“ฉันท้อง” เพชรหอมกลั้นใจบอกชายหนุ่มตรงหน้า บุรุษที่หล่อนรักสุดหัวใจ ยอมมอบกายมอบใจให้ทั้งที่ยังไม่แต่งงาน คนได้ยินเลิกคิ้วสูง สีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนเหยียดยิ้ม
“แน่ใจเหรอว่าเป็นลูกฉัน” ราซิเอลโล่ตวัดผ้าห่มออกจากตัว ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะคว้าชุดคลุมที่พาดอยู่ปลายเตียงมาสวมทับเรือนกายเปล่าเปลือย “ฉันจำได้ว่า ฉันป้องกันทุกครั้งไม่มีพลาดแน่นอน”
เจ็บ!
เป็นความรู้สึกแรกของเพชรหอมหลังจากได้ยินประโยคอันแสนเจ็บปวด ตามมาด้วยความเสียใจ เสียความรู้สึก และอีกหลากหลายอารมณ์ที่ประดังเข้ามา หล่อนไม่เคยคิดว่า จะได้ยินคำพูดไร้ความรับผิดชอบ และไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้จากผู้ชายที่ตนรัก ไม่เพียงแค่เขาไม่รับผิดชอบ วาจาของเขาหมายถึง หล่อนเป็นผู้หญิงร่าน คบหาผู้ชายหลายคน มั่วไม่เลือกหน้า ทั้งที่ในความเป็นจริงเพชรหอมมีราซิเอลโล่คนเดียว
“ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่คิดรับผิดชอบเธอนะ แต่ฉันมั่นใจว่าฉันป้องกันตัวเองดีมาก ดูอย่างเมื่อคืนสิ ฉันเมาฉันยังใส่ถุงยางเลย ลูกในท้องเธอ ไม่ใช่ลูกฉัน ฉันมั่นใจ”
คำพูดมั่นอกมั่นใจของราซิเอลโล่ เสมือนคมมีดนับร้อยนับพัน ทิ่มแทงหัวใจหล่อนพร้อมกัน มันเป็นความเจ็บปวดร้าวระบมอย่างสุดแสน มากที่สุดในชีวิต น้ำตาจึงหลั่งรินตามความรู้สึกของเจ้าตัว หล่อนมองเขาด้วยสายตาเจ็บปวด ดูเหมือนว่า ความรู้สึกนั้นจะทวีคูณ เมื่อเขาโยนธนบัตรสกุลเงินยูโรปึกหนึ่งลงบนเตียง
“ถือว่าเป็นค่าตัวเธอก็แล้วกัน ถ้าไม่พอจะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา”
ราซิเอลโล่รู้สึกเสียดายสาวร่างเล็กที่นั่งร้องไห้บนเตียงไม่น้อย หล่อนทำให้เขามีความสุขทุกครั้งขณะร่วมกิจกรรมบนเตียง ความอ่อนหวานและการเอาใจใส่ของเพชรหอมที่ปฏิบัติต่อตนก็ดีเยี่ยม หล่อนจึงเป็นคู่นอนของเขานานที่สุด แต่น่าเสียดายที่หล่อนเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา ซึ่งเขามั่นใจหนักหนาว่า ไม่ใช่ลูกของตนล้านเปอร์เซ็นต์ เพชรหอมคงมีความสัมพันธ์กับชายอื่น แล้วเกิดพลาดพลั้งท้อง ซึ่งเขาไม่มีวันยอมรับทารกที่ไม่ใช่สายเลือดของตนแน่นอน
“เธอไม่พูด ไม่ร้องขอเพิ่ม ฉันถือว่าเธอพอใจกับเงินจำนวนนี้” ราซิเอลโล่สรุปเอง “ตามข้อตกลงของเรา ฉันถือว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะอยู่ที่นี่ พอฉันออกมาจากห้องน้ำ ฉันต้องไม่เห็นเธอนะ”
