หลังจากทีมงานเตรียมความพร้อมด้านนอกเรียบร้อยแล้ว ก็ส่งสัญญาณผ่านเลขาไอ้ติณให้ผมกับเพื่อนเดินออกไป แน่นอนว่าใครบางคนที่อยู่ห้องข้างๆ ก็กำลังเปิดประตูออกมาเหมือนกัน และที่ทำให้ผมหัวร้อนขึ้นมาจนแทบจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ก็เพราะชุดเดรสหนังเงาๆ สีดำที่มันรัดคนตัวเล็กซะจนผมหายใจไม่ออกสายก็เส้นเล็กไหนจะก้อนกลมๆ ที่โผล่พ้นขึ้นมาให้เห็นอีก เดินทีซิปแทบจะปริอยู่แล้ว
"ร้อนหรอวะ" "อืม" ไอ้ติณถามเพราะเห็นหน้าบึ้งตึงของผม จนทีมงานไม่กล้าเข้ามาใกล้ "โทษทีหว่ะ กูขอสามรูปสวยๆ พอ" เพื่อนถึงกับตบไหล่ผมเบาเบาให้ผมใจเย็น และหันไปบรีฟทีมงานให้รีบถ่ายให้เสร็จ พร้อมกับให้เลขาเอาร่มมากางและพัดลมมาเป่าให้ผม "อืม" เพื่อให้งานของเพื่อนราบรื่น ผมพยายามปรับอารมณ์และสีหน้าเป็นปกติที่สุด เดินไปยืนรอที่รถสีเมทัลลิครอร่างบางที่กำลังเดินตามมาฟังบรีฟจากทีมงานอีกครั้ง "น้องฝันขา พี่ขอพริกสิบเม็ดเลยนะคะ" "ได้ค่ะ" 'อะไรคือพริกสิบเม็ดวะ' คำถามที่เกิดขึ้นในหัวถูกตอบเป็นท่าโพสต์โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว คนที่ทำให้ผมหงุดหงิดก็จัดแจงจัดท่าทางให้ผมยืนพิงกระโปรงรถก้าวเข้ามายืนตรงหน้า โพสต์ท่าเหมือนกำลังถอดแจ๊คเก็ตหนังของผมแล้วหันไปมองจิกกล้อง "เดี๋ยวชุดก็ปริ" คำพูดของผมทำเธอหันมาจ้องตาเขม่น เปิดโอกาสให้ผมคว้าเอวเล็กเข้ามาใกล้เป็นรูปที่เรายืนหันข้างวางหน้าผากแตะกันจนจมูกของผมเฉียดแก้มนุ่มๆ ของเธอ และจมูกของเธอเฉียดแก้มหอมๆ ของผม "ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ลุง" เธอกัดฟันพูดกับผมเบาเบาให้ได้ยินกันสองคน แต่ยังคงฉีกยิ้มหันมองกล้องให้ได้ภาพสวยๆ "มืออาชีพหน่อยครับน้องฝัน" เพราะไม่อยากให้รูปที่ออกมาเห็นก้อนกลมๆ ที่มันล้นจนเกินไป ผมเลยดึงเธอเข้ามากอดพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งไปให้ กลิ่นหอมๆ ทำผมหายหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย "ไอ้ฟิล์ม กูขอรูปตีโค้งสวยๆ รูปนึงดิ" บอสใหญ่ถึงขนาดวิ่งเข้ามาบรีฟด้วยตัวเอง "ไหนมึงบอกสามรูป" "มึงพึ่งถ่ายไปสองรูป" ผมเห็นตากล้องกดชัตเตอร์รัวๆ ไอ้ติณบอกสองรูป! "เออๆ เร็วๆ กูร้อน" สงสารนางแบบมากกว่าเดี๋ยวผิวจะหมอง