Home / อื่น ๆ / เส้นทางเชื่อมใจ / บทที่ 7 รอยเท้าบนทางดินที่เปียก

Share

บทที่ 7 รอยเท้าบนทางดินที่เปียก

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-06-13 00:06:41

หลังจากการติดต่อกับหน่วยงานราชการเวลาก็ผ่านล่วงเลยมาแล้วเกือบเดือน อาทิตย์แรก ๆ แทนไทใช้วิธีโทรสอบถามความคืบหน้าโครงการไฟส่องถนน แต่คำตอบที่ได้คือนายก อบจ.กำลังประชุมบ้างออกพื้นที่บ้าง เรียกว่าแทบไม่อยู่สำนักงานเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นแทนไทไม่ได้ย่อท้อต่อการติดตามเรื่องที่ตนลองทำมันตามระบบ ทว่าครั้งสุดท้ายที่ทำให้เขาเลิกโทรก็เพราะเขาถูกปลายสายต่อว่ากลับมา...

ถ้าเรื่องมีความคืบหน้าทางนี้จะโทรแจ้งกลับไปนะคะ อบจ.ไม่ได้มีหน้าที่ตอบคำถามคุณทุกวันนะคะ

“เฮ้อ” แทนไทถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน

“เป็นอะไรวะไอ้แทน” วิทยาเอ่ยถามเพื่อนอย่างติดรำคาญ

“เปล่าไม่มีอะไร” แทนไทส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย

“นี่อย่าบอกนะว่ามึงยังคิดมากเรื่องงานของลุงเพิ่มน่ะ”

“อืม ก็กูเป็นคนทำเอกสารนี่หว่า กูก็อยากรู้ว่างานของกูไปถึงไหนแล้ว หมู่บ้านเราจะได้ไฟเพิ่มหรือเปล่า ไหนจะเรื่องที่กูไปข้ามหน้าข้ามตาลุงเพิ่มแกอีก” แทนไทกุมหัวขณะแจกแจงเรื่องในสมอง

“นี่ไอ้แทน มึงไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่นะเว้ยที่จะทำทุกอย่างได้ดั่งใจ ชีวิตแม่งก็แบบนี้แหละ ถ้ามัวแต่จมอยู่กับเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้แล้วชีวิตมันจะเดินหน้าได้ไงวะ” วิทยาพูดปลอบพลางตบไหล่เพื่อนเสียงดังปุ ๆ

“นี่มึงใช่เพื่อนกูหรือเปล่าวะ แม่ย่านางรถบดสิงมึงใช่ไหมเนี่ย คายเพื่อนกูออกมานะ!” แทนไทบีบคอวิทยาเขย่าไปมาเอาคืนเรื่องโดนตีไหล่จนตัวเอียง ปกติไอ้นี่มันเคยพูดมีหลักมีการณ์แบบนี้ซะที่ไหน

“ผีรถบดเสาบ้านมึงสิ ปล่อยกู!” เมื่อวิทยาปลดมือได้ก็วิ่งไล่เตะเพื่อนรักไปจนเกือบถึงหน้าบ้านเจ้าตัวโน้น

“เอ้า ๆ เล่นอะไรกันเป็นเด็กไอ้พวกนี้นี่” วิไลส่ายหัวคล้ายระอาแต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้ม

“แม่มีอะไรกินบ้าง” แทนไทเอ่ยถามผู้เป็นแม่

“มะเหงก กินไหม” วิไลเองก็นึกอยากเล่นขึ้นมาเช่นกันเธอจึงตอบ ยิ้ม ๆ พลางยกลูกมะเหงกส่งให้  หลายวันที่ผ่านมาแทนไทดูเคร่งเครียดและซึมลงจนน่าเป็นห่วง การเห็นลูกชายกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้งวิไลก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก

แทนไทรับรู้ได้ถึงความรักความปรารถนาดีรอบตัวที่โอบล้อมเป็นแรงผลักดันให้เขาอยู่เสมอ ดังนั้นเขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนความคาดหวังเหล่านั้น แต่เขากลับหลงลืมไปเสียสนิทว่าบนโลกใบนี้ความคาดหวังของผู้อื่นก็เหมือนกับพิษร้ายที่กัดกินภายในทีละนิด

