นางจะไม่ยินดีได้อย่างไร ในเมื่อกู้หยางอยู่ถึงเมืองเจียงซานทางตอนใต้ของแคว้น ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงหลายพันหลี้ (1หลี้=500เมตร) หากซีเยว่นางแต่งออกไปก็ไม่ต้องสนใจว่านางจะเป็นเช่นไร ทั้งยังไม่ต้องมีนางให้อยู่รกหูรกตาอีกด้วย
“ไม่ได้ เจ้าเลือกคนอื่นเถิด” อู๋ซื่อหันมามองหน้าสามีของนางอย่างไม่เข้าใจ กู้หยางก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเช่นกัน
“เพราะอันใดขอรับ”
“นางเป็นเพียงบุตรอนุ ให้แต่งกับเจ้าที่เป็นบุตรฮูหยินเอกของท่านนายอำเภอเห็นทีจะไม่เหมาะสม” คำกล่าวอ้างของเว่ยหมิงฟังขึ้นไม่น้อย หากมองกันตามฐานะก็เห็นว่าจะจริง
“ท่านพี่ ก็ให้อาเยว่นางแต่งเข้าไปเป็นอนุของคุณชายกู้ก็ได้เจ้าค่ะ”
เว่ยหมิงมองเตือนนางอู๋ซื่ออย่างดุดัน หากไม่เห็นแก่หน้านางที่เป็นถึงฮูหยินเอก เขาจะเอ่ยไล่นางออกจากห้องโถงกลับเรือนของนางไปเสีย
“มิได้ ข้าจะให้นางแต่งกับขุนนางให้ปกครองของข้า แม้จะมีตำแหน่งเล็กๆ แต่นางจะแต่งเข้าไปเป็นฮูหยินเพียงหนึ่งเดียว” เขาไม่ต้องการให้บุตรสาวไปเป็นอนุของผู้ใด
“เรื่องนี้ไม่ยากขอรับ เพราะข้าน้อยก็ไม่คิดจะให้นางแต่งเป็นอนุตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” กู้หยางมองเว่ยหมิงอย่างจริงจัง
“เจ้าเดินทางมาเหนื่อยๆ เรื่องนี้ค่อยพูดกันอีกหนก็ยังได้ บุตรสาวของข้าที่ถึงวัยออกเรือนยังมีอีกสองสามคน ไว้จะเรียกมาให้เจ้าดูตัวก็แล้วกัน” เว่ยหมิงเอ่ยตัดบทขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ขอรับ” กู้หยางรับคำอย่างเรียบเฉย แต่สายตาของเขาก็ยังพิจารณาในตัวของเว่ยหมิงไม่ละไป
ก่อนที่พ่อบ้านเว่ยจะพากู้หยางเดินไปที่พัก เขาถูกเว่ยหมิงเรียกตัวไปสั่งคำเสียก่อน
“ให้บ่าวจับตาดูคุณชายกู้ให้ดี อย่าให้พบกับคุณหนูรองเป็นอันขาด”
“ขอรับ” พ่อบ้านเว่ยแม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดนายท่านถึงได้กังวลที่ทั้งสองจะพบกันมากเพียงนี้แต่ก็รับคำสั่งอย่างดี
ตอนนี้คุณหนูรอง นางล้มป่วยพักอยู่แต่ในเรือน จะออกมาด้านนอกจนได้พบกันได้อย่างไร
กู้หยางเดินตามพ่อบ้านเว่ยไปที่เรือนพักของตน สายตาของเขาไม่ได้กวาดมองไปที่ใด ได้แต่มองตรงไปด้านหน้าเพียงอย่างเดียว เรื่องนี้ยังสร้างความมึนงงให้พ่อบ้านเว่ย ว่านายท่านของตนระแวงมากเกินไปหรือไม่
ต่อให้คนทั้งสองพบหน้ากัน ก็คงไม่อาจรู้ได้ในทันทีว่าใครเป็นใคร ด้วยทั้งสองมิเคยพบเจอกันมาก่อน
กู้หยางเข้ามาถึงที่พัก เขาก็ลอบสังเกตว่า มีบ่าวไม่น้อยที่เข้ามาอยู่ทำงานภายในเรือน ทั้งดวงตาของพวกเขาต่างก็จ้องมองมาที่กู้หยางอยู่เป็นระยะเหมือนดูว่ากู้หยางกำลังทำอะไร