จบคำพูด ราซิเอลโล่หมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำทันที โดยไม่คิดหันมองเพชรหอม พนักงานในบริษัทที่ตนถูกใจตั้งแต่แรกเห็น เขาใช้ความหล่อ ความมีเสน่ห์ ใช้ประโยชน์จากการอ่อนต่อโลกของหล่อน ขุดหลุมทำให้เพชรหอมมานอนอยู่บนเตียงของเขา และตอนนี้เขาก็ไม่ต้องการหล่อนแล้ว
ไม่มีคำใดเอ่ยออกจากปากเพชรหอม นอกจากเสียงสะอื้นที่ถึงแม้ว่าหล่อนจะกลั้นมากเพียงใด ก็ไม่สามารถบังคับไม่ให้เสียงนั้นลอดออกมา เช่นเดียวกับน้ำตาที่ไหลแล้วไหลอีก ไหลออกจากดวงตาดุจสายน้ำ เพชรหอมมองเงินจำนวนนั้นด้วยความร้าวรานใจ หล่อนลุกขึ้นยืน ก้มหยิบเสื้อผ้าบนพื้นมาสวมใส่ ให้ปลายเท้านำพาร่างที่สั่นสะท้านจากแรงสะอื้นออกจากห้องของชายอันเป็นที่รัก
เพชรหอมสาบานกับตัวเองว่าจะรักษาลูกในท้องไว้ จะดูแลเขาด้วยสองมือของตน และจะไม่กลับมากรุงโรมอีก หล่อนจะตัดขาดจากผู้ชายชื่อ ราซิเอลโล่ เดอมาชีตลอดกาล
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
ราซิเอลโล่นั่งเหม่ออยู่ในห้องทำงาน เขามองออกไปทางนอกฝาผนังที่ทำด้วยกระจก ทอดสายตามองไปไกลราวกับว่า กำลังอยากเห็นใครบางคนตอนนี้ เสียงเคาะประตูห้องเรียกเขาให้ออกจาภวังค์ ชายหนุ่มเจ้าของห้องเบนสายตาไปมองบานประตูห้องที่เปิดออก ลิเดียทำงานในตำแหน่งเลขาก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกาแฟ
“กาแฟค่ะคุณเอลโล่”
“ขอบใจ” เขากล่าวเสียงเบา ยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ แล้ววางลงบนจานรอง
“ฉันชงกาแฟไม่ถูกใจหรือคะ หลายวันมานี้คุณเอลโล่ดื่มกาแฟไม่หมดสักวัน บางวันแทบไม่ได้ดื่มด้วยซ้ำ”
ลิเดียถามด้วยความสงสัย ปกติราซิเอลโล่เป็นคนติดกาแฟ หากวันไหนไม่ได้ดื่มจะรู้สึกหงุดหงิด สมองไม่แล่น ทว่าระยะไม่กี่วันมานี้ กาแฟที่หล่อนนำมาให้เจ้านาย ไม่เคยหมดเลย
“ไม่รู้สิ มันไม่อยากดื่มไปดื้อๆ” เขาตอบตามจริง
“ถ้าเพ้นท์อยู่ก็คงดีนะคะ เพราะปกติเพ้นท์จะเป็นคนชงกาแฟให้คุณเอลโล่” ลิเดียนึกถึงเด็กฝึกงานที่เข้ามาทำงานได้สามเดือน เพชรหอมเป็นคนทำงานดีและเก่ง แต่อยู่ๆ ก็หายหน้าหายตาไปโดยไม่มีใครรู้ ติดต่อทางมือถือก็ไม่ได้ ส่งเมล์ก็ไม่มีการตอบรับ รวมทั้งช่องทางการสื่อสารอื่นต่างไม่มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน
และเมื่อลิเดียพูดถึงเพชรหอม สีหน้าราซิเอลโล่เครียดลงโดยที่เขาไม่รู้ตัว และพานให้นึกถึงสาวไทยที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงได้ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวบนเรือนร่างหล่อน ทำให้เขารู้สึกและรู้ซึ้งถึงความสุขทางกายมากกว่าหญิงอื่น จนเขาอยากเก็บหล่อนไว้ประดับเตียงไปเรื่อยๆ หากไม่มีเหตุการณ์วันนั้น ป่านนี้เขาคงไม่เหงาใจเช่นนี้
เหงาใจ...
