ホーム / วัยรุ่น / เพลิงพิศวาส / 3.เพื่อนร่วมโลก

共有

3.เพื่อนร่วมโลก

作者: inglada
last update 最終更新日: 2025-06-07 04:06:06

“คะ คุณเพลิงมีอะไรหรือเปล่าครับ?”

“คิดว่าไงล่ะ?”

“อะ เอ่อ ผมไม่กวนแล้วครับ” พูดจบก็พากันวิ่งออกไปด้วยความกลัว เปลวเพลิงเคลื่อนสายตาจากอันธพาลพวกนั้นหันกลับมามองหญิงสาวข้างกายที่เอียงคอมองเขาตาใสแป๋ว ใบหน้าเรียวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อกับคราบดินตามเสื้อผ้า

“หนูเคยเจอคุณไหมคะ?”

“คิดว่าไงล่ะ?”

“หนูต้องวิ่งใช่ไหม” ถามพร้อมก้าวขาถอยหลังเตรียมวิ่ง เมื่อสักครู่เขาถามประโยคนี้กับผู้ชายกลุ่มนั้นแล้วพวกนั้นก็วิ่งออกไป ดังนั้นเขาพูดมันกับเธอ เธอเองก็ควรวิ่งไปใช่ไหม?

แต่ว่าเธอไม่มีแรงแล้วเดินมาทั้งวัน

“วิ่งสิ” เขากล่าวเสียงเรียบเย็นทั้งที่เธอควรจะกลัวแต่กลับจ้องหน้าเขาพร้อมรอยยิ้มหวานๆ รอยยิ้มที่ไม่เคยมีใครยิ้มให้เขา…

“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ ไม่งั้นแย่แน่เลย”

“เห็นแก่เพื่อนร่วมโลก”

“คุณเป็นมาเฟียเหรอคะ ทำไมคนพวกนั้นต้องกลัวคุณด้วย”

“ไม่ใช่” ตอบเสียงราบเรียบ มือหนาทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง สายตาจับจ้องหญิงสาวตัวเล็กที่เขาคิดว่าอายุเธอไม่น่าจะเกินยี่สิบหรืออาจะไม่ถึงด้วยซ้ำ

การแต่งกายด้วยเสื้อยืดตัวใหญ่ซึ่งเขาไม่มั่นใจว่าสีของมันก่อนหน้านี้เป็นสีขาวหรือครีมเพราะตอนนี้มันเป็นสีน้ำตาลจากเศษดิน กางเกงวอร์มที่ขาดเข่า ผมสีดำสนิทถักเปียแกละไว้ ผิวขาวผ่องแต่มีความแห้งกร้าน เท้าบางขาวจนเห็นเส้นเลือดไม่มีรองเท้าห้อหุ้มมันไว้

“คุณเหม็นตัวหนูใช่ไหมคะ” ถอยหลังจากการยืนใกล้เขาสี่ห้าก้าว “หนูเดินชนถังขยะจนมันล้มหกใส่หนู แล้วก็ตอนที่วิ่งหนีผู้ชายกลุ่มนั้นหกล้มจนรองเท้าขาดและไม่มีเวลาหันหลังไปเก็บเลยเหลือแต่เท้าเปล่า” เอ่ยต่อเมื่อสายตาเขาจับจ้องอยู่ที่เท้าเธอ

“…” เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่เคลื่อนสายตาขึ้นมามองใบหน้าเรียวสวยที่ไร้เครื่องสำอาง สายตาของเขาทำให้มายาวีเม้มปากตัวเองแน่น เป็นสายตาที่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร สายตาที่ไม่ได้รังเกียจ ไม่ได้ชื่นชม ไม่ได้อยากรู้หรืออยากถามอะไรเป็นสายตาที่ว่างเปล่า

“หนูชื่อมายาวี”

“ฉันไม่ได้อยากรู้”

“คุณมองหน้าหนู หนูเลยไม่รู้จะพูดอะไร”

“ก็ไม่ต้องพูด”

“…” มายาวีจ้องตาเขากลับอย่างไม่หวาดกลัวทั้งที่หลายๆ คนมักจะกลัว เธอกำลังสงสัยว่าเขาเป็นอะไรพวกโรคจิตหรือว่าเป็นคนดีที่แค่ไม่ชอบการพูด