“แทนเอ้ยแทน! ลุงเพิ่มมาหาน่ะ” วิไลตะโกนเรียกลูกชายจากชั้นล่าง ลูกชายเธอเพิ่งจะร่าเริงได้ไม่กี่วัน หัวล้านใสแจ๋วสะท้อนแสงไฟเพดานก็เอาเรื่องมาให้อีกแล้วเหรอ

“สวัสดีครับลุงเพิ่ม” แทนไทในชุดกางเกงบอลขาสั้นยกมือไหว้ผู้มากวัยวุฒิ

“เออ ข้ามานี่ก็เรื่องที่ให้ทำเรื่องขอไฟส่องถนนนั่นแหละ”

“อ่า ครับ เรื่องไปถึงไหนแล้วเหรอครับ” แทนไทถามอย่างสงสัยใคร่รู้

“อบจ. เขาปัดตกน่ะ” บุญเพิ่มส่ายหัวพลางนึกตำหนิที่ไม่จัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

“อ้าว ทำไมเหรอครับ หรือว่าเป็นเพราะผม” แทนไทสีหน้าย่ำแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด หรือเป็นต้นเหตุจากที่เขาเองเอาแต่คอยโทรไปสอบถามเร่งรัด

“เปล่า เขาคงคิดว่าเรื่องของเราไม่ใช่เรื่องด่วนน่ะ ข้าไปล่ะ” บุญเพิ่มพูดธุระจบเพียงแค่นั้นก็หันหลังเดินออกจากบ้านแทนไทแล้วขับรถของตัวเองออกไป

“หน้ามันดูไม่ได้เลย พี่บอกมันว่าไง” อัมพรภรรยาของบุญเพิ่มจีบปากจีบคอถามเมื่อสามีของตัวเองกลับมาขึ้นรถ เผื่อจะได้เรื่องไปปรึกษาหารือกับแม่ค้าที่ตลาดสักครึ่งค่อนวัน

“ก็ไม่ว่าไง ข้าบอกมันไปว่า อบจ. ปัดตกเพราะไม่ได้เร่งด่วน”

“อ้าว ทำไมพี่ไปบอกมันอย่างนั้นล่ะ” อัมพรย้อนถามผู้เป็นสามี

“ให้โอกาสเด็กมันหน่อยเถอะ ข้าไม่อยากทำให้เด็กมันหมดกำลังใจ ข้าแก่ลงทุกวัน ในหมู่บ้านก็หาคนเป็นงานเป็นการยาก ไอ้แทนมันก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรที่ทำไปก็แค่ไม่รู้ เอ็งก็อย่าไปถือสามันเลย อ้อ แล้วก็ไม่ต้องไปเล่าให้ใครฟังนะ” บุญเพิ่มกำชับภรรยา โดยเฉพาะประโยคหลัง

แต่สำหรับผู้หญิงแล้วคำว่า ไม่ต้องเล่าให้ใครฟังนะ ก็เหมือนกับคำว่า ของฟรีห้ามหยิบ นั่นแหละ

“สรุปแล้วที่หมู่บ้านเราไม่ได้ไฟส่องถนนเพิ่มก็เพราะไอ้แทนมันทำเอกสารผิดงั้นเหรอ” เสียงของแม่ค้าในตลาดคนหนึ่งเอ่ยถามอัมพร

“ไม่ใช่เอกสารผิด แต่มันไม่มีสิทธิ์ต่างหาก ความจริงมันต้องผ่านพี่เพิ่มก่อน นี่มันทำข้ามหน้าข้ามตา แถมไม่มีรายชื่อลูกบ้านลงคะแนนขอมันจะไปได้ยังไง”

