่ยถามเสียงนุ่ม เมื่อไหร่มิรู้ที่เขาหลงไหลไปกับ

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   12. เจียวซินกับวิธีสร้างชื่อเสียง (1)

    เจียวซินที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเลือกตำรา ก็เดินไปเรื่อยๆ อย่างแรก นางต้องรู้ก่อนว่าโลกที่นางอยู่ตอนนี้เป็นอย่างไร ต้องหาหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือสังคม“กฎหมาย การรบ จารีต … แล้วประวัติศาสตร์อยู่ไหนกันล่ะ” เจียวซินเดินหาเท่าไหร่ก็มิเจอ หรือนางควรไปถามท่านอ๋องดี แต่ก็กลัวโดนท่านอ๋องตำหนิ อีกอย่างนางรู้สึกหมั่นไส้ เบื่อหน่าย รำคาญท่านอ๋องอย่างไรก็ไม่รู้เอ่อ ยอมรับก็ได้ว่างอน จริงๆ ก็ไม่ถึงกับงอนแต่แค่รู้สึกผิดหวัง รู้สึกเสียใจนิดๆ โมโหหน่อยๆ ก็เท่านั้น“ชิ หาเองดีกว่า ไม่ง้อหรอก”“เจ้าหาตำราใดอยู่งั้นหรือ” เฟยเทียนที่เข้ามาเงียบๆ เอ่ยถามขึ้น“เห้ย!! ท่านทำข้าตกใจ” เจียวซินยกมือขึ้นลูบหน้าอกตนเองเบา“ตกใจอันใดของเจ้า แล้วเจ้าหาตำราอันใดอยู่…ข้าจะช่วยหา” ประโยคสุดท้ายเฟยเทียนพูดเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน อีกทั้งยังแสดงอาการเก้งๆ กังๆ เหมือนมิค่อยแน่ใจในสิ่งที่ทำอยู่ด้านเจียวซินที่อยูใกล้ได้เห็นท่าทีและได้ยินทุกคำพูดของท่านอ๋อง จึงแอบลอบยิ้มทันทีหึ มาง้อข้าสินะ จะยอมพูดด้วยสักหน่อยก็ได้“จะช่วยหม่อมฉันหาหรือเพคะ”“หืม…ใช่ บอกมาว่าอยากได้ตำราอันใด” เฟยเทียนที่เริ่มขัดเขินกับการกระทำของตน

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   11. เจียวซินกับมิมีผู้ใดดีต่อกัน (3)

    “ท่านเป็นเด็กหรือไร ถึงได้เขี่ยผักทิ้งเช่นนั้น” เจียวซินเอ่ยขึ้นเมื่อสังเกตเห็นเฟยเทียนเขี่ยผักที่ติดอาหารออก ทั้งยังคีบเมนูผักให้เฟยเทียนอีกด้วย“นี่เจ้ากล้า-” เฟยเทียนกัดฟันกรอด กล้าดีอย่างไรมาว่าให้เขาเป็นเด็ก แม้แต่องค์ฮ่องเต้ยังเอ่ยชมเขาอยู่หลายหนว่ามีความคิดเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่เขาอายุเพียงสิบห้าหนาว แต่นี่เขาอายุได้ยี่สิบห้าหนาวแล้ว นางยังกล้ากล่าวว่าเขาเป็นเด็ก ช่างกล้า ช่างกล้านัก!“ทานเสีย ผักมีประโยชน์ท่านมิรู้หรือ ถึงไม่ชอบก็ต้องทานนะเพคะ” เจียวซินวางผักที่คีบลงบนข้าวของท่านอ๋องด้วยความหวังดี“เจ้ามิต้องมาสอดเรื่องของข้า ทานของเจ้าไป!!” ด้วยกลัวจะเสียหน้าต่อหน้าขันทีและนางกำนัลที่เฝ้าอยู่ในห้อง เฟยเทียนจึงเขี่ยอาหารที่เจียวซินคีบให้ทิ้งและกล่าวตำหนิเจียวซินด้วยเสียงดุจนเจียวซินชะงักนางเพียงหวังดีเหตุใดจึงว่ากล่าวกันด้วยถ้อยคำเช่นนี้ หากไม่กินก็เพียงแค่บอกกล่าวกันเท่านั้น มันยากนักหรือ“เพคะ! หม่อมฉันจะมิสอดเรื่องของท่านอีก” เจียวซินไม่เข้าใจท่านอ๋อง แม้แต่น้อย แต่ก็ทำสิ่งใดไม่ได้ ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนนางอยู่ในห้องประชุมของโรงเรียนในโลกเก่า ไม่พอใจ ไม่เข้าใจ แต่ก็ทำอันใดไม