“ไปไหนก็ไป” และเมื่อถูกดวงตากลมโตจ้องกลับ เขาจึงเป็นฝ่ายไล่เธอ มายาวีพยักหน้ารับเบาๆ แล้วหันหลังเพื่อจะเดินออกไป แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอหันกลับมาพร้อมมือเล็กที่มีคราบเลือดคราบดินติดนั้นยื่นไปด้านหน้าเขา

“หนูขอเงินคุณได้มั้ย ยี่สิบบาท”

“…”

“หนู หนูรู้ว่ามันไม่ควร แต่ว่าหนูหิวข้าวมากเลยทั้งวันหนูได้กินมาม่าไปถ้วยเดียว เงินสี่สิบกว่าบาทก็ถูกผู้ชายกลุ่มนั้นแย่งไปไม่มีตังค์แล้ว”

“ไม่มี” ปฏิเสธเสียงแข็งแล้วก็เดินกลับไปขึ้นรถพร้อมขับออกไปจากตรงนี้ ร่างเล็กได้แต่มองตามรถเขาไปด้วยความงุนงงกับท่าทางของเขา เขาเป็นผู้ชายที่แปลกที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมาเลยล่ะ เหมือนอยากจะพูดกับเธอแต่บางทีก็เหมือนว่าไม่อยากพูด

“คงรังเกียจสินะ แต่ว่าเหม็นจริงๆ แหละ” ก้มมองสภาพตัวเองพร้อมพึมพำออกมา ขาเรียวเดินตรงไปยังป้ายรถเมล์เพื่อนั่งพักจากการเดินหางานมาทั้งวันและไม่มีที่ไหนรับสักแห่ง

อาจเพราะสภาพของเธอที่ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งแย่ขึ้นทุกที ชีวิตบัดซบไม่พอยังเป็นคนซุ่มซ่ามเดินสะดุดนู่นสะดุดนี่จนล้ม ล้มไม่พอถังขยะเจ้ากรรมดันมาล้มใส่จนขยะหล่นมาเรี่ยราดบนตัวเธอนี่แหละ โชคดีสุดก็ที่ไม่โดนพวกผู้ชายกลุ่มนั้นทำร้ายนี่แหละ

“มาร์เอ้ย แกจะมีชีวิตอยู่ไปได้อีกกี่วันกันนะ” ยิ่งอยู่ก็ยิ่งท้อ เพื่อนก็มีแค่เปมิศาคนเดียว ชีวิตยัยนั่นก็แย่ไม่ต่างกันจะไปพึ่งพาก็คงไม่ได้ ญาตพี่น้องไม่มีไม่รู้จักใครอีกจึงได้กลายเป็นคนเร่ร่อนแบบนี้

มายาวีเอนตัวนอนบนเก้าอี้พร้อมกอดกระเป๋าเสื้อผ้าแน่น เธอรู้สึกเหนื่อยล้าปวดเมื่อยไปทั้งตัวจึงหลับใหลไปอย่างง่ายดาย

ครืดๆ! เปรี้ยงๆ! แต่หลับไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อจู่ๆ ฝนห่าใหญ่ก็เทลงมาพร้อมเสียงฟ้าร้องดังสนั่นบริเวณนี้ มายาวีหยัดกายลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆ ตัวที่ไม่มีใครสักคน มีเพียงรถวิ่งอยู่เต็มถนน

“หนาวจัง” มือเล็กเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อแขนยาวที่ถอดเก็บไว้เมื่อช่วงบ่ายขึ้นมาสวมพร้อมกับนั่งกอดเข่าตัวเองมองเม็ดฝนที่กระหน่ำลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายเธอก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าอีกครั้ง

เวลา23:00น.