เสียงสูงเท่าต้นตาลของอัมพรดังเสียดแก้วหูวิไลที่กำลังจับจ่ายซื้อกับข้าวยามเช้า

“เฮ้อ อย่างว่าแหละมันยังเด็กอยู่ ไม่เป็นไร ไว้ประชุมรอบหน้าค่อยโหวตแล้วให้พี่เพิ่มไปยื่นใหม่ก็ได้” แม่ค้าขนมหวานจำได้ว่าผู้หญิงที่ยืนหันหลังใกล้ ๆ คนนี้คือแม่ของแทนไท

“เด็กอะไรล่ะ ตัวเท่านั้นบ้านอื่นเขาลูกสองลูกสามกันแล้ว ว่าก็ว่าเถอะอยู่บ้านกับแม่แบบนั้นก็ไม่พ้นเป็นลูกแหง่ให้แม่โอ๋ไปวัน ๆ นั่นแหละ” อัมพรยังคงสนุกอยู่กับเรื่องของคนอื่น

“แกนี่รู้เรื่องลูกบ้านฉันดีจังเลยนะ” วิไลเมื่ออดทนต่อไปไม่ไหวจึงหันเดินเข้ามาพูดกับอัมพรตรง ๆ

“อ้าว ก็ต้องรู้สิ ก็ฉัน...” อัมพรทำท่าจะเอ่ยต่อแต่ก็ต้องหุบปากลง

“ฉันอะไร พูดต่อสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องบ้านฉันมันเป็นยังไง นี่ขนาดฉันอยู่บ้านตัวเองแท้ ๆ ฉันยังรู้ไม่เท่าแกเลย มา ๆ เล่าเรื่องบ้านฉันให้ฟังหน่อย อ้าว! นี่จะไปไหนกันเล่า โธ่ นึกว่าจะแน่” วิไลรู้สึกขัดใจนัก พูดแค่นี้ทำเป็นวงแตก

ข่าวใดหรือจะเร็วเท่าข่าวลือ ชาวบ้านต่างจับกลุ่มนินทาต่อความยาวสาวความยืดแต่งเติมสีสันจนเรื่องราวลุกลามบานปลายเกินจริง พวกที่พอมีความคิดหน่อยก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของแทนไท พวกอคติหน่อยก็โบ้ยความผิดไปยังชายหนุ่มกันอย่างสนุกปาก

“นี่ผมทำอะไรผิดไปเหรอ” แทนไทนั่งเหม่อลอยหลังกินข้าวเย็นอิ่ม

“เอ็งไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ปากคนก็พูดไปเรื่อยนั่นแหละ” วิไลปลอบลูกชายพลางนึกหงุดหงิดพวกของอัมพร

“ผมเองก็อยากให้หมู่บ้านของเราได้ไฟเพิ่มเหมือนกัน”

“แม่รู้ แล้วที่ไซต์งานเขาว่าไงบ้าง” วิไลห่วงทางนั้นมากกว่า        

“ก็มีโดนแซะบ้างครับ” แทนไทนึกถึงผู้คนที่ไซต์งาน แต่ก็ยังโชคดีที่เถ้าแก่เข้าใจเขา และก็ยังมีพี่ชาญวิทย์กับวิทยาที่คอยช่วยสวนกลับไอ้พวกที่มาแซะเขาด้วย

“อืม ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก เราไปทำงานถึงเวลาก็กลับ ต่อไปก็ไม่ต้องทำอะไรให้ลุงเพิ่มอีกแล้ว ส่วนหมู่บ้านน่ะปล่อยมันไปเถอะ มันไม่ใช่หน้าที่เรา งานชุมชนงานสาธารณะทำดีก็เสมอตัว ทำชั่วก็โดนด่าเหมือนเอ็งตอนนี้ไง”

“แม่ครับ” แทนไทแหงนหน้ามองผู้เป็นแม่

“อะไร”

“พลังบวกเชิงลบสุด ๆ เลยครับ ไม่รู้ว่าจะโล่งใจหรือเศร้าใจมากกว่าเก่าดี” แทนไทเอ่ยสายตาละห้อย ตอนนี้หน้าเขาเหมือนคนจะร้องไห้แต่ก็กลั้นหัวเราะไปด้วย

“เออ ตามนั้นแหละ อย่าคิดมากไปนอนได้แล้ว”