แล้วผมก็เดินไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ ให้เธอเดินมาหย่อนสะโพกลงเบาะหนัง เป็นอีกหนึ่งรูปที่ถูกพรีเซ็นต์ออกมาได้ดี ต้องชมตากล้องที่เลือกมุมถ่ายจนได้รูปสวยๆ "ร้อนป่ะ" พอเราอยู่ด้วยกันสองคน ผมเลยเอ่ยถามคนตัวเล็กอย่างเป็นห่วง "นิดหน่อย" "ไปงานเลี้ยง เปลี่ยนชุดด้วยนะ" เพราะเจ้าของงานเอ่ยปากชวนทุกคนไปงานเลี้ยง 'Thank you Party' ขอบคุณทีมงานที่เหนื่อยกันมาทั้งวัน "ไม่เปลี่ยน ฉันชอบชุดนี้" เอี๊ยด...! และไอ้ติณก็ได้รูปตีโค้งสวยสมใจ เพราะคำตอบของเธอทำให้ผมหัวร้อนอีกครั้ง ถ้าเธอไม่ยอมเปลี่ยน ผมก็จะทำให้ชุดนี้ขาดเอง ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับผม "นี่ลุง เข้ามาทำไมเนี่ย" เขาถือโอกาสที่ผู้จัดการส่วนตัวของเธอไปคุยเรื่องเช็คกับเลขาของเพื่อน เปิดประตูเข้าห้องแต่งตัวของเธออย่างถือวิาสะและกดล็อคอย่างรวดเร็ว โดยไม่รู้ตัวเลยว่าทุกการกระทำอยู่ในสายตาเพื่อนที่เดินตามหลังมาเพื่อจะคุยกับเขา "จะไปชุดนี้?" "ชุดนี้แหละ" "แน่ใจว่าไม่เปลี่ยน?" "แน่ใจ" คนตัวเล็กยืนกอดอกสะบัดหน้าไปอีกข้าง สีหน้าและท่าทางดื้อดึงทำเขามันเขี้ยวจนเดินเข้าไปฟาดก้นกลมงอนเต็มแรง ทำเธอสะดุ้งจนตัวโหยงหันมาถลึงตาใส่เตรียมจะอ้าปากต่อว่ากัน "อ๊ะ อื้ออ" แต่ยังช้ากว่าผมที่โน้มตัวลงไปปิดปากเธอด้วยปากของผม ทำเธอส่งเสียงประท้วง คงจะกลัวว่าใครเข้ามาเห็น ผมทำโทษเด็กดื้ออยู่หลายนาทีจนมือเล็กทุบอกแกร่งขออากาศหายใจ ผมเลยจำใจผละตัวออกเดินไปหยิบชุดเมื่อเช้าที่เธอใส่มาบนราวสแตนเลสมาให้คนหน้าหงิกหน้างอตอนนี้ "อะ เปลี่ยน ใส่ชุดนี้" เธอเหมาะกับชุดจั๊มสูทน่ารักๆ แบบนี้มากกว่า "..." "ฝัน เปลี่ยน พี่ไม่ชอบชุดนี้ที่ฝันใส่" ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะทำให้มันขาด แต่ความกลัวเธอโกรธมันมีมากกว่าเลยพยายามพูดอย่างใจเย็น "..." "พี่หวง" และเป็นผมที่เผลอหลุดพูดความรู้สึกที่มันร้อนรนอยู่ตอนนี้ เพราะอยากให้เธอยอมกัน "หรือจะให้เปลี่ยนให้" ผมเลิกคิ้วถามอย่างยียวน อยากเปลี่ยนให้เหมือนกันนะ "ไม่ต้องยุ่ง" สุดท้ายเธอก็ยอมรับเสื้อผ้าในมือของผมเข้าไปเปลี่ยนในห้องลองชุดชั่วคราว ส่วนผมก็ยืนนวดขมับตัวเองคลายอาการปวดหัว นี่แค่เรื่องเสื้อผ้ายังทำผมเหนื่อยได้ขนาดนี้... "ไปรถใคร" "ขับรถมา