จากที่นอนบนเก้าอี้มายาวีถือกระเป๋าไปนอนด้านหลังเพราะก่อนหน้านี้มีคนเข้ามาหลบฝนจึงไม่อยากเกะกะ เธอตื่นมาหลังจากนอนเพียงพอแล้ว และเพราะความหิวจึงทำให้เธอไม่สามารถที่จะนอนต่อไปได้

“หิวจังเลย” ณ เวลานี้ฝนหยุดตกแล้ว และสิ่งที่มาพร้อมฝนก็คงเป็นยุง แม้ตอนนี้จะค้นเสื้อผ้าชุดเก่ามาเปลี่ยนเป็นเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวแล้วแต่ก็ยังมียุงหลายๆ ตัวพยายามบินมาดูดเลือดจากตัวเธอ

“พะ พี่คะ หนู หนูขอเงินหน่อยได้ไหมคะ” มายาวีที่หยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจะเดินผ่านไปรีบเข้าไปเกาะแขนเธอไว้

“เงินอะไรคะไม่มีหรอก น่ากลัวจริงๆ!” หล่อนสะบัดแขนตัวเองออกแล้วไปยืนโบกแท็กเพื่อออกจากตรงนี้ มายาวีเดินลูบท้องที่ร้องโครกครากไปนั่งบนเก้าอี้มองแสงไฟจากหลอดไฟที่สาดส่องให้ความสว่างอยู่

“กูให้ไม่เกินครึ่งชั่วโมงต้องถึง!” เสียงทุ้มลึกดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนขึ้นมาถึงข้อศอกคู่กับกางสแลคสีดำรองเท้าหนังขัดจนเงาแวบ

ร่างเล็กมองเขาจากรองเท้าขึ้นไปยังกางเกง เสื้อเชิ้ต ลำคอที่ลูกกระเดือกเด่นชัดเธอคุ้นมาก จนกระทั่งได้เห็นใบหน้าของเขาเธอจึงรีบลุกขึ้นยืนแล้วขยับออกมาเพราะเห็นว่าเขาจะนั่งแม้จะห่างจากที่เธอนั่งแต่คิดว่าเขาคงไม่ชอบ

“ลุกทำไม” เขาถามโดยไม่ได้มองหน้าเธอ มือหนาหยิบซองบุหรี่กับไฟแช็กขึ้นมาจุดสูบก่อนจะหันไปมองร่างเล็กที่ชุดเธอเปลี่ยนไปจากเมื่อช่วงกลางวันแต่ก็ไม่ได้ดูดีขึ้นเพราะชุดที่เธอสวมใส่นั้นเก่าซอมซ่อ

“หนูไม่ได้อาบน้ำ”

“…”

“คุณมาที่นี่อีกทำไมคะ”

“ไม่ได้มาหาเธอก็แล้วกัน” ตุ้บ! ว่าพลางโยนถุงกระดาษลงบนพื้นตรงหน้ามายาวี เธอจึงก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาดูพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยแววตาที่ลุกวาว

“คุณซื้อมาให้หนูเหรอคะ?” ด้านในถุงกระดาษสีน้ำตาลเป็นแฮมเบอร์เกอร์ที่ถูกห่อไว้อีกที เธอเคยเห็นในโซเชี่ยลหรือทีวีแต่ไม่เคยได้กินมันกับน่องไก่ทอดสามสี่น่องและมันฝั่งทอดเป็นแท่ง (เฟรนด์ฟราย)

“เปล่า”

