แต่เฉินเยี่ยนซูกลับพูดว่า “ข้ารู้ว่าช่วงนี้มีพวกที่ไม่ดูตาม้าตาเรือบางคนพูดเหลวไหลต่อหน้าเจ้า บอกว่าข้าเพียงแต่คิดจะแต่งเจ้าเป็นอนุ เป็นบ้านเล็ก”“ที่วันนี้ข้ามอบมันให้เจ้าก็เพื่อให้เจ้าสบายใจ ขณะเดียวกันก็จะได้ทำให้คนเหล่านั้นเงียบปาก เลิกพูดยุแยงให้พวกเราแตกกัน เจ้าเข้าใจหรือไม่?”หรงจือจือผงะเล็กน้อย นางยิ้มว่า “เช่นนั้นก็หมายความว่า ข้ามีแต่ต้องรับกุญแจดอกนี้ใช่หรือไม่?”เฉินเยี่ยนซู “แน่นอน”เซิ่งเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ท่านหญิง ท่านลองพิศกุญแจดอกนี้ให้ดี ท่านราชเลขาธิการสั่งให้คนทำขึ้นเพื่อท่าน”“ท่านราชเลขาธิการต้องทุ่มเทกำลังในการตามหาอัญมณีสีชมพูพวกนั้นเยอะมาก ท่านรีบรับไว้เถิด”“มิเช่นนั้น ให้พ่อบ้านของพวกข้าเก็บกุญแจสีชมพูเช่นนี้คงดูประหลาดชอบกล ท่านเห็นด้วยหรือไม่?”ครานี้ หรงจือจือเข้าใจแล้วว่ารูปลักษณ์เดิมของกุญแจไม่ใช่แบบนี้ แต่มันเป็นแบบนี้เพราะถูกสั่งทำขึ้นโดยเฉพาะในเมื่อพวกเขาพูดถึงขั้นนี้ นางลังเลอีกครู่หนึ่งก่อนจะยอมรับไว้ในที่สุด “ก็ได้ ข้าจะเก็บเจ้าสิ่งนี้เอาไว้ก่อน”หากจะใช้งานจริงๆ นางก็จะรอจนตัวเองแต่งงานเข้ามาแล้วค่อยใช้งานเฉินเยี่ยนซูได้ยินนางต
ลมหายใจอุ่นร้อนของบุรุษอยู่ใกล้แค่คืบ มือเรียวยาวปิดลงที่ดวงตาของนาง ผิวของทั้งสองสัมผัสเข้าด้วยกันหรงจือจือชะงักงันไปครู่หนึ่ง รู้สึกเขินอายเล็กน้อยใบหน้าร้อนผะผ่าวโดยไม่รู้ตัวหลังจากที่เฉินเยี่ยนซูลงมือกระทำสิ่งนี้เสร็จเรียบร้อยก็ชะงักงันเช่นกัน รู้ตัวว่าชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน อย่างไรพวกเขาก็ยังไม่แต่งงานกัน ไม่สมควรมีการสัมผัสทางกายเช่นนี้เขารีบถอนมือตัวเองกลับ ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำจนแทบจะเป็นสีโลหิต “ขออภัย ท่านหญิง! ข้า…ข้าล่วงเกินแล้ว”หรงจือจือรู้สึกว่า ทั่วทั้งราชสำนักคงมีแค่เฉินเยี่ยนซูที่มีท่าทีลนลานแบบนี้แต่ความจริงแล้วอาการของนางก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ย่อมไม่กล้าที่จะหัวเราะอีกฝ่ายนางตอบกลับว่า “ไม่เป็นไร” ด้วยใบหน้าแดงก่ำและใจที่เต้นระรัว จากนั้นละสายตามองไปทางด้านนอกด้วยความสงสัย อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอกกันแน่? ราชเลขาธิการเฉินถึงได้ลนลานถึงขั้นลงมือปิดตานางโดยไม่ได้สนใจอะไรเมื่อเห็นนางมองไปทางด้านนอกเฉินเยี่ยนซูก็หลับตาลงด้วยความสิ้นหวังเนื่องจากกังวลเรื่องธรรมเนียมมารยาท เขาจึงไม่ทันได้ห้ามไม่ให้นางมองทุกอย่างด้านนอกภายในใจเริ่มขุ่นแค้นคนใ