“ครับ” แทนไทรับคำก่อนกลับขึ้นห้อง

แทนไทนอนไม่หลับ เขาพลิกตัวไปมา ตั้งคำถามกับตัวเองถึงสิ่งที่ทำมาก่อนหน้านี้ เหตุใดผู้คนถึงได้ลืมเลือนความดีของเขาไปรวดเร็วนัก ทั้งที่ตอนซ่อมสะพานยังกล่าวชมเขาอยู่เลย เขาพยายามทำตามความคาดหวังของผู้คนในชุมชนที่ต้องการใครสักคนลุกขึ้นมาทำเรื่องต่าง ๆ แต่ดูเหมือนมันจะไร้ความหมายเมื่อเขามีข้อผิดพลาด

“แทนไม่ไปทำงานเหรอลูก” วิไลถามลูกชายที่หอบหมอนผ้าห่มมานอนชานบ้าน

“วันนี้ลาครับ ฝนจะตกด้วยอยากนอนมองฟ้ามองฝน”

“เดี๋ยวฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงกะบาล” วิไลขู่ ความจริงแล้วเธอห่วงว่าแทนไทจะโดนละอองฝนจนไม่สบายมากกว่า

“โธ่ แม่อย่าขู่ผมสิ” ชายหนุ่มผู้ทำงานในพื้นที่โล่งอย่างไซต์ก่อสร้างน่ะหรือจะกลัวฟ้าผ่าง่าย ๆ

“เออ ระวังเป็นหวัดด้วยล่ะ” วิไลคร้านจะต่อความยาวสาวความยืดเลยเดินจากไป

กิ่งไม้ไหวเอนโน้มตามแรงลม หยดน้ำเล็กใหญ่หล่นจากท้องฟ้า เสียงฟ้าร้องคำรามดูเหมือนเริ่มจะเบาบางลงตามกาลเวลา ไอหมอกจาง ๆ ลอยขึ้นจากพื้นดินรับกับแสงอาทิตย์ยามเย็น เด็กน้อยบ้านไหนซุกซนหน่อยก็พากันโผล่หัวออกมาวิ่งเล่นย่ำน้ำขังตามหลุมถนน

แทนไทจำได้ว่าหลุมแถวนั้นเขาเป็นคนกลบเองกับมือ ดูท่าแล้วมันคงจะไม่แข็งแรงพอถึงได้กลับมาเป็นหลุมอีกครั้ง

พรืด ปัก

“ไอ้ออนิวหน้าทิ่มโคลน ฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะดังลั่น เด็กกลุ่มเดียวกันชี้หน้าล้อเลียนเด็กชายอายุราว 10 ขวบที่ลื่นหน้าคมำจุ่มบ่อนั้นไปทั้งตัว

“แล้วไงวะ แน่จริงก็มาต่อยกันเลยดิวะ” เด็กชายเจ้าของชื่อท้าทายเพราะขุ่นเคืองกับการเยาะเย้ยของเพื่อน

“ใครจะต่อยวะ แบร่!” หลังจากนั้นมหกรรมวิ่งไล่เตะจึงเกิดขึ้น

แทนไทอมยิ้มกับภาพและเสียงเอะอะโวยวาย ความทรงจำผุดเข้ามาทำให้คิดถึงถนนเส้นนั้นที่เขาวิ่งเล่นมาตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงตอนนี้ บางวันก็ยังวิ่งไล่เตะกับวิทยาไม่ต่างจากเด็กพวกนั้นอยู่เลย ความคิดเหล่านั้นทำให้เขาเริ่มคิดว่า ถนนไม่ใช่แค่เส้นทางที่เอาไว้เดินทางเท่านั้น แต่มันคือความสุข

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 21 เส้นทางสุดท้ายที่เดินร่วมกัน