ลืมหรอ" "แก่แล้วก็แบบนี้แหละ" พลาดไม่ได้เลยกู! "เจอกันที่ร้าน" ฟอด คนตัวโตขโมยหอมแก้วคนเล็กฟอดใหญ่พอให้หายมันเขี้ยว ก่อนจะรีบเดินจ่ำออกไปจากห้องพักคนน้อง ปล่อยให้เธอยืนหน้าแดงลูบแก้มตัวเองเบาเบาอยู่คนเดียว แกร๊ก! "นานนะ" ไอ้ติณนั่งกดมือถือรออยู่ในห้องแต่งตัวอยู่ก่อน "..." "มึงจะไปรถกู หรือจะไปขับรถให้เขา" "กูขับรถมาครับ" ไอ้เพื่อนเวรนี่มันรู้ แต่อยากพูดกวนตีนผมเท่านั้นแหละ ผมเลิกสนใจแล้วหันมาถอดเสื้อออกเปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงยีนส์ตัวโปรดที่ใส่มา และแยกย้ายไปรถใครรถมันเดินทางไปที่ร้าน รู้อย่างงี้...เมื่อเช้าให้เธอมารถคันเดียวกันเลยก็ดี ไม่น่าอยากเซอร์ไพร์สเลยไอ้ฟิล์มเอ้ย บังเอิญผมขับรถตามหลังเธอมา เพราะเป็นห่วงกลัวจะไปผิดร้าน เลยทำให้เข้ามาในร้านเป็นคนสุดท้าย เหลือเพียงที่นั่งข้างเธอที่ว่างสำหรับผม เหมือนทุกคนจงใจเว้นที่ตรงนี้ไว้ให้ แน่นอนว่าผู้ชมอย่างไอ้ติณรู้ ถึงได้ยกมุมปากอย่างยียวนส่งมาให้ ผมว่าผมกลับไปเป่าหูน้องสาวผมสักหน่อยน่าจะดี หมันไส้ไอ้เพื่อนเวรนี่ เกร๊ง! "เดี๋ยวก็เมา" คนตัวโตก้มไปกระซิบข้างหูตัวเล็กเบาๆ "แก้วเดียวเอง" ยังจะเถียง "เธอเติมสามรอบแล้ว" "คิกคิก" ชัดเลย เมาชัว! "คุณแพทมายังไงนะครับ" ผมหันไปถามผู้จัดการส่วนตัวของเธอที่นั่งประคองตัวเล็กไม่ให้เอนไปเอียงมา "แพทขับรถมาค่ะ" "ผมขอไปส่งน้องฝันนะครับ ให้ขับรถกลับเองคงไม่ดี" "อะ เอ่อ คือ..." คุณแพทมีสีหน้าลังเลไม่น้อย แต่จะให้เธอเป็นคนไปส่ง เธอก็มึนไม่ต่างกัน เกิดเจอด่านขึ้นมา มีหวังตายคู่แน่! "ไม่เป็นไรครับคุณแพท เพื่อนผมไว้ใจได้ เดี๋ยวผมให้เลขาอีกคนที่เป็นผู้หญิงนั่งไปเป็นเพื่อนก็ได้ครับ" คำพูดยาวเหยียดออกมาจากบอสใหญ่ช่วยเป็นแบล็คอัพที่ดีให้กับผม "ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ" "ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าถึงแล้วรบกวนถ่ายรูปส่งมาให้แพทดูด้วยนะคะ" "ครับ" #พี่หวง ไรท์เขิน🤭 #อ่านเพลินๆ สบายๆ ฟินๆกันเหมือนเดิมนะคะ"หืม ใครอะ" ตัวเล็กยืนเอนไปเอียงมาจนเขาต้องโอบเอวบางไว้แน่นจนใกล้กันมากพอให้เธอยกมือมาดึงแก้มสากให้ยืดออกเหมือนเป็นพิซซ่าขอบชีส พยายามปรือตามองหน้าอย่างสงสัย"ผัวมั้ง" ส่วนเขาก็เหล่ตามองตัวเล็กพร้อมกับตอบทีเล่นทีจริง