"หืม ใครอะ" ตัวเล็กยืนเอนไปเอียงมาจนเขาต้องโอบเอวบางไว้แน่นจนใกล้กันมากพอให้เธอยกมือมาดึงแก้มสากให้ยืดออกเหมือนเป็นพิซซ่าขอบชีส พยายามปรือตามองหน้าอย่างสงสัย
"ผัวมั้ง" ส่วนเขาก็เหล่ตามองตัวเล็กพร้อมกับตอบทีเล่นทีจริง อยากรู้ว่าเด็กขี้เมาจะโวยวายหรือจะยอมรับเขาง่ายๆ "ผัวหรอ" นิ้วสวยๆ เคาะลงบนแก้มสากของเขาเบาเบาอย่างใช้ความคิด เหมือนจะใช่คนนี้หรือว่าไม่ใช่กัน "อืม" "มั่วๆๆๆ ผัวฉันหล่อกว่านี้" จะมีใครหล่อกว่านี้อีกวะ? มือเล็กโบกตรงหน้าไปมาปฏิเสธสถานะที่เขายัดเยียดให้ แล้วผละตัวออกทำเหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้า มือใหญ่เลยต้องรีบคว้าเอวบางเข้ามาใกล้จนอะไรต่อมิอะไรของเขาและเธอแนบแน่น และใช้แขนแกร่งอีกข้างล็อคสะโพกมนเอาไว้ไม่ให้เธอดิ้นจนเซล้ม "มีผัวแล้ว? " คิ้วเข้มขมวดเป็นปมกัดฟันแน่น ไม่เคยมีใครทำเขาหงุดหงิดได้เท่านี้มาก่อน "ช่ายยย" "ผัวชื่ออะไร" จะลองให้โอกาสอีกครั้ง ถ้าตอบได้ดีเขาก็จะไม่ทำโทษเธอที่ทำให้เขาโมโหมาค่อนวัน "ลุง ฟิล์ม" หน้าสวยซบลงแนบอกแกร่งตอบคำถามอย่างแผ่วเบา แต่เขาได้ยินชื่อคุ้นหูนี้ชัดเจน ติ๊ง! ผมย่อตัวช้อนร่างบางขึ้นในท่าเจ้าสาวออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นบนสุดคอนโดของผม ก่อนจะเดินเลี้ยวมาอีกฝั่งของชั้นเพื่อไปพื้นที่ส่วนตัวของผม เพราะอีกฝั่งเป็นห้องของไอ้แฝด "เธอ นิ่งๆ เดี๋ยวตก" "ปล่อยนะ ไอ้โรคจิต" อืม เป็นทุกอย่างเลยกู! "ซี๊ดดด" ผมถึงกับต้องก้าวขายาวเพื่อให้ถึงห้องเร็วที่สุด เพราะเวลานี้เด็กแสบโวยวายเสียงดังลั่นจนกลัวว่าไอ้แฝดจะเปิดประตูออกมาเจอ แต่ไม่พอเท่านั้นเธอยังทั้งหยิกทั้งกัดหน้าอกผมจนเจ็บไปหมด สาบานเลยว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมไม่มีทางให้เธอดื่มอีกเด็ดขาด! "เธอ นอนดีดี" "อาบน้ำ" เมาขนาดนี้ยังห่วงอาบน้ำ แต่ดูจากสภาพแล้วถ้าพาเธอไปอาบน้ำมีหวังได้อยู่ในห้องน้ำกันทั้งคืนแน่ เพราะงั้นผมถึงเลือกที่จะเช็ดตัวให้เธอแทน แค่มือได้สัมผัสความเนียนนุ่มเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดความรู้สึกแสนจะทรมานจนต้องกลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบากพยายามระงับความพลุ่งพล่านที่กำลังค่อยๆ ก่อตัว ก่อนจะลุกไปหาเสื้อยืดของผมมาใส่ให้เธอปิดคลุมอะไรต่อมิอะไรที่ไม่ค่อยดีต่อใจแกร่งนี้เท่าไหร่ ฟอด "ร้ายนะ เด็กแสบ" จมูกโด่งกดหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่ระบายความมันเขี้ยวที่มี วันหลังคงต้องไปหาซื้อพวกคลีนซิ่งมาไว้ที่ห้องนี้บ้าง