คนอย่างราซิเอลโล่ เดอมาชีเหงาใจเป็นด้วยหรือ เป็นไปไม่ได้ เขาไม่ได้เหงาใจ รอบกายเขามีสตรีสวยงามเพริดพริ้งให้เลือกหลับนอนด้วยทุกวัน ชีวิตเขาไม่มีคำว่าเหงา ใช่...ไม่มี
“คุณออกไปก่อน ผมจะโทรศัพท์”
เขาอ้างไปเช่นนั้น ตอนนี้เขาอยากอยู่คนเดียว อยู่กับความคิดอันแสนสับสนหัวใจ ที่ตีกันยุ่งกับคำถามและคำตอบ
เพชรหอมท้องจริงหรือไม่
ทว่าคำตอบเขาคิดได้ทางเดียวคือ เพชรหอมไม่ได้ท้อง เขามั่นใจว่าตนเองป้องกันตัวเองอย่างดี ไม่มีทางที่ตนจะปล่อยสเปิร์มเข้าไปในรังไข่เพชรหอมแน่นอน หล่อนจ้องจับเขาจึงได้อ้างเช่นนั้น เมื่อมีคำตอบในใจ ราซิเอลโล่ตัดความคิดอันสับสนออกจากหัว เปิดเอกสารที่กองเป็นตั้งๆ บนโต๊ะ นั่งทำงานที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านยูโรดีกว่าคิดเรื่องเพชรหอม
...ผู้หญิงที่มีค่าเวลาอยู่บนเตียงเขาเท่านั้น
8“จิบนิดนึงน่า เสียมารยาท เจ้าของบ้านอุตส่าห์เอามาให้ดื่ม” ไกรศรไม่เชิงคะยั้นคะยอให้ช้องนางเกิดความสงสัย เขาใช้คำพูดให้หล่อนเกิดความเกรงใจแทน“ก็ได้” ช้องนางหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอย่างเสียมิได้ ปริมาณที่หล่อนดื่มไปนั้นไม่มากนัก เพียงแค่สามอึก แต่เป็นสามอึกที่เห็นผล ไกรศรลอบยิ้มด้วยความพอใจ จากนั้นก็รอให้อำนาจลงมา เพื่ออุบายต่อไป ซึ่งอีกไม่กี่อึดใจต่อมา อำนาจได้เดินลงมาจากชั้นสองเดินตรงมาหาสองหนุ่มสาว“ยายอยู่ข้างบน นายกับกุ้งจะขึ้นไปไหว้ยายก่อนไหม”“อืม ไปสิ มาถึงที่แล้วนี่ ว่าแต่ยายนายเป็นไงบ้าง” ไกรศรตีเนียน“เห็นบ่นปวดก้น ยายเอาก้นลงน่ะ ให้ไปหาหมอก็ไม่ไป ยิ่งแก่ยิ่งดื้อ”“คนแก่ก็อย่างนี้แหละ เป็นเหมือนกันทุกคน” ไกรศรพูดราวกับเข้าอกเข้าใจคนสูงวัย “กุ้ง ต้าร์ว่ารีบขึ้นไปไหว้ยายมาร์คเถอะ จะได้รีบกลับ”ช้องนางลุกขึ้นยืน เดินตามไกรศรและอำนาจที่ก้าวเท้าไปยังบันไดบ้าน อีกไม่กี่ก้าวจะถึงตีนบันได ไกรศรทำหน้าตกใจเมื่อนึกอะไรขึ้นได้“กุ้งขึ้นไปไหว้ยายมาร์คก่อนนะ ต้าร์ลืมเอากุญแจรถออกมา ต้าร์ขอตัวไปเอาก่อนนะแล้วจะขึ้นตามไป” ไกรศรพูดจบก็รีบเดินออกไปจากบ้าน ช้องนางที่ไม่ได้เฉลียวใจใดๆ ทั้งสิ้น ห
