ครานี้เซิ่งเฟิงไม่ได้พูดแทรก เพราะเขารู้ว่าท่านราชเลขาธิการกลัวว่า หรงจือจือรู้ความรู้สึกของเขาแล้วจะไม่กล้าแต่งงานเฉินเยี่ยนซูพาหรงจือจือไปดูรอบๆหรงจือจือค่อยๆ เข้าใจเจตนาของเขา “วันนี้ท่านเชิญข้ามา เพราะอยากดูว่าข้าพอใจกับทุกอย่างในจวนราชการเลขาธิการหรือไม่สินะเจ้าคะ?”ก่อนหน้านี้ก็ให้นางมาดูเรือนที่ตัวนางจะอยู่ในอนาคตว่าเป็นอย่างไร ส่วนวันนี้ก็ให้ดูทุกอย่างในจวนราชเลขาธิการเฉินเยี่ยนซู “ถูกต้อง เพราะนี่เป็นที่ที่เจ้าต้องอยู่ในอนาคต”เขาไม่อยากให้นางมีจุดที่ไม่พอใจแม้แต่นิดเดียว หากมีก็จะรื้อแล้วสร้างใหม่ทันที ทำในตอนนี้ตอนที่ทุกอย่างยังทันการอยู่หรงจือจือไม่ได้ปฏิเสธอะไร นางย่อตัวแล้วพูดว่า “ลำบากท่านราชเลขาธิการแล้ว จือจือขอบคุณท่านมาก โครงสร้างและการตกแต่งภายในจวนราชเลขาธิการล้วนแล้วแต่สง่างาม ไม่มีอะไรต้องแก้ไขเจ้าค่ะ”เฉินเยี่ยนซูช่างเป็นสุภาพบุรุษโดยแท้แม้จะไม่ได้แต่งงานกับนางเพราะความชอบพอ แต่เจ้าก็ให้เกียรติและเคารพนางอย่างดีที่สุดจากนั้น เฉินเยี่ยนซูพาหรงจือจือไปที่หน้าคลังของจวนราชเลขาธิการต่อ ไม่จำเป็นต้องให้เขาสั่งอะไร พ่อบ้านหวงก็เปิดประตูให้แล้วเมื่อห
รอยยิ้มบนใบหน้านางกงซุนนิ่งค้างไปทันทีที่ได้ยินเซี่ยฮูหยินคิดไว้อยู่แล้วว่าการพูดเรื่องนี้จะทำให้นางกงซุนไม่พอใจ แววตานางมีรอยยิ้มเผยออกมาแต่นึกไม่ถึงว่าคำพูดแรกที่ออกจากปากนางกงซุนจะเป็น “เซี่ยฮูหยิน นี่เจ้าดูจะไม่รู้กฎเกณฑ์ไปหน่อยหรือไม่?”ใบหน้าของเซี่ยฮูหยินกระตุก ในเมื่อต้องใช้งานนางกงซุน เช่นนั้นย่อมล่วงเกินอีกฝ่ายไม่ได้รีบปั้นหน้ายิ้มว่า “พี่หญิงคนดี ท่าน…เหตุใดจึงพูดเช่นนี้หรือ?”นางกงซุนพูดอย่างไม่รีบร้อน “แม้ข้าจะอายุมากกว่าเจ้าไม่มาก แต่เจ้ามีสถานะอะไร? เจ้ามีศักดิ์เป็นป้าของฮ่องเต้ ส่วนข้ามีสถานะอะไร? บุตรชายของข้าเป็นราชเลขาธิการของฮ่องเต้”“นับดูแล้ว ข้าก็สูงกว่าท่านขั้นหนึ่ง แต่ท่านกลับเรียกข้าว่าพี่หญิง ไม่รู้ความบ้างเลยหรือ?”เซี่ยฮูหยินเกือบสำลักตายกับคำพูดของนางกงซุนนางได้ยินมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่านางกงซุนไม่ใช่คนที่จะคบหาง่าย นางทั้งดุร้าย ชอบเอาเปรียบและเจ้าแผนการ บุตรชายที่สง่างามและเที่ยงตรงแบบราชเลขาธิการจึงดูไม่เหมือนคนที่จะให้กำเนิดโดยนางในที่สุดตอนนี้ก็เข้าใจแล้ว!ถ้อยคำในวันนี้ หากเป็นฮูหยินคนอื่นแล้วล่ะก็ ต่อให้จะไม่พอใจเพียงใดก็จะไม่มีทา
ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินเยี่ยนซูแดงระเรื่อเล็กน้อย เขาตอบเสียงเรียบ “นางบอกว่าวันนี้ไม่ว่าง แต่สุดท้ายก็มา…”เซิ่งเฟิงเข้าใจความหมายในคำพูดของเจ้านายตัวเอง เขาพูดคาดเดาไปว่า “ดังนั้น ไม่แน่ว่าภายในใจท่านหญิงจะมีท่านใช่หรือไม่? ด้วยเหตุนี้จึงปลีกตัวจากธุระอันยุ่งเหยิงเพื่อมาพบท่าน?”เฉินเยี่ยนซูกระแอมไอเบาๆ ครานี้แม้แต่ใบหูก็กลายเป็นสีแดง พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “พูดเหลวไหลอะไร? ข้าไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น”เซิ่งเฟิง “…”เหอะๆ หากไม่ได้คิด เช่นนั้นเหตุใดแววตาซึ่งปกติแล้วราบเรียบเย็นชาของท่านจึงเจือด้วยความตื่นเต้นดีใจเช่นนี้เล่า? นอกจากนี้ ใบหูกับใบหน้าของท่านกำลังแดงด้วยเรื่องอะไร?ท่านราชเลขาธิการของเขาที่ช่างรู้จักเขียนเรื่องราวความรักให้ตัวเองจริงๆ……หรงจือจือรอเพียงไม่นานก็เห็นเฉินเยี่ยนซูผู้มีรูปร่างสูงสง่าเดินเข้ามาในชุดขนจิ้งจอก ใบหน้าหล่อเหลาเจือด้วยรอยยิ้มนางประหลาดใจเล็กน้อย กรมขุนนางไม่ได้อยู่ใกล้จวนราชเลขาธิการขนาดนั้น ตามหลักแล้วไม่น่าจะกลับมาไวแบบนี้มีหรือจะรู้ว่านี่เป็นผลลัพธ์จากการที่รองเท้าของเซิ่งอวิ๋นแทบจะมีควันขึ้น และรถม้าของจวนราชเลขาธิการก็วิ่งจนฝุ่นตลบ?หร
ตามหลักแล้ว เจาซีไม่มีทางกล้าพูดถ้อยคำเช่นนี้ออกมาหน้าจวนราชเลขาธิการอย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้นางน้อยใจแทนคุณหนูจริงๆเดิมทีคนสกุลฉีก็สงสัยอยู่แล้วว่าท่านราชเลขาธิการต้องการให้คุณหนูของนางเป็นอนุ บัดนี้ท่านราชเลขาธิการยังจะปฏิบัติต่อคุณหนูอย่างไม่ใส่ใจเช่นนี้อีก ทั้งที่เป็นฝ่ายเชิญคุณหนูมาเองแท้ๆ แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ที่จวนผู้ใดจะไม่โมโหบ้างกัน?หัวคิ้วของหรงจือจือขยับเล็กน้อย หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ นางคงหันตัวกลับด้วยความไม่พอใจไปแล้ว แต่นี่เป็นเฉินเยี่ยนซู…นางรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกประหลาดเล็กน้อยเขาดูไม่เหมือนคนที่นัดตัวเองแล้วจะผิดคำพูดพ่อบ้านหวงได้ยินดังนี้ก็รีบพูด “นี่…ท่านหญิง ท่านอย่าเพิ่งรีบกลับ หากท่านกลับไปเช่นนี้ ประเดี๋ยวท่านราชเลขาธิการแล้ว บ่าวคงได้ถูกลงโทษ!”