“คุณชาย” เสี่ยวหู บ่าวคนสนิทของเขาเอ่ยเรียกเจ้านายของตนอย่างกังวล
พวกบ่าวตระกูลเว่ยคงไม่รู้ว่าการที่กระทำเช่นนี้ สองนายบ่าวย่อมจะมองออกว่าพวกเขาถูกจับตามองเสียแล้ว
“ไม่ต้องสนใจ เจ้าไปจัดเก็บข้าวของเถิด ข้าอยากจะล้างตัวเสียหน่อย” เขาเอ่ยขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนของตนเอง
ซีเยว่นางตื่นขึ้นอีกครั้งก็เกือบจะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แม่นมชุยรีบเข้ามาช่วยประคองให้นางลุกขึ้นพิงหัวเตียง
“คุณหนูเจ้าคะ สาวใช้เรือนหลักมาแจ้งว่าวันนี้มื้อเย็นให้คุณหนูไปรับที่ห้องโถงเรือนหลักเจ้าค่ะ” แม่นมชุยเอ่ยแจ้งให้นางฟัง
“หื้ม...พวกนางก็รู้ว่าข้าเพิ่งจะหายไข้ แต่ยังให้ข้าเดินไปรับมื้อเย็นที่เรือนหลักอีกรึ” นางรู้เลยว่าเรื่องนี้เป็นอู๋ซื่อที่จัดการ
“วันนี้มีแขกเจ้าค่ะ”
“หึ คนตระกูลมู่อย่างงั้นรึ” นางคิดว่าเป็นคนตระกูลมู่ที่มาเจรจาเรื่องงานหมั้นของหลิวชิง
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ เป็นคุณชายกู้ เดินทางมาจากเจียงซาน...”
“ห๊ะ!!!” ซีเยว่ร้องขึ้นเสียงดัง แม่นมชุยที่ยังเอ่ยเล่าไม่จบก็ต้องสะดุ้งตกใจเพราะเสียงร้องของนาง
“โถ่ คุณหนูของบ่าว บ่าวตกใจหมดเลยเจ้าค่ะ คุณหนูรู้จักคุณชายกู้ด้วยรึเจ้าคะ” แม่นมชุยมองใบหน้าที่ตื่นตะลึงของซีเยว่อย่างสงสัย สงสัย ก่อนหน้านี้ซีเยว่ก็เคยเอ่ยถึงตระกูลกู้มาก่อนแล้วหนหนึ่ง
“ไม่ ไม่รู้” นางไม่คิดว่าเขาจะเดินทางมาถึงเร็วเพียงนี้
จากเรื่องราวในภพก่อน กู้หยางจะเดินทางถึงเมืองหลวงอีกเกือบเดือนข้างหน้ามิใช่หรือ อีกสองวันหลิวชิงนางก็จะนัดดูตัวกับตระกูลมู่ หลังจากนั้นอีกสามสี่เดือนถึงจะแลกเปลี่ยนเทียบชะตา
หลังจากที่นัดดูตัวไปแล้วหนึ่งเดือน กู้หยางจึงได้เดินทางมาทวงคำสัญญา แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงได้ปรากฏตัวอย่างกะทันหันเช่นนี้ ซีเยว่นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
หรือจะเป็นที่ตัวนางได้ย้อนกลับมา จึงทำให้เรื่องราวแปรเปลี่ยนไปไม่น้อยกัน
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ” แม่นมชุยเอ่ยเรียกซีเยว่หลายหน นางดูเหมือนจะมีเรื่องในใจจนไม่ได้ฟังสิ่งที่แม่นมชุยเอ่ยถาม
“ว่า ว่าอย่างไร” ซีเยว่หลุดจากภวังค์ หันไปเอ่ยถามแม่นมชุย
“คุณหนูจะไปรับมื้อเย็นหรือไม่เจ้าคะ หรือไม่...ให้บ่าวส่งคนไปแจ้งเรื่องที่ท่านยังมิหายดี” แม่นมมองใบหน้าของซีเยว่อย่างกังวล ที่ซีดขาวอยู่แล้วก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย
“มิต้อง ข้าจะไปรับมื้อเย็นที่เรือนหลัก” มีเรื่องสนุกเช่นนี้ดู นางจะพลาดได้อย่างไร
