Share

7.ซูหนี่ต้องรอด

last update Last Updated: 2025-06-23 20:40:00

ซูหนี่ต้องรอด

...ซีฮันอ๋องถูกกำจัดแล้ว  เช่นนั้นก็...ไม่นะ  ท่านแม่!

ฉู่เสวียนหนี่คิดในใจก่อนจะทำท่ากระโดดลงจากเกวียน คนขับเกวียนที่แม่ชีหยูถงให้ช่วยพานางหลบหนีได้หันกลับมาเห็นจังหวะที่นางกำลังจะกระโดด  จึงรีบร้องห้ามปรามนางในทันที

"แม่นาง แม่นางเจ้าจะลงจากเกวียนไม่ได้นะ แม่ชีหยูถงกำชับไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามให้เจ้าลงจากเกวียนเด็ดขาดจนกว่าจะถึงจุดหมาย"

นางไม่ฟังที่เขาบอก  ยังพยายามหาจังหวะเหมาะเพื่อที่จะกระโดดลงให้ได้  เมื่อเป็นเช่นนั้นคนขับเกวียนยิ่งควบล่อให้วิ่งเร็วขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้นางกระโดดลงไปสำเร็จ และเร่งความเร็วเพื่อไม่ให้ทหารที่อาจจะตามมาทัน

พลั่ก!

แต่แล้วเสวียนหนี่ก็หาวิธีกระโดดลงจนได้ ร่างของนางกระแทกกับพื้นถนนขรุขระจนเกิดบาดแผลเลือดไหลบริเวณเข่า อาภรณ์สีสะอาดที่นางสวมใส่อยู่คลุกฝุ่นมอมแมม แม้ว่านางจะเจ็บแปลบไปทั้งร่างแต่เสวียนหนี่ยังยันกายลุกขึ้นวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ก้าวทุกก้าวแฝงไปด้วยความรวดร้าว พลันน้ำในตาคู่สวยก็ไหลเอ่อออกมาจนหนทางข้างหน้าขมุกขมัวเต็มที เหตุนี้ทำให้หญิงสาวสะดุดก้อนหินล้มลงไปอย่างแรงอีกครั้ง มีหรือที่เสวียนหนี่จะสนใจความเจ็บปวดที่กำลังเผชิญอยู่ นางรีบลุกขึ้นยืนให้ไวแล้ววิ่งต่อไปเรื่อย ๆ

แม้นว่าจะไม่เคยมีโอกาสได้พบเจอโลกภายนอก แต่ก็เคยได้ยินผ่านหูมาหลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องราวผู้ก่อกบฏว่าจะมีจุดจบอย่างไร ในเมื่อพ่อของนางเลือกอยู่ข้างซีฮันอ๋อง แต่ผู้ที่กำชัยชนะไว้ในคราวนี้คือฮ่องเต้ ครอบครัวของนางเห็นทีจะหนีไม่พ้นอาญาแผ่นดินต้องโทษประหารทั้งตระกูล หรือไม่อย่างนั้นก็ถูกฆ่าทิ้งยกครัวในวันนี้

...ท่านแม่...ได้โปรดอย่าเป็นอะไรเลยนะเจ้าคะ รอข้าก่อน...ขอร้องล่ะ...

ที่จวนตระกูลฉู่ เจียวเหมยรีบเขามาปลุกซูหนี่ด้วยท่าทางตื่นตระหนก พอซูหนี่ลืมตาขึ้นก็ต้องตกใจสุดขีดที่เห็นในมือของมารดาถือกระบี่เปื้อนโลหิตไว้หนึ่งเล่ม มองเลยไปด้านหลังมีสาวใช้ประจำตัวกำลังวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารายงานสถานการณ์นอกกำแพงจวน

"ฮูหยินรองเจ้าคะ พวกทหารพังประตูเข้ามาแล้วเจ้าค่ะ เราจะเอาอย่างไรต่อไปดีเจ้าคะ"