ครานี้เซิ่งเฟิงไม่ได้พูดแทรก เพราะเขารู้ว่าท่านราชเลขาธิการกลัวว่า หรงจือจือรู้ความรู้สึกของเขาแล้วจะไม่กล้าแต่งงานเฉินเยี่ยนซูพาหรงจือจือไปดูรอบๆหรงจือจือค่อยๆ เข้าใจเจตนาของเขา “วันนี้ท่านเชิญข้ามา เพราะอยากดูว่าข้าพอใจกับทุกอย่างในจวนราชการเลขาธิการหรือไม่สินะเจ้าคะ?”ก่อนหน้านี้ก็ให้นางมาดูเรือนที่ตัวนางจะอยู่ในอนาคตว่าเป็นอย่างไร ส่วนวันนี้ก็ให้ดูทุกอย่างในจวนราชเลขาธิการเฉินเยี่ยนซู “ถูกต้อง เพราะนี่เป็นที่ที่เจ้าต้องอยู่ในอนาคต”เขาไม่อยากให้นางมีจุดที่ไม่พอใจแม้แต่นิดเดียว หากมีก็จะรื้อแล้วสร้างใหม่ทันที ทำในตอนนี้ตอนที่ทุกอย่างยังทันการอยู่หรงจือจือไม่ได้ปฏิเสธอะไร นางย่อตัวแล้วพูดว่า “ลำบากท่านราชเลขาธิการแล้ว จือจือขอบคุณท่านมาก โครงสร้างและการตกแต่งภายในจวนราชเลขาธิการล้วนแล้วแต่สง่างาม ไม่มีอะไรต้องแก้ไขเจ้าค่ะ”เฉินเยี่ยนซูช่างเป็นสุภาพบุรุษโดยแท้แม้จะไม่ได้แต่งงานกับนางเพราะความชอบพอ แต่เจ้าก็ให้เกียรติและเคารพนางอย่างดีที่สุดจากนั้น เฉินเยี่ยนซูพาหรงจือจือไปที่หน้าคลังของจวนราชเลขาธิการต่อ ไม่จำเป็นต้องให้เขาสั่งอะไร พ่อบ้านหวงก็เปิดประตูให้แล้วเมื่อห
รอยยิ้มบนใบหน้านางกงซุนนิ่งค้างไปทันทีที่ได้ยินเซี่ยฮูหยินคิดไว้อยู่แล้วว่าการพูดเรื่องนี้จะทำให้นางกงซุนไม่พอใจ แววตานางมีรอยยิ้มเผยออกมาแต่นึกไม่ถึงว่าคำพูดแรกที่ออกจากปากนางกงซุนจะเป็น “เซี่ยฮูหยิน นี่เจ้าดูจะไม่รู้กฎเกณฑ์ไปหน่อยหรือไม่?”ใบหน้าของเซี่ยฮูหยินกระตุก ในเมื่อต้องใช้งานนางกงซุน เช่นนั้นย่อมล่วงเกินอีกฝ่ายไม่ได้รีบปั้นหน้ายิ้มว่า “พี่หญิงคนดี ท่าน…เหตุใดจึงพูดเช่นนี้หรือ?”นางกงซุนพูดอย่างไม่รีบร้อน “แม้ข้าจะอายุมากกว่าเจ้าไม่มาก แต่เจ้ามีสถานะอะไร? เจ้ามีศักดิ์เป็นป้าของฮ่องเต้ ส่วนข้ามีสถานะอะไร? บุตรชายของข้าเป็นราชเลขาธิการของฮ่องเต้”“นับดูแล้ว ข้าก็สูงกว่าท่านขั้นหนึ่ง แต่ท่านกลับเรียกข้าว่าพี่หญิง ไม่รู้ความบ้างเลยหรือ?”