อยากเห็นหน้าสองแม่ลูก เมื่อรู้ว่ากู้หยางอยากแต่งหลิวชิงเข้าจวนตระกูลกู้ ไม่รู้ว่าจะน่ามองมากเพียงใด
“เช่นนั้น บ่าวจะช่วยคุณหนูเปลี่ยนเสื้อผ้านะเจ้าคะ” แม่นมชุยสั่งให้สาวใช้ยกน้ำเข้ามาล้างหน้าให้ซีเยว่
ก่อนจะช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ เมื่อเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองก็เดินออกไปที่ห้องโถงเรือนหลักทันที
ด้านในมีคนในจวนอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว เมื่อซีเยว่เดินเข้ามาทุกสายตาจึงมองมาทางนางอย่างสงสัย
“อาเยว่ เจ้ามาได้อย่างไร” เว่ยหมิงตกใจไม่น้อย เมื่อเห็นซีเยว่เดินเข้ามา
เขาจำได้ว่า สั่งให้สาวใช้ไปแจ้งที่เรือนของนางแล้ว ว่าวันนี้ให้นางอยู่แต่ภายในเรือนอย่าได้ออกมา
“มิใช่ว่าท่านพ่อให้สาวใช้ไปแจ้งลูกให้มารับมื้อเย็นรึเจ้าคะ” ซีเยว่ทำหน้าใสซื่อออกมา
แม้จะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเป็นอู๋ซื่อที่จัดการเรื่องนี้ คงอยากให้นางมาพบกู้หยาง จะได้เกิดการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวแทน
“ในเมื่อมาแล้วก็เข้ามานั่งที่ของเจ้าเสีย เพิ่งจะฟื้นไข้ประเดี๋ยวจะล้มป่วยไปเสียอีก” อู๋ซื่อเอ่ยออกมาราวกับมารดาที่มีเมตตาอย่างเหลือแสน
“เจ้าค่ะ” ซีเยว่เดินไปนั่งที่ของตน แต่นางก็ต้องชะงักเล็กน้อย เมื่อถูกจัดให้นั่งข้างกู้หยางพอดี
“อาจ้าน เจ้ามานั่งแทนอาเยว่” เว่ยหมิงเอ่ยเรียกบุตรชายของตนให้มานั่งที่ของซีเยว่
ซีเยว่นางจึงเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามของกู้หยางที่ติดกับหลิวชิงแทน
“ยกสำหรับมาเถิด” อู๋ซื่อหันไปร้องสั่งสาวใช้ นางยกยิ้มอย่างได้ใจ เมื่อเห็นกู้หยางมองพิจารณาซีเยว่อย่างไม่วางตา
ระหว่างกินอาหารทุกคนต่างไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดออกมา แต่พอจะรู้ว่าเว่ยหมิงดูไม่พอใจ ที่เห็นซีเยว่นางปรากฏตัวขึ้นมาในตอนนี้ ต่างจากนางอู๋ซื่อและหลิวชิงที่ดูเหมือนจะกินอาหารได้มากกว่าเดิมเสียอีก
“อาเยว่ เจ้ากลับไปพักดีหรือไม่ ใบหน้าของเจ้ายังซีดขาวไม่น้อย” เว่ยหมิงเอ่ยขึ้นหลังจากกินอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เจ้าค่ะ” ซีเยว่ลุกขึ้นจะเดินออกจากห้องโถงไป แต่ถูกเสียงของนางอู๋ซื่อเอ่ยรั้งขึ้นมาเสียก่อน
“ประเดี๋ยวก่อน คุณชายกู้มีเรื่องอยากจะแจ้งกับทุกคน อาเยว่นางก็ควรจะอยู่ฟังด้วยใช่หรือไม่ท่านพี่” พอสิ้นคำของอู๋ซื่อ เว่ยหมิงก็หันไปมองทางนางอย่างไม่สบอารมณ์ทันที
ต่อให้เขาไม่พอใจเพียงใด นางก็ไม่สนใจแล้ว ในเมื่อนางต้องการให้ซีเยว่แต่งเข้าตระกูลกู้ มากกว่าที่จะเป็นบุตรสาวของนาง