"เกิดอะไรขึ้นหรือท่านแม่"

จากเสียงที่ดังอึกทึกครึกโครมราวฟ้าจะถล่ม ผสมกับเสียงร้องโหยหวนของบรรดาบ่าวไพร่ที่กำลังได้รับความเจ็บปวดอยู่ข้างนอก ทำให้ซูหนี่ชะเง้อมองออกไปแต่ยังไม่เห็นอะไรจึงถามขึ้น เจียวเหมยไม่ได้ให้คำตอบลูกสาวแต่ใช้กระบี่ตวัดผ่านบริเวณลำคอสาวใช้จนสิ้นใจตายต่อหน้าต่อตา ซูหนี่ที่เห็นภาพสยดสยองก็เผลอหลุดเสียงกรีดร้องออกมา ร่างกายนางแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก ไม่คาดคิดว่ามารดาจะกล้าสังหารสาวใช้คนสนิทอย่างเหี้ยมโหด

...ลั่วลั่วลงไปนอนแดดิ้น โลหิตสีแดงพุ่งกระฉูดเป็นสาย กลิ่นคาวคละคลุ้งอบอวลไปทั่วห้อง นางสิ้นใจตายโดยที่คาดไม่ถึงว่าผู้เป็นนายจะเป็นคนส่งตนไปนรกภูมิเองกับมือ

"ท่านพ่อของเจ้าร่วมมือกับท่านอ๋องก่อกบฏ ตอนนี้ท่านอ๋องและท่านพ่อของเจ้าถูกสังหารที่ประตูวังแล้ว เจ้าจงรีบสลับอาภรณ์กับลั่วลั่วเสีย"

ซูหนี่มองดูศพของสาวใช้ที่เพิ่งจะดิ้นทุรนทุรายแล้วสิ้นใจไปอย่างเวทนา นางรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ขยะแขยงโลหิตเปื้อนเปรอะบนอาภรณ์ที่สาวใช้สวมใส่อยู่จนไม่อยากสัมผัส จึงยังรั้งรออยู่ว่าจะเอาเช่นไรดี

ด้วยความที่ยังคงติดอยู่ในภวังค์ฝันอันแสนหวาน ว่าอีกไม่กี่วันตนเองก็จะได้เป็นสะใภ้อ๋องแล้ว คิดเข้าข้างตนเองว่านี่ต้องไม่ใช่เรื่องจริงแน่ ๆ ซีฮันอ๋องจะพ่ายแพ้ให้ฮ่องเต้ได้อย่างไร ในเมื่อฮ่องเต้เป็นหุ่นเชิดของเขายาวนานนับสิบปี ฮ่องเต้ไม่มีทางแข็งแกร่งจนเอาชนะซีฮันอ๋องได้แน่ ๆ

"ไม่จริง ท่านอ๋องจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร ท่านพ่อยังไม่ตายใช่ไหมเจ้าคะ จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรกัน ละ...แล้วตำแหน่งสะใภ้ของข้าล่ะ"

"ทั้งหมดคือความจริง เรื่องสะใภ้อ๋องเจ้าไม่ต้องสนใจแล้ว รีบเอาชีวิตให้รอดก่อน เร็วเข้า เปลี่ยนชุดแล้วหนีไปแม่จะเผาเรือนหลังนี้เสีย"

"ไม่ ไม่จริง"

ในขณะที่ซูหนี่กำลังพูดออกมาอย่างฟั่นเฟือนนางก็ถูกมารดาตบจนหน้าชา ซูหนี่ยกมือขึ้นมากุมข้างแก้มไว้แล้วพึงระลึกได้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันแต่ประการใด

"ตื่นเสียที! เร็วเข้านี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว หากชักช้าไปกว่านี้เจ้าจะตายเข้าใจไหม! เข้าใจไหมซูหนี่!"

"แล้วท่านพี่ล่ะ"

"ไม่เจอป๋อเหวิน แม่เองก็ไม่รู้ว่าพี่ชายเจ้าหายไปไหน"

"เช่นนั้นท่านแม่หนีไปกับข้านะเจ้าคะ"

"แม่ไปกับเจ้าไม่ได้"

"...ท่านแม่"

"เอานี่ไป"

ถุงผ้าสีน้ำตาลถูกยัดใส่มือ ซูหนี่มองถุงผ้าแล้วอยากจะถามว่าในนั้นคือสิ่งใดแต่เจียวเหมยก็เร่งเร้านางอีก

"สลับชุดกับลั่วลั่วเสีย ที่ประตูด้านหลังจวนมีคนรอเจ้าอยู่ พวกเขาจะพาเจ้าหลบหนีไปอย่างปลอดภัย"

"ท่านแม่"

"ไปเสีย หนีไป!"

นางรีบทำตามที่เจียวเหมยบอก สลับชุดกับศพของลั่วลั่วแล้วรีบหนีออกทางประตูหลังจวน ภาพสุดท้ายที่หันกลับมาคือเรือนที่นางเคยอาศัยหลับนอนกำลังถูกไฟลุกโหมกระหน่ำ มองลึกเข้าไปในกองเพลิงสีส้มเห็นเงามารดากำลังกอดศพของลั่วลั่วไว้ในอ้อมอก ทั้งนี้ก็เพื่อให้คนที่มาพบศพในภายหลังเข้าใจว่าศพหญิงสาวที่นางกอดอยู่นั้นคือลูกสาว ยามที่เพลิงสงบลงทั้งเจียวเหมยและศพนี้ก็คงจะไหม้เกรียมไปพร้อมกัน ถึงตอนนั้นคงยากพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว

...ท่านแม่ ข้าขอลาก่อน

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อช่วยซูหนี่ให้รอดพ้นความตาย หญิงสาวกลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วตัดสินใจวิ่งไปข้างหน้า ทว่ายังไม่ทันจะพ้นประตูทางออกก็มีทหารหนึ่งนายใช้ดาบขวางเอาไว้

"จะหนีรึ"

"ปล่อยข้าไปเถิดพี่ชาย ข้าเป็นเพียงสาวใช้ว่าจ้างไม่ใช่คนของตระกูลฉู่"

"ฝ่าบาทสั่งฆ่าให้หมด สาวใช้ก็ห้ามละเว้น"

ทหารนายนั้นง้างดาบหมายฟาดฟันซูหนี่ให้สิ้นใจในดาบเดียว แต่นางได้เปล่งเสียงต่อรองครั้งสุดท้ายจนเขาชะงักมือไว้ก่อน

"ข้ามีความลับตระกูลฉู่จะบอก!"

"ความลับ?"

"ใช่ ผู้คนภายนอกต่างรู้ว่านายท่านมู่เฉินมีลูกสาวเพียงคนเดียว แท้ที่จริงแล้วนายท่านมู่เฉินยังมีลูกสาวอีกคนที่เกิดจากฮูหยินใหญ่"

"...เจ้าว่าอย่างไรนะ"

"หากท่านฆ่าข้าข้าก็แค่ตาย แต่ถ้าหากท่านจับตัวลูกสาวอีกคนของนายท่านมู่เฉินมาได้ ท่านจะได้ความดีความชอบ ท่านต้องรับปากก่อนว่าจะปล่อยข้าไปแล้วข้าจะบอกว่าลูกสาวของนายท่านมู่เฉินอยู่ที่ใด"

"ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าไม่โกหก"

"สุนัขจนตรอกใกล้ตายเช่นข้ามีหรือจะกล้าโกหก ข้าขอเอาความลับนี้แลกกับชีวิตของข้า ระหว่างชีวิตของข้าซึ่งเป็นสาวใช้กับชีวิตคุณหนูฉู่ท่านว่าชีวิตผู้ใดสำคัญมากกว่ากัน ฝ่าบาทจะทรงพอพระทัยชีวิตใดมากกว่ากันลองคิดดู"

