นับจากวันที่จางหลินจูได้พบกับซวี่ฟางจิ้นครั้งก่อน เวลาก็ล่วงเลยมาเป็นเดือน จางหลินจูไม่ได้พบหน้าเขาอีกเลย ความเป็นอยู่ของจางหลินจูยามนี้จะเรียกว่าดีก็ดี จะเอ่ยว่าแย่ก็ได้
ครุ่นคิดพักใหญ่ขณะที่รดน้ำต้นเหมยกุ้ยฮวาอยู่ เรื่องแย่ ๆ ก็โผล่เข้ามาให้ต้องหัวเสียแต่เช้าจนได้
“นังลูกเศรษฐีตกอับ วันนี้ท่านแม่อยากกินเมนูไข่จากเจ้า อ้อ...แล้วต้องไปเก็บไข่เองจากเล้าด้วยเล่า”
จางหลินจูถอนหายใจ สองแม่ลูกนี่อย่างไร มักรังแกข่มเหงใช้งานนางขณะที่จางหมิ่นออกไปราชการอยู่เรื่อย
“พี่หญิง บ่าวรับใช้เต็มเรือน ไยท่านต้องถ่อมาให้ข้าทำโน่นนี่อยู่เรื่อย”
จางจางอิงกระทืบเท้าเร้า ๆ มือเรียวชี้หน้า “นังเด็กเหลือขอ เจ้าคิดจะมาอยู่ฟรีกินฟรีหรือไง มีที่คุ้มกะลาหัวให้เจ้าก็ดีอยู่แล้ว หัดทำงานทำการเสียบ้าง”
จางหลินจูถอนหายใจ นางไม่ใช่นางเอกที่ถูกต่อว่าคำเดิมซ้ำ ๆ ก็ยังมีน้ำอดน้ำทน วันนี้ความอดกลั้นที่มีได้ขาดสะบั้นลงแล้ว “ประสาทหรือไง ข้าน่ะหรือไม่ทำงานทำการ ข้ามิได้นั่งงอมืองอเท้าผัดหน้าขาวเช่นใครบางคนเสียหน่อย พี่หญิง...ข้าว่าท่านน่าจะส่องคันฉ่องบ่อยนะเจ้าคะ บางทีท่านอาจลองพู
ซวี่ฟางจิ้นย่างกรายเข้าไปด้านในงาน นัยน์ตาคมกริบกวาดมองโดยรอบ ทว่าเขาก็ยังไม่พบสตรีที่ตามหา“ซื่อจื่อ” ท่านหญิงรั่วซียอบกายลง ส่วนสาวใช้ข้างกายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นว่าซวี่ฟางจิ้นมุ่งตรงเข้ามาหานายตนเอง ดูเหมือนซื่อจื่อก็มีใจให้ท่านหญิงเช่นเดียวกัน“เจ้า…” ซวี่ฟางจิ้นอึกอักครู่หนึ่ง ท่านหญิงรั่วซีเลิกคิ้วน้อย ๆ เพราะลุ้นตามอาการที่นิ่งงันไปดื้อ ๆ ของอีกฝ่าย ไม่นานเสียงทุ้มก็เอ่ยต่อ “เจ้าอยู่ผู้เดียวหรือ”ท่านหญิงรั่วซีหันซ้ายหันขวา ครั้นเห็นสาวใช้ข้างกายส่งยิ้มแฉ่งขนาบข้างก็บังเกิดความฉงนซื่อจื่อไม่เห็นหรือว่าข้าอยู่กับอาอวี่“ข้าก็อยู่…”“หากซื่อจื่อมีธุระกับท่านหญิง เช่นนั้นบ่าวขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” อาอวี่ตัดบท พร้อมตั้งท่าถอยห่าง“ไม่ต้อง ไม่มีอะไร เจ้าก็อยู่นี่ล่ะ”ซวี่ฟางจิ้นผละจากไปแล้ว ทิ้งให้สองนายบ่าวยืนงงงัน ซวี่ฟางจิ้นทราบมาว่าจางหลินจูสนิทกับท่านหญิงรั่วซี เขาจึงคิดว่าทั้งสองอาจอยู่ด้วยกัน แต่ดูเหมือนเขากำลังคิดผิดกระทั่งทุกคนประจำที่นั่งของตน นางระบำจึงเริ่มการแสดง โต๊ะขนาบข้างด้าน
