“อิงเหยามีอีกวิธีที่จะช่วยน้องหญิงฟื้นทันกราบไหว้ฟ้าดินกับพระองค์เพคะ”
“วิธีอะไร”
“หม่อมฉันเคยได้ยินจากท่านตาว่ามียาชนิดหนึ่งสามารถช่วยให้คนตายฟื้นได้ เรียกว่า ยาชุบชีวิต”
“ชิงเอ๋อร์ยังไม่ตาย!”
น้ำเสียงนั้นบ่งบอกว่าเขาเคืองรั่วอิงเหยามากที่กล่าวหาว่าว่าที่พระชายาของตนเป็นคนตายไปแล้ว
“เพราะน้องหญิงยังไม่ตายถึงใช้ยานี้ได้เพคะ”
ตกลงว่าเป็นยาของคนตายหรือคนเป็นกันแน่
“องค์ชายใหญ่เคยเห็นคนตายฟื้นคืนชีวิตได้หรือเพคะ”
หลัวอี้เฟิงคิดและตอบในใจว่าไม่เคยได้ยินข่าวลือใดเกี่ยวกับคนตายแล้วฟื้นเพราะยาวิเศษมาก่อน
“นั่นเพราะยานั้นตั้งชื่อสวยหรูเพื่อให้คนคิดว่าคือยาวิเศษของเหล่าเทพเซียน แต่ความจริงเป็นเพียงยาที่ช่วยให้คนหลับใหลจากผงเจ็ดราตรีฟื้นเท่านั้น”
“เจ้ามียานั่นหรือไม่”
รั่วอิงเหยารีบส่ายหน้าไปมาช้า ๆ พร้อมเอ่ย
“ยานั่น…หม่อมฉันไม่มีเพคะ”
หลัวอี้เฟิงถึงกับเข่าอ่อน เขาถูกนางหลอกให้เสวนาตั้งนานสองนานแต่กลับไร้ประโยชน์ใด ๆ ริมฝีปากหนาเตรียมเรียกองค์รักษ์ข้างกายมานำนางไปสำเร็จโทษ หากไม่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นต่อ
“แต่หม่อมฉันรู้ว่าต้องหายานั้นมาจากที่ใดเพคะ”
ดวงตาคมเข้มตวัดมองรั่วอิงเหยาราวจะฉีกนางเป็นชิ้น ๆ หากยังกล้าโกหกเขาต่อ
“ที่ใด”
เสียงถามแสนห้วนไม่สะทกสะท้านวิญญาณของนักเขียนมือทองที่ใส่รายละเอียดยานี้เอาไว้ตั้งนานแล้วหรอก
“ยานี้อยู่ที่ตลาดมืดหนานเหอเพคะ”
ที่ชื่อตลาดมืดหนานเหอเพราะว่าสถานที่แห่งนั้นอยู่กึ่งกลางระหว่างเขตเมืองหนานโจว กับ เมืองเหอโจว เขตของสถานที่เสรีที่อำนาจทหารเข้าไม่ถึง
“ข้าจะส่งคนไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!”
“ช้าก่อนเพคะ”
หลัวอี้เฟิงกำลังจะเรียกองครักษ์ตู้ชิงหลางเข้ามาสั่งการกลับถูกรั่วอิงเหยาขัดไว้
“เหตุใดเจ้าถึงรั้งข้าไว้”
“ยานี้มีทั้งจริงและปลอม หากให้คนอื่นไปเกรงว่าอาจถูกหลอกได้”
“เจ้าจะให้ข้าทำเช่นไร”
หลัวอี้เฟิงเริ่มหงุดหงิด นั่นก็ทำไม่ได้ นี่ก็ถูกรั้งเอาไว้อีก
“หม่อมฉันจะเดินทางไปที่นั่นเองเพคะ”
“เจ้าเนี่ยนะ?”