เซี่ยฮูหยินเกือบสำลักตายกับคำพูดของนางกงซุนนางได้ยินมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่านางกงซุนไม่ใช่คนที่จะคบหาง่าย นางทั้งดุร้าย ชอบเอาเปรียบและเจ้าแผนการ บุตรชายที่สง่างามและเที่ยงตรงแบบราชเลขาธิการจึงดูไม่เหมือนคนที่จะให้กำเนิดโดยนางในที่สุดตอนนี้ก็เข้าใจแล้ว!ถ้อยคำในวันนี้ หากเป็นฮูหยินคนอื่นแล้วล่ะก็ ต่อให้จะไม่พอใจเพียงใดก็จะไม่มีทา
ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินเยี่ยนซูแดงระเรื่อเล็กน้อย เขาตอบเสียงเรียบ “นางบอกว่าวันนี้ไม่ว่าง แต่สุดท้ายก็มา…”เซิ่งเฟิงเข้าใจความหมายในคำพูดของเจ้านายตัวเอง เขาพูดคาดเดาไปว่า “ดังนั้น ไม่แน่ว่าภายในใจท่านหญิงจะมีท่านใช่หรือไม่? ด้วยเหตุนี้จึงปลีกตัวจากธุระอันยุ่งเหยิงเพื่อมาพบท่าน?”เฉินเยี่ยนซูกระแอมไอเบาๆ ครานี้แม้แต่ใบหูก็กลายเป็นสีแดง พูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “พูดเหลวไหลอะไร? ข้าไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น”เซิ่งเฟิง “…”เหอะๆ หากไม่ได้คิด เช่นนั้นเหตุใดแววตาซึ่งปกติแล้วราบเรียบเย็นชาของท่านจึงเจือด้วยความตื่นเต้นดีใจเช่นนี้เล่า? นอกจากนี้ ใบหูกับใบหน้าของท่านกำลังแดงด้วยเรื่องอะไร?ท่านราชเลขาธิการของเขาที่ช่างรู้จักเขียนเรื่องราวความรักให้ตัวเองจริงๆ……หรงจือจือรอเพียงไม่นานก็เห็นเฉินเยี่ยนซูผู้มีรูปร่างสูงสง่าเดินเข้ามาในชุดขนจิ้งจอก ใบหน้าหล่อเหลาเจือด้วยรอยยิ้มนางประหลาดใจเล็กน้อย กรมขุนนางไม่ได้อยู่ใกล้จวนราชเลขาธิการขนาดนั้น ตามหลักแล้วไม่น่าจะกลับมาไวแบบนี้มีหรือจะรู้ว่านี่เป็นผลลัพธ์จากการที่รองเท้าของเซิ่งอวิ๋นแทบจะมีควันขึ้น และรถม้าของจวนราชเลขาธิการก็วิ่งจนฝุ่นตลบ?หร
ตามหลักแล้ว เจาซีไม่มีทางกล้าพูดถ้อยคำเช่นนี้ออกมาหน้าจวนราชเลขาธิการอย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้นางน้อยใจแทนคุณหนูจริงๆเดิมทีคนสกุลฉีก็สงสัยอยู่แล้วว่าท่านราชเลขาธิการต้องการให้คุณหนูของนางเป็นอนุ บัดนี้ท่านราชเลขาธิการยังจะปฏิบัติต่อคุณหนูอย่างไม่ใส่ใจเช่นนี้อีก ทั้งที่เป็นฝ่ายเชิญคุณหนูมาเองแท้ๆ แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ที่จวนผู้ใดจะไม่โมโหบ้างกัน?