Share

บทที่ 1333

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
เซียวอวี้กลับไปถึงจื้อจ้ายจวี สีหน้าสบายอารมณ์

เขากอดเฟิ่งจิ่วเหยียนต่อหน้าลูกชายทั้งสองคน

“จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อีกสองวัน พวกเราจะออกเดินทาง”

เฟิ่งจิ่วเหยียนฟังน้ำเสียงอ่อนโยนของเขา รู้สึกลุ่มหลง

นางยกมือโอบเอวของเขาตอบ อิงหัวแนบอกของเขา

“การเดินทางครั้งนี้คงได้พบอันตรายมากมาย จำนวนคนที่พาไปไม่ต้องมากแต่ต้องเก่ง”

เซียวอวี้โอนอ่อนผ่อนตามนาง

“ได้ เอาตามที่เจ้าว่า”

……

จั่วเฟิงตัดสินใจไปเป็นทหารที่ชายแดน เป็นการต่อต้านบิดามารดา

นอกจากองค์หญิงใหญ่ เขาไม่ได้บอกแผนการของตัวเองให้ผู้ใดรับรู้

หลังทำหลักฐานการเดินทางออกจากเมืองเสร็จ เขาซื้อม้าหนึ่งตัว แล้วออกจากเมืองหลวง

สองสามีภรรยาตระกูลจั่วไม่รู้การเดินทางของเขา

พวกเขารู้เพียง ลูกชายไปพักบ้านสหาย

วันนี้ เมื่อพวกเขาสั่งให้คนไปส่งเงิน จึงได้รู้ว่า จั่วเฟิงไม่ได้พักอยู่กับครอบครัวนั้นแล้ว

นายท่านจั่วรู้สึกว่าเรื่องราวชักจะไม่ดี จึงแจ้งทางการออกตามหาทันที

ตอนหลังจึงได้รับทราบ ว่าจั่วเฟิงออกจากเมืองนานแล้ว

ฮูหยินจั่วเหมือนวิญญาณออกจากร่าง นั่งร้องไห้บนเก้าอี้

“เฟิงเอ๋อร์หนีออกจากบ้าน ต้องหาตัวเขาให้พบ!”

นางเข้าใจลูกชายเหลือ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1350

    “ดูเหมือนว่า ในใจฝ่าบาททรงมีแนวทางแล้ว” สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนแน่ชัดขณะที่เซียวอวี้กำลังจะเอ่ย องครักษ์ผู้หนึ่งก็เข้ามารายงานองครักษ์ผู้นี้ได้รับคำสั่งให้เฝ้าสังเกตการณ์ ทุกการกระทำของเซียวม่อ หลังจากพวกเขากลับไปหลังจากรู้เรื่องที่เซียวม่อทุบตีประชาชน เซียวอวี้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนก็มองตากันอย่างรู้ใจ ต่างฝ่ายต่างรับรู้ความคิดของกันและกันณ จวนฉู่อ๋องเซียวม่อกลับมาถึงจวน ถึงกล้าหัวเราะออกมาเขาตบเข่าฉาดใหญ่ พูดกับคนที่ใส่หน้ากากที่อยู่ด้านล่าง“ฮ่า ๆ! วันนี้เจ้าซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงคน เห็นหรือไม่? สายตาที่ประชาชนไร้มารยาทเหล่านั้นมองเซียวอวี้ แทบอยากจะฉีกกระชากเขาให้ตายคาที่“คราวนี้ ประชาชนเมืองฝานหลูไม่มีทางเชื่อฟังเขาเป็นแน่!”ชายใส่หน้ากากประสานมือคารวะ“ท่านอ๋องฉลาดยิ่งนัก”เซียวม่อมองมาที่เขา หนังตากระตุกอย่างรุนแรง แม้แต่แววตาของเขาก็ยังเปลี่ยนเป็นอึมครึม“ข้าโชคดีที่ได้รับคำชี้แนะจากท่าน“เพียงแต่ไม่รู้ว่า ท่านยังพอมีวิธีอะไร ที่สามารถช่วยข้ากำจัดเซียวอวี้หรือไม่?”แค่ทำให้เซียวอวี้สูญเสียเมืองฝานหลูไป ยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับเขาพอได้ลิ้มรสความหอมหวานเข้าหน่อย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1349