หลัวอี้เฟิงมองรั่วอิงเหยาอย่างสบประมาท นางขี่ม้าไม่เป็น เหินกระบี่ก็ไม่ได้ จะไปสถานที่ไกลหลายร้อยลี้นั้นในเวลาจำกัดได้เช่นไร
“หม่อมฉันมีองครักษ์เหยียนอยู่ทั้งคน เหตุใดจะไม่ได้เพคะ”
องครักษ์เหยียน เหยียนตู้ เป็นองรักษ์ของมารดานาง เหยียนตู้สนิทกับรั่วอิงเหยามาตั้งแต่เด็กเพราะทั้งคู่ห่างกันแค่สามหนาวและถูกเลี้ยงดูมาจากเรือนท่านตาของนาง ปีนี้เหยียนตู้อายุยี่สิบเอ็ดหากแต่ยังไม่ออกเรือน ส่วนรั่วอิงเหยาจะสิบแปดหนาวในอีกสองเดือนข้างหน้า หากรั่วอิงเหยาอยากเรียกใช้เขามีหรือองครักษ์หนุ่มผู้นี้จะไม่ยินดีเป็นมือเป็นเท้าให้นาง
“เจ้าจะเดินทางเมื่อใด”
ช่างใจดำไม่ห่วงไม่ว่า อย่างน้อยก็ควรถามไถ่เรื่องความปลอดภัยของนางสักหน่อย
“พวกเราจะออกเดินทางยามฉื่อเพคะ”
การเดินทางจากเมืองหลวงเฟิงโจวไปยังตลาดมืดนั้นใช้เวลาเดินทางด้วยม้าเร็วอย่างหยุดพักน้อยที่สุดก็หนึ่งวันครึ่ง รั่วอิงเหยาจึงต้องเร่งเดินทางตั้งแต่กลางดึกเพื่อจะได้ไปกลับทันงานอภิเสกสมรสในอีกห้าวันข้างหน้า
“ข้าจะเขียนจดหมายผ่านทางให้เจ้าและเงินจำนวนหนึ่งในการเดินทางทางรวมถึงม้าเร็วที่ดีที่สุดที่พวกเจ้าเลือกใช้ได้ทุกโรงพักม้า”
‘ป๋าจริง ๆ นางอยากลองใช้เงินในยุคโบราณมานานแล้วเหมือนกัน’
“ขอบพระทัยเพคะ”
ตอนนี้รั่วอิงเหยาสามารถเก็บชีวิตนเองไว้ได้แล้วครึ่งหนึ่ง รอเพียงนางได้ยานั้นมาช่วยรั่วเชียนชิงให้ฟื้นและเข้าพิธีอภิเษกสมรสได้สำเร็จ
ไม่แน่...
นางอาจจะกลับโลกที่นางจากมาได้
“หยุดนะ เจ้าสี่ขา!”เสียงใสเอ่ยตะโกนไล่ตามสุนัขขนปุกปุยที่วิ่งล่อให้วิ่งตามไม่หยุด แต่ดูเหมือนคำสั่งนั้นจะไร้ผล เจ้าสี่ขากลับเร่งฝีเท้าเห่าใส่ คล้ายจะเรียกร้องให้นางไล่ตามมันไป“พี่หญิง ระวังหน่อยเจ้าค่ะ!”เชียนชิงที่นั่งอยู่บนม้านั่งใต้ต้นเหมยเอ่ยเตือนด้วยความห่วงใยภายในจวนซื่อจื่อแห่งหนานโจวเมื่อไม่กี้วันมานี้เต็มไปด้วยความครึกครื้น เนื่องด้วยเหล่าญาติจากฉีโจวเดินทางมาเยี่ยมเยือน“พระชายา เสวยโอสถบำรุงครรภ์ก่อนเพคะ”สาวใช้นาม ฮุ้ยซู ยกถ้วยโอสถวางลงบนโต๊ะหินอ่อนอย่างนอบน้อมกาลเวลาล่วงเลยไปหนึ่งปีนับจากเทศกาลโคมลอยในปีนั้น รั่วเชียนชิงอภิเษกสมรสกับหลัวอี้เฟิง และบัดนี้ตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว วันนี้ทั้งสองตัดสินใจเดินทางมายังหนานโจวด้วยความคิดถึงญาติผู้พี่ที่อยู่ห่างไกล“ชิงเอ๋อร์ ระวังร้อนหน่อย”รั่วอิงเหยาหัวเราะเบา ๆ หลังจากวิ่งเล่นกับเจ้าสี่ขาจนเหนื่อยจึงกลับมานั่งพักพลางจิบชาคลายร้อน“สองคนนั้นหายไปไหนเสียแล้ว เจ้าเห็นหรือไม่” นางเอ่ยถามน้องสาวด้วยความสงสัยนับจากที่สองพี่น้องสกุลหลัวออกไป ก็หายไปครึ่งชั่วยามแล้ว แต่ป่านนี้ยังไร้วี่แววว่าจะกลับมา“คงไปแข่งขี่ม้า ล่าสัตว์อีกกระ
ฟิ้ว~ลมเย็นพัดมาได้เวลารั่วอิงเหยาคิดสิ่งหนึ่งออกพอดีจึงเอ่ย"หม่อมฉันยังทำคำสัญญาที่ให้ซื่อจื่อไม่แล้วเสร็จเพคะ""เจ้าหมายถึงเรื่องนั้น""เพคะ"พอเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อยนึง"วันนี้เป็นโอกาสดีที่จะทำเรื่องนั้นให้สำเร็จ""เจ้ามีแผนการอะไรอีก"รั่วอิงเหยายิ้มแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง ทำเอาคนอยากรู้อยากรู้ใจจะขาด"พาหม่อมฉันกลับไปหาชิงเอ๋อร์แล้วจะบอกเพคะ"น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เอ่ยขึ้นหลัวฉางเฟิงชอบเวลาที่รั่วอิงเหยามีแผนการในหัว มันทำให้นางเป็นคนน่าค้นหา"ได้ ข้าจะพาเจ้ากลับไป แต่หลังจบเรื่องนั้นแล้ว เจ้าต้องตอบคำถามนั้น"รั่วอิงเหยาไม่ตอบ นางทำเพียงพยักหน้าเป็นการตกลงศาลาเจาอวี่กว่าจะหากลุ่มรั่วเชียนชิงเจอใช้เวลาไปหนึ่งเค่อ สุดท้ายก็พบกันที่ศาลาเจาอวี่ที่ตั้งอยู่นอกงานทว่าทิวทัศน์ริมแม่น้ำงดงามกว่าในงานมาก"พี่หญิงคิดจะทำอะไรเจ้าคะ"เชียนชิงถามพี่สาว เมื่อเห็นบุรุษสองคนที่ใครต่างก็รู้ว่าไม่เป็นมิตรกันยืนอยู่ในศาลาเจาอวี่"พวกเจ้ารออยู่ที่นี่แหละ"รั่วอิงเหยากำชับทั้งสามคนที่มีฉินเส้ามาร่วมวงด้วยเสร็จก็เดินเข้าไปหาสองบุรุษในศาลาทันที"อะแฮ่ม"เดินเข้ามาธรรมดาโลกไม่จำกระมั
"ท่านพาข้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด รู้หรือไม่ข้ากำลังสนุกกับร้านค้าในงานนั้น สนุกกับสีสันที่ไม่เคยเห็น สนุกกับการวิ่งไปร้านนั้น เข้าร้านนี้ราวกับกลับเป็นเด็กอีกครั้ง สนุกกับ..."เสียงหวานร่ายยาวจนไม่มีโอกาสให้อีกคนตอบ จึงก้มลงไปฉกชิมริมฝีปากนั้นเพื่อหยุดนางเอาไว้รั่วอิงเหยาตัวเกร็งเมื่อถูกจู่โจม ใบหน้างามร้อนผ่าวเมื่อถูกอีกคนจุมพิตราวหิวกระหาย"อื้อ"นางพยายามขัดขืนแต่อีกคนกลับบดเบียดริมฝีปากนุ่มนั้นไม่ปล่อยผลัก!