เพราะถ้าเกิดผิวหน้าเธอมีสิวขึ้นมาคงไม่พ้นที่จะโวยวายเขาแน่ "ลุง กอด" "หึ" หลังจากที่ผมเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำเกือบครึ่งชั่วโมงก็กลับออกมาพร้อมกับพาตัวเองไปล้มตัวนอนลงบนเตียงใหญ่สีเทาเข้มข้างคนตัวเล็กที่กำลังหลับตาพริ้มอ้าปากหวอและดูเหมือนจะรู้สึกตัวขยับเข้ามาพาดแขนกอดเขาหาไออุ่น ก็อ้อนซะแบบนี้จะไม่ให้เขาว้าวุ่นยังไงไหว ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ตื่นเช้ามาจะถีบเขาตกเตียงเหมือนวันแรกที่เจอกันอีกรึเปล่า "..." อีกแล้วหรอวาดฝัน? ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวันพยายามปรับสายตามองไปรอบๆ ห้องที่ไม่คุ้นตา สีห้องโทนเข้มแบบนี้ที่นอนแบบนี้ผ้าห่มผืนนี้มองยังไงก็ไม่ใช่ห้องของฉัน ไหนจะผู้ชายที่นอนคว่ำหน้าเปลือยท่อนบนข้างๆ นี่อีก เหมือนเลย เหมือนประวัติศาสตร์ซ้ำลอยเลย ฉันว่า...ฉันควรเผ่นก่อนดีกว่า! "จะไปไหน" หืม เสียงเหมือนตาลุงเลยอะ "..." จากที่ฉันกำลังขยับตัวค่อยๆ ลงจากเตียงใหญ่ให้เบาที่สุด แต่คงยังไม่เบาพอจนทำให้คนข้างๆ รู้สึกตัวตื่นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียเหมือนจะหงุดหงิดนิดหน่อยด้วย ฉันเลยตัดสินใจหันไปมองหน้าเขาให้ชัดๆ เพราะหวังเล็กๆ ว่าคนที่พาฉันกลับมาเมื่อคืนเป็นเขา...คุณลุงผู้เอาแต่ใจของฉัน เฮ้อ...ค่อยโล่งอกหน่อย เป็นเขาจริงๆ ด้วย "ยิ้มอะไร" "ปะ เปล่า" "มานอน" เขายังคงนอนคว่ำหน้าเพียงแต่หันมามองทางฉันด้วยสีหน้างัวเงียพร้อมกับยกแขนแกร่งขึ้นให้ฉันมุดตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด แน่นอนว่าฉันทำตามอย่างว่าง่ายเพราะรู้สึกสบายใจที่เป็นเขา ฉันนอนต่ออีกสักพักก่อนจะลุกมาเข้าห้องน้ำและล้างหน้าล้างตาให้ดูสดชื่น ก่อนจะแอบออกไปหาน้ำกินข้างนอก นี่คงจะเป็นคอนโดของเขาสินะ สังเกตได้จากรูปขนาดใหญ่ที่แขวนไว้ตรงผนังห้องนั่งเล่นในรูปเขาใส่แว่นกันแดดสีดำยืนทำหน้าเก๊กติดกระดุมแขนเสื้อพอดูรวมๆ แล้วก็ถือว่าดูดีพอใช้ได้ จะว่าไปคอนโดของเขาใหญ่มากเลยนะน่าจะสองสามเท่าของคอนโดฉันได้ แถมได้มองเห็นวิวเมืองแบบร้อยแปดสิบองศาอีก สมกับเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์นั่นแหละ อะไรอะไรก็ดีเสียอย่างเดียวชอบเอาแต่ใจจนหน้าหยุมหัว "จะขโมยของ?" แขนใหญ่โอบเอวบางที่กำลังยืนดื่มน้ำชมวิวเมืองหลวงตรงกระจกบานใหญ่ เป็นมุมเดียวกันกับมุมโปรดของเขา "อืม ไปนับดูสิว่าของหายไปกี่ชิ้น" "หึ ฉันเรียกเก็บค่าเสียหายจากเธอแน่" "ไม่มี ถึงมีก็ไม่จ่าย" ฟอด เขากดจมูกโด่งๆ เข้ามาที่แก้มนุ่มๆ อย่างแรงจนตัวเราทั้งคู่เซไปทางด้านข้าง ตั้งแต่รู้จักกับเขาแก้มนุ่มๆ ของฉันก็ไม่เคยได้พักเลย ฉันว่าแก้มฉันต้องช้ำไปแล้วแน่ๆ คอยดูนะ จะให้ออกค่าครีมบำรุงมอยเจอร์ไรเซอร์แล้วก็คอร์สทรีทเมนต์ผิวทั้งหมดให้เข็ด อยากใช้แก้มฉันเปลืองดีนัก "อยากกินอะไร" "อยากกินปิ้งย่าง" "จะออกไปกิน?" "กินที่ร้านมันได้ฟิลดี แต่ถ้ามีคนเห็นไปกับลุงได้เป็นข่าวแน่" "เป็นข่าวกับฉันดีจะตาย" พรีเซนต์ตัวเองสุดๆ วาดฝันขออนุญาตมองบน "นางแบบวัยรุ่นกับเฒ่าหัวงูอะหรอ" ที่จริงเขาไม่ได้ดูแก่อะไรหรอกออกจะดูเด็กมากด้วยซ้ำ แต่เวลาเห็นเขาทำหน้างอนๆ แล้วน่ารักดี "เดี๋ยวจะโดน" ว่าเท่านั้นเขาก็อ้าปากงับแก้มฉันเบาเบาเหมือนคิดว่าตัวเองกำลังกัดซาลาเปาไส้ครีมอย่างนั้นแหละ สุดท้ายเขาก็พาฉันออกมากินร้านปิ้งย่างของเพื่อนเขาที่เป็นร้านลับและมีห้องส่วนตัวไม่ต้องกลัวว่าใครจะแอบถ่ายรูป มีแต่ฉันนี่แหละที่รบเร้าให้เขาถ่ายรูปให้เพราะร้านสวยมากอาหารก็น่ากินและอร่อยมาก ได้ออกมากินของอร่อยแล้วยังได้รูปสวยๆ ไว้ลงโซเชียลคุ้มจะตาย #อยากเป็นผัวน้องแบบเนียนๆ 🤭 #อ่านเพลินๆ สบายๆ ฟินๆ กันเหมือนเดิมจ้า"ไปถ่ายแบบมาเป็นยังไงบ้าง" หลังจากจบคลาสฉันกับเพื่อนสนิทอย่างแองจี้ก็พากันมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวเรือหลังมหาวิทยาลัย เพราะฉันอยากกินกากหมูเจียว"สนุกมาก แต่ฉันคงต้องรับงานให้เยอะกว่านี้แล้วแหละ" "ทำไม แกไปทำรถเขาเป็นรอย?" สมกับเป็นเพื่อนรักของฉันซะจริง"บ้าหรอ ฉันอยากได้รถสวยๆ แบบนั้นบ้างต่างหาก""หาแฟนรวยง่ายกว่า" ก็จริงนะ! แต่จะหาจากไหนละ คนรวยเขาก็มีชอบนางเอกแถวหน้ากันทั้งนั้นแหละ ใครจะมามองนางแบบตัวเล็กตัวน้อยอย่างเรากัน"หรือมีแล้ว?""มะ มีอะไร ไม่มี" ไม่ดูมีพิรุธใช่มั้ยนะ"หรือจะเป็นนายแบบที่ถ่ายกับแก ได้ข่าวว่าโปรไฟล์เริ่ดไม่ใช่?" ทำไมวันนี้แองจี้พูดเยอะจังนะ"เฉยๆ นะ" ก็ไม่ได้เริ่ดอะไรมาก แค่มีซิกแพคแน่นๆ ผิวขาวใสเหมือนอาบน้ำวันละสิบรอบจมูกโด่งเป็นสัน ขนตางอนยาวเป็นแพร เป็นเจ้าของธุรกิจมากมายและขับรถหรู เท่านั้นเองคุณลุง : ได้ยินตายแล้ว! ฉันลืมไปเลยว่าค้างสายตาลุงไว้ตั้งแต่ในคลาสก็ตั้งแต่เช้านั่นแหละ เพราะเขาบินไปสิงคโปร์ด่วนตั้งแต่เมื่อวาน มาวันนี้ก็โทรมาปลุกฉันแต่เช้าและไม่ยอมวางอีกเลย จนฉันต้องเปิดบลูทูธเชื่อมต่อกับแอร์พอดแล้วเก็บมือถือไว้ในกระเป๋าสะพาย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนท
"หืม ใครอะ" ตัวเล็กยืนเอนไปเอียงมาจนเขาต้องโอบเอวบางไว้แน่นจนใกล้กันมากพอให้เธอยกมือมาดึงแก้มสากให้ยืดออกเหมือนเป็นพิซซ่าขอบชีส พยายามปรือตามองหน้าอย่างสงสัย"ผัวมั้ง" ส่วนเขาก็เหล่ตามองตัวเล็กพร้อมกับตอบทีเล่นทีจริง อยากรู้ว่าเด็กขี้เมาจะโวยวายหรือจะยอมรับเขาง่ายๆ"ผัวหรอ" นิ้วสวยๆ เคาะลงบนแก้มสากของเขาเบาเบาอย่างใช้ความคิด เหมือนจะใช่คนนี้หรือว่าไม่ใช่กัน"อืม" "มั่วๆๆๆ ผัวฉันหล่อกว่านี้" จะมีใครหล่อกว่านี้อีกวะ? มือเล็กโบกตรงหน้าไปมาปฏิเสธสถานะที่เขายัดเยียดให้ แล้วผละตัวออกทำเหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้า มือใหญ่เลยต้องรีบคว้าเอวบางเข้ามาใกล้จนอะไรต่อมิอะไรของเขาและเธอแนบแน่น และใช้แขนแกร่งอีกข้างล็อคสะโพกมนเอาไว้ไม่ให้เธอดิ้นจนเซล้ม"มีผัวแล้ว? " คิ้วเข้มขมวดเป็นปมกัดฟันแน่น ไม่เคยมีใครทำเขาหงุดหงิดได้เท่านี้มาก่อน"ช่ายยย" "ผัวชื่ออะไร" จะลองให้โอกาสอีกครั้ง ถ้าตอบได้ดีเขาก็จะไม่ทำโทษเธอที่ทำให้เขาโมโหมาค่อนวัน"ลุง ฟิล์ม" หน้าสวยซบลงแนบอกแกร่งตอบคำถามอย่างแผ่วเบา แต่เขาได้ยินชื่อคุ้นหูนี้ชัดเจนติ๊ง! ผมย่อตัวช้อนร่างบางขึ้นในท่าเจ้าสาวออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นบนสุดคอนโดของผม ก่อนจะ
หลังจากทีมงานเตรียมความพร้อมด้านนอกเรียบร้อยแล้ว ก็ส่งสัญญาณผ่านเลขาไอ้ติณให้ผมกับเพื่อนเดินออกไป แน่นอนว่าใครบางคนที่อยู่ห้องข้างๆ ก็กำลังเปิดประตูออกมาเหมือนกัน และที่ทำให้ผมหัวร้อนขึ้นมาจนแทบจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ก็เพราะชุดเดรสหนังเงาๆ สีดำที่มันรัดคนตัวเล็กซะจนผมหายใจไม่ออกสายก็เส้นเล็กไหนจะก้อนกลมๆ ที่โผล่พ้นขึ้นมาให้เห็นอีก เดินทีซิปแทบจะปริอยู่แล้ว"ร้อนหรอวะ""อืม" ไอ้ติณถามเพราะเห็นหน้าบึ้งตึงของผม จนทีมงานไม่กล้าเข้ามาใกล้"โทษทีหว่ะ กูขอสามรูปสวยๆ พอ" เพื่อนถึงกับตบไหล่ผมเบาเบาให้ผมใจเย็น และหันไปบรีฟทีมงานให้รีบถ่ายให้เสร็จ พร้อมกับให้เลขาเอาร่มมากางและพัดลมมาเป่าให้ผม"อืม"เพื่อให้งานของเพื่อนราบรื่น ผมพยายามปรับอารมณ์และสีหน้าเป็นปกติที่สุด เดินไปยืนรอที่รถสีเมทัลลิครอร่างบางที่กำลังเดินตามมาฟังบรีฟจากทีมงานอีกครั้ง"น้องฝันขา พี่ขอพริกสิบเม็ดเลยนะคะ""ได้ค่ะ"'อะไรคือพริกสิบเม็ดวะ' คำถามที่เกิดขึ้นในหัวถูกตอบเป็นท่าโพสต์โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว คนที่ทำให้ผมหงุดหงิดก็จัดแจงจัดท่าทางให้ผมยืนพิงกระโปรงรถก้าวเข้ามายืนตรงหน้า โพสต์ท่าเหมือนกำลังถอดแจ๊คเก็ตหนังของผมแล้วหันไป
"ลุงจะกลับเลยมั้ย""ไล่?" เป็นคนแก่ขี้งอนอย่างแท้ทรู"ไม่ได้ไล่ วันนี้ฉันมีถ่ายงานทั้งวัน""...""หรือจะไปส่ง" นี่ฉันง้อแล้วนะ เห็นแก่คนแก่นั่งหน้างอตาดำดำ"วันนี้ฉันมีธุระ" เขาพูดเท่านั้นก็ลุกจากที่นอนพาร่างสูงเปลือยเปล่าเดินเข้าห้องน้ำหน้าตาเฉย ทำฉันที่ยืนอยู่หน้ากระจกร้อนวูบวาบจนแก้มเปลี่ยนสีทั้งที่ยังไม่ได้ปัดบลัชออน หลังจากที่ฉันกับเขาสั่งของมากินรองท้องเบาเบาของเขาเป็นอเมริกาโน่เย็นกับครัวซองค์แฮมชีส ส่วนของฉันเป็นมัทฉะเย็นกับเบเกิ้ลแสนอร่อย เราสองคนก็ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง และนัดกลับมาเจอกันที่คอนโดทำมื้อเย็นง่ายๆ กินด้วยกัน บอกตามตรงฉันติดใจฝีมือทำอาหารของเขาเข้าอย่างจัง"น้องฝัน วันนี้เป็นงานคู่นะคะ" พี่แพทถือร่มยืนรอเตรียมบรีฟงานให้ฟังทันทีที่ฉันลงจากรถ"งานคู่? ไม่เห็นบอกกันก่อนเลยค่ะ" "ทางลูกค้าพึ่งส่งบรีฟมาให้พี่เมื่อคืนเองค่ะ""คู่กับใคร พี่แพทรู้มั้ยคะ""เหมือนจะเป็นนักธุรกิจหนุ่มเพื่อนของคุณตริติณนะคะ""โห ฝันเริ่มเกร็งแล้วสิ" ลำพังถ้าเป็นคนในอาชีพเดียวกันฉันคงไม่ต้องกังวลอะไรมาก"พี่เชื่อว่า คุณน้องทำได้ค่ะ"งานในวันนี้เป็นงานถ่ายแบบคู่กับรถหรูราคาหลายสิ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก"เธอ รอแป็บนะ" ผมบอกคนในสายที่กำลังนั่งตาปรืออยู่คุยเป็นเพื่อนผม"อืม"เขาวางแมคบุ๊คลงบนที่นอน และพาร่างสูงเหมือนนายแบบเดินไปส่องตาแมวที่ประตูห้องพักด้วยความสงสัย เพราะเขาไม่ได้โทรไปสั่งอาหารหรือของแต่อย่างใด จะว่าเลขา รายนั้นก็พึ่งส่งข้อความมาบอกว่าขอออกไปช้อปปิ้งเมื่อครู่"สวัสดีค่ะ คุณฟิล์ม" คนตรงหน้าสร้างความแปลกใจให้ผมไม่น้อย เพราะเธอเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่เดินทางมางานเดียวกัน เคยพบปะพูดคุยกันตามงานโดยไม่มีอะไรเกินเลย ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามส่งสายตาอยู่หลายครั้งก็ตาม เธอสวยแต่บอกเลยว่าไม่ใช่สเปคผมรู้จักห้องผมได้ยังไงวะ? "ครับ" ร่างสูงตอบรับด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มใดๆ "เมลพักอยู่ห้องข้างๆ นี่แหละค่ะ" "อ่อ ครับ" โลกกลมเกินไปมั้ง"คือเมลอยากชวนคุณฟิล์มไปดินเนอร์ด้วยกันค่ะ" "คือ ผมติดประชุม วันนี้คงไม่สะดวก" ผมคิดว่าการตอบปฏิเสธแบบนี้ดูสุภาพมากที่สุด เพราะคงต้องเจอกันอีกหลายงาน"งั้น ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ ห้ามปฏิเสธกันนะคะ" "อะ เอ่อ..." "จุ๊บ บายค่ะ" เธอคนนั้นกระโดดเข้ามากดจูบที่แก้มสากโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะเดินกลับห้องตัวเองที่อยู่ข้างกัน แต่ย
