Home / รักโบราณ / เหมยฮวาฤดูหนาว / คุณหนูอัปลักษณ์กับการเข้าวังครั้งแรก (1)

Share

คุณหนูอัปลักษณ์กับการเข้าวังครั้งแรก (1)

ยามเช้าตรู่... ของวันหยุดอันแสนสบาย ณ จวนไร้พ่าย

ทว่ายามนี้เจ้าของจวนกลับยืนหน้าบึ้งอยู่หน้าเรือนตนเอง ที่สำคัญ... รอบกายยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายความหงุดหงิด จนบ่าวไพร่ในเรือนต่างพากันหลีกหนีไม่กล้าสู้หน้า ใบหน้าคมสมชายที่แม้จะล่วงเลยมาจนถึงวัยใกล้หลักเลขสามแล้วแต่ยังคงดูดีจนน่าอิจฉา

ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดที่ไม่จำเป็นต้องเข้าเฝ้า ซึ่งปกติแล้วเจ้าตัวมักเรียกร้องขอมาโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับไม่มีเค้าความยินดีให้เห็นสักนิด

เพราะเหตุใดน่ะหรือ

ก็เพราะว่าวันนี้ฮูหยินจ้าวผู้เป็นภรรยาจะพาบุตรสาวสุดรักสุดสวาทขาดใจของเขาเข้าวังไปเยี่ยมฮ่องเต้พี่ชายบุญธรรมของนางน่ะสิ

“ฮึ่ม! ทั้งๆ ที่เป็นวันหยุด ที่ข้าควรจะได้อยู่กับฮวาเอ๋อร์ของข้าแท้ๆ ทำไมต้องพาไปหาเจ้าฮ่องเต้บ้านั่นด้วย” 

เสียงบ่นแฝงแววหงุดหงิดดังขึ้นเบาๆ ด้วยเขานั้นมิกล้าเอ่ยดังไป เพราะเกรงว่าหากยอดศรีภรรยาได้ยินขึ้นมา เขาอาจจะได้ลงไปนอนวัดความสกปรกของพื้นอีกเป็นแน่

จางฟงที่ยืนตรวจตราความเรียบร้อยของรถม้าหันกลับมาตอบผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงสุภาพ เมื่อเห็นอีกฝ่ายบ่นงึมงำคล้ายต้องการหาคำตอบ

“ก็เพราะว่า... ฮูหยินต้องการให้คุณหนูได้พบพระพักตร์ฮ่องเต้อย่างไรล่ะขอรับ เหตุใดนายท่านจึงไม่ดีใจเล่าขอรับ” 

จ้าวหมิงหลงตาขวางใส่อีกฝ่าย จากนั้นจึงตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ “ก็แล้วทำไมข้าต้องดีใจด้วย” 

“แหม นายท่านขอรับ ก็คุณหนูออกจะน่ารักเพียงนี้ หากฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็น พระองค์อาจจะถูกพระทัยในตัวคุณหนูก็เป็นได้ แล้วถ้าทรงถูกพระทัย พระองค์ย่อมมีพระเมตตา และเมื่อทรงเมตตา ก็อาจจะพระราชทานตำแหน่งพระคู่หมั้นขององค์ชายพระองค์ใดพระองค์หนึ่งให้ ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น เกิดองค์ชายที่หมั้นหมายกับคุณหนูภายหน้าได้เป็นรัชทายาท ตัวคุณหนูเองในอนาคตคงไม่พลาดตำแหน่งฮองเฮาเป็นแน่แท้” 

กล่าวคำอธิบายจบ พ่อบ้านคนซื่อก็ยืนแหงนหน้าหลับตาพริ้ม นึกจินตนาการถึงภาพคุณหนูผู้น่ารักของตนอยู่ในชุดแดงประจำตำแหน่งแม่ของแผ่นดิน

“อา... ช่างเป็นบุญของข้าน้อย จางฟงผู้นี้เหลือเกิน ที่ได้เคยรับใช้ใต้ฝ่าพระบาทของฮองเฮาในอนาคต” 

หมิงหลงฟังคำแล้วให้นึกยัวะยิ่งนัก

“หน็อย... ฮองเฮา ฮองเห่ามารดาเจ้าสิ ตราบใดที่ข้า จ้าวหมิงหลงผู้นี้ยังอยู่ จะฮองเฮาหรือฮูหยินใคร ข้าก็ไม่ให้เป็นทั้งนั้น!” 