สุดท้ายจึงรวบรวมแรงทั้งหมดผลักอีกคนออกไป"ท่าน...!"มีคำด่าทอมากมายในหัว ฝ่ามือน้อยยกขึ้นหมายตะบันหน้าสักหน ทว่าครั้นเห็นรอยยิ้มบนใบหน้ารูปงามที่ส่งมาแล้วกลับลงโทษเขาไม่ลง"เจ้าทำให้ข้าเป็นเช่นนี้""หม่อมฉัน?" นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัวเอง"ข้าอุตส่าห์รีบกลับมาจากภารกิจ แต่กลับพบเจ้าอยู่ที่ตำหนักชมจันทร์กับอี้เฟิงสองต่อสอง ซ้ำร้ายวันนี้หนีเที่ยวยังไม่ชวนข้าสักคำ พอพบหน้ากันกลับเอาแต่จ้องหน้าญาติผู้พี่ข้า จะไม่ให้น้อยใจได้อย่างไร"คนที่พูดน้อยกลับระบายความในใจออกมาจนหมดเปลือกมุมปากบางคลี่ยิ้มออกมาก่อนเอ่ย"ซื่อจื่อหึงหม่อมฉันหรือเพคะ"คนถูกจับได้เอียงหน้าหลบ แต่บนแก้มนั้นกลับเปลี่ยนสี
"นี่ ๆ เรามาสวมหน้ากากไม่ให้ใครจำได้ดีหรือไม่"รั่วอิงเหยาวิ่งไปยังแผงขายหน้ากากริมทาง สายตาระริกระรี้มองหน้ากากไม้นั้นที อันนี้ที อย่างตื่นเต้น"อันนี้เหมาะกับชิงเอ๋อร์ของพี่"หน้ากากเทพธิดาสีขาวบริสุทธิ์ถูกหยิบมาทำท่าสวมบนใบหน้าให้น้องสาว"คุณหนูรองจิตใจดีมีเมตตา เหมาะกับหน้ากากเทพธิดาเจ้าค่ะ" ถิงอูยกย่องอีกเสียง"ชิงเอ๋อร์อ่อนโยนมีเมตตาเหมาะกับหน้ากากเทพธิดา แล้วข้าเล่า คงไม่ได้เหมาะกับ..."รั่วอิงเหยาเหลือบหางตามองหน้ากากที่หน้าเกลียดหน้ากลัว จมูกแหลมคม มีเขี้ยวสองข้างพรึ่บ!ยังไม่ทันมีใครได้ตอบคำถามนั้น ร่างเล็กก็ถูกรวบหมุนรอบหนึ่งก่อนจะมีอะไรเย็น ๆ สวมปิดครึ่งหน้า"เจ้าเหมาะกับหงส์เพลิง"หน้ากากครึ่งหน้าลวดลายหงส์เพลิง มีขนนุ่ม ๆ ประดับตกแต่งราวปีกนกถูกสวมลงบนใบหน้างดงามของรั่วอิงเหยาส่วนอีกคนที่เอาแต่ยัดเยียดสวมหน้ากากให้นางกลับมีหน้ากากครึ่งหน้าลายพยัคฆ์ขาวปกปิดอยู่"คารวะซื่อจื่อ"เชียนชิงกับถิงอูเห็นแล้วว่าเป็นผู้ใดกล้าแตะเนื้อต้องตัวกับรั่วอิงเหยาจึงรีบทำความเคารพ"ท...ท่านมาได้อย่างไร"รีบถอยห่างออกไปสองก้าวเมื่อรู้สึกว่ามีสายตามากมายจ้องมาที่นาง"ข้าไม่ได้มาผู้เดียว"หล
"ซื่อจื่อมาที่นี่ได้อย่างไรเพคะ""ถิงอูรายงาน แต่เหตุใดเจ้าต้องมาที่นี่คนเดียว"หลังจากจัดการกวาดล้างสำนักอวี้เหมินเสร็จ หลัวฉางเฟิงก็รีบควบม้าเร็วล่วงหน้ามาก่อนทหารนายอื่น หากแต่พอไปถึงจวนสกุลรั่ว สาวใช้ที่ให้ติดตามรั่วอิงเหยากลับรายงานว่า นางมาพบหลัวอี้ฟิงที่นี่เพียงลำพัง