หลังจากร้านฮวาลี่จูถูกป่วน กิจการก็กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ครั้นกลับมาถึงเรือนจางหลินจูก็ถูกจางหมิ่นเรียกหา วันนี้นางจึงจำใจต้องนั่งทานข้าวพร้อมหน้าสองแม่ลูกที่เอาแต่มองเหยียดหยัน ทั้งที่ใบหน้ากระจ่างใสนั่นล้วนได้มาจากเครื่องประทินโฉมของจางหลินจูทั้งสิ้น เงินสักอีแปะไม่ยื่นให้สักเสี้ยว ยังมีหน้าเชิดคอตั้งตรงไม่อายฟ้าดินพวกไม่รู้คุณคน “จูเอ๋อร์ ลุงรู้มาว่ากิจการของเจ้ากำลังไปได้ดีใช่หรือไม่” จางหมิ่นเอ่ยถาม“เจ้าค่ะท่านลุง ผู้คนเริ่มรู้จักร้านฮวาลี่จูมากขึ้นแล้ว อีกอย่างที่ร้านมีชื่อเสียงได้เช่นนี้คงต้องขอบคุณท่านหญิงรั่วซีเจ้าค่ะ”จางหมิ่นเลิกคิ้ว “เจ้าไปรู้จักท่านหญิงตั้งแต่เมื่อใด”“ก็ไม่นานเจ้าค่ะ ท่านหญิงคือลูกค้ารายแรกของข้า” จางหลินจูยิ้มตอบจางจางอิงเบ้ปาก นางไม่ชอบท่านหญิงรั่วซีสักนิด เพราะจางจางอิงชมชอบซวี่ซื่อจื่อมาก และนางทราบมาว่าท่านหญิงรั่วซีคือคู่หมั้นของเขา“ท่านหญิงนั่นมีดีอย่างไร ก็แค่พวกนั่งผัดหน้าขาวไปวัน ๆ เหล่าสตรียิ่งเพ้อพกกันไปใหญ่ นางใช้อะไรทำอะไรก็ตามก้นไปหมด” จางจางอิงลอยหน้
และแล้วกิจการร้านฮวาลี่จูก็ไปได้สวยดังว่า นับตั้งแต่ท่านหญิงรั่วซีเข้ามาอุดหนุน บรรดาสตรีมากหน้าหลายตาก็เริ่มหันเหความสนใจมาที่ร้านของจางหลินจู หนำซ้ำยังมียอดสั่งซื้อล่วงหน้าอย่างล้นหลาม เป็นเหตุให้ร้านที่อยู่อีกฟากเกิดความไม่พอใจ และเมื่อร้านฮวาลี่จูถูกเพ่งเล็ง ทุกอย่างจึงไม่ราบรื่นเช่นใจนึก“ที่นี่ร้านฮวาลี่จูใช่หรือไม่”เสียงสตรีนางหนึ่งดังโหวกเหวกจนลั่นตลาด ผู้คนที่เดินขวักไขว่เริ่มเมียงมองมายังหน้าร้าน รวมถึงสตรีที่ยังเลือกซื้อสินค้าด้านในก็บังเกิดความสนใจเช่นกันจางหลินจูจึงขอตัวผละจากลูกค้าชั่วครู่ร่างระหงเดินออกมาหน้าร้านก็พบว่าเป็นสตรีนางหนึ่ง นางกำลังยืนถลึงตาให้จางหลินจูอย่างไม่เป็นมิตร ทว่าครึ่งใบหน้าอีกฝ่ายกลับมีผ้าแพรผืนบางปกปิดเอาไว้“ใช่แล้ว ที่นี่คือร้านฮวาลี่จูไม่ทราบแม่นางมีธุระอันใดหรือ”“มี ข้าย่อมมีแน่นอน” เสียงใสแข็งกระด้าง“เช่นนั้นก็เชิญท่านว่ามาเถิด”จางหลินจูได้ยินอีกฝ่ายแค่นยิ้ม จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นกวักเรียกผู้คนบริเวณนั้น“เจ้าข้าเอ๊ย มาดูนี่สิ ร้านฮวาลี่จูเอาของไม่ได้คุณภาพมาเร่ข
หนึ่งสัปดาห์ผันผ่าน จางหลินจูและสาวใช้คนสนิทก็ช่วยกันจัดแจงร้านเรียบร้อย จางหลินจูตั้งชื่อร้านว่า ฮวาลี่จูซูลี่รับหน้าที่แจกจ่ายแผ่นประกาศและสินค้าทดลองให้ผู้คนที่ผ่านไปมาหน้าร้าน แรกเริ่มผู้คนไม่เชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์ของจางหลินจู ไม่ว่าซูลี่จะยื่นกระดาษแผ่นเล็กพร้อมกระปุกสินค้าทดลองไปเท่าใดก็ยังถูกผู้คนหมางเมินซูลี่เดินคอตกเข้าไปด้านในของร้านที่ยามนี้เงียบเชียบดุจป่าช้าด้วยสีหน้าผิดหวัง“คุณหนูเจ้าคะ ไม่มีใครสนใจสินค้าของเราเลย ผู้คนเอาแต่สนใจของทางร้านโน้น” ซูลี่ยู่ปากไปยังทิศของอีกร้านที่มีผู้คนหลั่งไหลเข้าไปอย่างไม่ขาดสายจางหลินจูกล่อมจางหลินชวนจนหลับไปแล้ว จึงให้ลู่เสียนรับหน้าที่ดูแลน้องชายต่อ“ไม่เป็นไร การค้าก็เช่นนี้ การสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าเป็นเรื่องยากที่สุดแล้ว เจ้าเข้าไปพักเถิดข้าจะทำต่อเอง” จางหลินจูเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เพราะไม่อยากให้ต้องหดหู่กันไปมากกว่านี้ กำลังใจจึงสำคัญที่สุด“คุณหนูเจ้าคะ แต่ด้านนอกร้อนมาก ข้าทำได้เจ้าค่ะ”“ไม่เป็นไร เจ้ายืนมาครบชั่วยามแล้ว เข้าไปดื่มน้ำดื่มท่าเถิด ข้างนอกร้อนแล้ว
“นายน้อย คุณหนูจางกำลังคิดทำการค้าขอรับ”ซวี่ฟางจิ้นเลิกคิ้ว “นางจะทำการค้าอะไร”จากนั้นองครักษ์เงาที่ซวี่ฟางจิ้นส่งไปเฝ้าติดตามเพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของจางหลินจูก็เริ่มรายงานเรื่องราวต่าง ๆ ที่ตนสืบทราบมาทั้งหมด“แล้วนางจะไปดูแถวไหน”“ย่านกลางเมือง ตรอกฟางหรูขอรับ”ซวี่ฟางจิ้นครุ่นคิด ไม่นานก็หยิบบางอย่างออกมาจากใต้โต๊ะ “เจ้าเอานี่ไป จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”สิ่งที่นำออกมาคือถุงเงินผ้าไหมอวบอ้วน องครักษ์เงาค้อมศีรษะยื่นมือรับแล้วจึงผละกายออกจากห้องประหนึ่งพายุ“นายน้อย ท่านอยากพบนางเหตุใดไม่เจียดเวลาไปพบเองเลยเล่า ทำเช่นนี้หากนางรู้เข้าอาจโกรธท่านเอาได้นะขอรับ” จินฝานเอ่ยซวี่ฟางจิ้นกลับไปสนใจกองบันทึกม้วนไม้ไผ่ที่เทินกันดั่งภูเขาเลากาอีกครั้ง “ยังไม่ถึงเวลา”“แล้วถ้าอยู่ ๆ นางเกิดไปชอบพอกับบุรุษอื่นระหว่างทำการค้า ท่านจะทำอย่างไร”มือที่ถือพู่กันหางจิ้งจอกชะงักครู่หนึ่ง อกซ้ายของเขาสั่นหวิว กระนั้นกลับแสร้งตอบกลับเสียงขรึม “นางไม่ใช่คนเช่นนั้น”“นางไม่ใช่ แต่คนอื่นไม่แน่”จินฝานลอยหน้าเอ่
นับจากวันที่จางหลินจูได้พบกับซวี่ฟางจิ้นครั้งก่อน เวลาก็ล่วงเลยมาเป็นเดือน จางหลินจูไม่ได้พบหน้าเขาอีกเลย ความเป็นอยู่ของจางหลินจูยามนี้จะเรียกว่าดีก็ดี จะเอ่ยว่าแย่ก็ได้ครุ่นคิดพักใหญ่ขณะที่รดน้ำต้นเหมยกุ้ยฮวาอยู่ เรื่องแย่ ๆ ก็โผล่เข้ามาให้ต้องหัวเสียแต่เช้าจนได้“นังลูกเศรษฐีตกอับ วันนี้ท่านแม่อยากกินเมนูไข่จากเจ้า อ้อ...แล้วต้องไปเก็บไข่เองจากเล้าด้วยเล่า”จางหลินจูถอนหายใจ สองแม่ลูกนี่อย่างไร มักรังแกข่มเหงใช้งานนางขณะที่จางหมิ่นออกไปราชการอยู่เรื่อย“พี่หญิง บ่าวรับใช้เต็มเรือน ไยท่านต้องถ่อมาให้ข้าทำโน่นนี่อยู่เรื่อย”จางจางอิงกระทืบเท้าเร้า ๆ มือเรียวชี้หน้า “นังเด็กเหลือขอ เจ้าคิดจะมาอยู่ฟรีกินฟรีหรือไง มีที่คุ้มกะลาหัวให้เจ้าก็ดีอยู่แล้ว หัดทำงานทำการเสียบ้าง”จางหลินจูถอนหายใจ นางไม่ใช่นางเอกที่ถูกต่อว่าคำเดิมซ้ำ ๆ ก็ยังมีน้ำอดน้ำทน วันนี้ความอดกลั้นที่มีได้ขาดสะบั้นลงแล้ว “ประสาทหรือไง ข้าน่ะหรือไม่ทำงานทำการ ข้ามิได้นั่งงอมืองอเท้าผัดหน้าขาวเช่นใครบางคนเสียหน่อย พี่หญิง...ข้าว่าท่านน่าจะส่องคันฉ่องบ่อยนะเจ้าคะ บางทีท่านอาจลองพู