    ผ่านไปครู่ใหญ่ เหล่าทหารทางการถึงควบคุมประชาชนท้องถิ่นที่อารมณ์เดือดพล่านได้คนที่ปาข้าวของ ด่าทอฝ่าบาทเมื่อครู่ ล้วนถูกจับตัวออกมา กดไว้กับพื้น รอฝ่าบาทออกคำสั่งหลังจากแน่ใจว่าไม่มีคนปาข้าวของแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงได้หุบร่ม ด้วยการกระทำว่องไว คนรอบข้างแทบมองไม่ทันว่านางซ่อนร่มไว้ตรงไหนเซียวอวี้จ้องเซียวโม่ด้วยแววตาเยือกเย็น“นี่น่ะหรือเมืองฝานหลูภายใต้การปกครองของเจ้า?”เซียวม่อยังไม่ลุกขึ้น หมอบอยู่บนพื้น ราวกับกำลังขอประทานอภัยแผ่นหลังอ้วนท้วมของเขาสั่นระริก ดูท่าแล้วคงหวาดกลัวอำนาจแห่งสวรรค์“ฝ่าบาท กระหม่อมปกครองไม่เข้มวงด กระหม่อมผิดไปแล้ว!“ประชาชนไร้มารยาทเหล่านี้ บังอาจดูหมิ่นท่าน สมควรตาย!”ประโยคสุดท้ายของเขาเน้นย้ำออกมาเสียงหนักในใจของเขา คนที่สมควรตายจริง ๆ คือเซียวอวี้ต่างหากทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไร อย่างมากก็แค่หนีออกจากที่ดินศักดินา ไปที่เมืองหลวงโดยพลการ เซียวอวี้กลับให้บทลงโทษที่หนักหนาแก่เขา เนรเทศเขามายังชายแดนเห็นได้ชัดว่าอยากให้เขาตาย!ทว่า เขาดวงแข็ง ไม่นานก็เริ่มสนิทกับข้าราชการท้องที่ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดลอบฆ่าเขาทว่าเซียวอวี้ไม่โชคดี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1348

    วันถัดมา เซียวอวี้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนมาถึงเมืองฝานหลูเดิมเคยเป็นแคว้นเป่ยเยี่ยน ต่อมาก็ยกให้แคว้นหนานฉี กลายเป็นหนึ่งในเมืองชายแดนของแคว้นหนานฉีการมาเยือนเมืองฝานหลูในครั้งนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้แปลงโฉมให้ตัวเองและเซียวอวี้ประการแรก ประชาชนในเมืองชายแดนทางตอนเหนือ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นประชาชนที่เกิดและเติบโตในเป่ยเยี่ยน ไม่มีคนเคยเห็นฮ่องเต้และฮองเฮาประการที่สอง ก่อนหน้านี้มีทางการทราบข่าวว่าจะมีขบวนเสด็จมาเยือน ในเมื่อเรื่องนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว จึงไม่จำเป็นต้องแปลงโฉมใด ๆนอกจากสาเหตุสองข้อนี้แล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนยังคำนึงถึง การใส่ชุดสามัญชนออกเยี่ยม กลับมีแต่จะล่อธนูลับเข้าเมืองด้วยสถานะตัวตนที่เปิดเผย ท่ามกลางสายตาของมวลประชา นักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด กลับไม่มีโอกาสลงมือขนาดนั้นทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ยังระแวดระวังมากกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานางแทบจะเดินตามเซียวอวี้ไม่หางกาย ทั้งยังจัดเตรียมองครักษ์ที่อยู่ทางแจ้ง ให้พวกเขากับองครักษ์ลับ สร้างการคุ้มกันที่แน่นหนาด้วยกันเสียวอู่เชื่อฟังเป็นพิเศษ เฟิ่งจิ่วเหยียนให้เขาทำอะไร เขาก็ทำอย่างนั้นเขามีหน้าที่ปลอมตัวเป็นคนที่ผ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1347  

    หลังจากรถม้าแล่นออกไปแล้ว เซียวอวี้ถามเฟิ่งจิ่วเหยียน“เมื่อครู่เจ้าพูดอะไรกับสวีไท่ฉาง ถึงทำให้เขาดูกระชุ่มกระชวยเช่นนั้น?”หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนบอกเขา เขาก็เข้าใจทันทีสำนักคุ้มภัยเหล่านั้นจงใจเสนอค่าจ้างสูง เลี้ยงสิบคนยี่สิบคนไม่ใช่ปัญหา แต่เมื่อมีมากขึ้น ก็ยากจะเลี้ยงไหวสำนักคุ้มภัยหนึ่งแห่งมีงานจำกัด หากมีผู้คุ้มกันมากเกินไปก็ต้องเลี้ยงไว้เฉย ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะขาดทุน เท่ากับยกก้อนหินขึ้นมาทุบขาของตัวเองนี่ก็คือหลักการที่ว่าอย่ากินอิ่มเกินไปไม่น่าแปลกใจที่สีหน้าของสวีไท่ฉางกลับมาดูมีชีวิตชีวาอีกครั้งเซียวอวี้กล่าวตรง ๆ “ใจคนล้วนเกิดจากเนื้อ ท้ายที่สุดเจ้าก็ยอมใจอ่อน”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้แก้ตัว เพียงแค่ทอดสายตาออกไปยังภาพบรรยากาศของปีใหม่เบื้องนอก“ไม่รู้ว่าพวกอาหลิ่นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”พูดถึงอะไรก็เจออย่างนั้นเย็นวันนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับจดหมายจากอาจารย์หญิงในจดหมายล้วนพูดถึงแต่ลูกทั้งสอง นางดูออก อาจารย์หญิงพูดถึงแต่เรื่องดี ๆเด็กทั้งสองยังเล็กเช่นนั้น ไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างกาย จะนอนหลับสนิทได้อย่างไร?ทว่าปัญหาที่เมืองชายแดนร้ายแรง เพื่อให้เด็กอีกนั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1346