“เจ้าคะ?” ซีเยว่หันไปมองที่อู๋ซื่อและกู้หยางอย่างไม่เข้าใจ สุดท้ายนางหันไปมองที่บิดาเพื่อขอคำตอบ
เมื่อเขาเปิดออกดูจึงได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไว้ทั้งหมดผู้เป็นบิดารู้เรื่องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลี้ยงมือสังหาร ยักยอกเงินคลังหลวงร่วมกับตระกูลมู่ แม้แต่เรื่องที่เขาส่งมือสังหารไปจัดการองค์ชายใหญ่หลายหนก็ถูกบันทึกไว้ทั้งหมด“หากยังไม่โง่เขลาจนเกินไปควรหยุดได้แล้ว” ฮ่องเต้มองที่องค์ชายสามอย่างเจ็บปวดเด็กน้อยที่วิ่งตามเขา ร้องเรียกเสด็จพ่อให้สนใจในสิ่งที่เขาทำเมื่อเยาว์วัย ไม่มีอีกแล้ว มีเพียงบุรุษหนุ่มที่ทำสิ่งใดก็ได้ เพื่อให้ได้บัลลังก์มาครอบครององค์ชายสามเมื่อเห็นแววตาของฮ่องเต้ที่มองมาทางเขาอย่างเจ็บปวด จึงสำนึกได้ว่าพระองค์รักเขาไม่น้อยไปกว่าบุตรคนอื่นเลย แต่มาคิดได้ตอนนี้ก็คงจะสายไปเสียแล้วหากไม่หลงเชื่อเสนาบดีมู่ ที่เป่าหูเขามาตั้งแต่เล็กว่าผู้เป็นบิดารักองค์ชายใหญ่มากกว่า และต่อไปบัลลังก์ก็ต้องเป็นขององค์ชายใหญ่ เขาคงไม่เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนเลือดเย็นเช่นนี้แน่“เสด็จพ่อ ลูกขอโทษ” เขาคุกเข่าลงอยู่ที่แทบเท้าของฮ่องเต้“ลูกขอโทษ ลูกไม่น่าหลงเชื่อคำคนตระกูลมู่ ลูกขอโทษ”เขาเอาแต่พร่ำเพ้อพูดเช่นนั้น และร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจ“ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อคำพูดผู้ใด แต่หากเจ้าคิดสักนิดว่
กู้หยางใช้แผนการตลบหลัง ปล่อยให้คนขององค์ชายสามวางใจ เข้ามาภายในจวนของเขาได้อย่างไม่สงสัยซีเยว่เข้าไปอยู่ภายในมิติของนางพร้อมกับแม่นมชุยอย่างว่าง่าย สาวใช้คนอื่นนางให้กลับไปที่เรือนพัก หากได้ยินเสียงใดห้ามออกมาอย่างเด็ดขาด หากจะพาคนทั้งหมดหายเข้าไปในมิติก็ดูจะน่าสงสัยเกินไป ถ้าภายในจวนไม่มีสาวใช้อยู่เลยมู่เสวี่ยนั่งดื่มสุราอยู่ในหอโคมแดง เขารู้ดีว่าองค์ชายสามคงลงมือในคืนนี้“ออกไป วันนี้ข้าต้องการอยู่เพียงผู้เดียว” เขาไล่คณิกาอันดับหนึ่งที่เรียกหาทุกครั้งที่มา ออกไปอย่างไม่ไยดีภายในอกของเขารุ่มร้อนด้วยเรื่องที่จะเกิดกับซีเยว่ จนไม่อาจจะหาความสำราญเช่นปกติได้ จะเข้าไปช่วยนางก็ทำไม่ได้ มู่เสวี่ยได้แต่ดื่มสุราดับอารมณ์ที่ขุ่นมัวของตนเองเป็นอย่างที่คนของกู้หยางว่าไว้ เมื่อมือสังหารที่องค์ชายสามส่งมาลอบเข้ามาภายในจวนกู้ยามดึก ด้วยรู้มาว่าวันนี้กู้หยางจะอยู่หารือร่วมกับองค์ชายใหญ่ที่ตำหนักของพระองค์“...” มือสังหารเข้าไปเรือนนอนของซีเยว่อย่างง่ายดาย“หึ องครักษ์จวนกู้โง่เขลานัก คนลอบเข้ามามากเช่นนี้ ยังมิรู้เรื่องเลย” มือสังหารเอ่ยดูแคลนออกมาเสี่ยวซีและเสี่ยวสือรวมถึงคนอื่นได้แต่หนังตา