"ได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไปก็ได้ ไหนลองเล่ามาว่าคุณหนูฉู่ผู้นั้นนางอยู่ที่ใด"

ซูหนี่ค่อย ๆ ถอยหลังห่างออกไปทีละก้าวอย่างระแวดระวังตัว เมื่อถึงระยะปลอดภัยแล้วนางจึงตะโกนบอกทหารนายนั้น

"ฟังให้ดี! บุตรสาวอีกคนของฉู่มู่เฉินนางมีนามว่าฉู่เสวียนหนี่ ตอนนี้นางอยู่ที่อารามเขาต้าซาน!"

ฉู่เสวียนหนี่ได้วิ่งมาหยุดอยู่ที่ตรอกหนึ่งหลังตลาด นางพยายามทวนความจำวัยเด็กเกี่ยวกับเส้นทางไปจวนตระกูลฉู่ ไม่นานก็เริ่มนึกออกว่าจวนตระกูลฉู่ต้องไปทางซ้ายมือ

ทว่าวิ่งไปตามทางได้ไม่นานก็มีทหารกลุ่มหนึ่งกำลังควบม้าสวนมา โชคดีที่นางตาเร็วและเห็นทันจึงรีบหลบเข้าไปในโรงเก็บข้าวสาลีของชาวบ้าน เมื่อทหารกลุ่มนั้นผ่านไปแล้วนางจึงออกจากที่ซ่อนตัวแล้วรีบไปต่อ

เส้นทางที่นางและป๋อเหวินชอบแอบหนีไปเที่ยวเล่นประจำคือประตูด้านหลัง เสวียนหนี่ไม่รอช้าแอบลักลอบเข้าไปอย่างระวังตัว นางวิ่งหลบหลีกซ่อนตัวจากทหารที่ยังเหลืออยู่บริเวณนี้ไม่ถึงสิบนาย  เมื่อวิ่งผ่านเรือนรองที่กำลังมีไฟลุกโหมเผลอหยุดมองชั่วครู่

ด้านในนั้นเห็นเงาเลือนรางของมนุษย์ที่กำลังถูกไฟคลอกอย่างน่าเวทนา แต่แล้วเสวียนหนี่ก็ต้องรีบดึงสติคืนมาเพื่อไปเรือนหลักตามหามารดาให้พบ

เมื่อมาถึงเรือนหลัก ภาพตรงหน้านั้นทำให้เสวียนหนี่ตัวแข็งทื่อก้าวขาแทบไม่ออก ซินหยางนอนจมกองเลือดหายใจรวยรินสภาพน่าสังเวช เห็นเช่นนั้นเสวียนหนี่รีบพุ่งเข้าไปประคองร่างมารดาไว้ นางอยากเรียกมารดาใจจะขาด อนิจจา...ไม่มีเสียงออกมาจากปากแม้สักครึ่งคำ

...อึดอัดเหลือเกิน ยามนี้แม้แต่จะพูดสักคำก็ยังทำไม่ได้ ข้าเกลียดตัวเอง!  ฮึก ท่านแม่

ที่ทำได้ก็เพียงทุบอกตนเองซ้ำ ๆ พยายามเปล่งเสียงเรียกสติมารดาให้ฟื้นลืมตามามอง แต่กลับมีเพียงความเงียบงัน เพราะนางไม่สามารถพูดคำใดออกมาได้เลย

...ทำไม่ได้เลยจริง ๆ

...ได้โปรด ข้าอยากพูด ข้าอยากพูดกับท่านแม่เหลือเกิน...