    สายลมยามเย็นพัดผ่านต้นไม้ใหญ่ที่ยังคงยืนหยัดอยู่ในสนามบอลชุมชน แสงแดดสีทองทอผ่านใบไม้สาดกระทบใบหน้าของแทนไท เขายืนอยู่ตรงระเบียงชั้นสองของบ้านไม้สองชั้นหลังเก่า ที่บัดนี้ได้รับการรีโนเวทใหม่ให้แข็งแรงและอบอุ่นขึ้น แต่ยังคงเก็บรายละเอียดเดิมไว้ทุกอย่าง ตั้งแต่ไม้กระดานที่เคยเดินเล่นกับแม่ ยันชานบ้านที่เขาเคยหอบเสื่อ มุ้ง หมอนมามองท้องฟ้าในวัยเยาว์แทนไทในวัย 65 ปี หัวใจยังเต็มเปี่ยมเหมือนวัยหนุ่ม แม้จะไม่สามารถปีนขึ้นลงชั้นสองได้คล่องเหมือนเดิมแล้ว แต่วันนี้เขาก็ยังรู้สึกอยากมองวิวจากมุมเดิม มุมที่เขาเคยนั่งอยู่กับแม่ มองถนนเส้นเล็ก ๆ ด้านล่างถนนเส้นเดิมที่แม่ของเขาเคยเดินผ่านเพื่อหาบขนมหวานไปขายแล้วตกหลุมบ่อจนปาดเจ็บ ถนนเส้นนั้นที่เขาได้เป็นคนซ่อมแซมมัน ถนนเส้นนั้นที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเขา“เขาเป็นใครกันเหรอแม่” เสียงเด็กชายคนหนึ่งถามขณะวิ่งผ่านหน้าบ้านไปพร้อมกลุ่มเพื่อน“นั่นแหละ คนที่ทำให้หนูเดินไปโรงเรียนได้ง่ายขึ้นทุกวันนี้ไงลูก” เสียงแม่ของเด็กคนนั้นตอบกลับอย่างภูมิใจแทนไทได้ยินประโยคนั้นแผ่วเบา แต่กลับชัดเจนในหัวใจ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอดรับ

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 20 สร้างถนน สร้างเส้นทางมั่นคงของหัวใจ

    เสียงเปิดแฟ้มเอกสารดังแผ่วเบาภายในห้องประชุมของกรมทางหลวง แทนไทนั่งเงียบอยู่ตรงหัวโต๊ะ สายตาอ่านผ่านเอกสารฉบับหนึ่งไปยังอีกฉบับด้วยความตั้งใจอย่างไม่ลดละ ด้านข้างของเขาคือแผนที่ที่ถูกขีดเขียนวางแนวเส้นทางจนลายเส้นหนาทึบเหมือนชั้นหินทับซ้อน“นี่คือโครงการที่รัฐบาลอนุมัติล่าสุดนะแทนไท” เสียงของหัวหน้ากองวางแผนโครงสร้างพื้นฐานเอ่ยขึ้น พร้อมส่งเอกสารอีกชุดหนึ่งให้เขาแทนไทเงยหน้าขึ้น พยักหน้าช้าๆ เขารับแฟ้มมาก่อนจะเปิดดู หน้าปกระบุชื่อโครงการว่า “มอเตอร์เวย์สายตะวันออกเฉียงใต้-ตะวันตกเฉียงเหนือ”“ทางด่วนสายใหม่นี้จะเชื่อมจากชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกทะลุไปถึงจังหวัดทางเหนือ ใช้ตัดผ่านถึง 7 จังหวัด กินระยะเวลาก่อสร้างทั้งหมด 4 ปี มีคุณเป็นผู้ควบคุมโครงการโดยตรง” หัวหน้ากองวางแผนโครงสร้างพื้นฐานอธิบายแทนไทนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นคง“ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ”นับจากวันนั้น เขาเริ่มเข้าสู่การทำงานอย่างเต็มรูปแบบในโครงการระดับชาตินี้ แม้จะใช้เวลาก่อสร้างนานถึงสี่ปี แต่ในทุกปี ทุกเดือน และทุกสัปดาห์ของการทำงาน เขาไม่เคยผ่อนแรงหรือปล่อยผ่านรายละเอียดเลยแม้แต่น้อยภายในไซต์งานกลางหุบเ