หัวคิ้วของหรงจือจือขยับเล็กน้อย หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ นางคงหันตัวกลับด้วยความไม่พอใจไปแล้ว แต่นี่เป็นเฉินเยี่ยนซู…นางรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกประหลาดเล็กน้อยเขาดูไม่เหมือนคนที่นัดตัวเองแล้วจะผิดคำพูดพ่อบ้านหวงได้ยินดังนี้ก็รีบพูด “นี่…ท่านหญิง ท่านอย่าเพิ่งรีบกลับ หากท่านกลับไปเช่นนี้ ประเดี๋ยวท่านราชเลขาธิการแล้ว บ่าวคงได้ถูกลงโทษ!”วันนี้ว่าที่นายหญิงของพวกเขาอุตส่าห์มาทั้งที หากเขาปล่อยให้อีกฝ่ายกลับไปง่ายๆ หากไม่ใช่การละเลยหน้าที่แล้วจะเป็นอะไร?หรงจือจือยิ้มแล้วตอบกลับอย่างราบเรียบ “ได้ ข้าเช่นนั้นข้าจะเข้าไปรอท่านราชเลขาธิการด้านใน”เจาซีมองคุณหนูของตัวเองด้วยสงสัย……หลังจากที่พาหรงจือจือเข้าไปในจวน พ่อบ้านหวงก็รีบสั่งให้เซิ่งอว
คนเฝ้าประตูเข้ามารายงาน “คุณหนู ท่านราชเลขาธิการให้คนมาแจ้ง เชิญท่านไปพบที่จวนพรุ่งนี้เช้า”หรงจือจือ “แจ้งให้ท่านพ่อทราบแล้วหรือยัง?”คนเฝ้าประตู “แจ้งแล้วขอรับ นายท่านให้บ่าวมาถามคำตอบจากท่าน”หรงจือจือ “ข้ารู้แล้ว บอกคนของจวนราชเลขาธิการไปว่า ข้าจะไปพบในวันพรุ่งนี้”คนเฝ้าประตู “ขอรับ”คนเฝ้าประตูเดินกลับออกไป ขณะที่เดินผ่านระเบียงทางเดิน เขาได้พบกับหรงเจียวเจียวพอดีหรงเจียวเจียวเห็นว่าเขาเดินมาจากทิศใดก็ถาม “เจ้าไปทำอะไรที่เรือนอี่เหมย?”คนเฝ้าประตูตอบตามความจริงหรงเจียวเจียวหน้าบึ้ง “ข้ารู้แล้ว! จริงสิ ที่ห้องข้ามีกล้วยไม้เฉาตายกระถางหนึ่ง กระถางหนักมาก สาวใช้หลายคนช่วยกันยกแต่ก็ยกไม่ไหว เจ้าช่วยขนไปทิ้งให้ข้าที”คนเฝ้าประตู “นี่…แต่ว่าคนจากจวนราชเลขาธิการกำลังรอให้บ่าวนำคำตอบไปให้อยู่ที่ด้านนอกนะขอรับ!”หรงเจียวเจียวพูดอย่างไม่ยี่หระ “ไม่เป็นไร ข้าจะให้คนไปช่วยตอบให้แทน บอกว่าพี่หญิงจะไปพบใช่หรือไม่?”คนเฝ้าประตูพยักหน้า “ใช่ขอรับ”หรงเจียวเจียว “ได้ ข้ารู้แล้ว”คนเฝ้าประตูขานรับแล้วไปยกกระถางดอกไม้ด้วยความสงสัย ตามหลักแล้วควรให้เด็กรับใช้เป็นคนทำหน้าที่นี้ เหตุใดจ
