หน้าหลัก / รักโบราณ / เหมยฮวาฤดูหนาว / คิดจะเป็นคุณหนูต้องสตองเข้าไว้ (3)

แชร์

คิดจะเป็นคุณหนูต้องสตองเข้าไว้ (3)

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-27 12:16:16

งานเลี้ยงดำเนินมาระยะหนึ่งแล้ว บรรยากาศเต็มไปด้วยความครื้นเครง จู่ๆ ไทเฮาก็เอ่ยขึ้นด้วยสุ้มเสียงดุจจะโอ้อวด

“จินหมิง คุณหนูไป๋ ได้ยินว่าพวกเจ้าร่ำเรียนการดีดพิณมา สามารถบรรเลงเพลงได้ไพเราะจับใจนัก พอจะแสดงให้ยายแก่คนนี้ได้เปิดหูเปิดตาบ้างได้หรือไม่”

เยว่จินหมิงยิ้มเอียงอายน้อยๆ ทว่าใบหน้ามีความภูมิใจยิ่ง นางมั่นใจในฝีมือตนเองมาก แม้แต่อาจารย์ที่มาสอนต่างก็ชมเป็นเสียงเดียวกัน ว่านางมีฝีมือเป็นหนึ่งในบรรดาเด็กรุ่นเดียวกัน

“หากเสด็จย่าไม่รังเกียจฝีมืออันต่ำต้อย จินหมิงก็ยินดีเพคะ”

ไทเฮาพยักหน้ายิ้มน้อยๆ อย่างพอใจในคำตอบ ก่อนจะหันมาตรัสถามต่อ “แล้วคุณหนูไป๋กับคุณหนูจ้าวล่ะ”

จ้าวเหมยฮวาคลี่ยิ้มบางบนใบหน้า ในใจนั้นรู้ดีกว่าใคร ไทเฮาทรงต้องการจะเปรียบเทียบให้ผู้คนดูว่านางนั้นด้อยกว่าเยว่จินหมิงสินะ

“ได้เพคะ”

พอไป๋หลินอิงกับจ้าวเหมยฮวารับคำ นางกำนัลคนสนิทไทเฮาก็ยกพิณสีดำตัวยาวมาตั้งกลางเวทีทันที คล้ายจะรอท่าอยู่แล้วกระนั้น

เยว่จินหมิงก้าวไปนั่งหน้าเวทีอย่างเรียบร้อย เด็กหญิงยกมือขึ้นกรีดนิ้วบรรเลงเพลงไปตามสาย เกิดเสียงกังวานหวานปนเศร้าไปทั่วบริเวณ

“อา... นี่มันเพลง ‘ความฝันของผีเสื้อ’ นี่
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   หักหน้า

    งานเลี้ยงใกล้จบลงแล้ว เฟยเซียนกับจ้าวเหมยฮวาเตรียมจะขอตัวกลับ ด้วยสะใจที่หักหน้าคนแก่ได้สำเร็จไทเฮามองคนทั้งสองด้วยสายตาวาววับ พระนางไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เช่นนี้แน่ จึงได้ตรัสขึ้น “เหตุใดเจ้าจึงไม่ดีดพิณเหมือนคนอื่น แต่เลือกที่จะเป่าเซียวแทนเล่าคุณหนูจ้าว” จ้าวเหมยฮวายังคงมีรอยยิ้มน่าเอ็นดู แม้ในใจจะคิดระแวงอีกฝ่ายไม่น้อย หากนางอ้างว่าเพราะไม่อยากเล่นซ้ำให้จำเจ ไทเฮาก็คงยังจะหาเหตุมาให้ดีดอยู่ดี“ทูลไทเฮา หม่อมฉันนั้นไม่สันทัดการดีดพิณเพคะ จึงเกรงว่าคงทำได้ไม่ดีพอ หม่อมฉันจึงเปลี่ยนตามความถนัด” ไทเฮาคลี่ยิ้มเหยียด ก่อนจะเอ่ยต่อเสียงดังขึ้นอีก“ช่างน่าแปลกนัก เจ้าเป็นสตรีแต่กลับไม่ถนัดพิณ แล้วเจ้าเรียนรู้สิ่งใดมาจากอาจารย์เจ้าบ้างเล่า” “ทูลไทเฮา อาจารย์ของหม่อมฉันคือบิดากับมารดาเพคะแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการตีแผ่ตัวตนของนางให้ทุกคนคิดว่านางนั้นไร้การศึกษา แบบคุณหนูลูกผู้ดีที่อยู่ในเมืองหลวงเหล่านี้ แต่เด็กหญิงยังคงตอบด้วยรอยยิ้มและความมั่นใจบิดากับมารดาสั่งสอนอบรมนางมาอย่างดี และจ้าวเหมยฮวาก็มั่นใจว่าทุกสิ่งที่สืบทอดมา จะไม่แพ้ผู้ใดแน่นอนไทเฮากับเยว่จินหมิงปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยามบ

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คิดจะเป็นคุณหนูต้องสตองเข้าไว้ (3)

    งานเลี้ยงดำเนินมาระยะหนึ่งแล้ว บรรยากาศเต็มไปด้วยความครื้นเครง จู่ๆ ไทเฮาก็เอ่ยขึ้นด้วยสุ้มเสียงดุจจะโอ้อวด“จินหมิง คุณหนูไป๋ ได้ยินว่าพวกเจ้าร่ำเรียนการดีดพิณมา สามารถบรรเลงเพลงได้ไพเราะจับใจนัก พอจะแสดงให้ยายแก่คนนี้ได้เปิดหูเปิดตาบ้างได้หรือไม่” เยว่จินหมิงยิ้มเอียงอายน้อยๆ ทว่าใบหน้ามีความภูมิใจยิ่ง นางมั่นใจในฝีมือตนเองมาก แม้แต่อาจารย์ที่มาสอนต่างก็ชมเป็นเสียงเดียวกัน ว่านางมีฝีมือเป็นหนึ่งในบรรดาเด็กรุ่นเดียวกัน“หากเสด็จย่าไม่รังเกียจฝีมืออันต่ำต้อย จินหมิงก็ยินดีเพคะ” ไทเฮาพยักหน้ายิ้มน้อยๆ อย่างพอใจในคำตอบ ก่อนจะหันมาตรัสถามต่อ “แล้วคุณหนูไป๋กับคุณหนูจ้าวล่ะ” จ้าวเหมยฮวาคลี่ยิ้มบางบนใบหน้า ในใจนั้นรู้ดีกว่าใคร ไทเฮาทรงต้องการจะเปรียบเทียบให้ผู้คนดูว่านางนั้นด้อยกว่าเยว่จินหมิงสินะ“ได้เพคะ” พอไป๋หลินอิงกับจ้าวเหมยฮวารับคำ นางกำนัลคนสนิทไทเฮาก็ยกพิณสีดำตัวยาวมาตั้งกลางเวทีทันที คล้ายจะรอท่าอยู่แล้วกระนั้นเยว่จินหมิงก้าวไปนั่งหน้าเวทีอย่างเรียบร้อย เด็กหญิงยกมือขึ้นกรีดนิ้วบรรเลงเพลงไปตามสาย เกิดเสียงกังวานหวานปนเศร้าไปทั่วบริเวณ“อา... นี่มันเพลง ‘ความฝันของผีเสื้อ’ นี่

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คิดจะเป็นคุณหนูต้องสตองเข้าไว้ (2)