กล่าวจบแม่ทัพจ้าวก็ตวัดเท้ากระบวนท่าพยัคฆ์พิโรธใส่พ่อบ้านคนสนิทข้างกายที่ยืนฝันหวานด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มเป็นการระบายอารมณ์ทันที

พลั่ก!

จางฟงนั้นมีวรยุทธ์ไม่น้อย ทว่ายังด้อยกว่าผู้เป็นนายหลายส่วนมาก ยิ่งกำลังอยู่ในช่วงเพ้อฝันจึงไม่อาจป้องกันตัวเองได้ เมื่อต้องลงไปคลุกดินบนพื้น เขาจึงได้แต่นั่งงงสมองอื้ออย่างไม่ทราบสาเหตุ

“เกิดอะไรขึ้น” 

หลังจากจ้าวหมิงหลงได้ระบายโทสะอารมณ์ก็ดีขึ้นมิใช่น้อย วงหน้าหล่อเหลาแต้มรอยยิ้หลายส่วน ก่อนจะยกมือกร้านตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ แล้วตอบ “ผึ้งน่ะ” 

กล่าวจบร่างกำยำจึงเดินจากไปพร้อมกับเสียงผิวปากแบบคนอารมณ์ดี ทิ้งให้พ่อบ้านผู้แสนซื่อมองซ้ายมองขวาอย่างงุนงง ก่อนจางฟงจะยกมือจับใบหน้าตนเองแล้วสะดุ้งร้องซี๊ดด้วยความเจ็บปวด

‘ผึ้งอย่างนั้นหรือ สารเลวนัก! ข้าหรืออุตส่าห์ปล่อยยอมให้พวกเจ้าเข้ามาอยู่ทำรังกันตามสะดวก อีกทั้งยังคอยห้ามบ่าวไพร่คนอื่นมิให้ไปทำลายรังเหล่านั้น เจ้าสัตว์ร้ายกล้าแว้งกัดผู้มีพระคุณ เช่นนี้ก็อย่าได้อยู่ร่วมโลกกันเลย’ 

“เด็กๆ ใครว่างเอาไฟมาให้ข้าที!” 

บ่าวผู้น้อยในจวนได้ยินเสียงตวาดต่างสะดุ้งเฮือก เนื่องด้วยปกติแล้วพ่อบ้านจางเป็นผู้ที่มีเมตตา แถมยังโอบอ้อมอารีกับทุกคน ไม่เคยเอ่ยวาจาดุด่าลูกน้องให้ได้ยินสักครั้งด้วยซ้ำไป แล้วเหตุใดยามนี้จึงมีน้ำเสียงเกรี้ยวกราดยิ่งนักเล่า หลายคนเร่งมือวิ่งเอาไม้จุดคบไฟมาให้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที

พ่อบ้านจางฟงคนซื่อ เมื่อรับคบเพลิงจากมือบ่าวชายได้ ก็ก้าวเท้าถลาเหินกายด้วยวิชาตัวเบามุ่งหน้าไปยังสวนหลังจวนทันที บ่าวชายหญิงต่างมองตามร่างที่หายไปจากสายตาพวกตน ทุกคนหันมองหน้ากันแล้วส่ายหน้างุนงงด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะพากันแยกย้ายกลับไปทำงานของตนเองต่อ

ฮูหยินจ้าวในชุดสีม่วงอ่อนปักลายผีเสื้อหลากสีขับเน้นเรือนร่างระหงให้งดงามอ่อนช้อย ทว่าแฝงไปด้วยความสง่างาม นางเดินนำหน้าบุตรสาวมายังรถม้าของจวนอย่างเชื่องช้า