7หลังจากส่งเพชรหอมหน้าห้องเช่าเสร็จ ไกรศรเคลื่อนรถต่อไปยังคอนโดของอำนาจ ระหว่างทางโทรศัพท์ของอำนาจดังขึ้น น้ำเสียงตื่นตกใจของอำนาจทำให้คนที่นั่งอยู่ในรถพลอยตกใจตามไปด้วย“เกิดอะไรขึ้นไอ้มาร์ค ร้องซะตกอกตกใจ” คนกำลังขับรถหันมาถามเพื่อนที่นั่งข้างหลัง“ยายฉันลื่นล้มในห้องน้ำน่ะสิ ไม่มีใครอยู่บ้านด้วย แกไปส่งฉันที่บ้านยายได้ไหม” อำนาจขอร้องเพื่อน“บ้านยายแกอยู่ไหนล่ะ” ไกรศรถาม“รามอินทรา”“ว่าไงกุ้ง ต้าร์ไปส่งมาร์คที่บ้านยายก่อนได้ไหม แล้วค่อยไปส่งกุ้งที่บ้าน” ไกรศรหันมาถามความคิดเห็นจากคนรัก“ได้สิ” ช้องนางจะว่าอะไรได้ เกิดอุบัติเหตุกับยายของอำนาจ หากหล่อนไม่ยอมนั่นก็หมายความว่า หล่อนเป็นคนใจไม้ไส้ระกำ “กุ้งว่าพายายไปโรงพยาบาลเลยก็ได้นะ คนแก่ลื่นล้มภายนอกอาจมองว่าไม่เป็นอะไร แต่ภายในใครจะไปรู้”ช้องนางเอ่ยด้วยความหวังดี“ป้าข้างบ้านโทรมาบอกว่าแกไม่เป็นอะไรมาก ดีที่แกเกาะขอบอ่างน้ำได้ทัน ไม่งั้นสะโพกหรือไม่ก็ขาหักแน่” อำนาจพูดตามที่ป้าข้างบ้านบอก“ย่ากุ้งเคยลื่นล้มในห้องน้ำ ตอนแรกก็คิดว่าไม่เป็นอะไรเหมือนกับที่มาร์คคิด แต่พอวันต่อมาย่าปวดขามาก ขาบวมด้วย พอพาไปหาหมอถึงรู้ว่ากล้ามเนื้อขาอั
6“แกไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น เสื้อผ้าพวกนี้พี่มลโละทิ้งแล้ว นางให้แกเลย ให้แล้วให้เลย แกจะทำเสียหายยังไงก็ไม่ต้องชดใช้” ขณะช้องนางพูด เพชรหอมหยิบเสื้อขึ้นมาดู“ตัวนี้ยังไม่ได้ใส่เลยนะ ดูสิยังมีป้ายราคาติดอยู่เลย อู้หู...ตัวละตั้งเจ็ดพันแน่ะ” เพชรหอมทำตาโตเมื่อเห็นป้ายราคาค่าเสื้อผ้า“ตัวนี้ยังถูก เมื่อวานนางซื้อชุดเดรสราคาหมื่นสองมาหนึ่งชุด ฉันก็นั่งมองชุดนะก็ไม่เห็นว่ามันจะเลิศเลอเพอร์เฟคตรงไหน แบบก็เรียบ ฉันว่านะ ชุดบางชุดของนางตามตลาดนัดสวยกว่าเยอะ” ช้องนางนินทาพี่สาวต่างแม่ให้เพชรหอมฟัง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก “แกไม่ห่วงเรื่องเสื้อผ้านางเลย นางมีล้นตู้ ทิ้งไปก็เยอะ ไม่ได้ใส่ก็แยะ ไม่รู้จะซื้อมาทำไมหนักหนา ซื้อแล้วก็ไม่ใส่”“แกก็ใส่แทนสิ”“ถ้าฉันใส่ได้ฉันใส่ไปแล้ว แต่นี่มันติดนม