"แล้วยังมีอีกนะเพคะบางครั้งยามที่ฝ่าบาทนั้นเข้ามาใกล้ชิดหัวใจของเมี่ยวเมี่ยวนั้นพลันเต้นแรงจนเจ็บหน้าอกไปหมด เนี่ยเพคะ อาการที่เมี่ยวเมี่ยวเป็นมาหลายวัน สับสนยิ่งนัก ไม่รู้ว่าตนเองป่วยด้วยโรคอันใดศึกษาการแพทย์มาสิบกว่าปีล้วนไม่เคยพบอาการดังกล่าวมาก่อน แต่ระหว่างทางมาที่ทุ่งดอกปี้อานฮวาเมี่ยวเมี่ยวคิดตกแล้ว ประเดี๋ยวกลับไปเมี่ยวเมี่ยวจะไปพบท่านหมอผู้เฒ่าเพคะ"คนซื่อตรงกับคนซื่อบื้อนี้บางทีซ่างกวนโทวก็แยกไม่ออกเช่นกัน โดยเฉพาะกับจีเมี่ยวหลัว คนนี้ไม่อาจทราบได้ว่านางไร้เดียงสาเกินไปจนไม่รู้ว่าอาการที่นางกล่าวออกมาเรียกว่าเขินอายและหวั่นไหว หรือนางซื่อบื้อจนไม่เข้าใจและรู้จักรอารมณ์เขินอายของตนเองกันแน่แต่เขาแน่ใจจีเมี่ยวหลัวนั้นนางไม่ใช่คนโง่…ออกจะฉลาดมากด้วยซ้ำ หาไม่นางคงไม่สามารถศึกษาวิชาแพทย์ได้ หรือบางทีคนเราฉลาดเกินไปเลยไม่เข้าใจอารมณ์พื้นฐานทั่วไปเช่นสตรีปกติ"เจ้าไม่ได้ป่วยหรอก"ซ่างกวนโทวแอบส่งสัญญาณให้ทุกคนออกไปไกลอีกหน่อย เพราะตนเองอยากได้เวลาส่วนตัวยิ่งกว่านี้ แน่นอนว่าจีเมี่ยวหลัวไม่ทันสังเกตเห็น นางรีบเงยหน้าขึ้นมองฉางตี้ฮ่องเต้เพราะเกิดสงสัยอีกฝ่ายไม่ได้เป็นหมอแล้วเขาจะทร
แต่จะแปลกอันใด ในเมื่อสตรีในอ้อมแขนของเขาขณะนี้ทั้งชีวิตนางมักชอบอยู่แต่กับศพคนตาย ขนาดคิดทำการค้ายังจะขายโลงศพ ดังนั้นหากสถานที่ซึ่งนางชอบจะเป็นทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่ไพศาลนี้จะเป็นดอกไม้แห่งความตายในสุสานผู้อื่นอาจจะมองว่าสถานที่แห่งนี้ทั้งน่ากลัวและวังเวง หากในความรู้สึกของจีเมี่ยวหลัวนั้นคงมองว่าทั้งงามและสงบสุขก็เป็นไปได้สถานที่ซึ่งพิเศษของนางหากซ่างกวนโทวเข้าใจไม่ผิด"งดงามหรือไม่เพคะ?"นางเอ่ยถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองสบตากับเขา ซ่างกวนโทวถึงกับหายใจสะดุด จีเมี่ยวหลัวเป็นสตรีที่ยิ่งอยู่ใกล้จะยิ่งแลเห็นความงามของนาง งามเพ่งพิศ คงเหมาะสมกับนางเป็นที่สุด จะอวบหรือผอมบอบบาง สตรีผู้นี้ก็งดงามได้ในแบบของนางเสมอ"งดงามสิ งดงามมากทีเดียวละ"คำตอบนี้คงมีแต่ซ่างกวนโทวเท่านั้นที่กระจ่างว่าเขาหมายถึงคนหรือทุ่งดอกไม้ในสุสานที่งดงาม ดอกไม้จะเป็นดอกไม้ป่าหรือดอกไม้สูงค่าล้วนมีความในแบบของพวกมัน เช่นกันจีเมี่ยวหลัวก็งดงามในแบบของนาง"ใช่หรือไม่ เมี่ยวเมี่ยวคิดแล้วว่าฝ่าบาทจะต้องชื่นชอบ เพราะดอกปี้อานฮวานี้เหมือนปานที่หลังมือของฝ่าบาทเลย ปีศาจดำคงหมายถึงปานของฝ่าบาทใช่หรือไม่"กล่าวไปจีเมี่ยวหลัว