วันนี้จ้าวเหมยฮวาอยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าสดใส ปักลวดลายด้วยบุปผาสีชมพูแลดูเข้ากัน เส้นผมยาวดำขลับขมวดแบ่งสองข้างคล้ายซาลาเปา เปียเล็กๆ ปล่อยชายลงคลอเคลียกับผ้าผูกผมสีชมพูหวาน ส่งผลให้ใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นดูน่ารักน่าชังยิ่งขึ้นไปอีก เด็กหญิงเดินจูงมือมากับมารดา ติดตามด้วยร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นบิดาที่ตอนนี้เริ่มมีใบหน้าบูดบึ้งอีกครั้ง จิ้งเหยียนก้าวเท้ามาหาคุณหนูตนพร้อมผ้าสีขาวในมือเพื่อนำมาผูกให้คุณหนูใช้ปิดบังใบหน้าน่ารัก เฟยเซียนมองหน้าบุตรสาวที่ตอนนี้ถูกปิดด้วยผ้าสีขาวจนมองเห็นเพียงดวงตาสีดำเป็นประกายสุกใส พลางเอ่ยถามอย่างห่วงใย

“อึดอัดไหมลูก ถ้าอึดอัดก็ไม่ต้องปิดดีกว่า” 

นางเอ่ยถามบุตรี แม่ทัพที่เดินตามมาเงียบๆ รีบอ้าปากจะโวยวาย ทว่าเมื่อเห็นสายตาเขียวๆ ของผู้เป็นภรรยา เขาพลันหุบปากนิ่งเงียบทันที จ้าวเหมยฮวาแย้มยิ้มน้อยๆ ใต้ผ้าคลุมด้วยความขบขันบิดา ก่อนตอบมารดาน้ำเสียงสดใส

“ไม่เจ้าค่ะ ลูกไม่รู้สึกอึดอัดอันใด” 

ฮูหยินจ้าวถอนใจพร้อมกับพยักหน้ารับ ต่างกับสามีที่ตอนนี้ดูจะหน้าบาน ด้วยดีใจที่บุตรสาวยังปฏิบัติตามคำสัญญาที่ให้กัน

“แล้วพ่อบ้านจางหายไปไหน” จ้าวเฟยเซียนเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นพ่อบ้านประจำจวนอยู่ในแถว

“เรียนฮูหยิน ท่านพ่อบ้านไปจัดการงานอยู่ในสวนหลังจวนขอรับ” บ่าวผู้หนึ่งตอบ

คิ้วใบหลิวของฮูหยินจ้าวขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อได้ยินคำตอบ

‘งานอะไรในสวน ถึงกับต้องให้จางฟงไปจัดการด้วยตัวเอง’ 

จ้าวเฟยเซียนนั้นไม่รู้แม้แต่น้อยว่ายามนี้พ่อบ้านของนางกำลังตีกับผึ้งอยู่ในสวนหลังจวน

“เอาละ ออกเดินทางกันเถอะ ประเดี๋ยวจะร้อนหากสายกว่านี้” 

ว่าแล้วสามคนพ่อแม่ลูกก็พากันก้าวขึ้นรถม้ามุ่งหน้าเข้าสู่วังหลวง

รถม้าพาทั้งสามคนมาถึงจุดหมายปลายทางตามเวลาที่คาดไว้ จ้าวเฟยเซียนเดินจูงมือบุตรีพาลัดเลาะผ่านเส้นทางอุทยานหลวงด้วยความชำนาญ

แหม... ตนเป็นถึงน้องสาวบุญธรรมของฮ่องเต้เชียวนะ สถานะก็องค์หญิงดีๆ นี่เอง วังหลวงนั้นคือบ้านเกิดของนาง จ้าวเหมยฮวาเดินตามมารดาไป สายตาก็จับจ้องสวนดอกไม้สีสดใสไป ก่อนจะบอกกับตนเองในใจ