ซินหยางค่อย ๆ ลืมตามองหน้าลูกสาวด้วยแววตาที่พร่ามัว แม้สติสัมปชัญญะจะเลือนรางเต็มทีแต่ก็จำสัมผัสของลูกได้เป็นอย่างดี

...ลูกสาวอันเป็นที่รัก นางควรจะออกจากเมืองหลวงไปแล้วมิใช่หรือ เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้

"สะ เสวียนหนี่ เจ้า...เจ้ามาที่นี่อีกทำไม"

"...ฮึก ฮื่อ"

"เจ้าต้องหนี"

"..."

"ฟังแม่ ยามนี้คงย้อนกลับไปที่อารามไม่ได้แล้ว ป่านนี้ทหาร...คะ...คงไปตามจับเจ้าที่อารามแล้ว...เช่นนั้น จะ เจ้าจงเข้าไปเอาถุงผ้าสีน้ำตาลในห้องแม่ ในถุงผ้านั้นมีพู่หยกสีนิล...เจ้าจงนำติดตัวไปที่หุบเขาอูยา"

เสวียนหนี่ส่ายศีรษะปฏิเสธ นางไม่อยากไปหุบเขาอูยาอะไรนั่นแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นสภาพมารดาเป็นเช่นนี้นางจะหนีเอาตัวรอดคนเดียวได้อย่างไรกัน

"เชื่อแม่สักครั้งเถิด...มีแต่ไปที่นั่นเท่านั้นเจ้าถึงจะรอดพ้นจากการตามล่า"

ผู้เป็นลูกสาวค่อย ๆ วางร่างมารดานอนแนบพื้น แล้วก็ทำท่าทางสื่อสารเป็นภาษามือให้ซินหยางเข้าใจแทน

...เราหนีไปด้วยกันนะเจ้าคะ ท่านแม่แข็งใจรอข้าอีกนิด ข้าจะไปเอาถุงผ้า...

ซินหยางส่งยิ้มเย็นเยียบให้ เดิมทีไม่ปรารถนาให้เสวียนหนี่ไปที่หุบเข้าอูยาตั้งแต่ต้น จึงไม่ได้ฝากฝังพู่หยกสีนิลไว้กับแม่ชีหยูถง หวังเพียงว่าก่อนฮ่องเต้ลงมือเสวียนหนี่จะหลบหนีออกจากแคว้นเถียนได้อย่างปลอดภัย แต่ทุกอย่างผิดไปจากที่คาดการณ์ เพราะฮ่องเต้เป็นฝ่ายลงมือก่อนที่เสวียนหนี่จะทันได้ออกจากเมืองหลวงเสียด้วยซ้ำ

เมื่อเรื่องเลยเถิดมาจนตอนนี้ ตัวตนของเสวียนหนี่ก็คงถูกเปิดเผยแล้ว ทางรอดของนางเห็นจะมีเพียงสถานที่เดียวคือหุบเขาอูยา อย่างไรเสียระหว่างสองดินแดนก็ปกครองแบบน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง หากเสวียนหนี่ได้ไปที่นั่นโอกาสรอดย่อมมีมากกว่า

...เสวียนหนี่ เจ้าช่างอาภัพนัก...จากนี้ไม่มีแม่แล้วจงรักษาตัวให้ดี

นางทอดมองแผ่นหลังของลูกสาวที่กำลังห่างออกไป แต่แล้วก็ไม่อาจฝืนชะตากรรมนี้ได้ เมื่อเสวียนหนี่วิ่งไปจนลับตาแล้ว ซินหยางค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงช้า ๆ  หัวใจของนางเต้นอ่อนแรงลง ในที่สุดห้วงเวลาสุดท้ายมาเยือน...มาเยือนทั้ง ๆ ที่ไม่ทันได้บอกลาลูกสาวอันเป็นที่รัก...

เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ว่าเจียวเหมยหรือซินหยาง พวกนางทั้งสองต่างก็เสียสละตนเพื่อบุตรสาวทั้งคู่ และสิ่งสุดท้ายที่เจียวเหมยและซินหยางมีเหมือนกันไม่ต่าง

...คือความรักของมารดาที่มีต่อบุตรนั้นมากมายมหาศาลไม่สิ้นสุด...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   9.ตาแก่เจ้าเล่ห์

    ตาแก่เจ้าเล่ห์"มีอะไรอีกล่ะแม่นาง""คุณไม่ใช่หุ้นส่วนหรอกหรือคะ""หุ้นส่วนอะไรของเจ้าข้าไม่เข้าใจข้าแค่มาตัดไม้ไปเผาถ่านขายก็เท่านั้นว่าแต่เจ้าเถอะมาอยู่ในป่าได้อย่างไร""...ข้ามาได้อย่างไร"เสวียนหนี่ครุ่นคิด เจ้าของธุรกิจร้านอาหารชื่อดังที่ประสบความสำเร็จจนขยายสาขามากกว่ายี่สิบสาขาและกำลังจ่อคิวขยายสาขาเพิ่มอีกสามแห่ง หญิงสาวทุ่มเทแรงกายและแรงใจในการดำเนินธุรกิจนี้เป็นอย่างมากครั้นเมื่อถึงยามสรุปผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปีเสวียนหนี่นั่งตรวจตราเอกสารด้วยตนเองในขณะที่ยังนั่งจดจ่อคำนวณรายรับของกิจการที่โต๊ะทำงานจู่ ๆ ก็รู้สึกง่วงซึมสาเหตุเพราะทำงานหามรุ่งหามค่ำร่างกายเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย แต่ก็ไม่ยอมพักผ่อนเลยสักงีบถึงเจ็ดวันเต็มหรืออาจจะเป็นเพราะหักโหมจนเกินไปจึงทำให้หมดสติเช่นนั้นชายแก่ที่อยู่ตรงหน้าก็คงจะเป็นคนในความฝันฉู่เสวียนหนี่นึกได้ก็รีบหยิกแขนตนเองเพื่อทดสอบว่าความฝันหรือเรื่องจริงทว่ากลับเจ็บแปลบจนต

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   8.ของถูกขโมยไปแล้ว

    ของถูกขโมยไปแล้วเสวียนหนี่รีบเข้ามาหาถุงผ้าสีน้ำตาลในห้องนอนของซินหยางแต่ก็ไม่พบอะไรเลย ที่นางเจอคือร่องรอยการรื้อค้นอยู่ก่อนแล้วจึงเข้าใจได้ว่ามีใครบ้างคนได้เข้ามาที่นี่ก่อนนางและได้ขโมยถุงผ้าดังกล่าวไปไม่ว่าจะหาอย่างไรก็ไม่เจอเสวียนหนี่จึงรีบวิ่งกลับไปหาซินหยางทว่าเมื่อมาถึงที่ที่ซินหยางนอนบาดเจ็บก็พบร่างของมารดานอนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาปิดสนิทไร้กระทั่งสัญญาณชีพของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เสวียนหนี่จึงรีบคลานเข้าไปกอดซินหยางไว้แน่นโหยไห้ปานจะขาดใจตายไปด้วยกันยังไม่ทันจะได้ร้องคร่ำครวญปลายดาบเล่มหนึ่งก็จ่อมาตรงหน้าพอเงยขึ้นมองเห็นว่าเป็นทหารนายหนึ่งกำลังใช้ดาบชี้มาที่นาง เขาไม่พูดพร่ำอะไรก็เตรียมตวัดดาบหมายเอาชีวิตแต่ก่อนที่ดาบคมเล่มนั้นจะได้เฉือนเนื้อหนังของนาง กลางลำตัวของทหารนายนั้นได้มีปลายดาบอีกเล่มแทงสวนทะลุจากด้านหลังเมื่อดาบถูกชักออกโลหิตสีแดงฉานพุ่งกระเซ็นอย่างสยดสยอง จากนั้นร่างของทหารก็ทรุดลงนอนตายตาเหลือกหญิงสาวอ้าปากตะลึงค้างกับภาพตรงหน้า เสียงเรียกของป๋อเหวินปลุกนา