อยากรู้ว่าเด็กขี้เมาจะโวยวายหรือจะยอมรับเขาง่ายๆ"ผัวหรอ" นิ้วสวยๆ เคาะลงบนแก้มสากของเขาเบาเบาอย่างใช้ความคิด เหมือนจะใช่คนนี้หรือว่าไม่ใช่กัน"อืม" "มั่วๆๆๆ ผัวฉันหล่อกว่านี้" จะมีใครหล่อกว่านี้อีกวะ? มือเล็กโบกตรงหน้าไปมาปฏิเสธสถานะที่เขายัดเยียดให้ แล้วผละตัวออกทำเหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้า มือใหญ่เลยต้องรีบคว้าเอวบางเข้ามาใกล้จนอะไรต่อมิอะไรของเขาและเธอแนบแน่น และใช้แขนแกร่งอีกข้างล็อคสะโพกมนเอาไว้ไม่ให้เธอดิ้นจนเซล้ม"มีผัวแล้ว? " คิ้วเข้มขมวดเป็นปมกัดฟันแน่น ไม่เคยมีใครทำเขาหงุดหงิดได้เท่านี้มาก่อน"ช่ายยย" "ผัวชื่ออะไร" จะลองให้โอกาสอีกครั้ง ถ้าตอบได้ดีเขาก็จะไม่ทำโทษเธอที่ทำให้เขาโมโหมาค่อนวัน"ลุง ฟิล์ม" หน้าสวยซบลงแนบอกแกร่งตอบคำถามอย่างแผ่วเบา แต่เขาได้ยินชื่อคุ้นหูนี้ชัดเจนติ๊ง! ผมย่อตัวช้อนร่างบางขึ้นในท่าเจ้าสาวออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นบนสุดคอนโดของผม ก่อนจะ
หลังจากทีมงานเตรียมความพร้อมด้านนอกเรียบร้อยแล้ว ก็ส่งสัญญาณผ่านเลขาไอ้ติณให้ผมกับเพื่อนเดินออกไป แน่นอนว่าใครบางคนที่อยู่ห้องข้างๆ ก็กำลังเปิดประตูออกมาเหมือนกัน และที่ทำให้ผมหัวร้อนขึ้นมาจนแทบจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ก็เพราะชุดเดรสหนังเงาๆ สีดำที่มันรัดคนตัวเล็กซะจนผมหายใจไม่ออกสายก็เส้นเล็กไหนจะก้อนกลมๆ ที่โผล่พ้นขึ้นมาให้เห็นอีก เดินทีซิปแทบจะปริอยู่แล้ว"ร้อนหรอวะ""อืม" ไอ้ติณถามเพราะเห็นหน้าบึ้งตึงของผม จนทีมงานไม่กล้าเข้ามาใกล้"โทษทีหว่ะ กูขอสามรูปสวยๆ พอ" เพื่อนถึงกับตบไหล่ผมเบาเบาให้ผมใจเย็น และหันไปบรีฟทีมงานให้รีบถ่ายให้เสร็จ พร้อมกับให้เลขาเอาร่มมากางและพัดลมมาเป่าให้ผม"อืม"เพื่อให้งานของเพื่อนราบรื่น ผมพยายามปรับอารมณ์และสีหน้าเป็นปกติที่สุด เดินไปยืนรอที่รถสีเมทัลลิครอร่างบางที่กำลังเดินตามมาฟังบรีฟจากทีมงานอีกครั้ง"น้องฝันขา พี่ขอพริกสิบเม็ดเลยนะคะ""ได้ค่ะ"'อะไรคือพริกสิบเม็ดวะ' คำถามที่เกิดขึ้นในหัวถูกตอบเป็นท่าโพสต์โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว คนที่ทำให้ผมหงุดหงิดก็จัดแจงจัดท่าทางให้ผมยืนพิงกระโปรงรถก้าวเข้ามายืนตรงหน้า โพสต์ท่าเหมือนกำลังถอดแจ๊คเก็ตหนังของผมแล้วหันไป