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • เพลิงพิศวาส   P/4 The End

    กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ตอนที่ลูกๆ ของมายาวีเติบโตเป็นสาวเป็นหนุ่มแล้ว ณลิลในวัยสิบเจ็ดปีและเป็นหนึ่งในวัยสิบสามปี ส่วนคุณแม่ก็ปาไปสามสิบปลายๆ และคุณพ่อที่จะห้าสิบอยู่ไม่กี่ปีทว่าความรักของพวกเขากลับไม่เคยลดน้อยถอยลงเลยแม้แต่น้อย“คุณพ่อขา คุณแม่ไปไหนเหรอคะ” เสียงหวานใสของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีอย่างณลิลวิ่งเข้ามานั่งบนพื้นพับเพียงข้างผู้เป็นพ่อที่นั่งอ่านข่าวกีฬาจากไอแพดอยู่ เปลวเพลิงวางไอแพดลงยกมือขึ้นมาลูบผมบุตรสาวอย่างอ่อนโยน“คุณแม่ไปตลาดกับน้องครับ”“วันนี้วันเกิดเพื่อนหนูขอไปได้ไหมคะ?”“รอขอแม่ก่อนไหมครับ”“อือ คุณแม่ไม่ให้ไปอยู่แล้ว”“แล้วคิดว่าพ่อจะให้ไปเหรอ”“ก็คุณพ่อใจดีกว่าคุณแม่นี่คะ ณินก็ไปด้วยนะคะหนูไม่ได้ไปคนเดียว”“หนูเพิ่งอายุสิบเจ็ดเองนะ จะหัดเที่ยวกลางคืนแล้วเหรอ” ถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่แข็งหรือว่าอ่อนนุ่มจนเกินไป ณลิลขยับขึ้นไปนั่งบนโซฟายกแขนขึ้นมากอดอกแสดงท่าทาเอาแต่ใจออกมา“ไม่รักหนูแล้วล่ะสิถึงพูดแบบนี้”“ถ้าหนูดื้อพ่อก็ไม่รัก”“คุณพ่ออ่า” ขยับเข้าไปโอบกอดผู้เป็นพ่อที่มีอายุจะห้าสิบแล้วทว่าความหล่อของเขากลับไม่แผ่วลงเลยสักนิด ยิ่งอายุเยอะก็ยิ่งหล่อดึงดูดสาว

  • เพลิงพิศวาส   P/3

    ผ่านไปไม่กี่เดือนคุณแม่มือใหม่อย่างมายาวีก็ได้ให้กำเนินลูกสาว ทุกคนต่างเห่อมาก มาดูและชื่นชมกันไม่หยุดหย่อนแต่เปลวเพลิงคุณพ่อมือใหม่กับเห็นแววดื้อรั้นของลูกสาวตั้งแต่เกิดมาไม่กี่ชั่วโมง ดูจากตอนนี้ที่ร้องไม่หยุดแม้จะมีนมจากเต้าของแม่อุดปากอยู่ก็ตาม…“โอ๋ๆ หนูจะร้องทำไมลูก คุณหมอคะเขาเจ็บหรือเปล่าทำไมร้องไม่หยุดเลย” มายาวีหันไปถามคุณหมอที่กำลังยืนคุยอยู่กับเปลวเพลิงเมื่อลูกสาวตัวน้อยนั้นร้องไม่ยอมหยุด แม้จะอ้าปากคาบนมแต่ก็ยังส่งเสียงร้องออกมาด้วย“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ เด็กร้องน่ะดีแล้ว”“อ่อ เงียบแล้ว” ก้มมองเด็กน้อยในอ้อมอกที่ปิดเปลือกตาลงแล้ว ปากยังคงดูดนมเธออย่างเอร็ดอร่อย มายาวีถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อลูกสาวหลับไปแล้วใช้เวลาพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลไม่กี่วันก็กลับมาเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านจนตอนนี้ครบสามเดือนแล้ว คุณแม่มือใหม่กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแทบทุกวันจนบางคืนคุณพลับพลึงต้องมานอนที่นี่เพื่อช่วยลูกสะใภ้เลี้ยงหลานสาวตัวน้อยที่อ้อนเก่งเสียเหลือเกิน“ณลิลน้อย ดูดนมเก่งแล้วนะเรา” เสียงหวานใสของคุณแม่ที่นั่งอุ้มเด็กน้อยอยู่ในอกดังขึ้น ดวงตากลมใสจ้องมองลูกสาวตัวน้อยที่ดูดนมจ๊วบจ๊วบหล