วันนี้ว่าที่นายหญิงของพวกเขาอุตส่าห์มาทั้งที หากเขาปล่อยให้อีกฝ่ายกลับไปง่ายๆ หากไม่ใช่การละเลยหน้าที่แล้วจะเป็นอะไร?หรงจือจือยิ้มแล้วตอบกลับอย่างราบเรียบ “ได้ ข้าเช่นนั้นข้าจะเข้าไปรอท่านราชเลขาธิการด้านใน”เจาซีมองคุณหนูของตัวเองด้วยสงสัย……หลังจากที่พาหรงจือจือเข้าไปในจวน พ่อบ้านหวงก็รีบสั่งให้เซิ่งอว
คนเฝ้าประตูเข้ามารายงาน “คุณหนู ท่านราชเลขาธิการให้คนมาแจ้ง เชิญท่านไปพบที่จวนพรุ่งนี้เช้า”หรงจือจือ “แจ้งให้ท่านพ่อทราบแล้วหรือยัง?”คนเฝ้าประตู “แจ้งแล้วขอรับ นายท่านให้บ่าวมาถามคำตอบจากท่าน”หรงจือจือ “ข้ารู้แล้ว บอกคนของจวนราชเลขาธิการไปว่า ข้าจะไปพบในวันพรุ่งนี้”คนเฝ้าประตู “ขอรับ”คนเฝ้าประตูเดินกลับออกไป ขณะที่เดินผ่านระเบียงทางเดิน เขาได้พบกับหรงเจียวเจียวพอดีหรงเจียวเจียวเห็นว่าเขาเดินมาจากทิศใดก็ถาม “เจ้าไปทำอะไรที่เรือนอี่เหมย?”คนเฝ้าประตูตอบตามความจริงหรงเจียวเจียวหน้าบึ้ง “ข้ารู้แล้ว! จริงสิ ที่ห้องข้ามีกล้วยไม้เฉาตายกระถางหนึ่ง กระถางหนักมาก สาวใช้หลายคนช่วยกันยกแต่ก็ยกไม่ไหว เจ้าช่วยขนไปทิ้งให้ข้าที”คนเฝ้าประตู “นี่…แต่ว่าคนจากจวนราชเลขาธิการกำลังรอให้บ่าวนำคำตอบไปให้อยู่ที่ด้านนอกนะขอรับ!”หรงเจียวเจียวพูดอย่างไม่ยี่หระ “ไม่เป็นไร ข้าจะให้คนไปช่วยตอบให้แทน บอกว่าพี่หญิงจะไปพบใช่หรือไม่?”คนเฝ้าประตูพยักหน้า “ใช่ขอรับ”หรงเจียวเจียว “ได้ ข้ารู้แล้ว”คนเฝ้าประตูขานรับแล้วไปยกกระถางดอกไม้ด้วยความสงสัย ตามหลักแล้วควรให้เด็กรับใช้เป็นคนทำหน้าที่นี้ เหตุใดจ
ฉีอวี่เยียนโกรธจนหน้าเขียว “เจ้าคนชั้นต่ำ! เจ้าพวกคนชั้นต่ำที่สมควรตาย รู้หรือไม่ว่าพี่ชายข้าเป็นผู้ใด?”“พี่ชายของข้ายังคงดำรงตำแหน่งขุนนางขั้นหกอยู่นะ พวกเจ้าทำร้ายคนของราชสำนักเช่นนี้ อยากตายใช่หรือไม่!”ชาวบ้านพวกนั้นฟังแล้วไม่เพียงไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่ยังพูดเย้ยหยัน “ตายจริง พวกข้าหวาดกลัวเหลือเกิน รีบบอกให้พี่ชายเจ้ามาจับพวกข้าไปสิ!”“แต่พวกข้ามีกันเยอะขนาดนี้ เกรงว่าห้องขังในเมืองหลวงคงจะจุได้ไม่พอกระมัง?”