"ลุงจะกลับเลยมั้ย""ไล่?" เป็นคนแก่ขี้งอนอย่างแท้ทรู"ไม่ได้ไล่ วันนี้ฉันมีถ่ายงานทั้งวัน""...""หรือจะไปส่ง" นี่ฉันง้อแล้วนะ เห็นแก่คนแก่นั่งหน้างอตาดำดำ"วันนี้ฉันมีธุระ" เขาพูดเท่านั้นก็ลุกจากที่นอนพาร่างสูงเปลือยเปล่าเดินเข้าห้องน้ำหน้าตาเฉย ทำฉันที่ยืนอยู่หน้ากระจกร้อนวูบวาบจนแก้มเปลี่ยนสีทั้งที่ยังไม่ได้ปัดบลัชออน หลังจากที่ฉันกับเขาสั่งของมากินรองท้องเบาเบาของเขาเป็นอเมริกาโน่เย็นกับครัวซองค์แฮมชีส ส่วนของฉันเป็นมัทฉะเย็นกับเบเกิ้ลแสนอร่อย เราสองคนก็ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง และนัดกลับมาเจอกันที่คอนโดทำมื้อเย็นง่ายๆ กินด้วยกัน บอกตามตรงฉันติดใจฝีมือทำอาหารของเขาเข้าอย่างจัง"น้องฝัน วันนี้เป็นงานคู่นะคะ" พี่แพทถือร่มยืนรอเตรียมบรีฟงานให้ฟังทันทีที่ฉันลงจากรถ"งานคู่? ไม่เห็นบอกกันก่อนเลยค่ะ" "ทางลูกค้าพึ่งส่งบรีฟมาให้พี่เมื่อคืนเองค่ะ""คู่กับใคร พี่แพทรู้มั้ยคะ""เหมือนจะเป็นนักธุรกิจหนุ่มเพื่อนของคุณตริติณนะคะ""โห ฝันเริ่มเกร็งแล้วสิ" ลำพังถ้าเป็นคนในอาชีพเดียวกันฉันคงไม่ต้องกังวลอะไรมาก"พี่เชื่อว่า คุณน้องทำได้ค่ะ"งานในวันนี้เป็นงานถ่ายแบบคู่กับรถหรูราคาหลายสิ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก"เธอ รอแป็บนะ" ผมบอกคนในสายที่กำลังนั่งตาปรืออยู่คุยเป็นเพื่อนผม"อืม"เขาวางแมคบุ๊คลงบนที่นอน และพาร่างสูงเหมือนนายแบบเดินไปส่องตาแมวที่ประตูห้องพักด้วยความสงสัย เพราะเขาไม่ได้โทรไปสั่งอาหารหรือของแต่อย่างใด จะว่าเลขา รายนั้นก็พึ่งส่งข้อความมาบอกว่าขอออกไปช้อปปิ้งเมื่อครู่"สวัสดีค่ะ คุณฟิล์ม" คนตรงหน้าสร้างความแปลกใจให้ผมไม่น้อย เพราะเธอเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่เดินทางมางานเดียวกัน เคยพบปะพูดคุยกันตามงานโดยไม่มีอะไรเกินเลย ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามส่งสายตาอยู่หลายครั้งก็ตาม เธอสวยแต่บอกเลยว่าไม่ใช่สเปคผมรู้จักห้องผมได้ยังไงวะ? "ครับ" ร่างสูงตอบรับด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มใดๆ "เมลพักอยู่ห้องข้างๆ นี่แหละค่ะ" "อ่อ ครับ" โลกกลมเกินไปมั้ง"คือเมลอยากชวนคุณฟิล์มไปดินเนอร์ด้วยกันค่ะ" "คือ ผมติดประชุม