ฉีอวี่เยียนโกรธจนหน้าเขียว “เจ้าคนชั้นต่ำ! เจ้าพวกคนชั้นต่ำที่สมควรตาย รู้หรือไม่ว่าพี่ชายข้าเป็นผู้ใด?”“พี่ชายของข้ายังคงดำรงตำแหน่งขุนนางขั้นหกอยู่นะ พวกเจ้าทำร้ายคนของราชสำนักเช่นนี้ อยากตายใช่หรือไม่!”ชาวบ้านพวกนั้นฟังแล้วไม่เพียงไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่ยังพูดเย้ยหยัน “ตายจริง พวกข้าหวาดกลัวเหลือเกิน รีบบอกให้พี่ชายเจ้ามาจับพวกข้าไปสิ!”“แต่พวกข้ามีกันเยอะขนาดนี้ เกรงว่าห้องขังในเมืองหลวงคงจะจุได้ไม่พอกระมัง?”กฎหมายไม่อาจเป็นผลเมื่อใช้กับคนหมู่มาก นี่เป็นสัจธรรมที่อยู่มาตั้งแต่ยุคผานกู่เมื่อบรรดาชาวบ้านพูดแบบนี้ก็ยิ่งฮึกเหิมขึ้นไปอีกฉีอวี่เยียน “คนชั้นต่ำ พวกเจ้ามัน…”ฉีจื่อฟู่ทนไม่ไหวแล้ว ยื่นมือไปปิดปากนาง “พอแล้ว! เจ้า…แค่กๆๆ เจ้าเลิกพูดได้แล้ว!”พูดต่อไปก็รังแต่จะยั่วโมโหชาวบ้านพวกนี้เปล่าๆสายตาที่เขามองไปยังราชเลขาธิการตอนนี้ราวกับอาบยาพิษ เขามีหรือจะไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเฉินเยี่ยนซู อีกฝ่ายต้องการให้เขาอับอายขายหน้ามิเช่นนั้นมันจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร แค่มีชาวบ้านกลุ่มใหญ่เดินผ่านมาก็แปลกมากพออยู่แล้ว นี่พวกเขายังจะพกของสกปรกสำหรับขว้างปาใ
ฉีจื่อฟู่มองเสิ่นเยี่ยนซูอย่างตั้งใจ และพยายามหาหลักฐานการโกหกที่อยู่บนใบหน้าของอีกฝ่าย แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นเพียงความโปร่งใสเท่านั้นฉีจื่อฟู่กัดฟันกล่าว “ดังนั้นท่านเสนาบดีอยากจะบอกว่า แม้ท่านจะรักและชื่นชมนาง แต่หลายปีมานี้ก็ไม่เคยมีการกระทำที่เกินขอบเขตเลยงั้นหรือขอรับ?”เสิ่นเยี่ยนซูไม่ตอบ แต่กลับกล่าวเพียงแค่ว่า “นางกับข้า ต่างก็เป็นคนรักษามารยาท และซื่อสัตย์”ฉีจื่อฟู่จะฟังไม่เข้าใจได้อย่างไร ว่าเสิ่นเยี่ยนซูกำลังบอกว่า มีเพียงตนเองที่ไร้ยางอาย ถึงจะสามารถพูด และเกิดความสงสัยอย่างน่าเหลือเชื่อเช่นนั้นออกมาได้ ฉีจื่อฟู่กำลังจะยืนกรานว่าตนเองไม่เชื่อแต่เสิ่นเยี่ยนซูยังพูดอีกว่า “เจ้าพูดอยู่ตลอด ว่าเจ้าชอบนางจริง ๆ แต่เมื่อเจ้ามาถึงจวนของข้า ทุกการคาดเดาของเจ้า ล้วนเป็นการดูถูกนาง” “ฉีจื่อฟู่ เจ้าคิดว่าความชอบของเจ้า สามารถพิสูจน์ออกมาได้จริง ๆ หรือ?”ครานี้สีหน้าของฉีจื่อฟู่ดูย่ำแย่ลงโดยสิ้นเชิง จะสามารถพิสูจน์ออกมาได้หรือไม่นั้น? เขาคิดว่า อย่างน้อยในสายตาของหรงจือจือ เขาคงพิสูจน์อะไรออกมาไม่ได้ เพราะตอนนี้ความเกลียดชังที่นางมีต่อเขา แทบจะเขียนอยู่บนใบหน้าแล้วเซิ่ง