กฎหมายไม่อาจเป็นผลเมื่อใช้กับคนหมู่มาก นี่เป็นสัจธรรมที่อยู่มาตั้งแต่ยุคผานกู่เมื่อบรรดาชาวบ้านพูดแบบนี้ก็ยิ่งฮึกเหิมขึ้นไปอีกฉีอวี่เยียน “คนชั้นต่ำ พวกเจ้ามัน…”ฉีจื่อฟู่ทนไม่ไหวแล้ว ยื่นมือไปปิดปากนาง “พอแล้ว! เจ้า…แค่กๆๆ เจ้าเลิกพูดได้แล้ว!”พูดต่อไปก็รังแต่จะยั่วโมโหชาวบ้านพวกนี้เปล่าๆสายตาที่เขามองไปยังราชเลขาธิการตอนนี้ราวกับอาบยาพิษ เขามีหรือจะไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเฉินเยี่ยนซู อีกฝ่ายต้องการให้เขาอับอายขายหน้ามิเช่นนั้นมันจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร แค่มีชาวบ้านกลุ่มใหญ่เดินผ่านมาก็แปลกมากพออยู่แล้ว นี่พวกเขายังจะพกของสกปรกสำหรับขว้างปาใ
ฉีจื่อฟู่มองเสิ่นเยี่ยนซูอย่างตั้งใจ และพยายามหาหลักฐานการโกหกที่อยู่บนใบหน้าของอีกฝ่าย แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นเพียงความโปร่งใสเท่านั้นฉีจื่อฟู่กัดฟันกล่าว “ดังนั้นท่านเสนาบดีอยากจะบอกว่า แม้ท่านจะรักและชื่นชมนาง แต่หลายปีมานี้ก็ไม่เคยมีการกระทำที่เกินขอบเขตเลยงั้นหรือขอรับ?”เสิ่นเยี่ยนซูไม่ตอบ แต่กลับกล่าวเพียงแค่ว่า “นางกับข้า ต่างก็เป็นคนรักษามารยาท และซื่อสัตย์”ฉีจื่อฟู่จะฟังไม่เข้าใจได้อย่างไร ว่าเสิ่นเยี่ยนซูกำลังบอกว่า มีเพียงตนเองที่ไร้ยางอาย ถึงจะสามารถพูด และเกิดความสงสัยอย่างน่าเหลือเชื่อเช่นนั้นออกมาได้ ฉีจื่อฟู่กำลังจะยืนกรานว่าตนเองไม่เชื่อแต่เสิ่นเยี่ยนซูยังพูดอีกว่า “เจ้าพูดอยู่ตลอด ว่าเจ้าชอบนางจริง ๆ แต่เมื่อเจ้ามาถึงจวนของข้า ทุกการคาดเดาของเจ้า ล้วนเป็นการดูถูกนาง” “ฉีจื่อฟู่ เจ้าคิดว่าความชอบของเจ้า สามารถพิสูจน์ออกมาได้จริง ๆ หรือ?”ครานี้สีหน้าของฉีจื่อฟู่ดูย่ำแย่ลงโดยสิ้นเชิง จะสามารถพิสูจน์ออกมาได้หรือไม่นั้น? เขาคิดว่า อย่างน้อยในสายตาของหรงจือจือ เขาคงพิสูจน์อะไรออกมาไม่ได้ เพราะตอนนี้ความเกลียดชังที่นางมีต่อเขา แทบจะเขียนอยู่บนใบหน้าแล้วเซิ่ง