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   10. เจียวซินกับมิมีผู้ใดดีต่อกัน (2)

    “งั้นเราไปเตรียมเครื่องเสวยเถิด วันนี้ข้าจะไปรับสำรับเช้ากับท่านอ๋อง” ว่าแล้วเจียวซินก็เดินตรงไปที่โรงครัวทันทีด้านเฟยเทียนกำลังนั่งฟังรายงานขององค์รักษ์เงาที่ส่งไปติดตาม เจียวซิน“พระชายามิได้ออกไปที่ใด ไม่ได้พบเจอผู้ใดเลยพ่ะย่ะค่ะ ส่วนมากจะนั่งเล่นที่ศาลาริมสระหรือไม่ก็ศาลาในสวนพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วท่าทีของนางเป็นอย่างไร”“พระชายาดูเหมือนมิรู้สิ่งใดจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ พระชายามักสอบถามเรื่องต่างๆ จากหนิงเออร์ แม้แต่เรื่องการปฏิบัติตนยังถูกหนิงเออร์กล่าวเตือนอยู่หลายครั้ง พ่ะย่ะค่ะ”“อืม ติดตามดูต่อไป หากมีอันใดเร่งด่วนมาแจ้งข้าได้ทันที แล้วตอนนี้ใครดูแลนางอยู่”“เป็นหงฮวาและไป่ฮวาพ่ะย่ะค่ะ” องค์รักษ์เงากล่าวชื่อลับของเพื่อนทั้งสองด้วยความขัดเขิน“อ่าาา งั้นเจ้าคงเป็นหวงฮวาสินะ ฮึๆ” เฟยเทียนนึกไปถึงยามที่เขานำองค์รักษ์เงาทั้งสามคนไปพบเจียวซิน“พวกท่านมีชื่อหรือไม่”“พวกกระหม่อมถูกเรียกขานว่า อี เอ้อ และซาน พ่ะย่ะค่ะ”“อีกแล้วหรือ องค์รักษ์เงาของคนอื่นๆ ก็ถูกเรียกว่า อี เอ้อ ซาน มันซ้ำกับผู้อื่น หม่อมฉันขอเปลี่ยนชื่อพวกเขาใหม่ได้หรือไม่เพคะท่านอ๋อง” เจียวซินอยากเปลี่ยนชื่อองค์รักษ์เงาของ (สวาม

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   9. เจียวซินกับมิมีผู้ใดดีต่อกัน (1)

    “หนิงเออร์ เหตุใดพวกนางต้องมาคารวะข้าแต่เช้าเช่นนี้ด้วย” เช้าวันนี้ เจียวซินถูกปลุกขึ้นมาแต่งกาย ผัดหน้าแต่เช้า เพื่อมานั่งรอบรรดาเมียๆ ของสวามี ตั้งแต่นางเข้ามาอยู่ในโลกนี้เกือบสิบวัน วันนี้เป็นวันที่เขาหงุดหงิดเป็นที่สุด สิบวันที่ผ่านมานางไม่ได้ทำอะไรเลย จะหยิบจับอันใดก็มีคนทำให้ทุกอย่างจน น่าเบื่อหน่าย ท่านอ๋องที่เคยบอกว่าจะพาไปค่ายทหารก็ผัดผ่อนมาเรื่อยๆ มีเพียงนำองค์รักษ์เงาสามคนที่จะให้ติดตามนางมาแนะนำให้รู้จักเท่านั้น นอกนั้นก็แทบจะมิได้เจอหน้ากัน แล้ววันนี้ยังจะต้องตื่นเช้ามารอรับการคำนับจากชายารองและอนุของสวามีอีก น่าเบื่อหน่ายเกินไปแล้ว คิดถึงเด็กนักเรียนของนางเสียจริง ตอนทำงานเป็นครู มิมีวันใดเลยที่ไม่ตื่นเต้นเพราะในแต่ละวันก็จะเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันแตกต่างกันไป“เป็นเวลานี้ปกติอยู่แล้วเพคะ ก่อนหน้านี้พระชายาประชวรจึงละเว้นการคำนับไปในช่วงนั้นเพคะ”“เอาเถิดๆ แล้วเมื่อไหร่พวกนางจะมา” พูดได้ไม่ทันขาดคำ เสียงของนางกำนัลหน้าห้องก็ดังขึ้น“ทูลพระชายา พระชายารองและอนุทั้งสามขอเข้าเฝ้าเพคะ”“ให้พวกนางเข้ามา”“คำนับพระชายาเอกเพคะ” ทั้งสี่คนกล่าวพร้อมกัน“อย่าได้มากพิธี พวกเจ้านั่ง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status