"น้องฝัน หนูได้งานนี้นะคะ" วันนี้พี่แพทขับรถมารับฉันไปทำทรีทเมนต์หน้าที่คลินิกซึ่งฉันเพิ่งเซ็นต์สัญญาไปเมื่อวันก่อนและมีคิวถ่ายรูปโปรโมทในเดือนหน้า เลยต้องมาเตรียมความพร้อมให้ผิวกันสักหน่อย"งานไหนคะพี่แพท" เพราะพี่แพทส่งโปรไฟล์ของฉันไปหลายงานมาก "ก็งานพรีเซ็นเตอร์รถหรูไงคะ" "จริงหรอคะ ดีใจจัง" เป็นอีกหนึ่งงานที่เหมือนเป็นความฝันของฉันเลยนะ ไม่คิดว่านางแบบน้องใหม่อย่างฉันจะได้งานนี้กับเขาด้วย"ดีใจ แต่หน้าหงอยมากค่ะลูกสาวแม่" หงอยหรอ? ฉันว่าปกตินะ"สรุปว่าดีใจหรือไม่ดีใจคะ" "ต้องดีใจสิคะ ดีใจม๊ากมากค่ะ" ฉันหันไปยิ้มจนตาหยีให้ผู้จัดการส่วนตัวเชื่อในคำตอบของฉันก่อนจะแยกกันไปทำทรีทเมนต์คนละห้อง เพราะพี่แพทนางอยากเติมตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อยให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น ส่วนฉันขอแค่บำรุงผิวเติมวิตามินแค่นั้นพอ เดี๋ยวใครบางคนกลับมาจะจำกันไม่ได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้นอนฝันหวานไปถึงไหน"พี่แพท ไปหาที่ถ่ายรูปกันมั้ยคะ" ไหนๆ วันนี้ก็แต่งตัวน่ารักๆ ออกมาแล้ว ขอทำคอนเทนต์นิดนึงแล้วกัน"อารมณ์ไหนคะ""อารมณ์คนเหงามั้งคะ" "ถ้าน้องฝันลองเปิดใจคุยกับหนุ่มๆ ที่ไดเรคมาหาทุกวัน ก็ไม่เหงาแล้วค่ะ""ไม่
เหมือนว่าข้อตกลงระหว่างเธอกับผมมันมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อยจากความเนียนของผมเองนี่แหละ เนียนเสียจนเด็กแสบไม่รู้ตัวหรือว่าอาจจะรู้แต่ทำเป็นไม่สนใจ ผมก็เดาใจเธอไม่ถูกเหมือนกัน อย่างที่บอก วาดฝันไม่เหมือนคนอื่นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปที่ว่าก็คือ จากที่ตกลงกันไว้ว่าผมกับเธอจะนอนด้วยกันสัปดาห์ละสี่วัน มาวันนี้เป็นวันที่ห้าของสัปดาห์ที่ผมอยู่ที่คอนโดเด็กแสบ เพราะสัปดาห์หน้าผมต้องบินไปดูงานต่างประเทศหลายวัน นั่นแหละเหตุผลที่ใช้เป็นข้ออ้างบอกเธอ"สวัสดีครับ คุณตริติณ" หลังจากส่งเด็กแสบที่มหาวิทยาลัยเรียบร้อย ผมก็ขับรถเลยมาคุยธุระกับเพื่อนรักก่อนไปสนามบินสักหน่อย"..." เพื่อนมาหาทั้งที แต่เจ้าของบริษัทนำเข้ารถหรูกลับต้อนรับโดยการกลอกตาบนใส่ดูเหนื่อยหน่ายที่ได้เห็นหน้าผม"หาพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ได้ยังวะ" ที่ผมมาก็เพราะไอ้ติณแชทไปปรึกษาให้ผมมาช่วยเลือกนางแบบ บอกตามตรงมันเป็นงานที่ทำให้ผมลำบากใจไม่น้อย "ยังหว่ะ""น้องกูไง" ตัวเลือกนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นในหัวไอ้คนขี้หวงอย่างไอ้ติณแน่นอน"ไม่""มินิน" "ไม่" เป็นอีกหนึ่งชื่อที่ถูกคุณบอสใหญ่ปัดตก เพราะตอนที่มินินเป็นพรีเซ็นเตอร์ ไอ้ติณถึงขนาด