เสิ่นเยี่ยนซูกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ข้าคิดว่าสมองของเจ้าน่าจะเพี้ยน”ฉีจื่อฟู่กลับเข้าใจผิด จึงรีบกล่าวว่า “ท่านเสนาบดี ข้าน้อยรู้ว่าตนเองเลอะเลือน และไม่ควรมาหาท่านที่นี่เพื่อพูดถึงเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งตั้งมายมายเช่นนี้ขอรับ”“แต่ไม่ว่าจะอย่างไร สุดท้ายหรงจือจือก็เคยเป็นฮูหยินของข้าน้อย ข้าน้อยกังวลจริง ๆ ว่านางจะทนต่อแรงโจมตีและการทำร้ายไม่ไหว ถึงได้...”เสิ่นเยี่ยนซูหัวเราะเสียงเย็น “แต่ตามที่ข้ารู้มา จนถึงตอนนี้ คนที่ทำร้ายนางมากที่สุด ดูเหมือนจะเป็นเจ้า”ฉีจื่อฟู่สะอึกไป ถึงกับต่อบทสนทนาไม่ได้เล็กน้อย “ข้าน้อย ข้าน้อย...”เขาอ่ำอึ้งอยู่นานมาก ในที่สุดก็ยังคงยืดหลังตรง “แต่ข้าน้อยชอบจือจือด้วยความจริงใจ ส่วนท่านเสนาบดีรู้สึกกับนางแค่ชั่ววูบเท่านั้น เหตุใดท่านต้อง...”เสิ่นเยี่ยนซูขัดจังหวะ “ผู้ใดบอกเจ้า ว่าข้ารู้สึกแค่ชั่ววูบ?”ฉีจื่อฟู่ตกตะลึงในชั่วขณะนั้น พลางมองไปทางเสิ่นเยี่ยนซูอย่างเหลือเชื่อ “หรือว่าความหมายของท่านเสนาบดีคือ...เมื่อก่อนท่านก็ชอบนางแล้ว?”เสิ่นเยี่ยนซูมองเขาอย่างไม่ใส่ใจอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “ก็เพราะเป็นคนอย่างเจ้
เห็นหรงซื่อเจ๋อไม่สนใจตนเอง หรงเจียวเจียวก็เบะปากกล่าว “พี่ชาย ความจริงข้าคิดว่าหรงจือจือแค่กำลังตั้งใจพูดให้คนอื่นตกใจกลัว ส่วนอวิ๋นเสวี่ยเซียวนั่นแค่ข่มขู่ท่านก็เท่านั้น”“พวกเรารออีกหน่อยดีกว่า หลังผ่านไปไม่กี่วันนางพบว่าหาสามีที่ดีกว่าท่านไม่ได้ คิดว่าก็คงจะเสียใจภายหลังเป็นแน่เจ้าค่ะ!”หรงซื่อเจ๋อ “หุบปาก!”เขาแค่เพราะเอาแต่ฟังคำพูดของน้องหญิง ถึงทำให้กลายเป็นเช่นนี้ แล้วนางยังจะบอกว่าตนเองทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก!อีกอย่าง อะไรคืออวิ๋นเสวี่ยเซียวหาสามีที่ดีกว่าไม่ได้ ก็จะกลับมาหาตนเอง? หรือว่าเขาเป็นเพียงตัวเลือกของอวิ๋นเสวี่ยเซียวงั้นหรือ? เดิมทีเขาเป็นตัวเลือกแรก แต่ทั้งหมดเป็นเพราะน้องหญิง ถึงทำให้กลายเป็นเช่นนี้!จู่ ๆ หรงเจียวเจียวกก็ถูกเขาตะโกนใส่ ขอบตาจึงแดงขึ้นมาในทันที “พี่ชาย ท่านจะดุทำไม ทุกอย่างที่ข้าทำไม่ใช่เพื่อท่านหรือเจ้าคะ?”“หากไม่ใช่เพราะใส่ใจท่าน ข้ากับท่านแม่คงไม่คิดแผนการเพื่อท่านมากมายเช่นนี้!”“อีกอย่าง ครั้งก่อนท่านพูดชัดเจนแล้ว ว่าสามารถทำให้หรงจือจือสละการแต่งงานให้ข้าได้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ข้าไม่ได้ตำหนิท่าน แต่ท่านกลับตำหนิข