    “ฮูหยินจ้าวกับคุณหนูจ้าวมาถึงแล้ว” เสียงร้องประกาศดังกังวาน ทุกคนต่างพร้อมใจกันหันไปมอง เพราะคุณหนูตระกูลจ้าวนั้นต่างก็รู้ดีว่านางไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้ใด แม้แต่ในงานเลี้ยงของฮ่องเต้ครั้งก่อนๆ แม่ทัพก็ไม่เคยพาบุตรีไปด้วย อาจเพราะความอัปลักษณ์ของนางกระมัง ทำให้บิดาอับอายจนไม่กล้าให้ออกมาพบปะผู้คนเรือนร่างระหงของเฟยเซียนในชุดสีม่วงเข้มขับเน้นทรวดทรงอรชรเดินเข้ามาในงานอย่างสง่าผ่าเผย ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะที่ฮ่องเต้กับไทเฮาประทับ“ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรไทเฮาเพคะ” อวี้หลางเห็นน้องสาวก้าวเข้ามาย่อกายทำความเคารพก็มีรอยยิ้มในพระพักตร์กว้าง ก่อนจะรีบมาพยุงร่างอรชรให้ลุกนั่ง“ไม่ต้องมากพิธีไป แค่เจ้ามาพี่ก็ดีใจแล้ว” ฮ่องเต้ตรัสสุรเสียงยินดี แตกต่างจากไทเฮาที่นั่งพระพักตร์ตึงด้วยความไม่พอใจ ที่เห็นคนตรงหน้าทำความเคารพพระนางคล้ายจะให้ผ่านๆ ไปทว่าแม้จะกริ้วอีกฝ่ายเพียงใดก็ไม่สามารถทำอะไรสตรีนางนี้ได้ ไทเฮาจึงได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้ในใจ รอเวลาเอาคืนในภายหลัง“ไหนเล่าบุตรีเจ้า ฮูหยินจ้าว” ไทเฮาแสร้งตรัสขึ้นเมื่อไม่เห็นบุตรสาวของอีกฝ่ายในสายตา ในใจมั่นใจว่านางคงไม่กล้าให้บุตรสาวมาปรากฏตัวในง

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คิดจะเป็นคุณหนูต้องสตองเข้าไว้ (1)

    ยามเช้าตรู่ในวันงานเลี้ยงต้อนรับไทเฮาเสด็จกลับวังจ้าวเหมยฮวาถูกผู้เป็นมารดาลากมาขัดสีฉวีวรรณแต่เช้า ด้วยเหตุผลที่ว่าชื่อเสียงของตระกูลจ้าวนั้นย่ำแย่มาตลอด เพราะข่าวลือที่บิดาปล่อยเกี่ยวกับตัวนาง ดังนั้นในฐานะที่นางเป็นลูกหลานของตระกูลนี้ จึงควรกอบกู้ชื่อเสียงที่เสียไปกลับคืนมา ลบคำเล่าลือเสียหายเหล่านั้นเสียให้หมดสิ้น แน่นอนว่าผู้เป็นบิดาย่อมไม่เห็นด้วย และพยายามขัดขวางอย่างสุดชีวิตแล้วเพื่อไม่ให้สามีมาขัดขวางนางกับบุตรสาวได้ ผู้เป็นฮูหยินจึงจับกรอกยาสามทิวาใส่ปากอีกฝ่าย คาดว่ากว่าจะตื่นก็คงอีกสามวันโน่นแหละอา... แม่ทัพไร้พ่าย บิดาผู้น่าสงสาร แม้แต่ยามนอนเขาก็ยังต้องรบกับองค์ชายสามในความฝันตลอดเวลาตอนเช้าถูกลากไปแช่น้ำยาสมุนไพรสูตรเด็ดที่มารดาเป็นผู้ปรุงเองกับมือ ยามสายต้องมานอนให้จิงหยูนวดน้ำมันหอมให้ โดยน้ำมันหอมนี้มารดาก็เป็นผู้ปรุงเอง จากสมุนไพรทั้งหลายแหล่ที่คัดสรรมาอย่างดี หลังเสร็จกระบวนการเหล่านั้น ก็ถูกจับสวมชุดอลังการงานสร้าง โดยชุดที่มารดาเลือกให้นางเป็นชุดผ้านุ่มเบาสบายสีขาวสะอาดตา ปักลวดลายเหมยฮวาสีแดงสดถักถอขอบดิ้นด้วยด้ายสีทอง ทำให้ดูน่ารักงดงามและหรูหรายิ่งจ้าวเฟย