‘อุทยานนี่สวยงามจริงๆ หากจางฟงได้มาเห็นคงต้องกลับไปปลูกเลียนแบบที่จวนเป็นแน่’ 

แม่ทัพไร้พ่ายก้าวตามหลังบุตรสาวและฮูหยินของตน พลางแยกเขี้ยวยิงฟันบนใบหน้าดำคล้ำอย่างคนไม่สบอารมณ์

‘ฮึ่ม! คอยดูนะ หากมีไอ้เด็กเดนตายคนไหนมันกล้าเข้ามายุ่มย่ามกับฮวาเอ๋อร์ของข้า สาบานได้เลยว่าข้าจะหักคอมันมาแกล้มสุรา’ 

ร่างสูงใหญ่คิดกับตัวเองไปตามทาง พร้อมกับปล่อยรังสีสังหารข่มขวัญผู้คนออกมารอบกาย ทำเอาเหล่านางกำนัลและขันทีทั้งหลายที่เดินผ่านมีอันต้องแข้งขาอ่อนไปตามๆ กัน

ภรรยาสาวหันกลับไปมอง ในใจนั้นรู้เท่าทันความคิดของสามีดี ก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อยด้วยความอ่อนอกอ่อนใจเมื่อสายตาเห็นนางกำนัลที่เดินสวนกับพวกนางขาอ่อนทรุดลงกับพื้นเบื้องหน้า

“ถ้าท่านยังไม่ยอมเก็บปราณสังหาร ข้าจะไล่ให้ไปรอที่รถม้านะ” เสียงกระซิบต่ำดังเข้าหูเบาๆ มีผลให้อีกฝ่ายเลิกส่งลมปราณที่ปล่อยใส่คนรอบตัวทันที แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ค่อยอยากนักก็ตาม

สามคนพ่อแม่ลูกก้าวตามเส้นทางมาพักใหญ่ๆ ในที่สุดก็มองเห็นตำหนักที่ประทับของโอรสสวรรค์ ด้านหน้านั้นมีหลิวกงกงขันทีคนสนิทฮ่องเต้รีบร้อนเดินออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นสายตามองเห็นร่างแม่ทัพกับฮูหยิน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   หักหน้า

    งานเลี้ยงใกล้จบลงแล้ว เฟยเซียนกับจ้าวเหมยฮวาเตรียมจะขอตัวกลับ ด้วยสะใจที่หักหน้าคนแก่ได้สำเร็จไทเฮามองคนทั้งสองด้วยสายตาวาววับ พระนางไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เช่นนี้แน่ จึงได้ตรัสขึ้น “เหตุใดเจ้าจึงไม่ดีดพิณเหมือนคนอื่น แต่เลือกที่จะเป่าเซียวแทนเล่าคุณหนูจ้าว” จ้าวเหมยฮวายังคงมีรอยยิ้มน่าเอ็นดู แม้ในใจจะคิดระแวงอีกฝ่ายไม่น้อย หากนางอ้างว่าเพราะไม่อยากเล่นซ้ำให้จำเจ ไทเฮาก็คงยังจะหาเหตุมาให้ดีดอยู่ดี“ทูลไทเฮา หม่อมฉันนั้นไม่สันทัดการดีดพิณเพคะ จึงเกรงว่าคงทำได้ไม่ดีพอ หม่อมฉันจึงเปลี่ยนตามความถนัด” ไทเฮาคลี่ยิ้มเหยียด ก่อนจะเอ่ยต่อเสียงดังขึ้นอีก“ช่างน่าแปลกนัก เจ้าเป็นสตรีแต่กลับไม่ถนัดพิณ แล้วเจ้าเรียนรู้สิ่งใดมาจากอาจารย์เจ้าบ้างเล่า” “ทูลไทเฮา อาจารย์ของหม่อมฉันคือบิดากับมารดาเพคะแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการตีแผ่ตัวตนของนางให้ทุกคนคิดว่านางนั้นไร้การศึกษา แบบคุณหนูลูกผู้ดีที่อยู่ในเมืองหลวงเหล่านี้ แต่เด็กหญิงยังคงตอบด้วยรอยยิ้มและความมั่นใจบิดากับมารดาสั่งสอนอบรมนางมาอย่างดี และจ้าวเหมยฮวาก็มั่นใจว่าทุกสิ่งที่สืบทอดมา จะไม่แพ้ผู้ใดแน่นอนไทเฮากับเยว่จินหมิงปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยามบ

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คิดจะเป็นคุณหนูต้องสตองเข้าไว้ (3)

    งานเลี้ยงดำเนินมาระยะหนึ่งแล้ว บรรยากาศเต็มไปด้วยความครื้นเครง จู่ๆ ไทเฮาก็เอ่ยขึ้นด้วยสุ้มเสียงดุจจะโอ้อวด“จินหมิง คุณหนูไป๋ ได้ยินว่าพวกเจ้าร่ำเรียนการดีดพิณมา สามารถบรรเลงเพลงได้ไพเราะจับใจนัก พอจะแสดงให้ยายแก่คนนี้ได้เปิดหูเปิดตาบ้างได้หรือไม่” เยว่จินหมิงยิ้มเอียงอายน้อยๆ ทว่าใบหน้ามีความภูมิใจยิ่ง นางมั่นใจในฝีมือตนเองมาก แม้แต่อาจารย์ที่มาสอนต่างก็ชมเป็นเสียงเดียวกัน ว่านางมีฝีมือเป็นหนึ่งในบรรดาเด็กรุ่นเดียวกัน“หากเสด็จย่าไม่รังเกียจฝีมืออันต่ำต้อย จินหมิงก็ยินดีเพคะ” ไทเฮาพยักหน้ายิ้มน้อยๆ อย่างพอใจในคำตอบ ก่อนจะหันมาตรัสถามต่อ “แล้วคุณหนูไป๋กับคุณหนูจ้าวล่ะ” จ้าวเหมยฮวาคลี่ยิ้มบางบนใบหน้า ในใจนั้นรู้ดีกว่าใคร ไทเฮาทรงต้องการจะเปรียบเทียบให้ผู้คนดูว่านางนั้นด้อยกว่าเยว่จินหมิงสินะ“ได้เพคะ” พอไป๋หลินอิงกับจ้าวเหมยฮวารับคำ นางกำนัลคนสนิทไทเฮาก็ยกพิณสีดำตัวยาวมาตั้งกลางเวทีทันที คล้ายจะรอท่าอยู่แล้วกระนั้นเยว่จินหมิงก้าวไปนั่งหน้าเวทีอย่างเรียบร้อย เด็กหญิงยกมือขึ้นกรีดนิ้วบรรเลงเพลงไปตามสาย เกิดเสียงกังวานหวานปนเศร้าไปทั่วบริเวณ“อา... นี่มันเพลง ‘ความฝันของผีเสื้อ’ นี่

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คิดจะเป็นคุณหนูต้องสตองเข้าไว้ (2)

