Home / รักโบราณ / เหมยฮวาฤดูหนาว / ท่านแม่ทัพกับคุณหนูเหมยฮวา (2)

Share

ท่านแม่ทัพกับคุณหนูเหมยฮวา (2)

แม่ทัพไร้พ่ายเร่งฝีเท้าเดินจ้ำอ้าวด้วยความเร็วหลังจากที่สลัดเสนาบดีฝ่ายซ้ายออกไปให้พ้นทางตนได้ ถึงแม้จะข่มขู่ให้อีกฝ่ายหยุดความคิดเช่นนั้นไปแล้ว ทว่าใบหน้าคมเข้มของแม่ทัพยังคงมีริ้วรอยแห่งความกังวลใจแฝงอยู่ไม่น้อย เพราะเขาไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด หากอีกฝ่ายไม่เกรงกลัวคำขู่เช่นหมูไม่เกรงน้ำร้อน คิดหาหนทางใช้ความดีความชอบขอให้ฮ่องเต้มีราชโองการขึ้นมา ฮวาเอ๋อร์บุตรสาวสุดที่รักของเขาคงมิแคล้วต้องถูกบีบให้ยอมจำนนหมั้นหมายกับไอ้เด็กน้อยตระกูลฉีเป็นแน่แท้ อย่างไรเสียฉีหลิงเฟยเจ้าเสนาบดีเฒ่าคงไม่มีทางยอมถอยหลังกับอีแค่เจอคำขู่ลอยๆ พวกนั้นเป็นแน่

‘เอ... หรือว่าข้าจะทำให้เจ้าเด็กเยว่จินนั่นพิการดีนะ อือ... ไม่ได้ๆ เกิดอวี้หลางบ้าจี้สงสารมัน แล้วมีราชโองการให้ฮวาเอ๋อร์ของข้าแต่งเข้าตระกูลฉี ลูกสาวข้ามิต้องกลายเป็นเมียคนพิการหรอกหรือ’

ท่านแม่ทัพผู้ออกอาการหวงบุตรสาวครุ่นคิด ก่อนจะเผยรอยยิ้มยินดีออกมาเมื่อคิดหาทางออกได้

‘ใช่แล้ว จะไปยากอะไรเล่า หากทำให้พิการแล้วเป็นปัญหา ถ้าอย่างนั้นก็เชือดทิ้งไปเสียเลยสิ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว งั้นก็รอเก็บรวดเดียวเลย ตระกูลไหนกล้ามาทาบทามลูกสาวข้า ข้าจะเก็บพวกมันรวดเดียวเลย’

“ใช่ ต้องแบบนี้แหละ ฮ่าๆๆ ดูสิว่าคราวนี้ยังจะมีไอ้หน้าโง่คนไหนกล้าเสนอลูกชายตัวเองมาให้ฮวาเอ๋อร์ของข้าอีก”

แม่ทัพไร้พ่ายส่งเสียงหัวเราะร่วน เดินกระหยิ่มยิ้มย่องลำพองไปทางรถม้าที่จอดรออยู่ด้วยความสบายใจที่ตัวเองสามารถคิดหาหนทางออกได้

“ฮัดเช้ย!”

บุรุษในชุดมังกรพลันจามติดๆ กัน มือเรียวยกขึ้นลูบปลายจมูกโด่งได้รูปพลางตรัสกับตัวเองด้วยสุรเสียงงุนงง

“เอ... แปลกนัก น้ำมูกหรือก็ไม่มี แต่ทำไมจามได้ขนาดนี้”

หลิวกงกงขันทีประจำพระองค์ก้าวเข้ามา ก่อนส่งถ้วยน้ำขิงที่มีควันลอยหอมกรุ่นให้ “ฝ่าบาท ทรงเสวยน้ำขิงร้อนๆ ก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ ที่เป็นเช่นนี้อาจเพราะทรงหักโหมงานหนักจนเกินพระวรกาย”

ฮ่องเต้หนุ่มรับถ้วยมายกซดเฮือกใหญ่ ก่อนจะส่งกลับคืนให้อีกฝ่าย แล้วนั่งครุ่นคิดในใจต่อ พระองค์กำลังหมายมั่นปั้นมือจะจับบุตรสาวของสหายรักมาหมั้นหมายกับองค์ชายน้อยของพระองค์อยู่

‘เจ้าสาม เจ้าห้า หรือว่าเจ้าแปดดีนะ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หมิงหลง ลูกสาวเจ้าจะต้องเป็นชายาของคนที่จะขึ้นเป็นรัชทายาทข้า’

อวี้หลางฮ่องเต้คิดสรุปในใจเงียบๆ พระพักตร์งดงามราวกับสตรีมีรอยยิ้มยินดีระบายทั่ว ยามคิดถึงตอนที่สหายรักได้รับรู้สิ่งที่พระองค์จะทำ

‘นี่ถ้าหมิงหลงรู้ว่าข้ายกย่องบุตรสาวเขาถึงขนาดนี้ละก็ คงจะดีใจไม่น้อยทีเดียว’ ฮ่องเต้คิดพลางหัวเราะด้วยความปีติ

อนิจจา! หากพระองค์มีญาณทิพย์สามารถล่วงรู้ได้ว่าสหายรักที่กำลังคิดพระราชทานโอรสของตนเพื่อให้เป็นว่าที่ลูกเขยของอีกฝ่าย ในยามนี้นั้นคิดวางแผนที่จะกำจัดบรรดาเด็กชายทั้งหลายแหล่ที่จะนำมาเสนอให้แก่บุตรสาวของตนอยู่ คาดว่าพระองค์คงเลิกล้มความคิดนี้แทบไม่ทันแน่ๆ

“แม่ทัพจ้าวๆ ท่านกำลังจะกลับจวนหรือ”

เสียงเล็กร้องถามจากด้านหลัง เจ้าของเสียงนั้นเป็นเด็กชายในชุดแต่งกายสีสันสดใส ใบหน้าจิ้มลิ้มราวกับเด็กผู้หญิงมีเค้าโครงของอวี้หลางฮ่องเต้อยู่มิน้อย

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายแปดทรงมีธุระอะไรกับกระหม่อมหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่มีหรอก ข้าเพียงแค่รู้สึกเบื่อและเหงา ในวังก็ไม่มีอะไรให้เล่นสนุกเลย”

องค์ชายแปดอวี้เยี่ยนบ่นลอยๆ ให้คนตรงหน้าฟัง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากแสร้งก้มหน้าถามเสียงเศร้า ทว่าดวงตานั้นฉายแววเจ้าเล่ห์อย่างที่เด็กวัยนี้ไม่ควรมี

“ดังนั้นข้าเลยอยากขอไปเที่ยวเล่นที่จวนของท่าน ท่านแม่ทัพให้ข้าไปด้วยได้หรือไม่”

จ้าวหมิงหลงที่เมื่อครู่อดนึกสงสารองค์ชายน้อยไม่ได้พลันรู้สึกตัวสะดุ้งเฮือก การจะพาไปนั้นหาใช่เรื่องยาก ทว่าร้อยวันพันปีมิเคยเห็นว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีสนใจไปจวนเขาสักนิดนี่นา

ดวงตาคมหรี่มองใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มอย่างสำรวจ ก่อนจะสรุปกับตนเองอย่างมั่นใจว่าองค์ชายตัวน้อยพระองค์นี้ น่าจะมีเป้าหมายอยู่ที่บุตรสาวสุดที่รักของเขาอย่างแน่นอน

‘ฝันไปเถิดเจ้าเด็กน้อย ถึงเจ้าจะเป็นโอรสแห่งฮ่องเต้สหายข้าก็ตาม แล้วอย่างไรเล่า อย่าหวังเลยว่าจะได้ลูกข้าไปครอง’

“ขออภัยด้วยจริงๆ พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย กระหม่อมก็อยากให้พระองค์ไปด้วย เพียงแต่ยามนี้บุตรสาวกระหม่อมกำลังป่วยเป็นโรคร้ายแรงอยู่ หากให้พระองค์เสด็จตามไปด้วยละก็ เกรงว่าอาจจะทรงติดโรคจากบุตรสาวกระหม่อมได้”

แม่ทัพหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงเบาหวิว ใบหน้าซีดขาวราวกับไร้สีเลือด อวี้เยี่ยนได้ยินดังนั้นก็รีบถอยร่างหนีห่าง ดวงตาหงส์คู่เล็กจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเกรงๆ

“บุตรสาวของท่าน นางเป็นโรคติดต่ออย่างนั้นหรือ”

หมิงหลงซ่อนยิ้มผงกศีรษะรับคำโดยทันที

‘ฮึ เจ้าเด็กน้อย คิดหรือจะสู้เล่ห์เหลี่ยมกับผู้ใหญ่ได้ เจ้ามารยามาข้าก็มารยากลับ ไม่โกงกันอยู่แล้ว ไม่มีข้อห้ามใดห้ามไม่ให้ผู้ใหญ่มารยานี่นา’

“บุตรสาวของกระหม่อม นางป่วยเป็นโรคที่สามารถติดต่อกันทางผิวหนังพ่ะย่ะค่ะ โดยอาการที่เป็นจะมีตุ่มน้ำหนองขึ้นตามผิวกาย ถ้าตุ่มไหนขึ้นมานานแล้วก็จะแตก เวลาแตกผิวหนังนางจะแยกออกจนเห็นเนื้อด้านในเน่าเฟะ น้ำหนองจะไหลเยิ้มออกมา ที่สำคัญคือ หากสัมผัสถูกตัวก็จะติดโรคเช่นเดียวกับนางไปด้วย ยามนี้กระหม่อมต้องส่งสาวใช้ที่คอยดูแลนางกลับบ้านไปถึงสามคนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

แม่ทัพหนุ่มสาธยายพลางลอบสังเกตสีหน้าเด็กน้อยคู่สนทนา เมื่อเห็นว่าองค์ชายแปดแสดงท่าทีรังเกียจหวาดเกรงในตัวเขา มือใหญ่จึงยื่นมาข้างหน้าคล้ายจะจับต้องถูกเนื้อตัวอีกฝ่าย

อวี้เยี่ยนผงะร่างก้าวถอยหลัง หลีกหนีมือใหญ่ตรงหน้าอย่างหวาดกลัว ใบหน้าจิ้มลิ้มราวกับเด็กหญิงนั้นบิดเบี้ยวนิดๆ แววตาฉายความรังเกียจให้เห็นอย่างไม่อาจปิดบัง ก่อนจะหมุนกายหันหลังวิ่งหนีจากไปโดยไม่คิดร่ำลา

ถึงแม้ว่าพระมารดาจะสั่งให้เขาตีสนิทและหาทางเป็นลูกเขยแม่ทัพจ้าวก็เถอะ แต่แบบนี้ไม่ไหวนะ เขายังไม่อยากติดโรคไปด้วยนี่นา

‘เสด็จแม่... มันไม่ใช่ แบบนี้ลูกไม่ไหวจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ’

จ้าวหมิงหลงมองตามหลังร่างเล็กที่วิ่งหนีไปจนลับตา ก่อนจะเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมขณะมองตามไป เจ้าเด็กนี่อายุเพียงเท่านี้ในใจคิดเริ่มวางแผนการแล้วหรือ

‘เห็นแก่หน้าบิดาของเจ้า ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเจ็บตัว แต่ถ้ามีคราวหน้าจะเล่นงานเจ้าที่ใจแทน’

“กลับ!” สิ้นเสียงคำสั่ง รถม้าคันใหญ่ก็เคลื่อนไหวมุ่งหน้าสู่จวนไร้พ่ายทันที

เมื่อลับร่างทุกคนไปแล้วพลันปรากฏร่างเด็กหนุ่มสองคนวัยไล่เลี่ยกัน ทั้งคู่ก้าวออกมาจากพุ่มไม้ทางด้านหนึ่ง

“น้องห้า เจ้าว่าท่านแม่ทัพน่าสงสารหรือไม่”

เด็กหนุ่มคนโตกว่าหันไปถามผู้มีศักดิ์เป็นน้อง พลางเหม่อมองตามหลังรถม้าของแม่ทัพไร้พ่าย ทั้งสองคือองค์ชายสามอวี้เจี้ยนกับองค์ชายห้าอวี้เหลียนนั่นเอง

อวี้เหลียนหันไปมองตามพี่ชายทางทิศที่แม่ทัพจากไป นัยน์ตาสีดำเป็นประกายทอแสงวูบหนึ่ง เขามั่นใจว่าคำพูดประโยคเมื่อสักครู่นี้ของแม่ทัพจ้าวโกหกแน่นอน ทว่าองค์ชายห้าผู้ฉลาดเฉลียวทรงยึดถือในคติประจำใจของตนเอง นั่นคือ...

‘ไม่คิดยุ่งเรื่องของผู้อื่น’

ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะตอบออกไปไม่ตรงคำถามเท่าใดนัก “หากเป็นดั่งคำที่ท่านแม่ทัพเอ่ยมา ข้าว่าเขาก็น่าสงสารอยู่”

ใช่... ถ้าเป็นความจริงก็น่าสงสาร แต่ในเมื่อโกหกย่อมไม่น่าสงสารอันใด

อวี้เจี้ยนมองตามสายตาน้องชายแล้วถอนหายใจเบาๆ เอาเถิด ท่านแม่ทัพเองก็รบกับข้าศึกเพื่อปกป้องบ้านเมืองมาอย่างยากลำบาก สร้างความดีความชอบมาก็มิใช่น้อยๆ

‘ในอนาคตหากแม้บุตรีของท่านสามารถมีชีวิตรอด ไม่มีผู้ใดมาสู่ขอนางเป็นภรรยา ข้าจะรับนางมาเป็นชายาให้เอง’ อวี้เจี้ยนผู้อ่อนโยนคิดพลางบอกกับตัวเองเงียบๆ

หลังจากนั้นในเมืองหลวงก็บังเกิดข่าวลือขึ้นมา และกลายเป็นประเด็นร้อนแห่งแคว้นเลยทีเดียว ข่าวนั้นเล่ากันว่า บุตรสาวท่านแม่ทัพไร้พ่าย คุณหนูคนเดียวของสกุลจ้าวเป็นโรคติดต่อทางร่างกาย จนทำให้มีใบหน้าอัปลักษณ์ยิ่งนัก แถมร่างกายยังพิกลพิการด้วยโรคนี้อีกด้วย

ข่าวนี้เล่าลือกันจนหนาหู ได้ยินไปถึงพระกรรณฮ่องเต้ พระองค์ทรงร้อนพระทัยถึงกับต้องไปถามคาดคั้นเอากับสหายคนสนิท

ยิ่งเห็นสหายรักก้มหน้านิ่งไม่เอ่ยสิ่งใด ฮ่องเต้หนุ่มยิ่งกำสรดด้วยความสงสารและเห็นใจอีกฝ่าย ส่วนท่านแม่ทัพก็ให้นึกยินดีในใจ นับว่าองค์ชายแปดกับพระสนมเต๋อเฟยช่างเป็นหอกระจายข่าวชั้นดีของเขาจริงๆ ทำได้ยอดเยี่ยมนัก

จะมีให้ขัดใจบ้างคงเป็นองค์ชายสามอวี้เจี้ยนนี่แหละ มาเอ่ยปากบอกว่าหากฮวาเอ๋อร์ของเขารอดไปได้จนเติบใหญ่แล้วละก็ พระองค์ยินดีจะรับบุตรสาวสกุลจ้าวมาเป็นพระชายา ทำเอาฮ่องเต้กับแม่ทัพถึงกับน้ำตาซึมกันเลยทีเดียว

จะแตกต่างกันก็ตรงที่ฮ่องเต้นั้นน้ำตาซึมเพราะทรงปลาบปลื้มพระทัยที่โอรสของพระองค์มีจิตใจดีงาม ไม่คิดรังเกียจบุตรีของสหายรัก

ส่วนท่านแม่ทัพนั้นน่ะหรือ ซึมเพราะคิดว่าตนอุตส่าห์กำจัดคนอื่นได้แล้ว กลับดันมีองค์ชายสามโผล่เข้ามาอีก

‘องค์ชาย ท่านจะเมตตาทำไมถึงไม่ถามกันก่อนเล่า ว่ากระหม่อมต้องการหรือไม่’

แม่ทัพต่อว่าอีกฝ่ายน้ำตาซึม ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความโมโหองค์ชายสาม ผู้หวังดีที่เขาไม่ต้องการสักนิด

ทว่าต่างกับฮ่องเต้ที่มีรอยยิ้มกว้างขวางบนพระพักตร์ เพราะคิดว่าสหายของพระองค์นั้นร้องไห้เพราะความซาบซึ้งใจ

ส่วนองค์ชายห้าผู้ฉลาดเฉลียวเกินวัย พอจะเดาได้ถึงความคิดในใจแม่ทัพกับพระบิดาตน เขาจึงได้แต่อดทนนั่งกลั้นเสียงหัวเราะเสียจนหน้าเขียวหน้าดำอยู่ผู้เดียว อนิจจา...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   หักหน้า

    งานเลี้ยงใกล้จบลงแล้ว เฟยเซียนกับจ้าวเหมยฮวาเตรียมจะขอตัวกลับ ด้วยสะใจที่หักหน้าคนแก่ได้สำเร็จไทเฮามองคนทั้งสองด้วยสายตาวาววับ พระนางไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เช่นนี้แน่ จึงได้ตรัสขึ้น “เหตุใดเจ้าจึงไม่ดีดพิณเหมือนคนอื่น แต่เลือกที่จะเป่าเซียวแทนเล่าคุณหนูจ้าว” จ้าวเหมยฮวายังคงมีรอยยิ้มน่าเอ็นดู แม้ในใจจะคิดระแวงอีกฝ่ายไม่น้อย หากนางอ้างว่าเพราะไม่อยากเล่นซ้ำให้จำเจ ไทเฮาก็คงยังจะหาเหตุมาให้ดีดอยู่ดี“ทูลไทเฮา หม่อมฉันนั้นไม่สันทัดการดีดพิณเพคะ จึงเกรงว่าคงทำได้ไม่ดีพอ หม่อมฉันจึงเปลี่ยนตามความถนัด” ไทเฮาคลี่ยิ้มเหยียด ก่อนจะเอ่ยต่อเสียงดังขึ้นอีก“ช่างน่าแปลกนัก เจ้าเป็นสตรีแต่กลับไม่ถนัดพิณ แล้วเจ้าเรียนรู้สิ่งใดมาจากอาจารย์เจ้าบ้างเล่า” “ทูลไทเฮา อาจารย์ของหม่อมฉันคือบิดากับมารดาเพคะแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการตีแผ่ตัวตนของนางให้ทุกคนคิดว่านางนั้นไร้การศึกษา แบบคุณหนูลูกผู้ดีที่อยู่ในเมืองหลวงเหล่านี้ แต่เด็กหญิงยังคงตอบด้วยรอยยิ้มและความมั่นใจบิดากับมารดาสั่งสอนอบรมนางมาอย่างดี และจ้าวเหมยฮวาก็มั่นใจว่าทุกสิ่งที่สืบทอดมา จะไม่แพ้ผู้ใดแน่นอนไทเฮากับเยว่จินหมิงปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยามบ

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คิดจะเป็นคุณหนูต้องสตองเข้าไว้ (3)

    งานเลี้ยงดำเนินมาระยะหนึ่งแล้ว บรรยากาศเต็มไปด้วยความครื้นเครง จู่ๆ ไทเฮาก็เอ่ยขึ้นด้วยสุ้มเสียงดุจจะโอ้อวด“จินหมิง คุณหนูไป๋ ได้ยินว่าพวกเจ้าร่ำเรียนการดีดพิณมา สามารถบรรเลงเพลงได้ไพเราะจับใจนัก พอจะแสดงให้ยายแก่คนนี้ได้เปิดหูเปิดตาบ้างได้หรือไม่” เยว่จินหมิงยิ้มเอียงอายน้อยๆ ทว่าใบหน้ามีความภูมิใจยิ่ง นางมั่นใจในฝีมือตนเองมาก แม้แต่อาจารย์ที่มาสอนต่างก็ชมเป็นเสียงเดียวกัน ว่านางมีฝีมือเป็นหนึ่งในบรรดาเด็กรุ่นเดียวกัน“หากเสด็จย่าไม่รังเกียจฝีมืออันต่ำต้อย จินหมิงก็ยินดีเพคะ” ไทเฮาพยักหน้ายิ้มน้อยๆ อย่างพอใจในคำตอบ ก่อนจะหันมาตรัสถามต่อ “แล้วคุณหนูไป๋กับคุณหนูจ้าวล่ะ” จ้าวเหมยฮวาคลี่ยิ้มบางบนใบหน้า ในใจนั้นรู้ดีกว่าใคร ไทเฮาทรงต้องการจะเปรียบเทียบให้ผู้คนดูว่านางนั้นด้อยกว่าเยว่จินหมิงสินะ“ได้เพคะ” พอไป๋หลินอิงกับจ้าวเหมยฮวารับคำ นางกำนัลคนสนิทไทเฮาก็ยกพิณสีดำตัวยาวมาตั้งกลางเวทีทันที คล้ายจะรอท่าอยู่แล้วกระนั้นเยว่จินหมิงก้าวไปนั่งหน้าเวทีอย่างเรียบร้อย เด็กหญิงยกมือขึ้นกรีดนิ้วบรรเลงเพลงไปตามสาย เกิดเสียงกังวานหวานปนเศร้าไปทั่วบริเวณ“อา... นี่มันเพลง ‘ความฝันของผีเสื้อ’ นี่

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คิดจะเป็นคุณหนูต้องสตองเข้าไว้ (2)

    “ฮูหยินจ้าวกับคุณหนูจ้าวมาถึงแล้ว” เสียงร้องประกาศดังกังวาน ทุกคนต่างพร้อมใจกันหันไปมอง เพราะคุณหนูตระกูลจ้าวนั้นต่างก็รู้ดีว่านางไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้ใด แม้แต่ในงานเลี้ยงของฮ่องเต้ครั้งก่อนๆ แม่ทัพก็ไม่เคยพาบุตรีไปด้วย อาจเพราะความอัปลักษณ์ของนางกระมัง ทำให้บิดาอับอายจนไม่กล้าให้ออกมาพบปะผู้คนเรือนร่างระหงของเฟยเซียนในชุดสีม่วงเข้มขับเน้นทรวดทรงอรชรเดินเข้ามาในงานอย่างสง่าผ่าเผย ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะที่ฮ่องเต้กับไทเฮาประทับ“ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรไทเฮาเพคะ” อวี้หลางเห็นน้องสาวก้าวเข้ามาย่อกายทำความเคารพก็มีรอยยิ้มในพระพักตร์กว้าง ก่อนจะรีบมาพยุงร่างอรชรให้ลุกนั่ง“ไม่ต้องมากพิธีไป แค่เจ้ามาพี่ก็ดีใจแล้ว” ฮ่องเต้ตรัสสุรเสียงยินดี แตกต่างจากไทเฮาที่นั่งพระพักตร์ตึงด้วยความไม่พอใจ ที่เห็นคนตรงหน้าทำความเคารพพระนางคล้ายจะให้ผ่านๆ ไปทว่าแม้จะกริ้วอีกฝ่ายเพียงใดก็ไม่สามารถทำอะไรสตรีนางนี้ได้ ไทเฮาจึงได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้ในใจ รอเวลาเอาคืนในภายหลัง“ไหนเล่าบุตรีเจ้า ฮูหยินจ้าว” ไทเฮาแสร้งตรัสขึ้นเมื่อไม่เห็นบุตรสาวของอีกฝ่ายในสายตา ในใจมั่นใจว่านางคงไม่กล้าให้บุตรสาวมาปรากฏตัวในง

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คิดจะเป็นคุณหนูต้องสตองเข้าไว้ (1)

    ยามเช้าตรู่ในวันงานเลี้ยงต้อนรับไทเฮาเสด็จกลับวังจ้าวเหมยฮวาถูกผู้เป็นมารดาลากมาขัดสีฉวีวรรณแต่เช้า ด้วยเหตุผลที่ว่าชื่อเสียงของตระกูลจ้าวนั้นย่ำแย่มาตลอด เพราะข่าวลือที่บิดาปล่อยเกี่ยวกับตัวนาง ดังนั้นในฐานะที่นางเป็นลูกหลานของตระกูลนี้ จึงควรกอบกู้ชื่อเสียงที่เสียไปกลับคืนมา ลบคำเล่าลือเสียหายเหล่านั้นเสียให้หมดสิ้น แน่นอนว่าผู้เป็นบิดาย่อมไม่เห็นด้วย และพยายามขัดขวางอย่างสุดชีวิตแล้วเพื่อไม่ให้สามีมาขัดขวางนางกับบุตรสาวได้ ผู้เป็นฮูหยินจึงจับกรอกยาสามทิวาใส่ปากอีกฝ่าย คาดว่ากว่าจะตื่นก็คงอีกสามวันโน่นแหละอา... แม่ทัพไร้พ่าย บิดาผู้น่าสงสาร แม้แต่ยามนอนเขาก็ยังต้องรบกับองค์ชายสามในความฝันตลอดเวลาตอนเช้าถูกลากไปแช่น้ำยาสมุนไพรสูตรเด็ดที่มารดาเป็นผู้ปรุงเองกับมือ ยามสายต้องมานอนให้จิงหยูนวดน้ำมันหอมให้ โดยน้ำมันหอมนี้มารดาก็เป็นผู้ปรุงเอง จากสมุนไพรทั้งหลายแหล่ที่คัดสรรมาอย่างดี หลังเสร็จกระบวนการเหล่านั้น ก็ถูกจับสวมชุดอลังการงานสร้าง โดยชุดที่มารดาเลือกให้นางเป็นชุดผ้านุ่มเบาสบายสีขาวสะอาดตา ปักลวดลายเหมยฮวาสีแดงสดถักถอขอบดิ้นด้วยด้ายสีทอง ทำให้ดูน่ารักงดงามและหรูหรายิ่งจ้าวเฟย

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คุณหนูสกุลเยว่

    ณ จวนไร้พ่ายแห่งสกุลจ้าวจ้าวเฟยเซียนนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงนอน อิริยาบถล้วนเต็มไปด้วยความเกียจคร้าน ในมือนางถือเทียบเชิญของฮองเฮาอยู่ใบหน้างดงามนั้นมีรอยยิ้มฉายอยู่ไม่ขาด ทว่าแววตากลับครุ่นคิด ไทเฮาทรงมีแผนอะไรอีกไม่อาจรู้ได้ แต่คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับนางแน่นอน“ฮวาเอ๋อร์ เดี๋ยวเราต้องไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับที่ไทเฮาเสด็จกลับวังกันนะลูก” นางหันไปบอกบุตรี จ้าวเหมยฮวาละสายตาจากตำราสมุนไพรในมือ พยักหน้ารับคำมารดาเสียงใส“เจ้าค่ะ” ‘ไทเฮาหรือ นางยังไม่เคยเจอไทเฮากับฮองเฮาเลย ไม่รู้ว่าจะเป็นคนตลกเหมือนเสด็จลุงหรือไม่นะ’ “เจ้าคือจินหมิงงั้นหรือ อือ... โตขึ้นมากเลยทีเดียว” ไทเฮามองสำรวจเด็กหญิงตรงหน้าอยู่เนิ่นนานพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“จินหมิง ถวายพระพรไทเฮาเพคะ” น้ำเสียงใสกล่าวอย่างแช่มช้อย ร่างเล็กนั้นย่อกายทำความเคารพได้งดงามตามแบบแผน จนดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะอายุเพียงเก้าขวบ“ลุกขึ้นๆ ไทเฮาอะไรกัน อีกไม่กี่หนาวเจ้าก็จะได้เป็นชายารัชทายาทแล้ว ต้องเรียกเสด็จย่าสิถึงจะถูก” ผู้สูงวัยเอื้อมมือไปพยุงอีกฝ่าย กล่าวด้วยน้ำเสียงเอ็นดูไม่น้อย นี่สิถึงจะคู่ควรกับหลานชายของพระองค์ สาย

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   ไทเฮาเสด็จกลับวัง

    วังหลวงในวันนี้คึกคักยิ่ง เหตุเพราะเป็นวันที่ไทเฮากับฮองเฮาจะเสด็จกลับจากการไปถือศีลกินเจที่อารามหลวงเฉินซานทุกคนล้วนเตรียมตัวต้อนรับเสด็จไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เนื่องจากไทเฮานั้นเป็นคนเข้มงวดยิ่ง จึงไม่มีใครอยากให้เกิดสิ่งผิดพลาดขึ้นไม่เว้นแม้แต่อวี้หลางฮ่องเต้ ที่ยามนี้คืนสติแล้วจากผงสามทิวาของผู้เป็นน้องสาว พระองค์จึงมายืนรอรับพระมารดาอยู่ลานด้านหน้าครั้นถึงเวลา ผู้คนก็เห็นขบวนรถม้าแล่นเข้ามาจากประตูวังด้านหน้า รถม้าคันใหญ่ตกแต่งหรูหรางดงามสมฐานะเคลื่อนเข้ามาจอดอย่างนิ่มนวล ก่อนที่คนในรถม้าจะแหวกม่าน ผู้ที่ออกมานั้นเป็นสตรีร่างบางระหง ดวงหน้างามสวยสะคราญตา รอยยิ้มบางแต่งแต้มบนใบหน้า ทำให้นางแลดูอบอุ่น ทว่าท่วงท่าสง่างามสูงศักดิ์เหนือสตรีใดนางคือเยว่ฮองเฮา ฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเฉิน มารดาขององค์ชายสามนั่นเอง ร่างระหงหันกายไปทางรถม้า ก่อนจะยื่นมือขาวดุจหยวกกล้วยให้คนในรถม้าจับ มือขาวที่มีรอยย่นบ่งบอกถึงอายุเจ้าของยื่นออกมาจากในรถม้า ก่อนเจ้าของร่างจะปรากฏกายร่างสง่าแม้เลยวัยสาวของไทเฮาก้าวลงมายืนข้างร่างระหงของเยว่ฮองเฮา ดวงตาคมกริบแบบคนผ่านโลกมามากกวาดมองไปรอบด้าน ก่อนที่เสียงแสดงความเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status