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คุณหนูสกุลเยว่

    ณ จวนไร้พ่ายแห่งสกุลจ้าวจ้าวเฟยเซียนนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงนอน อิริยาบถล้วนเต็มไปด้วยความเกียจคร้าน ในมือนางถือเทียบเชิญของฮองเฮาอยู่ใบหน้างดงามนั้นมีรอยยิ้มฉายอยู่ไม่ขาด ทว่าแววตากลับครุ่นคิด ไทเฮาทรงมีแผนอะไรอีกไม่อาจรู้ได้ แต่คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับนางแน่นอน“ฮวาเอ๋อร์ เดี๋ยวเราต้องไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับที่ไทเฮาเสด็จกลับวังกันนะลูก” นางหันไปบอกบุตรี จ้าวเหมยฮวาละสายตาจากตำราสมุนไพรในมือ พยักหน้ารับคำมารดาเสียงใส“เจ้าค่ะ” ‘ไทเฮาหรือ นางยังไม่เคยเจอไทเฮากับฮองเฮาเลย ไม่รู้ว่าจะเป็นคนตลกเหมือนเสด็จลุงหรือไม่นะ’ “เจ้าคือจินหมิงงั้นหรือ อือ... โตขึ้นมากเลยทีเดียว” ไทเฮามองสำรวจเด็กหญิงตรงหน้าอยู่เนิ่นนานพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“จินหมิง ถวายพระพรไทเฮาเพคะ” น้ำเสียงใสกล่าวอย่างแช่มช้อย ร่างเล็กนั้นย่อกายทำความเคารพได้งดงามตามแบบแผน จนดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะอายุเพียงเก้าขวบ“ลุกขึ้นๆ ไทเฮาอะไรกัน อีกไม่กี่หนาวเจ้าก็จะได้เป็นชายารัชทายาทแล้ว ต้องเรียกเสด็จย่าสิถึงจะถูก” ผู้สูงวัยเอื้อมมือไปพยุงอีกฝ่าย กล่าวด้วยน้ำเสียงเอ็นดูไม่น้อย นี่สิถึงจะคู่ควรกับหลานชายของพระองค์ สาย

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   ไทเฮาเสด็จกลับวัง

    วังหลวงในวันนี้คึกคักยิ่ง เหตุเพราะเป็นวันที่ไทเฮากับฮองเฮาจะเสด็จกลับจากการไปถือศีลกินเจที่อารามหลวงเฉินซานทุกคนล้วนเตรียมตัวต้อนรับเสด็จไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เนื่องจากไทเฮานั้นเป็นคนเข้มงวดยิ่ง จึงไม่มีใครอยากให้เกิดสิ่งผิดพลาดขึ้นไม่เว้นแม้แต่อวี้หลางฮ่องเต้ ที่ยามนี้คืนสติแล้วจากผงสามทิวาของผู้เป็นน้องสาว พระองค์จึงมายืนรอรับพระมารดาอยู่ลานด้านหน้าครั้นถึงเวลา ผู้คนก็เห็นขบวนรถม้าแล่นเข้ามาจากประตูวังด้านหน้า รถม้าคันใหญ่ตกแต่งหรูหรางดงามสมฐานะเคลื่อนเข้ามาจอดอย่างนิ่มนวล ก่อนที่คนในรถม้าจะแหวกม่าน ผู้ที่ออกมานั้นเป็นสตรีร่างบางระหง ดวงหน้างามสวยสะคราญตา รอยยิ้มบางแต่งแต้มบนใบหน้า ทำให้นางแลดูอบอุ่น ทว่าท่วงท่าสง่างามสูงศักดิ์เหนือสตรีใดนางคือเยว่ฮองเฮา ฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเฉิน มารดาขององค์ชายสามนั่นเอง ร่างระหงหันกายไปทางรถม้า ก่อนจะยื่นมือขาวดุจหยวกกล้วยให้คนในรถม้าจับ มือขาวที่มีรอยย่นบ่งบอกถึงอายุเจ้าของยื่นออกมาจากในรถม้า ก่อนเจ้าของร่างจะปรากฏกายร่างสง่าแม้เลยวัยสาวของไทเฮาก้าวลงมายืนข้างร่างระหงของเยว่ฮองเฮา ดวงตาคมกริบแบบคนผ่านโลกมามากกวาดมองไปรอบด้าน ก่อนที่เสียงแสดงความเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status