Share

2.เปลวเพลิง

Penulis: inglada
last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-07 04:05:30

ชีวิตจะมีอะไรบัดซบขนาดนี้ไหม? ดวงตากลมโตมองโทรศัพท์เครื่องเดียวแตกกระจายอยู่บนพื้นเมื่อจู่ๆ ก็มีคนวิ่งมาชนเธอแถมยังไม่หยุดขอโทษกันเลยสักนิด

“เวรกรรมเธอนี่เยอะจริงๆ นะมาร์” เก็บเศษโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างไม่ต้องเปิดดูว่ามันพังไหมเพราะมันเป็นเศษไปแล้ว

มายาวีหันไปมองทางด้านหน้าก็เห็นว่ามีกลุ่มคนยืนอยู่เกือบสิบคน มีผู้ชายหนึ่งในนั้นที่หน้าจะเป็นหัวหน้าใหญ่ส่วนคนอื่นคงเป็นลูกน้อง รอบตัวพวกเขาไม่มีคนอื่นๆ และเหมือนเมื่อสักครู่ผู้ชายที่วิ่งมาชนเธอนั้นจะหลีกหนีพวกเขามา

“ไปจับตัวมันมาให้ได้ ไม่งั้นคนที่ตายจะเป็นพวกมึง!” เสียงทรงอำนาจดังขึ้นเป็นการสั่งลูกน้องของตน จากนั้นคนนับสิบก็วิ่งแยกย้ายกันไปตามผู้ชายคนนั้นโดยมีร่างเล็กยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มพวกเขา

“คงไม่โดนลูกหลงตายตรงนี้หรอกนะ” เสียงหวานบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินตรงไปยังด้านหน้าเพื่อผ่านทาง พวกเขาไม่มีใครสนใจเธอเลยสักนิด

“เธออ่ะ!”

“คะ?” ฝีเท้าบางหยุดชะงัก มายาวีหันไปมองต้นเสียงที่เป็นผู้ชายคนที่ยืนข้างคนหล่อหน้าเข้มเรียกไว้

“เดินเร็วๆ หน่อย เดี๋ยวก็โดนลูกหลงตายหรอก” เพียงแค่นั้นแหละเธอรีบจ้ำอ้าวแทบจะวิ่งออกไปจากบริเวณนั้นดวยความเร็วทันที

ออกมาจากตรงนั้นก็มองหาที่สมัครงาน ทว่าเกือบทุกร้านยังไม่เปิดรับสมัครพนักงาน มายาวีเดินหาที่ทำงานไปห้าหกร้านจนเริ่มเหนื่อยมือเล็กหยิบเงินในกระเป๋าที่เหลือเพียงเจ็ดสิบบาทไปซื้อมาม่ากับน้ำเปล่ามานั่งกินข้างทาง

“คุณแม่ขา หนูสมัครงานผ่านแล้วพรุ่งนี้ได้เข้าทำงานแล้วค่ะ” เสียงใสของหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ วิ่งเข้าไปกระโดดผู้เป็นแม่ที่เพิ่งลงจากรถ มายาวีเงยหน้าขึ้นไปมองตึกด้านหน้าที่มีราวยี่สิบกว่าชั้นเป็นตึกที่ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งเดินออกมา

“เชื่อแม่รึยังว่าการเรียนสูงมีผลต่อการทำงาน จากนี้ไปก็อยู่ที่ความสามารถของหนู แต่ถ้าความสามารถความเก่งหรือขยันไม่พอก็อาจจะทำงานได้ไม่นานดังนั้นหนูต้องขยันรู้ไหม?”

“รับทราบค่ะ หนูได้ที่ทำงานแล้ววันนี้เลี้ยงอะไรหนูดีคะ?”