จะไม่ให้เขาร้อนรนเร่งรุดบุกตำหนักชมจันทร์ได้อย่างไร"หม่อมฉันแค่นำของบางอย่างมาให้องค์ชายใหญ่""ของอะไร เหตุใดต้องมอบให้ด้วยตนเอง"เจอหน้ากันครั้งแรกหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้นก็กลายเป็นทะเลาะกันเสียได้"ความลับเพคะ"หลัวฉางเฟิงรีบรั้งข้อมือน้อยที่เดินหนีเอาไว้"หม่อมฉันเจ็บ"แววตาเคล้าน้ำตาของนางทำเอาหลัวฉางเฟิงได้สติ ปล่อยมือเล็กนั้นช้า ๆ พร้อมเอ่ย"ข้าขอโทษ"ดูเหมือนรั่วอิงเหยาจะโกรธเขามาก นางสะบัดหน้าเดินจากไปอย่างไม่ใยดี แถมยังเดินกลับไปหาหลัวอี้เฟิงราวหยามหน้าเขาอย่างไรอย่างนั้นจวนสกุลรั่วรั่วอิงเหยาเสร็จภารกิจมอบจี้แทนใจให้เจ้าของร่างเสร็จแล้วก็รีบกลับจวนทันที โดยไม่สนใจบุรุษที่ควบม้าตามรถม้าของนางมาอย่างช้า ๆ"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ"ปิงเซียวหลันเห็นบุตรสาวทำหน้าบูดบึ้ง เดี๋ยวก็ถอนหายใจ เดี๋ยวก็ทำหน้าเบื่หน่า
:: อาการหึงหวง ::"เดี๋ยว นั่นเจ้าจะไปไหน"เสียงร้องห้ามของหลัวอี้เฟิงนางได้ยิน แต่ตอนนี้ต้องหาหญ้าแดงมาบดใส่แผลน้ำร้อนลวกนี้ก่อนไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นแผลพุพองจนกลายเป็นแผลเป็น"เจอแล้ว"หญ้ากอแดงที่ต้องการอยู่ตรงหน้า หากแต่รั่วอิงเหยาไม่ทันสังเกตให้ดีว่ามีอสรพิษร้ายกำลังพลางกายอยู่ใกล้หญ้านั้นฉึก!รั่วอิงเหยาส่งเสียงร้องอย่างตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็มีมีดสั้นเล่มหนึ่งปักลงตรงหน้านาง ตามมาด้วยอ้อมกอดของใครสักคนที่รั้งนางออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว"ข้าไม่อยู่เพียงแค่สิบวัน เจ้าก็ไม่รักชีวิตตนเองแล้วหรือ"คำตำหนิมาพร้อมแรงโอบกอดจากทางด้านหลัง เสียงที่คุ้นหู สัมผัสที่คุ้นเคย ทำให้รั่วอิงเหยารู้แล้วว่าเขาคือใคร ค่อย ๆ แกะมือหนาที่โอบรวบเอวคอดออกช้า ๆ"อ๊ะ!"แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ยอมปล่อย เขาออกแรงหมุนเล็กน้อยให้รั่วอิงเหยาหันกลับมาประจันหน้าอย่างเอาแต่ใจ"ผลักไสข้า...เพราะมีอดีตคนรักมองอยู่หรือ"คำถามนั้นช่างข่มต่ำ แววตาที่มองมาเหมือนกำลังน้อยเนื้อต่ำใจระคนขึงโกรธ"ปล่อยเพคะ"รั่วอิงเหยาเหลือบมองไปทางตำหนักที่มีอีกคนยืนมองอยู่"ฝ่าบาทพระราชทานวันสมรสของพวกเขาแล้ว เจ้ายังไม่ยอมปล่อยวางอีกหรือ"นี่เ