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   7.ซูหนี่ต้องรอด

    ซูหนี่ต้องรอด...ซีฮันอ๋องถูกกำจัดแล้ว เช่นนั้นก็...ไม่นะ ท่านแม่!ฉู่เสวียนหนี่คิดในใจก่อนจะทำท่ากระโดดลงจากเกวียนคนขับเกวียนที่แม่ชีหยูถงให้ช่วยพานางหลบหนีได้หันกลับมาเห็นจังหวะที่นางกำลังจะกระโดด จึงรีบร้องห้ามปรามนางในทันที"แม่นาง แม่นางเจ้าจะลงจากเกวียนไม่ได้นะ แม่ชีหยูถงกำชับไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามให้เจ้าลงจากเกวียนเด็ดขาดจนกว่าจะถึงจุดหมาย"นางไม่ฟังที่เขาบอก ยังพยายามหาจังหวะเหมาะเพื่อที่จะกระโดดลงให้ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นคนขับเกวียนยิ่งควบล่อให้วิ่งเร็วขึ้นทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้นางกระโดดลงไปสำเร็จและเร่งความเร็วเพื่อไม่ให้ทหารที่อาจจะตามมาทันพลั่ก!แต่แล้วเสวียนหนี่ก็หาวิธีกระโดดลงจนได้ร่างของนางกระแทกกับพื้นถนนขรุขระจนเกิดบาดแผลเลือดไหลบริเวณเข่าอาภรณ์สีสะอาดที่นางสวมใส่อยู่คลุกฝุ่นมอมแมม แม้ว่านางจะเจ็บแปลบไปทั้งร่างแต่เสวียนหนี่ยังยันกายลุกขึ้นวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก้าวทุกก้าวแฝงไ

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   6.แสร้งเป็นคนดีอะไรตอนนี้

    แสร้งเป็นคนดีอะไรตอนนี้“ป๋อเหวิน เจ้ารอข้าตรงนี้กับเสวียนหนี่ก่อน ข้ามีธุระต้องไปคุยกับแม่ชีหยูถง”“ขอรับฮูหยิน เชิญท่านฮูหยินคุยธุระตามสบาย ข้าจะรออยู่ที่นี่กับเสวียนหนี่”ป๋อเหวินรับปากแล้วหันไปยิ้มให้เสวียนหนี่อย่างรู้ใจกัน เพราะต่างก็รู้กันดีว่าเมื่อลับตาท่านแม่ไปแล้ว เสวียนหนี่จะได้รับอนุญาตให้ทานขนมได้มากเท่าที่นางพอใจพี่ป๋อเหวินไม่เคยขัดใจนางเลยสักครั้ง ไม่ว่านางจะร้องขอสิ่งใดหลังจากที่ลงเขาไปแล้ว เขาก็จะจัดการหามาให้นางในครั้งถัดไปสองพี่น้องต่างมารดา หนึ่งคนสื่อสารด้วยวาจาอีกคนสื่อสารด้วยภาษามือ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังพูดคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าห้วงเวลาในวัยเยาว์ของทั้งคู่ได้หวนกลับมาอีกครั้ง...ซินหยางที่แยกตัวออกมาจากทั้งสอง ได้เดินเข้ามาหาแม่ชีหยูถงในห้องนั่งสมาธิ นางเห็นแม่ชีกำลังนั่งอยู่หน้าเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ นางจึงเข้าไปคุกเข่าสักการะเทวรูปด้วยจิตศรัทธา ก่อนจะตั้งจิตอธิษฐานอยู่นานความไม่สบายใจใดเล่าจะเท่าความห่วงหาอาลัยอาวรณ