นมฉันดันใหญ่กว่านาง ใส่ของนางแล้วมันรัดนมหายใจไม่ออก เฮ้อ! เกิดมาหนักอกก็ต้องหนักใจอย่างนี้แหละ ฉันเลยขอเสื้อผ้านางมาให้แกไง แกใส่ไปโลด สวยๆ แพงๆ ทั้งนั้น นางรวยแค่ไม่กี่ชุดนางไม่ยี่หระหรอก”มารดาของวรรณวิมลมีฐานะร่ำรวย เป็นเศรษฐีทางภาคเหนือที่คนเรียกติดปากกันว่าแม่เลี้ยงสาย วรรณวิมลจึงมีนิสัยใช้จ่ายฟุ่มเฟื
5กรุงโรม ประเทศอิตาลีราซิเอลโล่ในวัยสามสิบแปดปีก้าวเดินลงมาจากรถสปอร์ตหลังจากนำมันมาจอดในโรงจอดรถของบ้าน เขาก้าวเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ที่ในความรู้สึกของเขาตอนนี้คิดว่า มันใหญ่เกินไป ใหญ่จนรู้สึกถึงความอ้างว้าง เปลี่ยวเหงา เข้ามาในบ้านไม่เจอสมาชิกในครอบครัวที่ต่างมีหน้าที่ด้วยกันทั้งสิ้น คนที่เขาเจอกลับเป็นคนรับใช้ บางครั้งเขาคิดว่า อยากมีบ้านหลังเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น“ไงไอ้เสือ วันนี้กลับบ้านได้ ไม่หิ้วผู้หญิงไปกกเหรอ” นานโอ อาหนุ่มวัยสี่สิบเจ็ดปีทักหลานชาย“แล้ววันนี้ทำไมคุณอาอยู่บ้านได้ ปกติไม่เห็นอยู่” หลานชายไม่ตอบ แต่ถามกลับ“ฉันก็กลับบ้านทุกวัน มีแต่แกนี่แหละนานๆ ทีจะโผล่หัวกลับมาบ้าน” ราซิเอลโล่หยักไหล่ เดินไปนั่งบนโซฟา “แกเตรียมจัดกระเป๋าหรือยัง”ราซิเอลโล่ย่นคิ้วกับคำถามของอาหนุ่ม “จัดกระเป๋า จัดทำไม จัดไปไหนครับ”“แกอย่าบอกนะว่าแกลืม” นานโอส่ายศีรษะช้าๆ ก่อนทวนความจำให้หลานรัก “แกลืมจริงๆ ด้วย ฉันกับแกต้องไปเมืองไทยวันมะรืนนี้ ฉันบอกให้แกรู้เป็นอาทิตย์แล้วนะ แกดันลืมซะได้”“ผมลืมไปเลย แต่ไม่เป็นไร จัดกระเป๋าแปปเดียวก็เสร็จ”ราซิเอลโล่ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โต“แล
4“ก็ให้ตามเลทนะ ไม่ได้ให้พิเศษอะไร เท่าที่พี่รู้มา ค่าจ้างของล่ามคิดเป็นรายชั่วโมง ครึ่งวันก็มี เต็มวันก็ด้วย ค่าเดินทางบางคนก็ให้ต่างหากแล้วแต่ตกลงกัน อย่างครึ่งวันคือสี่ชั่วโมง ถ้างานไม่เสร็จเข้าชั่วโมงที่ห้าก็คิดเป็นรายชั่วโมงต่อไปเรื่อยๆ จนเสร็จงาน ราคาหมื่นห้าที่เพ้นท์จะได้ คือค่าจ้างล่ามที่พูดได้สามภาษานะ ค่าตัวก็ต้องสูงอยู่แล้ว” นันทิพาอธิบายให้บังอรเข้าใจ“โห