“อยากทานอะไรล่ะคะ”

“ชาบูก็พอค่ะ อย่างอื่นกินเบื่อแล้ว”

“ไปกันเลยไหมคะ”

“ไปสิคะ หิวจนไส้จะขาดแล้ว”

มายาวีมองตามสองแม่ลูกที่เดินไปขึ้นรถและขับออกไปด้วยความรู้สึกที่อิจฉา เธอมองมาม่าในถ้วยที่ตอนนี้เหลือเพียงน้ำก็ได้แต่ยิ้มให้กับชีวิตของตัวเอง ชาบูคืออะไรเธอไม่รู้จักรู้แค่ว่าคงไม่มีโอกาสได้กินมัน

“หรือว่ามีแค่วุฒิมอสามเขาเลยไม่รับทำงาน?” หลังจากนำถ้วยมาม่าไปทิ้งถังขยะด้านข้างแล้วเธอก็ถามตัวเองพร้อมหยิบวุฒิมอสามขึ้นมาดู

“แต่ก็มีแค่นี้นะ” บ่นกับตัวเองก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋าสะพายตามเดิมแล้วยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นมาถือเดินตามหาที่ทำงานต่อไป

คาสิโน…

“นายครับไอ้หมอนั่นมันปาดคอตัวเองตายครับ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มวัยสามสิบเดินเข้ามารายงานผู้เป็นนายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ขาทั้งสองข้างวางพาดอยู่บนโต๊ะทำงานที่มีจอคอมพิวเตอร์กับคียญ์บอร์ดตั้งอยู่ตรงหน้า นิ้วเรียวเคาะลงบนโต๊ะสองสามครั้งแล้วพยักหน้ารับ

“จัดการศพมันเรียบร้อยยัง?”

“เรียบร้อยแล้วครับ แล้วคนที่มีส่วนร่วมกับมัน?”

“จัดการตามความเหมาะสม”

“ครับ นายมีอะไรสั่งอีกไหมครับ”

“ไม่มี” สิ้นประโยคผู้เป็นนายรัญช์ก็โค้งหัวให้แล้วเดินออกจากห้องทำงานไป เปลวเพลิงมองตามแผ่นหลังมือขวาไปจนประตูถูกปิดเขาจึงเอาขาลงมาจากโต๊ะลุกขึ้นยืนเดินตามรัญช์ออกจากห้องไป

“นายจะไปไหนครับ?”

“ไปไหนก็ได้ นายไม่ต้องไป”

“ครับ…” นายผู้รักอิสระบินไปมาเหมือนนกที่เขากับลูกน้องคนอื่นไม่ค่อยทันมักจะชินกับคำว่าไปไหนก็ได้ของเขา ร่างสูงเดินลงไปยังชั้นล่างของคาสิโนกวาดสายตามองไปรอบตัวด้วยแววตาเย็นชา

เขาไม่ได้กล่าวอะไรเพราะเพียงแค่สายตาของเขาเหล่าลูกน้องต่างก็พากันยืนก้มหน้ากันหมด ชายหนุ่มแค่นหัวเราะออกมาในลำคอแล้วเดินไปขึ้นรถสปอร์ตคันหรูราคาเฉียดร้อยล้านก่อนจะขับออกไปตามถนนเรื่อยๆ

ครืดดด~ โทรศัพท์เครื่องหรูสั่นอยู่ภายในกางเกงสแลคสีดำราคาแพง มือหนาล้วงเข้าไปหยิบมันขึ้นมาดูชื่อและกดตัดสายก่อนจะเหยียบคันเร่งขับเคลื่อนรถออกไปด้วยความเร็วจนมาถึงปลายทางซึ่งเป็นสวนสาธารณะไม่ไกลจากคาสิโน

“ตัดสายกู?” ทันทีที่ก้าวขาลงจากรถก็มีเสียงเข้มๆ จากชายหนุ่มที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาดังขึ้น

“กูจะบอกว่าแวะซื้อมาม่ารสต้มยำมาให้กูด้วย กูอยากแดก”

“ไม่มีปัญญาซื้อเอง?” เดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้างพี่ชายบนพื้นสนามหญ้าที่ด้านหน้าเป็นแม่น้ำ

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่โมงเย็นที่นี่จึงค่อนข้างครึกครื้นผู้คนต่างพากันมาวิ่งออกกำลังกายและเป็นหนึ่งในสถานที่ที่พี่ชายของเขาชอบนัด (บังคับ) ให้มานั่งปล่อยใจไปกับธรรมชาติ

“กูคุณปรัชญาเจ้าของฟาร์มใหญ่โต พ่อกับแม่เป็นถึงนักธุรกิจมีน้องชายทั้งหล่อและรวยให้ไปยืนต่อคิวซื้อมาม่ามึงบ้าป่ะ”

“ใช่ มึงบ้าแค่มาม่ายังไม่มีปัญญาซื้อ”

“หุบปากไป! ฟังเสียงนกเสียงการ้องบ้าง”

“มึงคิดว่ากูกับมึงอายุสิบกว่าขวบเหรอ?”

“ก็ทำตัวให้เป็นเด็กบ้างดิ มึงทำงานจนแทบไม่มีเวลาหาเมียแล้ว”

“กูไม่อยากคุยกับมึง”

“งั้นก็เงียบปาก”

“อีกเดี๋ยวจะกลับ”

“กูบอกว่าหนึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมงมึงต้องผ่อนคลายบ้างไอ้เพลิง” ปรัชญาหันไปว่าน้องชายที่บ้างานเข้าขั้นสุดๆ ไม่ทำงานก็ลากหญิงขึ้นเตียงชีวิตหมอนี่มีอยู่แค่นี้

“…”

“แล้วงานเป็นไงบ้าง”

“…”

“ที่บอกว่ามีคนโกงเงินไปจับตัวได้รึยัง?”

“…”

“เงียบทำเหี้ยไร!?”

“มึงเป็นคนบอกให้กูเงียบเอง

“ไปไหนก็ไปเถอะ” ปัดมือไล่อย่างไม่จริงจังนักแต่เจ้าน้องชายกลับลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว “กูพูดเล่น คุยกับกูก่อนดิ” กระพริบตาปริบๆ ใส่อย่างขอร้องแต่คนน้องหาได้สนใจไม่

“ชวนคนแถวนี้มานั่งเป็นเพื่อนละกันกูจะไปขับรถเล่น” ไม่รอให้ปรัชญางัดปืนมาขู่เปลวเพลิงก็รีบจ้ำอ้าวไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที

….

เมื่อออกจากมาจากสวนสาธารณะแล้วเปลวเพลิงก็ขับรถไปตามถนนเรื่อยๆ จนสายตาไปสะดุดกับกลุ่มผู้ชายราวสี่ห้าคนกำลังยืนรุมเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แม้จะขับผ่านไปแล้วแต่ก็เลือกที่จะถอยหลังกลับมาพร้อมลดกระจกลง

“แม้จะดูสกปรกไปหน่อยแต่รับรองว่าถ้าได้ครางอยู่ใต้ร่างพวกพี่หนูจะมีเงินไปอาบน้ำล้างตัวให้สะอาดกว่านี้นะ” เสียงของผู้ชายหนึ่งในสี่คนนั้นเอ่ยขึ้น มือพยายามเอื้อมไปจับแขนของหญิงสาวตัวเล็กที่พยายามถอยหลังหนีจนขาไปสะดุดกับก้อนหินทำให้เธอเสียหลักล้มหงายหลัง

“ฮ่าๆ แค่นี้ก็กลัวแล้วเหรอ?” คนพวกนั้นไม่มีแม้แต่จะช่วยเธอซ้ำยังยืนหัวเราะใส่อีก หญิงสาวตัวเล็กพยายามหยัดกายลุกขึ้นยืนพร้อมยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นมากอดไว้ด้านหน้า

เปลวเพลิงนั่งมองเธอก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เขาเปิดประตูแล้วลงจากรถพร้อมสาวเท้าเข้าไปหาผู้ชายกลุ่มนั้นที่พอได้เห็นการปรากฏตัวของเขาต่างก็ถอยหลังหนีก้มหน้าหลบสายตาคมคู่นั้นทันที

“แค่นี้ก็กลัวแล้วเหรอ?” น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามเอ่ยถามผู้ชายกลุ่มนั้นในประโยคเดียวกับที่พวกเขาถามหญิงสาวตัวเล็กที่กำลังยืนมองหน้าเขาอยู่

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เพลิงพิศวาส   P/4 The End

    กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ตอนที่ลูกๆ ของมายาวีเติบโตเป็นสาวเป็นหนุ่มแล้ว ณลิลในวัยสิบเจ็ดปีและเป็นหนึ่งในวัยสิบสามปี ส่วนคุณแม่ก็ปาไปสามสิบปลายๆ และคุณพ่อที่จะห้าสิบอยู่ไม่กี่ปีทว่าความรักของพวกเขากลับไม่เคยลดน้อยถอยลงเลยแม้แต่น้อย“คุณพ่อขา คุณแม่ไปไหนเหรอคะ” เสียงหวานใสของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีอย่างณลิลวิ่งเข้ามานั่งบนพื้นพับเพียงข้างผู้เป็นพ่อที่นั่งอ่านข่าวกีฬาจากไอแพดอยู่ เปลวเพลิงวางไอแพดลงยกมือขึ้นมาลูบผมบุตรสาวอย่างอ่อนโยน“คุณแม่ไปตลาดกับน้องครับ”“วันนี้วันเกิดเพื่อนหนูขอไปได้ไหมคะ?”“รอขอแม่ก่อนไหมครับ”“อือ คุณแม่ไม่ให้ไปอยู่แล้ว”“แล้วคิดว่าพ่อจะให้ไปเหรอ”“ก็คุณพ่อใจดีกว่าคุณแม่นี่คะ ณินก็ไปด้วยนะคะหนูไม่ได้ไปคนเดียว”“หนูเพิ่งอายุสิบเจ็ดเองนะ จะหัดเที่ยวกลางคืนแล้วเหรอ” ถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่แข็งหรือว่าอ่อนนุ่มจนเกินไป ณลิลขยับขึ้นไปนั่งบนโซฟายกแขนขึ้นมากอดอกแสดงท่าทาเอาแต่ใจออกมา“ไม่รักหนูแล้วล่ะสิถึงพูดแบบนี้”“ถ้าหนูดื้อพ่อก็ไม่รัก”“คุณพ่ออ่า” ขยับเข้าไปโอบกอดผู้เป็นพ่อที่มีอายุจะห้าสิบแล้วทว่าความหล่อของเขากลับไม่แผ่วลงเลยสักนิด ยิ่งอายุเยอะก็ยิ่งหล่อดึงดูดสาว

  • เพลิงพิศวาส   P/3

    ผ่านไปไม่กี่เดือนคุณแม่มือใหม่อย่างมายาวีก็ได้ให้กำเนินลูกสาว ทุกคนต่างเห่อมาก มาดูและชื่นชมกันไม่หยุดหย่อนแต่เปลวเพลิงคุณพ่อมือใหม่กับเห็นแววดื้อรั้นของลูกสาวตั้งแต่เกิดมาไม่กี่ชั่วโมง ดูจากตอนนี้ที่ร้องไม่หยุดแม้จะมีนมจากเต้าของแม่อุดปากอยู่ก็ตาม…“โอ๋ๆ หนูจะร้องทำไมลูก คุณหมอคะเขาเจ็บหรือเปล่าทำไมร้องไม่หยุดเลย” มายาวีหันไปถามคุณหมอที่กำลังยืนคุยอยู่กับเปลวเพลิงเมื่อลูกสาวตัวน้อยนั้นร้องไม่ยอมหยุด แม้จะอ้าปากคาบนมแต่ก็ยังส่งเสียงร้องออกมาด้วย“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ เด็กร้องน่ะดีแล้ว”“อ่อ เงียบแล้ว” ก้มมองเด็กน้อยในอ้อมอกที่ปิดเปลือกตาลงแล้ว ปากยังคงดูดนมเธออย่างเอร็ดอร่อย มายาวีถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อลูกสาวหลับไปแล้วใช้เวลาพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลไม่กี่วันก็กลับมาเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านจนตอนนี้ครบสามเดือนแล้ว คุณแม่มือใหม่กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแทบทุกวันจนบางคืนคุณพลับพลึงต้องมานอนที่นี่เพื่อช่วยลูกสะใภ้เลี้ยงหลานสาวตัวน้อยที่อ้อนเก่งเสียเหลือเกิน“ณลิลน้อย ดูดนมเก่งแล้วนะเรา” เสียงหวานใสของคุณแม่ที่นั่งอุ้มเด็กน้อยอยู่ในอกดังขึ้น ดวงตากลมใสจ้องมองลูกสาวตัวน้อยที่ดูดนมจ๊วบจ๊วบหล

  • เพลิงพิศวาส   P/2

    บ้านปรัชญา…ภายในบ้านที่กำลังครึกครื้นเมื่อทุกคนยกเว้นเรมิกับรัญช์ต่างพากันมารวมตัวกันเมื่อพูดคุยสังสรรค์กันเป็นประจำแทบทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้ ตอนนี้ปัณณพรกับเปมิศาย้ายมาอยู่ที่บ้านของปรัชาแล้วเพราะทั้งคู่เพิ่งแต่งงานไปเมื่อเดือนที่แล้วปัณณพรแยกทางกับสามีโดยมีปรัชญาสั่งห้ามไม่ให้พ่อของเปมิศาเข้ามาวุ่นวายที่นี่แต่จะส่งเงินให้รายเดือนเอาซึ่งสองแม่ลูกตกลงเพราะสามีเอาแต่เมาไม่ทำมาหากินตัวปัณณพรจึงไม่ได้ต้องการมาสร้างปัญหาให้ตัวเองสักเท่าไหร่“แล้วทำไมหนูเรมิไม่มาล่ะ” ปัณณพรเอ่ยขณะกำลังล้างผักเพื่อเตรียมอาหารให้เด็กๆ อยู่ในครัวกับลูกสาวคนสวยที่คอยเป็นลูกมือ“ตีกันกับพี่รัญช์มั้งคะ”“ตีกีนจริงไหม?”“ก็ทะเลาะกันปกติแหละค่ะ เถียงกันนิดๆ หน่อย”“เรมิเอาแต่ใจครับ พอถูกรัญช์ตามใจก็เคยตัวแต่ช่วงนี้รัญช์มันเริ่มเอาจริงเรมิก็เลยงอแงน้อยใจ” ปรัชญาที่นั่งหั่นเนื้อสัตว์อยู่บนโต๊ะกลางครัวเอ่ยขึ้นบ้าง เขารู้มาจากเปลวเพลิงว่าช่วงนี้รัญช์ดุขึ้นซึ่งนั่นคือนิสัยที่แท้จริงของหมอนั่นและที่ดุก็คงเพราะภรรยาสาวของตัวเองคงจะดื้อมากจนเกินไป เขาไม่ได้ห้ามหรือเข้าไปยุ่งเพียงแต่แค่กำชับรัญช์ไว้แค่สองอย่างคือเรื่องนอ

  • เพลิงพิศวาส   P/1

    หลายเดือนต่อมา…“พี่เพลิงคะ” เสียงหวานของหญิงสาวร่างเล็กเอ่ยเรียกแฟนหนุ่มที่กำลังปลูกดอกไม้อยู่หน้าบ้าน เขาละมือจากงานตรงหน้าเพื่อหันไปมองแฟนสาวที่กำลังเดินตรงมาทางเขา“ว่าไงครับ?”“พี่เรมิโทรมาชวนไปนั่งเล่นที่คาเฟ่ ขอไปนะคะ”“อืม รอพี่ไปอาบน้ำก่อนนะครับ”“หนูไปคนเดียวไม่ได้เหรอคะ?”“นัดผู้ชายไว้?” ถามเสียงเข้มๆ จ้องหน้าแฟนสาวอย่างจับผิด ร่างเล็กส่ายหัวให้ก่อนจะจูงมือหนาพาเดินเข้าไปในบ้าน“มีผู้ชายให้นัดก็ดีสิคะ”“แล้วทำไมถึงอยากไปคนเดียว”“พี่เรมิอยากมาระบายเรื่องความรักกับพี่รัญช์ พี่เขาบอกว่าไม่อยากให้พี่ไปกลัวพี่จะไปหาเรื่องพี่รัญช์”“มันทำอะไรเรมิ?”“ก็แบบนั้นแหละ”“มีอะไรกันแล้ว?”“อือ”“แล้วทำไมจะต้องมาระบาย แต่งงานแล้วจะมีเซ็กส์กันก็ไม่แปลกอะไรนี่นา เรมินี่ยิ่งนับวันปัญหายิ่งเยอะนะ”“ก็เพราะแบบนี้ไงคะพี่เรมิถึงไม่อยากให้พี่ไปกับหนู”“และพี่ก็ไม่ให้หนูไปด้วยครับ ท้องอยู่เดินทางบ่อยไม่ดีอยู่บ้านนี่แหละ” บอกอย่างเป็นคำสั่งจ้องหน้าแฟนสาวด้วยสายตาแข็งๆ มายาวีจึงซบหน้าลงบนต้นแขนถูใบหน้าไปมาเบาๆ เหมือนแมวตัวน้อยที่กำลังอ้อนเจ้าของ“งื้ออ! แต่หนูอยากไป”“ไม่ครับ ขึ้นไปนอนพักบนห้อง”“พ

  • เพลิงพิศวาส   40.ครอบครัว

    หลายวันต่อมา… สุดท้ายวันที่ได้กลับมาบ้านก็ถึงสักที ร่างเล็กลงจากรถวิ่งตรงเข้าไปในตัวบ้านที่จากลาไปเสียหลายเดือนกว่าจะมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ดวงตากลมโตมองไปรอบตัวบ้านที่ยังคงใหม่สะอาดน่าอยู่เหมือนกับเมื่อก่อน “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆ ขาเรียวก้าวตรงไปยังรูปภาพพ่อกับแม่ที่ติดอยู่ข้างผนังบ้าน มือเล็กยื่นไปแตะใบหน้าของพวกเขาพร้อมฉีกยิ้มหวานให้ “หนูมาร์กลับมาแล้วนะแม่จ๋าพ่อจ๋า” “กลับมาแล้วก็อย่ามาส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น” จิตรดาที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาเอ่ยขึ้น หล่อนเบะปากใส่ลูกเลี้ยงที่หันมามองก่อนจะหยิบนิตยสารขึ้นมาอ่านแทนการสบตากับหญิงสาวที่เป็นเจ้าของบ้าน “พี่จันตรีล่ะคะ ไหนว่ากลับมาอยู่ที่นี่แล้ว” มายาวีเดินไปจูงมือแฟนหนุ่มแล้วพากันไปนั่งบนโซฟาตรงข้ามแม่เลี้ยงจิตรดา “อยู่ในครัว” “พี่ให้ทำขนมหวานให้เธอน่ะ” เปลวเพลิงบอกพลางโน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มแฟนสาว มายาวีพยักหน้ารับแล้วมองแม่เลี้ยง “ไม่ได้ไปทำงานเหรอคะ?” “วันนี้หยุด” “อ่อ พี่จันก็หยุดเหรอคะ” “จะถามอะไรมากมา…” เมื่อหันไปสบกับสายตาคมกริบของเปลวเพลิงจากที่จะใส่อารมณ์กับลูกเลี้ยงจิตรดาก็ต้อง

  • เพลิงพิศวาส   39.เอากันไหม

    สิบห้านาทีต่อมา…“เมียครับ กลับบ้านกันเถอะ” เปลวเพลิงเดินผิวปากเข้ามาในร้านพร้อมเอ่ยเรียกแฟนสาว ด้านหลังเขามีปรัชญาเดินตามมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่“คุณปรัช…” เปมิศาเดินไปสำรวจใบหน้าร่างกายของปรัชญาก็พบว่าทุกอย่างปกติเหมือนตอนเดินออกไป มีเพียงแค่สีหน้าเขาเท่านั้นที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “เป็นอะไรเหรอคะ”“ไม่ได้เป็นไร”“แต่สีหน้าคุณดูหงุดหงิดนะคะ”“ก็ไอ้เวรนี่มันให้ฉันจัดการคนพวกนั้นคนเดียวไง!” ตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ไม่สบอารมณ์“คุณปรัชจัดการคนเดียวเหรอคะ แล้วพวกนั้นมีกี่คน” มายาวีถามต่อ มองหน้าแฟนหนุ่มที่เอื้อมมือมายีผมเธอพร้อมรอยยิ้ม“ใช่ครับ มันจัดการคนเดียวพวกนั้นก็แค่ห้าคนเอง”“มันน่าภูมิใจมากไหมคะ?”“ก็ประมาณหนึ่งครับ มีพี่ชายเก่ง” ยกหน้ายกตาพูดอย่างกับภูมิใจจริงๆ มายาวีได้แต่ส่ายหน้าให้เขาเบาๆ ก่อนจะยกมือโบกลาเปมิศาแล้วเดินตามเปลวเพลิงออกไป“จันตรีล่ะคะ?”“วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนไปแล้ว”“แล้วผู้ชายพวกนั้น…”“โดนไอ้ปรัชกับไอ้รัญช์จัดการแล้ว เธออยากไปไหนไหมเดี๋ยวพี่พาไป” เปลวเพลิงหยุดเดินเมื่อมาถึงรถ เขายื่นมือไปแตะแก้มนุ่มของแฟนสาวเบาๆ ระหว่างรอคำตอบจากเธอ“อยากกลับบ้านค่ะ แต่ว

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status