    องครักษ์คุ้มกันองค์ชายทั้งสองเร่งเดินทางมาตลอดทาง ในที่สุดก็มาถึงตระกูลเมิ่งแห่งเมืองซางก่อนวันส่งท้ายปีเก่าหลังจากนั้นพวกเขาก็ส่งมอบองค์ชายทั้งสองให้กับฮูหยินเมิ่ง และตั้งใจคุ้มกันเรือนเดิมทีคิดว่าเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว สามารถผ่อนคลายได้สักทีเพราะอย่างไรคืนนี้ก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่าแต่ใครจะรู้ว่าองค์ชายทั้งสองซุกซนไม่เลิกแค่ได้ยินเสียงร้องไห้จากภายในห้อง ก็รู้แล้วว่าสองพี่น้องทะเลาะกันอีกแล้วฝ่าบาทกับฮองเฮาไม่อยู่ข้างกาย องค์ชายทั้งสองท่านยิ่งดื้อรั้นและเอาแต่ใจภายในห้องฮูหยินเมิ่งมาปลอบคนนี้ที ไปปลอบคนนั้นทีนางวิ่งจนหัวหมุน เกือบแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครและยิ่งไม่รู้ว่าเหตุใดพวกเขาชอบทะเลาะกันเช่นนี้ทั้งที่ก่อนหน้านี้เรียบร้อยมาก ไม่ค่อยซนเลยฮูหยินเมิ่งเผลอเพียงครู่เดียว น้องชายก็ยื่นมือไปข่วนหน้าพี่ชายแล้วส่วนพี่ชายก็ไหวตัวทัน ขณะที่แหงนหน้าหลบ ก็ยกเท้าจิ้มเข้าไปในปากน้องชายเต็ม ๆคราวนี้น้องชายที่เพิ่งหยุดร้องไห้ก็เริ่มอีกแล้ว“ฮือ…”ฮูหยินเมิ่งร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก รีบเอาผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดปากของคนเป็นน้อง“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะ”“อาหลิ่นเป็นเด็กดีที่สุด เมื่อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1345

    สวีไท่ฉางให้ความสำคัญกับเรื่องของสำนักคุ้มภัยอย่างมากนี่ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของตระกูลเขา แต่ยังรวมถึงบรรดาผู้คุ้มกันกับคนงานด้วย“ถ้าพูดถึงความผิดปกติ มันก็ไม่มีอะไรเพียงแต่เสนอค่าจ้างสูงเช่นนี้ ข้าสงสัยจริง ๆ พวกเขาจ่ายเงินให้ผู้คุ้มกันสูงเช่นนั้น จะเหลือกำไรอะไรอีก?”สวีไท่กู่ก็เห็นด้วย“ข้าเคยคำนวณอย่างละเอียดแล้ว ตามค่าจ้างที่พวกเขาจ่าย แทบไม่เหลือกำไรเลย เช่นนั้นพวกเขาทำเพื่ออะไร?”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้พูดอะไรมาก“ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องของการค้านัก”สวีไท่ฉางชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบเปลี่ยนเรื่อง“ข้าเลอะเลือนแล้ว“วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ควรรักษาช่วงเวลาที่มิตรสหายได้อยู่ร่วมกัน สลัดเรื่องเก่า ๆ ต้อนรับสิ่งใหม่ ๆ และมองไปสู่อนาคต”หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องของสำนักคุ้มภัยอีกหลังอาหารเฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้กลับไปที่ห้องหลังจากนางปิดประตูก็พูดกับเซียวอวี้ “ออกเดินทางพรุ่งนี้เช้าเลย”เซียวอวี้จับมือของนางแล้วถาม“เหตุใดเจ้าไม่ช่วยสวีไท่ฉางสักหน่อย? เขาเป็นสหายของเจ้าไม่ใช่หรือ?”ถ้านางอยากช่วยเขา แค่เอ่ยปากคำเดียวก็ได้แล้ว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status