    “ฮูหยินจ้าวกับคุณหนูจ้าวมาถึงแล้ว” เสียงร้องประกาศดังกังวาน ทุกคนต่างพร้อมใจกันหันไปมอง เพราะคุณหนูตระกูลจ้าวนั้นต่างก็รู้ดีว่านางไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้ใด แม้แต่ในงานเลี้ยงของฮ่องเต้ครั้งก่อนๆ แม่ทัพก็ไม่เคยพาบุตรีไปด้วย อาจเพราะความอัปลักษณ์ของนางกระมัง ทำให้บิดาอับอายจนไม่กล้าให้ออกมาพบปะผู้คนเรือนร่างระหงของเฟยเซียนในชุดสีม่วงเข้มขับเน้นทรวดทรงอรชรเดินเข้ามาในงานอย่างสง่าผ่าเผย ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะที่ฮ่องเต้กับไทเฮาประทับ“ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรไทเฮาเพคะ” อวี้หลางเห็นน้องสาวก้าวเข้ามาย่อกายทำความเคารพก็มีรอยยิ้มในพระพักตร์กว้าง ก่อนจะรีบมาพยุงร่างอรชรให้ลุกนั่ง“ไม่ต้องมากพิธีไป แค่เจ้ามาพี่ก็ดีใจแล้ว” ฮ่องเต้ตรัสสุรเสียงยินดี แตกต่างจากไทเฮาที่นั่งพระพักตร์ตึงด้วยความไม่พอใจ ที่เห็นคนตรงหน้าทำความเคารพพระนางคล้ายจะให้ผ่านๆ ไปทว่าแม้จะกริ้วอีกฝ่ายเพียงใดก็ไม่สามารถทำอะไรสตรีนางนี้ได้ ไทเฮาจึงได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้ในใจ รอเวลาเอาคืนในภายหลัง“ไหนเล่าบุตรีเจ้า ฮูหยินจ้าว” ไทเฮาแสร้งตรัสขึ้นเมื่อไม่เห็นบุตรสาวของอีกฝ่ายในสายตา ในใจมั่นใจว่านางคงไม่กล้าให้บุตรสาวมาปรากฏตัวในง

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คิดจะเป็นคุณหนูต้องสตองเข้าไว้ (1)

    ยามเช้าตรู่ในวันงานเลี้ยงต้อนรับไทเฮาเสด็จกลับวังจ้าวเหมยฮวาถูกผู้เป็นมารดาลากมาขัดสีฉวีวรรณแต่เช้า ด้วยเหตุผลที่ว่าชื่อเสียงของตระกูลจ้าวนั้นย่ำแย่มาตลอด เพราะข่าวลือที่บิดาปล่อยเกี่ยวกับตัวนาง ดังนั้นในฐานะที่นางเป็นลูกหลานของตระกูลนี้ จึงควรกอบกู้ชื่อเสียงที่เสียไปกลับคืนมา ลบคำเล่าลือเสียหายเหล่านั้นเสียให้หมดสิ้น แน่นอนว่าผู้เป็นบิดาย่อมไม่เห็นด้วย และพยายามขัดขวางอย่างสุดชีวิตแล้วเพื่อไม่ให้สามีมาขัดขวางนางกับบุตรสาวได้ ผู้เป็นฮูหยินจึงจับกรอกยาสามทิวาใส่ปากอีกฝ่าย คาดว่ากว่าจะตื่นก็คงอีกสามวันโน่นแหละอา... แม่ทัพไร้พ่าย บิดาผู้น่าสงสาร แม้แต่ยามนอนเขาก็ยังต้องรบกับองค์ชายสามในความฝันตลอดเวลาตอนเช้าถูกลากไปแช่น้ำยาสมุนไพรสูตรเด็ดที่มารดาเป็นผู้ปรุงเองกับมือ ยามสายต้องมานอนให้จิงหยูนวดน้ำมันหอมให้ โดยน้ำมันหอมนี้มารดาก็เป็นผู้ปรุงเอง จากสมุนไพรทั้งหลายแหล่ที่คัดสรรมาอย่างดี หลังเสร็จกระบวนการเหล่านั้น ก็ถูกจับสวมชุดอลังการงานสร้าง โดยชุดที่มารดาเลือกให้นางเป็นชุดผ้านุ่มเบาสบายสีขาวสะอาดตา ปักลวดลายเหมยฮวาสีแดงสดถักถอขอบดิ้นด้วยด้ายสีทอง ทำให้ดูน่ารักงดงามและหรูหรายิ่งจ้าวเฟย