  • เพลิงพิศวาส   P/2

    บ้านปรัชญา…ภายในบ้านที่กำลังครึกครื้นเมื่อทุกคนยกเว้นเรมิกับรัญช์ต่างพากันมารวมตัวกันเมื่อพูดคุยสังสรรค์กันเป็นประจำแทบทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้ ตอนนี้ปัณณพรกับเปมิศาย้ายมาอยู่ที่บ้านของปรัชาแล้วเพราะทั้งคู่เพิ่งแต่งงานไปเมื่อเดือนที่แล้วปัณณพรแยกทางกับสามีโดยมีปรัชญาสั่งห้ามไม่ให้พ่อของเปมิศาเข้ามาวุ่นวายที่นี่แต่จะส่งเงินให้รายเดือนเอาซึ่งสองแม่ลูกตกลงเพราะสามีเอาแต่เมาไม่ทำมาหากินตัวปัณณพรจึงไม่ได้ต้องการมาสร้างปัญหาให้ตัวเองสักเท่าไหร่“แล้วทำไมหนูเรมิไม่มาล่ะ” ปัณณพรเอ่ยขณะกำลังล้างผักเพื่อเตรียมอาหารให้เด็กๆ อยู่ในครัวกับลูกสาวคนสวยที่คอยเป็นลูกมือ“ตีกันกับพี่รัญช์มั้งคะ”“ตีกีนจริงไหม?”“ก็ทะเลาะกันปกติแหละค่ะ เถียงกันนิดๆ หน่อย”“เรมิเอาแต่ใจครับ พอถูกรัญช์ตามใจก็เคยตัวแต่ช่วงนี้รัญช์มันเริ่มเอาจริงเรมิก็เลยงอแงน้อยใจ” ปรัชญาที่นั่งหั่นเนื้อสัตว์อยู่บนโต๊ะกลางครัวเอ่ยขึ้นบ้าง เขารู้มาจากเปลวเพลิงว่าช่วงนี้รัญช์ดุขึ้นซึ่งนั่นคือนิสัยที่แท้จริงของหมอนั่นและที่ดุก็คงเพราะภรรยาสาวของตัวเองคงจะดื้อมากจนเกินไป เขาไม่ได้ห้ามหรือเข้าไปยุ่งเพียงแต่แค่กำชับรัญช์ไว้แค่สองอย่างคือเรื่องนอ

  • เพลิงพิศวาส   P/1

    หลายเดือนต่อมา…“พี่เพลิงคะ” เสียงหวานของหญิงสาวร่างเล็กเอ่ยเรียกแฟนหนุ่มที่กำลังปลูกดอกไม้อยู่หน้าบ้าน เขาละมือจากงานตรงหน้าเพื่อหันไปมองแฟนสาวที่กำลังเดินตรงมาทางเขา“ว่าไงครับ?”“พี่เรมิโทรมาชวนไปนั่งเล่นที่คาเฟ่ ขอไปนะคะ”“อืม รอพี่ไปอาบน้ำก่อนนะครับ”“หนูไปคนเดียวไม่ได้เหรอคะ?”“นัดผู้ชายไว้?” ถามเสียงเข้มๆ จ้องหน้าแฟนสาวอย่างจับผิด ร่างเล็กส่ายหัวให้ก่อนจะจูงมือหนาพาเดินเข้าไปในบ้าน“มีผู้ชายให้นัดก็ดีสิคะ”“แล้วทำไมถึงอยากไปคนเดียว”“พี่เรมิอยากมาระบายเรื่องความรักกับพี่รัญช์ พี่เขาบอกว่าไม่อยากให้พี่ไปกลัวพี่จะไปหาเรื่องพี่รัญช์”“มันทำอะไรเรมิ?”“ก็แบบนั้นแหละ”“มีอะไรกันแล้ว?”“อือ”“แล้วทำไมจะต้องมาระบาย แต่งงานแล้วจะมีเซ็กส์กันก็ไม่แปลกอะไรนี่นา เรมินี่ยิ่งนับวันปัญหายิ่งเยอะนะ”“ก็เพราะแบบนี้ไงคะพี่เรมิถึงไม่อยากให้พี่ไปกับหนู”“และพี่ก็ไม่ให้หนูไปด้วยครับ ท้องอยู่เดินทางบ่อยไม่ดีอยู่บ้านนี่แหละ” บอกอย่างเป็นคำสั่งจ้องหน้าแฟนสาวด้วยสายตาแข็งๆ มายาวีจึงซบหน้าลงบนต้นแขนถูใบหน้าไปมาเบาๆ เหมือนแมวตัวน้อยที่กำลังอ้อนเจ้าของ“งื้ออ! แต่หนูอยากไป”“ไม่ครับ ขึ้นไปนอนพักบนห้อง”“พ

  • เพลิงพิศวาส   40.ครอบครัว

    หลายวันต่อมา… สุดท้ายวันที่ได้กลับมาบ้านก็ถึงสักที ร่างเล็กลงจากรถวิ่งตรงเข้าไปในตัวบ้านที่จากลาไปเสียหลายเดือนกว่าจะมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ดวงตากลมโตมองไปรอบตัวบ้านที่ยังคงใหม่สะอาดน่าอยู่เหมือนกับเมื่อก่อน “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆ ขาเรียวก้าวตรงไปยังรูปภาพพ่อกับแม่ที่ติดอยู่ข้างผนังบ้าน มือเล็กยื่นไปแตะใบหน้าของพวกเขาพร้อมฉีกยิ้มหวานให้ “หนูมาร์กลับมาแล้วนะแม่จ๋าพ่อจ๋า” “กลับมาแล้วก็อย่ามาส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น” จิตรดาที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาเอ่ยขึ้น หล่อนเบะปากใส่ลูกเลี้ยงที่หันมามองก่อนจะหยิบนิตยสารขึ้นมาอ่านแทนการสบตากับหญิงสาวที่เป็นเจ้าของบ้าน “พี่จันตรีล่ะคะ ไหนว่ากลับมาอยู่ที่นี่แล้ว” มายาวีเดินไปจูงมือแฟนหนุ่มแล้วพากันไปนั่งบนโซฟาตรงข้ามแม่เลี้ยงจิตรดา “อยู่ในครัว” “พี่ให้ทำขนมหวานให้เธอน่ะ” เปลวเพลิงบอกพลางโน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มแฟนสาว มายาวีพยักหน้ารับแล้วมองแม่เลี้ยง “ไม่ได้ไปทำงานเหรอคะ?” “วันนี้หยุด” “อ่อ พี่จันก็หยุดเหรอคะ” “จะถามอะไรมากมา…” เมื่อหันไปสบกับสายตาคมกริบของเปลวเพลิงจากที่จะใส่อารมณ์กับลูกเลี้ยงจิตรดาก็ต้อง

  • เพลิงพิศวาส   39.เอากันไหม

    สิบห้านาทีต่อมา…“เมียครับ กลับบ้านกันเถอะ” เปลวเพลิงเดินผิวปากเข้ามาในร้านพร้อมเอ่ยเรียกแฟนสาว ด้านหลังเขามีปรัชญาเดินตามมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่“คุณปรัช…” เปมิศาเดินไปสำรวจใบหน้าร่างกายของปรัชญาก็พบว่าทุกอย่างปกติเหมือนตอนเดินออกไป มีเพียงแค่สีหน้าเขาเท่านั้นที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “เป็นอะไรเหรอคะ”“ไม่ได้เป็นไร”“แต่สีหน้าคุณดูหงุดหงิดนะคะ”“ก็ไอ้เวรนี่มันให้ฉันจัดการคนพวกนั้นคนเดียวไง!” ตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ไม่สบอารมณ์“คุณปรัชจัดการคนเดียวเหรอคะ แล้วพวกนั้นมีกี่คน” มายาวีถามต่อ มองหน้าแฟนหนุ่มที่เอื้อมมือมายีผมเธอพร้อมรอยยิ้ม“ใช่ครับ มันจัดการคนเดียวพวกนั้นก็แค่ห้าคนเอง”“มันน่าภูมิใจมากไหมคะ?”“ก็ประมาณหนึ่งครับ มีพี่ชายเก่ง” ยกหน้ายกตาพูดอย่างกับภูมิใจจริงๆ มายาวีได้แต่ส่ายหน้าให้เขาเบาๆ ก่อนจะยกมือโบกลาเปมิศาแล้วเดินตามเปลวเพลิงออกไป“จันตรีล่ะคะ?”“วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนไปแล้ว”“แล้วผู้ชายพวกนั้น…”“โดนไอ้ปรัชกับไอ้รัญช์จัดการแล้ว เธออยากไปไหนไหมเดี๋ยวพี่พาไป” เปลวเพลิงหยุดเดินเมื่อมาถึงรถ เขายื่นมือไปแตะแก้มนุ่มของแฟนสาวเบาๆ ระหว่างรอคำตอบจากเธอ“อยากกลับบ้านค่ะ แต่ว

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status