ปึก! "โอ๊ย! นี่เธอ" สุดท้ายเธอก็ทนความเอาแต่ใจของคนนิสัยไม่ดีไม่ไหว กระแทกส้นรองเท้าลงบนรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่โตเต็มแรงและผละตัววิ่งหนีออกมาได้ ก่อนจะปรับสีหน้าและท่าทางของตัวเองไม่ให้มีพิรุธจนเพื่อนจับสังเกตได้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าริมฝีปากแดงสวยเปลี่ยนเป็นบวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด"ไปกัน""เดี๋ยว ปากแกไปโดนอะไรมา ฝัน" ทำไมหูตาไวอย่างนี้นะ"คือ ฉันแพ้หอยเม่นหน่ะ""ไปหาหมอก่อนมั้ย" ฉันซาบซึ้งในความเป็นห่วงของเพื่อนอยู่หรอก แต่พาฉันหนีไปจากสายตาคมเหมือนมีดที่มองมาตอนนี้ก่อนจะได้มั้ย...แองจี้"ไม่เป็นไร กลับไปกินยาแก้แพ้เดี๋ยวก็หาย""อืม"เธอเดินเข้าไปเกาะแขนเพื่อนราวกับเป็นเกาะกำบังที่ดีที่สุดในเวลานี้ จนแองจี้ทำหน้างงหันมามองอย่างสงสัย นางแบบสาวเลยต้องรีบดึงแขนพาเดินออกมาที่ลานจอดรถอ้างว่าอยากจะกลับไปกินยานอน"เฮ้อ ถึงห้องสักที" ฉันทิ้งตัวลงนอนแผ่หลากลางที่นอนสีขาว ค่อยๆ หลับตาลงพยายามลบภาพวุ่นวายที่คอยวิ่งเข้ามาในหัวรบกวนจิตใจจนรู้สึกเหนื่อย วาดฝันเหนื่อยมาก...เพราะคนนิสัยไม่ดีคนเดียวเลยพรึ่บ! "..." ทำไมอยู่ๆ ฉันถึงรู้สึกเหมือนถูกผีอำเลยละ อุตส่าห์เลือกซื้อคอนโดสร้างใหม่แล้วนะ ต้องไม่
วันนี้เป็นวันเสาร์ก็จริง แต่เป็นอีกหนึ่งวันที่ฉันต้องตื่นแต่เช้ากว่าปกติเพราะมีนัดพาแองจี้ไปแคสบทซีรีย์ตามที่สัญญากับนางเอาไว้ แน่นอนว่าฉันทำหน้าที่เพื่อนสาวแสนน่ารักเป็นสารถีขับรถไปรับนางด้วยตัวเอง ฉันชอบขับรถเล่นหน่ะ"แองจี้ ลงมาเร็ว" ฉันเปิดลำโพงต่อสายหาเพื่อนรักทันทีที่รถกำลังตีไฟกระพริบ"ฉันยืนรอแกอยู่ข้างล่าง" "โอเคๆ เลี้ยวเข้ามาแล้ว" ฉันถอยหลังเทียบรถจอดตรงหน้าที่เพื่อนยืนพอดิบพอดีอย่างมืออาชีพ"ไฮ...""อืม" อุตส่าห์มารับแท้ๆ แต่กลับเย็นชาใช่ฉันเนี่ยนะ ใจร้ายเกินไปแล้ว"เป็นอะไรของแก ทำไมเกร็งขนาดนั้น""อยู่ในบท" อ่อ ถึงว่าละนิ่งเชียว ฉันก็ลืมไปเลยว่าคาแรกเตอร์ที่แองจี้ต้องไปแคสวันนี้นางได้รับบทเป็นคนเย็นชาพูดน้อยไร้ความรู้สึก ซึ่งฉันก็ติวเพื่อนมาเป็นอย่างดีแล้วละ แต่เป็นธรรมดาที่นางจะตื่นเต้นขนาดนี้ ครั้งแรกนี่นะ ตอนฉันไปแคสงานครั้งแรกก็ตื่นเต้นแบบนี้เหมือนกัน"มั่นใจตัวเอง ท่องไว้" สองมือเล็กเกาะบ่าเพื่อนส่งพลังบวกอย่างให้กำลังใจ"แกทำได้อัษ" แน่นอนว่าต่อหน้าทีมงานมากมายเรียกชื่อนี้ดีที่สุด "อื้ม""ลุย" หลังจากเชียร์อัพเพื่อนเสร็จ ฉันก็แอบมายืนหลบมุมให้กำลังใจอยู่ห่างๆ