องค์ชายใหญ่เดินเข้าไปหาพ่อบ้านเว่ยที่ตกตะลึงอยู่หน้าวังอย่างร้อนใจ“เกิดเรื่องใดขึ้น อาเยว่นางเป็นอันใด”“เอ่อ...ฮูหยินกู้นางตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเว่ยเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“ห๊ะ!!! คราวหลังเจ้าก็พูดให้เร็วกว่านี้” องค์ชายใหญ่รีบร้อนตามกู้หยางไปที่จวนตระกูลเว่ยทันทีเสี่ยวซีที่รออยู่ด้านนอกวังหลวงก็รีบร้อนติดตามผู้เป็นนาย เพื่อบอกกล่าวเรื่องน่ายินดีให้เขาได้รู้ก่อนที่จะร้อนใจจากคำพูดของพ่อบ้านเว่ยแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว กู้หยางใช้วิชาตัวเบาทะยานไปตามหลังคาบ้านเรือนโดยไม่สนใจสายตาของชาวเมืองที่มองมาด้วยความใคร่รู้ ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ที่วรยุทธ์สูงเช่นนี้ เห็นแต่เพียงแผ่นหลังที่หายไปของเขาเข้าไปภายในจวนตระกูลเว่ยเสี่ยวซีที่ตามมาทันกู้หยาง ก่อนจะเดินเข้าห้องโถง จึงได้บอกเรื่องสำคัญที่ได้รู้มา แต่ว่ายังมิทันได้บอกเรื่องตั้งครรภ์ของซีเยว่ กู้หยางก็พุ่งตัวเขาไปตามทิศที่สาวใช้นางบอกตำแหน่งของซีเยว่แล้ว“อาหยางเจ้ามาเสียที่ ข้า...” เว่ยหมิงที่เห็นกู้หยางกำลังพุ่งตัวเข้ามาภายในห้องโถง ก็ต้องชะงักนิ่งมีเพียงสายลมที่พัดผ่านตัวเขา พร้อมกับร่างที่หายไปแล้วของกู้หยาง“อาเยว่!!!” เขาร้
ตอนนี้ภายในจวนของเขาสงบยิ่งนัก ทั้งเรื่องสัญญาหมั้นหมายของบุตรสาวบุตรชายก็ดูจะราบรื่นไปเสียทุกสิ่ง ไหนจะเรื่องหน้าที่การงานของเขา มายามนี้ยังได้ข่าวดีที่ตนจะได้เป็นท่านตาแล้วอีกด้วย“ตกรางวัลให้คนทั้งจวน!!!” เขาร้องบอกพ่อบ้านเว่ย พร้อมทั้งให้เงินค่าตรวจท่านหมอไปเสียหนักอึ้ง ก่อนจะให้พ่อบ้านเว่ยไปส่งท่านหมอที่โรงหมอ และส่งคนไปรอแจ้งกู้หยางที่หน้าวังหลวงซีเยว่นางยังตกตะลึงไม่หาย ได้แต่นั่งนิ่งอึ้งอยู่บนเตียงตั่ง เสียงพูดแสดงความยินดีรอบข้างนางไม่ได้ยินเลยว่าทุกคนเอ่ยพูดเช่นไร“ข้าท้องรึเจ้าคะ ข้าจะมีลูกรึ” นางมองไปที่อู๋ซื่อ หลิวชิง เว่ยหมิงและแม่นมชุยอย่างไม่อยากเชื่ออยู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ว่ามาจากที่ใดมากมาย“อาเยว่!!!” หลิวชิงร้องออกมาด้วยความตกใจ นางเพิ่งจะเห็นน้องรองนางร้องไห้ก็วันนี้เอง“อาเยว่ อย่าร้อง ประเดี๋ยวเด็กในท้องเจ้าจะขี้แยเอา” อู๋ซื่อเอ่ยเย้านางออกมา“จริงเจ้าค่ะ” แม่นมชุยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่นางก็ลอบปาดน้ำตาทิ้งอย่างเงียบๆด้วยท่าทีของซีเยว่ยามเมื่อรู้ว่านางตั้งครรภ์ช่างเหมือนกับถานเหยามารดาของนางไม่มีผิดเพี้ยนเช่นนี้แล้ว จะให้แม่นมชุยไม่ร้องไห้ออกมาได้