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   5.ส่งนางไปอาราม

    ส่งนางไปอารามเจียวเหมยได้พาซินแสเจิ้งมาที่ห้องของเสวียนหนี่ ซินหยางที่กำลังเฝ้าดูอาการลูกน้อยอยู่ลุกขึ้นยืนมองคนทั้งสองด้วยแววตาประหลาดใจ ลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างบ่งบอกว่าเจียวเหมยไม่ได้ประสงค์ดีต่อนางสองแม่ลูกเป็นแน่ เจียวเหมยมองหน้าซินหยางวูบหนึ่งก่อนจะแสยะยิ้มอย่างสมเพชเวทนา“ฮูหยินใหญ่ ท่านอาวุโสผู้นี้คือซินแสเจิ้ง ท่านพี่อนุญาตให้ข้าพาซินแสเจิ้งมาเพื่อตรวจดูดวงชะตาเสวียนหนี่”“ตรวจดูดวงชะตา?”“เจ้าค่ะ”“ลูกข้าเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาเมื่อวาน ร่างกายยังไม่แข็งแรงพอ ข้ายังไม่อยากให้ใครมารบกวนนางในเวลานี้”“ถ้าเสวียนหนี่ได้ตรวจดูดวงชะตา หากพบว่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับนางเราก็จะได้หาทางแก้ไขได้ทันท่วงที อีกอย่างท่านพี่ก็อนุญาตแล้วเชิญฮูหยินถอยไปก่อนเถิด” เจียวเหมยตัดความรำคาญ“ไม่! ข้าไม่อนุญาต ซินแสผู้นี้เชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด หากตรวจดูดวงชะตาให้เสวียนหนี่มั่วซั่วล่ะใครจะรับผิดชอบ เสวียนหนี่เป็นลูกสาวข

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   4.ไม่ปรารถนาสะใภ้ที่เป็นลูกอนุ

    4.ไม่ปรารถนาสะใภ้ที่เป็นลูกอนุ“ใช่เจ้าค่ะ ข้าคิดว่าซูหนี่ของเราเหมาะสมกับตำแหน่งว่าที่ลูกสะใภ้ใหญ่ของซีฮันอ๋องมากที่สุดแล้วเจ้าค่ะ” เจียวเหมยเมื่อเห็นผู้เป็นสามีคล้อยตาม นางจึงเอ่ยคำพูดที่น่าเชื่อถือลงไปอีก อย่างน้อยหากบุตรสาวได้แต่งเข้าจวนอ๋องนางก็จะพลอยมีหน้ามีตาตามไปด้วย“ไม่ได้นะเจ้าคะท่านพี่!”ซินหยางแย้งขึ้น หากเปลี่ยนตัวว่าที่ลูกสะใภ้ก็เท่ากับว่าเสวียนหนี่ต้องถูกส่งตัวไปหุบเขาอูยาเป็นแน่นอน นางรู้ดีว่าผู้เป็นสามีหลงใหลในลาภยศ ไม่ได้รู้สึกรักหรือหวงแหนบุตรสาวเลยแม้แต่น้อย มีเพียงระยะหลังมานี้ที่เขามาทำดีกับพวกนางสองแม่ลูกเพราะรู้ว่าซีฮันอ๋องโปรดปรานเสวียนหนี่ถึงขั้นอยากได้มาเป็นสะใภ้“ท่านพี่ ท่านจะเปลี่ยนตัวไม่ได้เป็นอันขาด อย่าให้ลูกของเราต้องไปหุบเขาอูยาเลยนะเจ้าคะ ข้าขอร้อง... ท่านพี่ได้โปรด!”ซินหยางคลานเข่าเข้าไปกอดขาของสามีเอาไว้แน่น นางร้องไห้อ้อนวอนขอร้องเขาอย่างน่าสงสาร ในใจของนางรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวยิ่งนัก ทว่ามู่เฉินกลับไม่ได้รู้สึกเห็นใจหรือเกิดความสงสารแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาบึ้งตึงก่อนจะสะบัดนางออกด้วยความรำคาญ สตรีอ่อนแอและโง่เขลาอย่างซินหยางไม่คู่ควรให้เขาต้องใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status