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 19 ความสำเร็จที่มามาพร้อมกับคำขอบคุณ

    เช้าตรู่ของวันจันทร์ แสงแดดอ่อน ๆ สาดลอดผ่านผ้าม่านบาง ๆ ที่หน้าต่างห้องพักของแทนไท เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงไม่ต่างจากวันแรกที่ยืนต่อหน้ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อเสนอโครงการครั้งแรก มือของเขาลูบผ่านปกเสื้อเชิ้ตที่แขวนไว้ข้างเตียงอย่างเบามือ ทุกอย่างต้องพร้อม ทุกอย่างต้องเป๊ะในวันนี้ วันประชุมใหญ่ประจำเดือนของกรมทางหลวงที่สำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯแทนไทนั่งอยู่ในห้องประชุมที่เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่จากหลากหลายแผนกและตัวแทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าร่วมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ห้องประชุมกว้างใหญ่เงียบกริบเมื่อเสียงประธานเปิดการประชุมจบลง และแทนไทก็ได้รับเชิญให้ขึ้นไปนำเสนอในลำดับแรก“ผมขอเริ่มต้นด้วยโครงการเส้นทางตัดผ่านจากหมู่บ้านปากคลองสำราญไปยังโรงเรียนบ้านทุ่งหญ้าคา จังหวัดพัทลุงครับ” แทนไทกล่าว พลางคลิกเปิดสไลด์ที่เตรียมไว้ภาพแผนที่ถูกฉายขึ้นหน้าจอพร้อมกับกราฟิกที่แสดงเส้นทางที่เด็ก ๆ ต้องนั่งเรือข้ามคลองไปโรงเรียนทุกวัน เสียงซุบซิบเบา ๆ ดังขึ้นจากบางมุม“ปัจจุบัน เด็ก ๆ ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีในการเดินทางไปโรงเรียนในแต่ละวัน ต้องพึ่งเรือโดยสารที่มีอยู่เพียงสองลำ ซึ่งหากฝน

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 18 ทางเลือกในมือเรากับแสงดาวในหัวใจ

    หลังจากกลับจากหมู่บ้านบนดอย แทนไทเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ยิ่งกว่าเดิม ความรู้สึกอบอุ่นจากรอยยิ้มและคำขอบคุณของชาวบ้านยังคงติดตรึงอยู่ในใจของเขา กลิ่นหอมของอาหารพื้นเมือง คำพูดที่แสนจริงใจของผู้ใหญ่บ้าน เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ที่รับขนมจากมือของเขา และสายตาแห่งความหวังจากคนทั้งหมู่บ้าน มันหล่อหลอมใจเขาจนแน่นหนา เขารู้เพียงว่าจะต้องไม่ยอมแพ้ทันทีที่กลับมาถึง เขาจัดโต๊ะทำงาน เปิดโน้ตบุ๊ก และเริ่มลงมือเขียนโครงการเส้นทางลัดจากหมู่บ้านบนดอยสู่ตัวอำเภออย่างจริงจังที่สุดเท่าที่เคยทำมา ทำมันด้วยความรอบคอบมากกว่าครั้งไหน ๆ เขาอ่านเอกสารอ้างอิงซ้ำไปซ้ำมา นั่งวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเทคนิค ทบทวนเส้นทางบนแผนที่ที่เขาศึกษาไว้ทั้งคืนจนกระทั่งดวงตาเริ่มพร่ามัวแต่ในขณะที่เขากำลังจะพักสายตา เขาก็นึกถึงภาพหนึ่งที่ยังคงติดอยู่ในใจตอนที่เขาไปเที่ยวพักร้อนภาคใต้ในช่วงนั้น ภาพของหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ริมคลองใกล้กับตัวเมืองก็ปรากฏขึ้นในความทรงจำ เด็ก ๆ ในหมู่บ้านแห่งนั้นต้องล่องเรือข้ามคลองเพื่อไปเรียนหนังสือในโรงเรียนอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ ทุกเช้าและเย็นเด็ก ๆ ต้องนั่งเรือไปกลับ บางครั้งน