ดูเหมือนว่าคำสั่งครั้งนี้หมายมาเอาชีวิตซีเยว่นางโดยตรงด้วย หากไม่มีนางเรื่องทำเกลือ เรื่องทำหน้าไม้ แม้แต่เรื่องยาที่ส่งให้กองทัพก็คงไม่เกิดขึ้น องค์ชายสามจึงคิดที่จะกำจัดนางไปด้วยเลยแต่เรื่องนี้มู่เสวี่ยไม่รู้มาก่อน หากเขารู้ความคิดขององค์ชายสามที่สั่งการคนของพระองค์ คงจะเอ่ยห้ามไว้แล้ว ด้วยหากกู้หยางตายลง อย่างไรก็สามารถเก็บซีเยว่ ดึงนางมาเป็นคนของตนได้เมื่อไม่มีองค์ชายใหญ่ให้ต้องคอยคุ้มกัน กู้หยางก็ได้ลงมืออย่างเต็มที่ วรยุทธ์ของเขาทั้งหมดที่เก็บซ่อนไว้จึงได้เผยออกมา อย่าว่าแต่องครักษ์ขององค์ชายสามเลยที่ตกตะลึงกับความรุนแรงและพลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายเขาคนของสำนักจืออวี้ และองครักษ์ขององค์ชายใหญ่ต่างก็ล้วนแต่ตกตะลึง“พาคนที่บาดเจ็บล่วงหน้าไปโรงหมอที่เมืองหน้าก่อน ข้าจะตามไปภายหลัง” เขาสั่งการกับองครักษ์ขององค์ชายใหญ่ที่ต่างได้รับบาดเจ็บกันไม่น้อยคนที่อยู่กับกู้หยางมีเพียงเสี่ยวซีแล้วเสี่ยวสือที่จะทำหน้าที่บังคับรถม้าทั้งสองคันเท่านั้น“เจ้าว่า อาหยางจะจัดการมือสังหารเรียบร้อยแล้วหรือยัง” องค์ชายใหญ่เอ่ยถามซีเยว่ที่นั่งหน้าเครียดออกอย่างร้อนใจซีเยว่คำนวณเวลาก็เห็นว่าด้านนอกผ่าน
เสนาบดีมู่เมื่อได้ยินคำว่าเมืองเจียงซานใบหน้าของเขาก็ซีดขาวลงทันที ด้วยข่าวที่ซื้อมาจากสำนักจืออวี้มิใช่เรื่องที่องค์ชายใหญ่เดินทางไปทำเกลือ แล้วทำออกมาได้สำเร็จอีกด้วย เช่นนี้แล้วองค์ชายสามจะเอาสิ่งใดไปสู้ได้“ใต้เท้าเว่ย บุตรีของเจ้าสร้างประโยชน์ไม่น้อยเลย” ฮ่องเต้ตรัสชมออกมา“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ บุตรีกระหม่อมมีความรู้ตื้นเขิน หากมิได้องค์ชายใหญ่ ท่านเจ้าเมืองกู้และบุตรเขยของกระหม่อม ก็คงมิอาจทำเกลือออกมาได้” เว่ยหมิงคุกเข่าก้มหน้านิ่ง“เหอะ” ฮ่องเต้ได้แต่มองเว่ยหมิงด้วยความหมั่นไส้ เพียงประโยคถ่อมตัวประโยคเดียวของเขา ก็สร้างความชอบให้กับผู้ที่เขาเอ่ยออกมาได้ครบทุกคน“รอให้เดินทางกลับมาจากเจียงซานก่อน เจิ้นจะตกรางวัลให้อย่างงาม” ขุนนางไม่น้อยต่างมองมาทางเว่ยหมิงด้วยความอิจฉา ไม่รู้ว่าเขาทำบุญด้วยอันใดถึงได้มีบุตรสาวและบุตรเขยมากความสามารถเช่นนี้ภายในตำหนักขององค์ชายสาม เสียงขว้างปาข้าวของตกแตกดังลั่นไปทั่วทั้งตำหนัก“เดรัจฉาน!!! เหตุใดพวกมันถึงไม่ตายไปเสีย”เสนาบดีมู่และมู่เสวี่ย ที่นำความมาบอกกล่าว หวาดกลัวว่าจะถูกลูกหลงจนต้องหลบอยู่ที่มุมห้อง“โปรดระงับโทสะก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย”