หน้าหลัก / รักโบราณ / เหมยฮวาฤดูหนาว / คุณหนูเหมยฮวาแห่งจวนไร้พ่าย (1)

แชร์

คุณหนูเหมยฮวาแห่งจวนไร้พ่าย (1)

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-24 17:07:41

จ้าวเฟยเซียน ฮูหยินหนึ่งเดียวแห่งจวนไร้พ่ายยืนตัวตรงสง่าจ้องมองบรรดากลุ่มคนที่ยืนแออัดกันอยู่หน้าจวน

นางพ่นลมหายใจขึ้นจมูกน้อยๆ นับเป็นเวลาเกือบปีแล้วกระมังที่จวนไร้พ่ายมักจะมีชาวบ้านชาวเมืองแห่แหนกันนำข้าวของมามอบให้แก่คุณหนูจ้าวเสมอ เช่นวันนี้

ส่วนสาเหตุน่ะหรือ เป็นเพราะแม่ทัพผู้เป็นสามีตัวดีของนางอย่างไรเล่า ที่ดันทะลึ่งปล่อยข่าวลือเสียใหญ่โตว่าทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลจ้าวนั้นเกิดล้มป่วยติดโรคประหลาด ทำให้ใบหน้าอัปลักษณ์และร่างกายพิการน่าสงสารยิ่ง บรรดาชาวบ้านที่รู้ข่าวนี้ รวมถึงเหล่าตระกูลน้อยใหญ่ในเมืองต่างพากันสรรหาข้าวของ บ้างก็นำหยูกยาสมุนไพรเลอค่าต่างๆ ที่คิดว่าน่าจะสามารถใช้รักษาโรคร้ายของคุณหนูจ้าวให้หายดีดังเดิมได้มามอบให้แก่คนในจวนไม่เว้นแต่ละวัน

จำได้ว่าพอฮูหยินจ้าวรู้เรื่องนี้ และสืบจนทราบว่าเป็นฝีมือของใคร นางถึงกับลงมือซ้อมสามีตัวดีเสียจนใบหน้าบวมฉึ่ง แถมท้ายด้วยคำสั่งนอนหน้าเรือนไปอีกเจ็ดวัน

“ฮึ่ย มันน่าฆ่าให้ตายนัก สามีพรรค์นี้” ฮูหยินจวนไร้พ่ายสบถ ก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาบุตรสาว เมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในบริเวณนั้นงเอ่ยถามพ่อบ้าน “จางฟง คุณหนูเล่า” 

พ่อบ้านยามนี้กำลังง่วนอยู่กับการเขียนบันทึกจดรายการข้าวของทั้งหลายที่บรรดาตระกูลใหญ่น้อยต่างสรรหามากำนัลแด่ตระกูลจ้าว เขาหันมาตอบผู้เป็นนายด้วยรอยยิ้มหวาน

“ตอนนี้คุณหนูน่าจะกำลังฝึกวิชาอยู่กับนายท่านที่ลานด้านหลังจวนขอรับฮูหยิน” 

เฟยเซียนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ หญิงสาวหันไปมองกระดาษที่อยู่ในมือพ่อบ้าน ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย

“แล้วนั่นเจ้ากำลังเขียนสิ่งใดอยู่” 

จางฟงยิ้มจนตาที่หยีอยู่แล้วแทบจะปิด ก่อนจะตอบออกมาด้วยความภูมิใจ “ข้าน้อยกำลังจดบันทึกรายการของขวัญที่ตระกูลอื่นๆ ส่งมาให้ขอรับ” 

ว่าแล้วพ่อบ้านก็ส่งกระดาษแผ่นนั้นให้นายหญิงอ่าน ภูมิใจนำเสนอเสียยิ่งนัก

“อะไรกันเนี่ย ตระกูลฉีส่งโสมหิมะร้อยปีมา ตระกูลหลินส่งหญ้าน้ำค้างหยกมาให้ จะเอามาทำไมกัน ลูกข้าไม่ได้ช้ำในเสียหน่อย อือ… บัวหิมะพันปีแก้พิษร้อน ว่านจันทรารักษาอาการคัน เอ๊ะ! แล้วนี่อะไร” สายตาฮูหยินจ้าวพลันสะดุดกับหุ่นฟางรูปคนบนโต๊ะจึงถามขึ้น

“อ๋อ... อันนี้ข้าน้อยทำเองขอรับ ว่าจะทำให้นายท่านกับคุณหนู พอดีข้าน้อยไปอ่านเจอในหนังสือ เขาบอกว่าถ้าทำหุ่นฟางรูปคน เขียนชื่อ แล้วนำไปตอกกับต้นไม้ยามดึกไม่ให้ผู้ใดพบเห็น จะทำให้คนคนนั้นสุขภาพแข็งแรงไม่มีโรคภัย และจะได้ผลสุดๆ หากเรานำผมของคนคนนั้นยัดใส่ไปในหุ่นฟางด้วย” 

จางฟงอธิบาย เขาพึ่งเจอตำราเล่มนี้ในรายการของที่ผู้คนนำมาฝากให้คุณหนู พ่อบ้านที่แสนซื่อสัตย์จึงคิดทดลองทำให้นายท่านกับคุณหนูตนเองดู

เฟยเซียนมองหน้าจางฟงสลับกับหนุ่นฟาง ก่อนขมวดคิ้วเรียวงามเล็กน้อย เนื่องจากนางเป็นศิษย์จอมยุทธ์ฟ่งผู้เป็นเลิศทั้งทางความรู้และเพลงยุทธ์ จึงพอจะเคยได้ยินอาจารย์เอ่ยถึงศาสตร์ด้านมืด ที่ทางแคว้นห่างไกลออกไปมักนำมาใช้ทำร้ายผู้คน หญิงสาวจึงนึกสบถในใจเบาๆ

‘สุขภาพแข็งแรงอย่างนั้นหรือ! มารดามันเถิด นั่นดูอย่างไรก็หุ่นฟางสาปแช่งชัดๆ’ 

แต่ถึงกระนั้นเฟยเซียนก็ไม่อาจทำลายความหวังดีอันใสซื่อของอีกฝ่ายได้ หญิงสาวจึงตัดสินใจลอบดีดยาสลายกระดูกไปที่หุ่นฟางทั้งสองตัว ยาสลายกระดูกนั้นมีฤทธิ์สมชื่อ เพียงแค่หยดเดียวหุ่นฟางตัวนั้นก็ย่อยสลายหายไปไม่เหลือซากใดๆ

“อะ...อะไรกัน” จางฟงร้องด้วยใบหน้าตกตะลึง เมื่อหุ่นฟางที่ทำขึ้นมาด้วยความยากลำบากนั้น บัดนี้สลายไปต่อหน้าต่อตาเขา ไม่มีเหลือแม้แต่ซาก

“ข้าว่ามันอาจไม่ได้ผลนะ เช่นนี้ทำไมเจ้าไม่ลองกับตัวเองก่อนเล่า ผลเป็นอย่างไรแล้วค่อยมาบอกข้าอีกทีหนึ่ง” 

“นั่นสินะขอรับ ถ้าอย่างนั้นขอข้าน้อยทดสอบดูก่อน ได้ผลแล้วค่อยมาบอกนะขอรับ” 

กล่าวจบจางฟงผู้ใสซื่อก็วิ่งจากไป เฟยเซียนถอนหายใจน้อยๆ ที่ตนสามารถสกัดความหวังดีของพ่อบ้านประจำจวนลงได้ นางคิดถึงภาพจางฟงยืนตอกหุ่นฟางติดต้นไม้ยามค่ำคืนแล้วให้นึกสยองในใจนัก

จากนั้นร่างระหงจึงก้าวไปยังลานฝึกวิชาด้านหลังจวนตามที่จางฟงบอก เพื่อไปหาบุตรสาวตัวน้อยตามความตั้งใจแรกเริ่มของตนเอง ยิ่งย่างกรายเข้าไปใกล้ลานฝึกซ้อมเท่าใด หูแว่วได้ยินเสียงแหวกอากาศดังใกล้ขึ้นทุกที บ่งบอกให้รู้ว่านางเดินใกล้ถึงจุดหมายปลายทางเข้าไปเรื่อยๆ

จนในที่สุด สายตาก็มองเห็นร่างสองร่างที่พัวพันกันอยู่กลางลานได้อย่างชัดเจน หนึ่งโตในชุดตัวยาวสีดำ หนึ่งเล็กในชุดกระโปรงขาวปักลายบุปผา

ฮูหยินแม่ทัพพลันนิ่งอึ้งไปชั่วขณะจิตด้วยความตกใจ เมื่อสายตามองเห็นอาวุธสีขาวเงาวับส่องประกายสะท้อนแสงแดดที่ร่างเล็กของบุตรีถืออยู่ในมือ นางใจหายวาบรีบร้องตะโกนก้อง

“หมิงหลงคนชั่ว ท่านใช้ดาบจริงเยี่ยงนี้ ท่านจะฆ่าลูกข้าหรือไร!” 

จ้าวหมิงหลงที่ในตอนนี้กำลังรับกระบวนท่าจากกระบี่สีเงินในมือบุตรสาว เมื่อได้ยินเสียงแผดร้องอย่างเกรี้ยวกราดของผู้เป็นภรรยาในใจก็กระตุกวูบ เป็นผลให้สมาธิแตกซ่านเปิดช่องโหว่ให้คู่ต่อสู้เห็น

เด็กหญิงร่างเล็กบอบบางใบหน้าหมดจด ขยับกระบี่ในมือพลางตวัดกระบวนท่าพุ่งเข้าใส่จุดอ่อนที่บิดาเผยให้เห็นอย่างว่องไว นางหมายพิชิตบิดาที่เวลานี้กำลังเข้าตาจนเสียแล้ว เสียงใสๆ เอ่ยยินดีด้วยความมั่นใจว่าต้องชนะเป็นแน่

“ท่านพ่อ แพ้แล้วอย่าลืมสัญญานะเจ้าคะ” 

คำพูดของบุตรสาวทำให้จ้าวหมิงหลงได้สติ ทว่ากระบี่ในมือเล็กพุ่งเข้าจุดอับอย่างแม่นยำ จนคิดว่าอาจจะเพลี่ยงพล้ำเสียแล้ว

‘‘ท่านพ่อ หากฮวาเอ๋อร์ชนะการประลองครั้งนี้ ลูกขอออกไปนอกจวนนะเจ้าคะ และท่านพ่อต้องยอมให้ท่านแม่พาลูกไปเที่ยววังหลวงด้วยนะเจ้าคะ’ ’

“ได้สิ หากเจ้าเอาชนะเพลงกระบี่พ่อได้นะ” 

แม่ทัพตอบตกลงอย่างกระหยิ่ม ด้วยรู้ดีว่าตัวเองนั้นไม่มีทางแพ้แน่นอน จ้าวเหมยฮวามองหน้าบิดาก็นึกรู้ทันในความคิด แต่นางไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะตลอดเวลาแปดปีนับจากที่เติบโตมา เด็กหญิงไม่เคยได้ก้าวขาออกจากจวนเลยแม้แต่สักครั้งเดียว ดังนั้นคราวนี้ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องเป็นผู้ชนะให้ได้

‘‘เจ้าค่ะ แต่ว่าลูกมีเงื่อนไข ต้องประลองโดยการใช้กระบี่จริงนะเจ้าคะ’ ’

แม่ทัพอึ้งไปเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดบุตรสาวถึงขอให้ใช้กระบี่จริงทั้งที่ตนเองเสียเปรียบขนาดนี้ แต่ผู้เป็นบิดาก็ยินยอมทำตามที่นางเรียกร้อง

อันที่จริงแล้ว จ้าวเหมยฮวานั้นย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด ว่าหากประลองกันจะเสียเปรียบบิดาเพียงใด ที่ขอเงื่อนไขแบบนี้เพราะนางมั่นใจว่าการทำเช่นนี้ จะเพิ่มโอกาสชนะให้ตนเองขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย เนื่องด้วยความห่างของฝีมือระหว่างนางกับบิดา หากใช้กระบี่ไม้แล้วไซร้ เพียงไม่กี่ชั่วอึดใจคงได้พ่ายแพ้อย่างแน่นอน แต่ถ้าใช้กระบี่จริง แปดในสิบส่วนอีกฝ่ายย่อมต้องออมมือ ไม่กล้าทุ่มฝีมือทั้งหมดมาหักหาญเอาชนะ ด้วยเกรงว่านางจะเป็นอันตราย

จ้าวหมิงหลงพลิกร่างหลบเลี่ยงการโจมตีจากร่างเล็กไปได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนจะใช้ฝ่ามือเข้าจู่โจมหมายแย่งอาวุธ ด้วยความไวที่เหนือกว่า เพียงพริบตาเดียวกระบี่ในมือน้อยพลันถูกบิดาชิงไปอย่างง่ายดาย แม่ทัพบังเกิดรอยยิ้มร่าเต็มใบหน้าเมื่อมองเห็นแววชนะอยู่รำไร

จู่ๆ ร่างเล็กตรงหน้าก็ถลันตามมาด้วยความว่องไว ฉับพลันนั้นก็แปรเปลี่ยนกระบวนท่า เสือกกายเข้าหากระบี่ในมือใหญ่เพียงชั่วกะพริบตา ผู้เป็นบิดาเบิกตากว้างจนแทบถลน แต่ไม่อาจหยุดอาวุธที่อยู่ในมือได้ ก่อนที่กระบี่เล่มคมจะสร้างบาดแผลให้แก่ธิดา แม่ทัพไร้พ่ายก็ใช้มือซ้ายของตนเข้าสกัด เสียงปะทะกันระหว่างเนื้อกับโลหะดังก้องกังวาน กระบี่สีเงินในมือขวาร่วงหล่นลงสู่พื้นเสียงดังเคร้ง! ท่ามกลางความใจหายใจคว่ำของผู้เป็นบิดา

“ในที่สุดพ่อก็ชนะ ฮวาเอ๋อร์ ลูกยอมแพ้แล้วหรือยัง” 

แม่ทัพหันไปถามบุตรสาวด้วยใบหน้าอย่างผู้มีชัย จ้าวเหมยฮวาเหินกายถอยจากการปะทะไปยืนห่างบิดาเล็กน้อย เด็กหญิงอมยิ้มนิดๆ ทำให้ใบหน้าน่ารักนั้นแลดูงดงามสมวัย

“ใครชนะกันหรือเจ้าคะ ท่านพ่อ”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   องค์ชาย... แม่ทัพ... ฮ่องเต้...

    อวี้เจี้ยนองค์ชายสามแห่งแคว้นต้าเฉิน ในยามนี้ยืนมองรถม้าที่บรรทุกอัดแน่นด้วยขนมทั้งหลายแหล่ที่ตนสั่งให้นำไปกำนัลแด่สาวเจ้าตัวน้อยเวลานี้มีถึงสี่คัน ซึ่งนำมาจอดเรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ลานหน้าตำหนักส่วนพระองค์ ด้วยสายตาไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ก่อนเจ้าตัวจะหันไปมองโม่ฉีองครักษ์คนสนิท ที่นั่งก้มหน้าคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพลางเอ่ยปากถาม“เกิดอะไรขึ้น?”โม่ฉีเงยหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำขึ้นสบตากับผู้เป็นนาย ในดวงตามีร่องรอยของความเสียใจไม่น้อย “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย เป็นเพราะกระหม่อมนั้นไร้ความสามารถ แม้แต่จะก้าวเข้าประตูจวนไร้พ่ายก็ไม่อาจทำได้“เพราะเหตุใดกัน”โม่ฉีมีดวงตาแดงก่ำยามคิดถึงตอนที่เขานำรถม้าที่บรรทุกขนมไปเต็มคันรถวิ่งเข้าไปจอดหน้าจวนตระกูลจ้าว“ข้าคือองครักษ์ขององค์ชายสาม นามว่าโม่ฉี ได้รับคำสั่งจากองค์ชายของข้าให้นำขนมเหล่านี้มามอบให้แก่คุณหนูจ้าว”สิ้นคำพูดแสดงความจำนง บ่าวคนรับใช้ที่ยืนอยู่หลังประตูก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม“ขอท่านองครักษ์ได้โปรดรอสักครู่ ข้าน้อยจะรีบเข้าไปรายงานนายท่านก่อนขอรับ”พูดจบบ่าวคนดังกล่าวก็วิ่งหายเข้าไปในจวนชั่วครู่หนึ่ง ก่อน

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   มันคือความรู้สึก...?

    ยามค่ำคืน ณ ตำหนักขององค์ชายสามอวี้เจี้ยนร่างสูงที่ย่างเข้าสู่วัยหนุ่มเวลานี้กำลังนั่งเรียบร้อยอยู่บนเก้าอี้ เบื้องหน้าเป็นโต๊ะไม้เนื้อเงางาม ข้างบนมีพิณสีดำตัวใหญ่วางอยู่ นิ้วเรียวยาวของเด็กหนุ่มกรีดกรายไปตามสายอย่างชำนิชำนาญเสียงเพลงแผ่วหวานดังกังวานหนักแน่น แต่บางครั้งก็ทอดเสียงลงคล้ายจะขาดใจ สลับกับรวยระรินคล้ายเสียงสะอื้นไห้ในบางครา จนองครักษ์ประจำตำหนักรู้สึกราวกับตัวเองจะขาดใจตามเสียงนั้นไปด้วย ก่อนเจ้าตัวจะหยุดดีดนิ่งไปเสียดื้อๆ“องค์ชาย ทรงมีอะไรในใจหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” โม่ฉีเอ่ยถามเมื่อเห็นองค์ชายหยุดเล่นเพลงกลางคัน เอาแต่ทอดถอนใจดังเฮือกๆ“โม่ฉี เจ้าเคยรู้สึกแบบ... ใจเต้นแรง อึดอัดคล้ายหายใจไม่ออกยามอยู่ใกล้ แต่อยากเห็นหน้าอยากฟังเสียงอยากพูดคุยด้วยเมื่อห่างไกล อะไรแบบนี้บ้างหรือไม่”“เคยสิพ่ะย่ะค่ะ ถ้าให้กระหม่อมเดา คนผู้นั้นคงเป็นเด็กผู้หญิงด้วยใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”อวี้เจี้ยนได้ยินดังนั้นจึงละความสนใจจากพิณตรงหน้า หันมามองหน้าองครักษ์คนสนิทอย่างแปลกใจ“เจ้ารู้ได้อย่างไร” เด็กหนุ่มหันใบหน้าหล่อเหลาที่ออกไปทางหวานดุจสตรีขึ้นมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่กลางฟากฟ้า เอ่ยถ้อยคำต่อด้วยน

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   พ่อบ้านจางฟงแห่งจวนไร้พ่าย

    คุณหนูจ้าวหายตัวไปไม่ทันถึงครึ่งวันท่านแม่ทัพถึงขนาดนำกองกำลังในสังกัดเข้าค้นวังหลวง‘อา... คุณหนูจ้าวผู้นี้ นางช่างเป็นตัวเรียกความวุ่นวายจริงๆ’นั่นเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนคิด หลังจากที่ถูกท่านแม่ทัพบังคับให้ช่วยกันตามหาบุตรสาวสุดรัก ทว่าก็ได้แค่คิดอยู่ในใจ เพราะความจริงไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยแย้งแน่นอนวันนี้ครอบครัวท่านแม่ทัพตัดสินใจออกจากวังกลับสู่จวนตนเอง เพราะทิ้งจวนให้เหล่าคนรับใช้ดูแลกันเอง นานไปก็อดเป็นห่วงไม่ได้เมื่อฮูหยินจ้าวสามารถขยับตัวเดินเหินได้แล้ว ทุกคนจึงตกลงใจกันว่าจะกลับสกุลจ้าว โดยทิ้งให้อวี้หลางฮ่องเต้ที่มีพระพักตร์บูดบึ้งไว้เบื้องหลัง เพราะไม่สามารถเหนี่ยวรั้งให้น้องสาวกับหลานสาวพักอยู่ในวังหลวงต่อไปได้อีก“หลิวกงกง เราคิดอะไรออกแล้ว” ฮ่องเต้รับสั่งกับขันทีคนสนิทสุรเสียงยินดี ก่อนจะสะดุ้งพระวรกายด้วยความเจ็บที่ก้นเมื่อขยับองค์อา... น้องสาวที่ถูกแทงนั้น ขณะนี้สามารถเดินเหินเป็นปกติได้แล้ว แต่พระองค์ที่ถูกกระบองแม่ทัพผู้เป็นน้องเขยฟาดก้นนี่สิ ยามนี้แม้แต่จะลุกหรือนั่งก็ยังไม่อาจทำได้เลย“คิดอะไรออกหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงเงยหน้าขึ้นจากก้นผู้เป็นนายพร้อมกับเอ่ยถามอวี้หลาง

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คุณหนูอัปลักษณ์แห่งสกุลจ้าวกับองค์ชายทั้งสาม (3)

    ‘อา... องค์ชายสามกับองค์ชายห้าแห่งแคว้นต้าเฉินช่างแปลกประหลาดนัก หากมิใช่เสด็จลุงแล้ว คงหาคนที่เลี้ยงลูกให้กินง่ายอยู่ง่ายเช่นนี้ได้ยากยิ่งเด็กหญิงเฝ้าคิดบอกกับตัวเองแบบนั้นขณะเดินผละออกมา ปล่อยให้องค์ชายห้าผู้ติดดินก้มหน้าก้นโด่งคุ้ยหาไส้เดือนกินต่อไปตามอัธยาศัยร่างเล็กเดินลัดเลาะมาตามแนวร่มไม้ จนป่านนี้นางยังหาทางกลับไม่เจอ หูได้ยินเสียงฝีเท้าอีกหนึ่งเสียงที่ลอบตามมาพักใหญ่แล้วดวงตากลมโตลอบมองคนที่แอบตามมา ก็พบว่าเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งวัยไม่น่าจะห่างจากนางมากนัก เจ้าตัวเดินมากับม้าสีขาวปลอดตัวหนึ่งจ้าวเหมยฮวาแกล้งทอดฝีเท้าเดินช้าบ้างเร็วบ้าง บางครั้งก็แกล้งหยุดเดินเพื่อดูทีท่า ทว่าอีกฝ่ายก็ยังตามติดไม่ลดละ‘ช่างเถอะ เด็กตัวแค่นี้คงไม่ใช่พวกสโตกเกอร์โรคจิต แบบในชาติก่อนที่นางเคยอยู่หรอกน่า’ อวี้เยี่ยนมองร่างเล็กในชุดขาวแล้วลอบกระหยิ่มนึกยิ้มลำพองใจ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายนั้นคงไม่รู้ตัวว่าเขาแอบติดตามนางอยู่อันที่จริงองค์ชายแปดผู้นี้ลอบเดินตามอีกฝ่ายมาตั้งแต่เห็นนางเดินออกจากลานฝึกยุทธ์ของพี่ห้าแล้ว พระมารดาเคยบอกไว้ว่า ถ้าอยากเอาชนะพี่สามกับพี่ห้า อย่างไรเสียเขาก็ต้องแต่งกับบุตรสาวแ

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คุณหนูอัปลักษณ์แห่งสกุลจ้าวกับองค์ชายทั้งสาม (2)

    ‘องค์ชายสามผู้นี้ช่างเป็นคนพอเพียงนัก อยากกินปลาก็หาจับเอง เสด็จลุงทรงเลี้ยงลูกได้ติดดินจริงๆ’ จ้าวเหมยฮวาคิดสรุปกับตนเองก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้อวี้เจี้ยนผู้เป็นองค์ชายว่ายน้ำดำผุดดำว่ายหาปลาคนเดียวต่อไปตามอัธยาศัยจ้าวเหมยฮวาเดินจากมาแบบงงๆ อยู่พักใหญ่ ก่อนจะได้สตินึกขึ้นได้ว่า...‘อา... จริงด้วย ลืมไปเลย ข้าไม่ได้รอจิงหยู’ ใช่แล้วนางเดินจากมาโดยไม่ได้รอจิงหยู และที่สำคัญตอนนี้นางหลงทางเป็นที่แน่นอนแล้ว เด็กหญิงหันไปมองหาทางเก่าที่เดินจากมา ก็พบว่าเส้นทางทุกด้านดันเหมือนกันไปหมดเลย‘ลองไปข้างหน้าดูก่อนละกัน’ บอกตัวเองในใจ ก่อนจะมุ่งหน้าเดินลัดเลาะไปตามแนวรั้วต้นไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างงดงามมองแล้วให้เพลินตายิ่ง ร่างเล็กยังคงเดินชมนกชมไม้อย่างสบายใจ หากใครได้พบเห็นคงมองดูคล้ายกำลังเดินเล่นเสียมากกว่า ก็นะ นางยามนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง จะหลงทางบ้างก็คงจะไม่แปลกอันใดคิดเองเออเองอย่างครึ้มอกครึ้มใจ หูพลันแว่วได้ยินเสียงดังแหวกอากาศ ฟังเหมือนมีคนกำลังฝึกยุทธ์ลอยมาจากทางด้านหน้า ร่างเล็กเดินเลาะแนวไม้เพื่อตามหาเสียงดังกล่าว จนมาถึงลานสนามหญ้าเล็กๆ ไม่กว้างนัก ดวงตาคู่ดำเป็นประ

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คุณหนูอัปลักษณ์แห่งสกุลจ้าวกับองค์ชายทั้งสาม (1)

    ในเมืองหลวงของแคว้นต้าเฉินยามนี้เกิดข่าวลือหนาหู ทุกคนต่างรู้ดีว่าต้นเรื่องนั้นคือบุตรีแม่ทัพไร้พ่ายเสียงเล่าลือต่อๆ กันไปว่า คุณหนูตระกูลจ้าวนั้นไม่ใช่แค่เพียงอัปลักษณ์ แต่นางยังเป็นตัวนำความโชคร้ายเข้ามาหาผู้อื่นอีก ดูแค่ก้าวเท้าย่างเข้าวังหลวงเพียงวันเดียวยังนำพาปีศาจร้ายเข้ามาอาละวาดในวังเสียจนพังพินาศไปตามๆ กัน ขนาดฮ่องเต้ผู้เป็นถึงโอรสแห่งสวรรค์ยังถึงกับประชวร ออกว่าราชกิจไม่ได้เป็นเดือนๆอา... สวรรค์ คุณหนูสกุลจ้าวนางช่างน่ากลัวเหลือเกิน“คุณหนูเจ้าคะ จะไปหาฮูหยินเลยไหมเจ้าคะ” จิงหยูเอ่ยถามน้ำเสียงสดใส ดวงตามองทรงผมที่นางขมวดไว้ครึ่งบนติดดอกไม้น่ารัก ปล่อยเรือนผมครึ่งล่างให้ยาวสยายจ้าวเหมยฮวาอยู่ในชุดขาวปักชายด้วยลวดลายบุปผาสีชมพูสดใสที่สาวใช้นำมาบรรจงสวมให้เจ้านาย คุณหนูของนางช่างงามเหลือเกิน จิงหยูลอบชมเจ้านายตัวน้อยในใจ ก่อนจะหันไปหยิบผ้าสีขาวข้างมือมาคลุมผูกไว้บนใบหน้าน่ารัก“ทำไมคุณหนูต้องปิดหน้าด้วยล่ะเจ้าคะ เพราะคุณหนูปิดหน้าแบบนี้ พวกปากมากทั้งหลายเหล่านั้นถึงกล่าวหาว่าท่านอัปลักษณ์ได้” จ้าวเหมยฮวาหัวเราะน้อยๆ เมื่อเห็นสาวใช้พูดด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ ทั้งยังมีท่าทีเป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status