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คุณหนูสกุลเยว่

    ณ จวนไร้พ่ายแห่งสกุลจ้าวจ้าวเฟยเซียนนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงนอน อิริยาบถล้วนเต็มไปด้วยความเกียจคร้าน ในมือนางถือเทียบเชิญของฮองเฮาอยู่ใบหน้างดงามนั้นมีรอยยิ้มฉายอยู่ไม่ขาด ทว่าแววตากลับครุ่นคิด ไทเฮาทรงมีแผนอะไรอีกไม่อาจรู้ได้ แต่คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับนางแน่นอน“ฮวาเอ๋อร์ เดี๋ยวเราต้องไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับที่ไทเฮาเสด็จกลับวังกันนะลูก” นางหันไปบอกบุตรี จ้าวเหมยฮวาละสายตาจากตำราสมุนไพรในมือ พยักหน้ารับคำมารดาเสียงใส“เจ้าค่ะ” ‘ไทเฮาหรือ นางยังไม่เคยเจอไทเฮากับฮองเฮาเลย ไม่รู้ว่าจะเป็นคนตลกเหมือนเสด็จลุงหรือไม่นะ’ “เจ้าคือจินหมิงงั้นหรือ อือ... โตขึ้นมากเลยทีเดียว” ไทเฮามองสำรวจเด็กหญิงตรงหน้าอยู่เนิ่นนานพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“จินหมิง ถวายพระพรไทเฮาเพคะ” น้ำเสียงใสกล่าวอย่างแช่มช้อย ร่างเล็กนั้นย่อกายทำความเคารพได้งดงามตามแบบแผน จนดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะอายุเพียงเก้าขวบ“ลุกขึ้นๆ ไทเฮาอะไรกัน อีกไม่กี่หนาวเจ้าก็จะได้เป็นชายารัชทายาทแล้ว ต้องเรียกเสด็จย่าสิถึงจะถูก” ผู้สูงวัยเอื้อมมือไปพยุงอีกฝ่าย กล่าวด้วยน้ำเสียงเอ็นดูไม่น้อย นี่สิถึงจะคู่ควรกับหลานชายของพระองค์ สาย

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   ไทเฮาเสด็จกลับวัง

    วังหลวงในวันนี้คึกคักยิ่ง เหตุเพราะเป็นวันที่ไทเฮากับฮองเฮาจะเสด็จกลับจากการไปถือศีลกินเจที่อารามหลวงเฉินซานทุกคนล้วนเตรียมตัวต้อนรับเสด็จไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เนื่องจากไทเฮานั้นเป็นคนเข้มงวดยิ่ง จึงไม่มีใครอยากให้เกิดสิ่งผิดพลาดขึ้นไม่เว้นแม้แต่อวี้หลางฮ่องเต้ ที่ยามนี้คืนสติแล้วจากผงสามทิวาของผู้เป็นน้องสาว พระองค์จึงมายืนรอรับพระมารดาอยู่ลานด้านหน้าครั้นถึงเวลา ผู้คนก็เห็นขบวนรถม้าแล่นเข้ามาจากประตูวังด้านหน้า รถม้าคันใหญ่ตกแต่งหรูหรางดงามสมฐานะเคลื่อนเข้ามาจอดอย่างนิ่มนวล ก่อนที่คนในรถม้าจะแหวกม่าน ผู้ที่ออกมานั้นเป็นสตรีร่างบางระหง ดวงหน้างามสวยสะคราญตา รอยยิ้มบางแต่งแต้มบนใบหน้า ทำให้นางแลดูอบอุ่น ทว่าท่วงท่าสง่างามสูงศักดิ์เหนือสตรีใดนางคือเยว่ฮองเฮา ฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเฉิน มารดาขององค์ชายสามนั่นเอง ร่างระหงหันกายไปทางรถม้า ก่อนจะยื่นมือขาวดุจหยวกกล้วยให้คนในรถม้าจับ มือขาวที่มีรอยย่นบ่งบอกถึงอายุเจ้าของยื่นออกมาจากในรถม้า ก่อนเจ้าของร่างจะปรากฏกายร่างสง่าแม้เลยวัยสาวของไทเฮาก้าวลงมายืนข้างร่างระหงของเยว่ฮองเฮา ดวงตาคมกริบแบบคนผ่านโลกมามากกวาดมองไปรอบด้าน ก่อนที่เสียงแสดงความเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status