อย่างนี้เพ้นท์สบายเลย คุณนานโอมาอยู่เมืองไทยห้าวัน เพ้นท์ได้วันละหมื่นห้า ห้าวันก็เจ็ดหมื่นห้า” ช้องนางดีใจแทนเพชรหอมที่จะได้เงินค่าจ้างจำนวนมาก “ถ้ากุ้งพูดภาษาอิตาเลี่ยนได้ กุ้งจะเสนอตัวเอง แต่นี่เพิ่งหัดพูดหัดเขียน ยังไม่ถึงขั้นเซียน ให้เพ้นท์ทำดีที่สุด”“โอเค ตกลงตามนี้ งั้นเลิกประชุมได้ ใครทำหน้าที่อะไรก็ขอให้ทำให้เต็มที่ คุณนานโอมาพักที่โรงแรมเราประจำ อย่าให้เสียชื่อ พี่ไม่อยากเสียลูกค้ากระเป๋าหนักไป”นันทิพากำชับลูกน้อง ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันเดินออกจากห้องประชุม บังอรกับช้องนางรีบเดินไปหาเพชรหอมที่กำลังปฏิบัติหน้าที่พนักงานต้อนรับลูกค้าตรงล็อบบี้ของโรงแรมราวสองทุ่มวันเดียวกันเพชรหอมเดินถือถุงกับข้าวเข้ามาในห้องเช่า
3“แม่บอกฮาร์ทหลายครั้งแล้วนะลูกว่า ฮาร์ทมีพ่อเหมือนเด็กคนอื่น เหมือนทุกคน แต่ตอนนี้พ่อของฮาร์ทอยู่บนสวรรค์ อยู่คนละที่กับเราสองคน ต่อไปนี้ฮาร์ทต้องอดทนให้มากกว่านี้นะลูก อย่าทำร้ายเพื่อน เพราะถ้าลูกใจร้อน ไม่อดทนแล้วเกิดชกเพื่อนอีก แม่ไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหายและค่าทำขวัญแล้วนะลูก” เพชรหอมบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงที่ไม่แสดงถึงความไม่พอใจหรือโกรธ หล่อนสอนลูกด้วยเหตุผล “ถ้าฮาร์ทไม่อดทน เราอาจไม่มีที่อยู่ เงินกินก็จะไม่มี เพราะแม่ต้องเอาเงินเก็บมาจ่ายให้เพื่อนของฮาร์ท แล้วถ้าเผื่อเงินเก็บของแม่หมด ฮาร์ทก็จะไม่ได้เรียนหนังสือ ฮาร์ทอยากให้มันเป็นอย่างนั้นไหมลูก”“ฮะแม่ ผมจะไม่ชกเพื่อนอีกแล้วฮะ” เด็กชายรับคำ “แม่อย่าโกรธผมนะฮะ ผมขอโทษฮะ”“เพื่อเป็นการลงโทษ แม่จะหักค่าขนมฮาร์ทวันละห้าบาทเป็นเวลาสองเดือน และงดฮาร์ทออกไปห้างหรือซื้อของเล่น ตกลงไหมครับ” ครั้นหล่อนจะไม่ลงโทษก็ไม่ได้ เพชรหอมกำลังสอนให้ลูกชายรู้ว่า คนทำผิดต้องได้รับโทษ ไม่มากก็น้อย“ฮะแม่” เด็กชายยินยอมถูกลงโทษ“กลับบ้านกันดีกว่านะครับ เย็นนี้แม่จะทอดปลานิลให้ฮาร์ทกินดีไหมลูก”ยศนัยยิ้มกว้าง ดีใจจะได้ทานอาหารจานโปรด เด็กชายพยักหน้า ก่อน