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 17 ก้าวเดินด้วยหัวใจและความตั้งใจ

    เสียงเครื่องยนต์รถกระบะสีขาวคู่ใจของแทนไทดังกระหึ่มไปตามถนนที่ลัดเลาะผ่านเนินเขาและหุบเหว เขากำลังเดินทางกลับขึ้นสู่หมู่บ้านบนดอยอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เคยเดินทางมาเมื่อหลายเดือนก่อนเพื่อศึกษาสภาพพื้นที่และฟังเสียงสะท้อนจากชาวบ้านด้วยตัวเอง ครั้งนี้เขามาพร้อมกับความหวังใหม่และแผนงานที่วางไว้อย่างรอบคอบกว่าเดิม พร้อมกับคำมั่นในใจว่า จะต้องทำให้โครงการถนนเส้นทางลัดเชื่อมหมู่บ้านบนดอยกับตัวอำเภอเป็นจริงให้ได้ ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม“อาแทนไท!” เสียงเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งที่ยืนรออยู่ริมทางหน้าศาลาหมู่บ้านร้องเรียกด้วยความดีใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง แทนไทยิ้มกว้างก่อนจะจอดรถ เขาเปิดประตูลงมาและหยิบถุงขนมหลายถุงออกจากกระบะหลัง แจกจ่ายให้กับเด็ก ๆ อย่างที่เคยทำ“อ้าว มาเร็วเด็ก ๆ ทั้งหลาย ยังจำอาได้กันอยู่ไหมเนี่ย” เขาถามพร้อมเสียงหัวเราะ เด็ก ๆ พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น บ้างก็ยื่นมือไปรับขนม บ้างก็โผเข้ากอดเอวเขาไว้แน่น“คราวนี้อามาพร้อมของสำคัญด้วยนะ” แทนไทหยิบแฟ้มเอกสารหนาออกมาจากรถ“จะให้พ่อ ๆ แม่ ๆ ของทุกคนช่วยเซ็นชื่อสนับสนุนโครงการถนนที่จะสร้างตัดผ่านหมู่บ้านของเราไ

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 16 ถนนที่แม่ไม่เคยเห็น

    แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านผ้าม่านสีอ่อนในบ้านไม้สองชั้นหลังเดิมของวิไล หญิงร่างเล็กในวัยชราเดินออกมายังระเบียงหน้าบ้าน หยิบวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเก่าที่เปิดฟังเป็นประจำมานั่งฟังข่าวยามเช้า ท่ามกลางเสียงไก่ขัน เสียงลมพัดผ่านยอดไม้ วิไลทอดสายตามองไปยังถนนดินเล็ก ๆ ที่ทอดยาวออกจากหมู่บ้าน ผู้เป็นแม่เฝ้ามองอยู่ทุกวัน ไม่ใช่เพราะเธอคาดหวังจะเห็นลูกชายกลับบ้านโดยไม่บอกกล่าว แต่เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่ลูกชายของเธอเคยใช้ก้าวออกไปสู่โลกกว้าง“แทน เอ็งสู้ไหวไหมลูก..” วิไลพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มองหน้าจอแชตกับลูกชายคนเดียวที่เธอรักที่สุดแทนไท ในวัยสามสิบปลาย ๆ เจ้าหน้าที่วิศวกรชำนาญการพิเศษของกรมทางหลวง หลังจากถูกตักเตือนอย่างเป็นทางการด้วยเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว เขากลับไม่ได้เสียขวัญ หากแต่เขาได้นำเอาเหตุการณ์นั้นกลับมาเป็นบทเรียนสำคัญที่หล่อหลอมวิธีคิดและการวางแผนของเขาให้รอบคอบมากยิ่งขึ้นเช้าวันนี้ แทนไทนั่งอยู่ในห้องทำงานเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยแผนที่ภูมิประเทศ กระดาษโน้ต และหนังสือวิชาการเกี่ยวกับวิศวกรรมโยธา เขาหยิบแผนที่เดิมขึ้นมาดูอีกครั้ง เส้นทางสายที่เขาอยาก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status