วันนี้คงไม่สะดวก" ผมคิดว่าการตอบปฏิเสธแบบนี้ดูสุภาพมากที่สุด เพราะคงต้องเจอกันอีกหลายงาน"งั้น ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ ห้ามปฏิเสธกันนะคะ" "อะ เอ่อ..." "จุ๊บ บายค่ะ" เธอคนนั้นกระโดดเข้ามากดจูบที่แก้มสากโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะเดินกลับห้องตัวเองที่อยู่ข้างกัน แต่ย
"น้องฝัน หนูได้งานนี้นะคะ" วันนี้พี่แพทขับรถมารับฉันไปทำทรีทเมนต์หน้าที่คลินิกซึ่งฉันเพิ่งเซ็นต์สัญญาไปเมื่อวันก่อนและมีคิวถ่ายรูปโปรโมทในเดือนหน้า เลยต้องมาเตรียมความพร้อมให้ผิวกันสักหน่อย"งานไหนคะพี่แพท" เพราะพี่แพทส่งโปรไฟล์ของฉันไปหลายงานมาก "ก็งานพรีเซ็นเตอร์รถหรูไงคะ" "จริงหรอคะ ดีใจจัง" เป็นอีกหนึ่งงานที่เหมือนเป็นความฝันของฉันเลยนะ ไม่คิดว่านางแบบน้องใหม่อย่างฉันจะได้งานนี้กับเขาด้วย"ดีใจ แต่หน้าหงอยมากค่ะลูกสาวแม่" หงอยหรอ? ฉันว่าปกตินะ"สรุปว่าดีใจหรือไม่ดีใจคะ" "ต้องดีใจสิคะ ดีใจม๊ากมากค่ะ" ฉันหันไปยิ้มจนตาหยีให้ผู้จัดการส่วนตัวเชื่อในคำตอบของฉันก่อนจะแยกกันไปทำทรีทเมนต์คนละห้อง เพราะพี่แพทนางอยากเติมตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อยให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น ส่วนฉันขอแค่บำรุงผิวเติมวิตามินแค่นั้นพอ เดี๋ยวใครบางคนกลับมาจะจำกันไม่ได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้นอนฝันหวานไปถึงไหน"พี่แพท ไปหาที่ถ่ายรูปกันมั้ยคะ" ไหนๆ วันนี้ก็แต่งตัวน่ารักๆ ออกมาแล้ว ขอทำคอนเทนต์นิดนึงแล้วกัน"อารมณ์ไหนคะ""อารมณ์คนเหงามั้งคะ" "ถ้าน้องฝันลองเปิดใจคุยกับหนุ่มๆ ที่ไดเรคมาหาทุกวัน ก็ไม่เหงาแล้วค่ะ""ไม่
เหมือนว่าข้อตกลงระหว่างเธอกับผมมันมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อยจากความเนียนของผมเองนี่แหละ เนียนเสียจนเด็กแสบไม่รู้ตัวหรือว่าอาจจะรู้แต่ทำเป็นไม่สนใจ ผมก็เดาใจเธอไม่ถูกเหมือนกัน อย่างที่บอก วาดฝันไม่เหมือนคนอื่นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปที่ว่าก็คือ จากที่ตกลงกันไว้ว่าผมกับเธอจะนอนด้วยกันสัปดาห์ละสี่วัน มาวันนี้เป็นวันที่ห้าของสัปดาห์ที่ผมอยู่ที่คอนโดเด็กแสบ เพราะสัปดาห์หน้าผมต้องบินไปดูงานต่างประเทศหลายวัน นั่นแหละเหตุผลที่ใช้เป็นข้ออ้างบอกเธอ"สวัสดีครับ คุณตริติณ" หลังจากส่งเด็กแสบที่มหาวิทยาลัยเรียบร้อย ผมก็ขับรถเลยมาคุยธุระกับเพื่อนรักก่อนไปสนามบินสักหน่อย"..." เพื่อนมาหาทั้งที แต่เจ้าของบริษัทนำเข้ารถหรูกลับต้อนรับโดยการกลอกตาบนใส่ดูเหนื่อยหน่ายที่ได้เห็นหน้าผม"หาพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ได้ยังวะ" ที่ผมมาก็เพราะไอ้ติณแชทไปปรึกษาให้ผมมาช่วยเลือกนางแบบ บอกตามตรงมันเป็นงานที่ทำให้ผมลำบากใจไม่น้อย "ยังหว่ะ""น้องกูไง" ตัวเลือกนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นในหัวไอ้คนขี้หวงอย่างไอ้ติณแน่นอน"ไม่""มินิน" "ไม่" เป็นอีกหนึ่งชื่อที่ถูกคุณบอสใหญ่ปัดตก เพราะตอนที่มินินเป็นพรีเซ็นเตอร์ ไอ้ติณถึงขนาด
ปึก! "โอ๊ย! นี่เธอ" สุดท้ายเธอก็ทนความเอาแต่ใจของคนนิสัยไม่ดีไม่ไหว กระแทกส้นรองเท้าลงบนรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่โตเต็มแรงและผละตัววิ่งหนีออกมาได้ ก่อนจะปรับสีหน้าและท่าทางของตัวเองไม่ให้มีพิรุธจนเพื่อนจับสังเกตได้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าริมฝีปากแดงสวยเปลี่ยนเป็นบวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด"ไปกัน""เดี๋ยว ปากแกไปโดนอะไรมา ฝัน" ทำไมหูตาไวอย่างนี้นะ"คือ ฉันแพ้หอยเม่นหน่ะ""ไปหาหมอก่อนมั้ย" ฉันซาบซึ้งในความเป็นห่วงของเพื่อนอยู่หรอก แต่พาฉันหนีไปจากสายตาคมเหมือนมีดที่มองมาตอนนี้ก่อนจะได้มั้ย...แองจี้"ไม่เป็นไร กลับไปกินยาแก้แพ้เดี๋ยวก็หาย""อืม"เธอเดินเข้าไปเกาะแขนเพื่อนราวกับเป็นเกาะกำบังที่ดีที่สุดในเวลานี้ จนแองจี้ทำหน้างงหันมามองอย่างสงสัย นางแบบสาวเลยต้องรีบดึงแขนพาเดินออกมาที่ลานจอดรถอ้างว่าอยากจะกลับไปกินยานอน"เฮ้อ ถึงห้องสักที" ฉันทิ้งตัวลงนอนแผ่หลากลางที่นอนสีขาว ค่อยๆ หลับตาลงพยายามลบภาพวุ่นวายที่คอยวิ่งเข้ามาในหัวรบกวนจิตใจจนรู้สึกเหนื่อย วาดฝันเหนื่อยมาก...เพราะคนนิสัยไม่ดีคนเดียวเลยพรึ่บ! "..." ทำไมอยู่ๆ ฉันถึงรู้สึกเหมือนถูกผีอำเลยละ อุตส่าห์เลือกซื้อคอนโดสร้างใหม่แล้วนะ ต้องไม่
วันนี้เป็นวันเสาร์ก็จริง แต่เป็นอีกหนึ่งวันที่ฉันต้องตื่นแต่เช้ากว่าปกติเพราะมีนัดพาแองจี้ไปแคสบทซีรีย์ตามที่สัญญากับนางเอาไว้ แน่นอนว่าฉันทำหน้าที่เพื่อนสาวแสนน่ารักเป็นสารถีขับรถไปรับนางด้วยตัวเอง ฉันชอบขับรถเล่นหน่ะ"แองจี้ ลงมาเร็ว" ฉันเปิดลำโพงต่อสายหาเพื่อนรักทันทีที่รถกำลังตีไฟกระพริบ"ฉันยืนรอแกอยู่ข้างล่าง" "โอเคๆ เลี้ยวเข้ามาแล้ว" ฉันถอยหลังเทียบรถจอดตรงหน้าที่เพื่อนยืนพอดิบพอดีอย่างมืออาชีพ"ไฮ...""อืม" อุตส่าห์มารับแท้ๆ แต่กลับเย็นชาใช่ฉันเนี่ยนะ ใจร้ายเกินไปแล้ว"เป็นอะไรของแก ทำไมเกร็งขนาดนั้น""อยู่ในบท" อ่อ ถึงว่าละนิ่งเชียว ฉันก็ลืมไปเลยว่าคาแรกเตอร์ที่แองจี้ต้องไปแคสวันนี้นางได้รับบทเป็นคนเย็นชาพูดน้อยไร้ความรู้สึก ซึ่งฉันก็ติวเพื่อนมาเป็นอย่างดีแล้วละ แต่เป็นธรรมดาที่นางจะตื่นเต้นขนาดนี้ ครั้งแรกนี่นะ ตอนฉันไปแคสงานครั้งแรกก็ตื่นเต้นแบบนี้เหมือนกัน"มั่นใจตัวเอง ท่องไว้" สองมือเล็กเกาะบ่าเพื่อนส่งพลังบวกอย่างให้กำลังใจ"แกทำได้อัษ" แน่นอนว่าต่อหน้าทีมงานมากมายเรียกชื่อนี้ดีที่สุด "อื้ม""ลุย" หลังจากเชียร์อัพเพื่อนเสร็จ ฉันก็แอบมายืนหลบมุมให้กำลังใจอยู่ห่างๆ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ที่เขาจับตัวของฉันพลิกไปพลิกมาอยู่บนโซฟา ไม่สิ! ต้องบอกว่าทั่วห้องนั่งเล่นถึงจะถูก"ลุกได้แล้ว" ฉันบอกคนที่ทิ้งตัวลงมานอนทับจนร่างบางๆ ของฉันจมไปกับโซฟา คิดว่าตัวเล็กมากหรือไงกัน"ง่วง" เสียงอู้อี้ตอบอยู่ในลำคอเป่าลมร้อนรดต้นคอของฉันจนขนลุก"ลุกเร็ว ฉันหิวข้าว""กินฉันไม่อิ่ม?" มันน่าทุบสักทีมั้ย ใครกินใครกันแน่ปึก! "หึ" ฟอดขนาดโดนฉันทุบเข้ากลางหลัง ก็ใช่ว่าเขาจะลุกออกไปจากตัวฉันง่ายๆ กลับพลิกตัวจับฉันนอนตะแคงมีเขานอนซ้อนอยู่ข้างหลัง กอดเอวฉันเข้าไปแนบแน่น สอดแขนมาให้ฉันหนุนแทนหมอน มันก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจอยู่หรอกนะ แต่ติดตรงที่อะไรอะไรของเขามันขยายใหญ่จนดันก้นกลมงอนของฉันอีกแล้ว..."มีตัวอย่างงานที่ถ่ายวันนี้ป่ะ" "มี" เป็นรูปที่ทีมงานส่งให้เช็คความเรียบร้อยสร้างความมั่นใจว่าทุกอย่างที่ออกมาจะเซฟมากและไม่โป๊จนเกินงาม"เอามาดูหน่อย" อยากดูอะไรตอนนี้ ฉันละอยากจะเครซี่"รอดูในโซเชียลสิ""ไม่ จะดูเดี๋ยวนี้" เฮ้อ...คนแก่เอาแต่ใจอย่างนี้ทุกคนมั้ยนะหนึ่งในกฎเหล็กของงานโฆษณาที่ลูกค้าบรีฟฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าและซีเรียสมากๆ ก็คือ ห้ามเผยแพร่ออกไปก่อนเปิดตัวสินค้า