ระหว่างควบม้าติดตามสาวใช้ของจีเมี่ยวหลัว ซ่างกวนโทวก็ทบทวนสิ่งที่ตนเองนั้นปฏิบัติกับนางไปด้วย เขาทบทวนว่าแท้จริงเขากดดันอันใดจีเมี่ยวหลัวมากเกินไป นางจึงหลบหนี แต่ก็คิดไม่ออก จึงตัดสินใจว่าหากพบหน้าเขาจะถามนางอย่างตรงไปตรงมาคงดีที่สุด ถึงจะเป็นฮ่องเต้อยู่เหนือผู้คนแต่เขาก็มิใช่เทพเซียน ย่อมไม่อาจหยั่งรู้ความในใจของใครได้ดังนั้น หากเขาอยากรู้ก็มีแต่ต้องเอ่ยปากเท่านั้น"ที่นี่หรือ"ซ่างกวนโทวที่ควบม้าติดตามสองสาวใช้มาจนถึงสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเมืองอิ๋งโจว"เพคะ หากมีเรื่องไม่สบายใจ คุณหนูลิ่วจีมักจะมาที่นี่"เป็นจางลี่ที่ตอบ ส่วนเสี่ยวม่านนั้นลงจากหลังม้าเดินนำหน้าเข้าไปภายใน โดยมีกุ้ยไป๋ติดตามเข้าไปด้วย ซ่างกวนโทวเองก็ลงจากหลังอาชาของตนเองเช่นกันพอก้าวเท้าเข้ามาภายในไม่ต้องกล่าวมากย่อมรู้สถานที่แห่งนี้คือโกดังเก็บโลงศพซึ่งประกอบเสร็จแล้ว เสี่ยวม่านเดินไปหยุดที่โลงใบหนึ่ง นางส่งสายตาว่าจีเมี่ยวหลัวนายหญิงของตนเองอยู่ด้านในแน่นอน"พวกเจ้าออกไปรอเจิ้นที่ด้านนอกก่อน"ซ่างกวนโทวก้าวเดินไปยืนที่ด้านข้างโลงศพดังกล่าวจึงค่อยแลเห็นชัดเจนว่าฝาโลงนี้ไม่ได้ปิดสนิทจึงกระจ่างเหตุใดเสี่ยวม่านน
"หนีไปแล้ว!""...""..."พอซ่างกวนโทวที่มีงานราชการด่วนตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมาให้ต้องจัดการแต่ช่วงบ่ายวันนี้เขาได้จัดการสะสางจนเรียบร้อยเลยรีบมาพบหน้าคนหน้าสตรีที่ตนเองพยายามเกี้ยวพานางอยู่ แต่กลับต้องมาพบว่าภายในห้องนั้นว่างเปล่าด้านนอกก็ไม่เห็นเตรียมออกตามหาก็พอดีพบเข้าจีม่อชงและจีหย่วนโจวกับสาวใช้ของจีเมี่ยวหลัว ยังไม่ทันเอ่ยปากถามว่าคนป่วยหายไปที่ใดก็ได้ฟังทั้งสี่ชีวิตบอกว่าจีเมี่ยวหลัวหนีไปแล้ว"แล้วนางหนีไปที่ใด ไม่สินางหนีไปนี่นะพวกเจ้าย่อมไม่ทราบ ถามใหม่ เหตุใดนางจึงหนีไป"เรือนกายสูงใหญ่นั้นยกมือสองข้างเท้าเอวสอบใบหน้าก็เริ่มดำคล้ำขึ้นทุกขณะ แม้แต่จีม่อชงที่อายุมากกว่าและเป็นดังพี่ใหญ่ของทุกคนยังอดจะขนลุกขึ้นมาไม่ได้ปีศาจดำมีโทสะแล้วจริงๆ"คะ...คุณหนูลิ่วจีกล่าวว่านางเบื่อเพคะ"เสี่ยวม่านจำใจต้องกล่าวออกมา เมื่อจางลี่หวาดกลัวจนไม่กล้าเอ่ยปาก"เบื่อ?""เพคะ คุณหนูของพวกหม่อมฉันบ่นว่าเบื่อที่ถูกกักขังให้อยู่แค่ในตำหนัก นางอยากออกไปข้างนอก อยากออกไปดูร้าน ออกไปด้านนอก แต่เอ่อ...ฝ่าบาทกับใต้เท้าซานจีและนายท่านต้าจีล้วนไม่ฟังคำนาง นางก็เลยหนีไปเพคะ"ให้ตายเสี่ยวม่านก็ไม่กล้ากล่า
จากวันนั้นที่ปีศาจดำยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าเขานั้นจะเกี้ยวพาตนเองนี่ผ่านมาแล้วถึงเจ็ดวัน ฉางตี้ฮ่องเต้หรือปีศาจดำแห่งต้าเซี่ยคนนั้นก็ไม่เคยคิดจะหยุดพัก เขาเสนอหน้ามาพบนางไม่ใช่แค่สามเวลาหลังอาหารแต่เขาเล่นโผล่มาเกี้ยวพานางแทบจะทุกหนึ่งชั่วยาม!นางอยากจะเสียสติ!แถมนอกจะขยันโผล่มาเกี้ยวพานางอยากเปิดเผยแล้วพี่ชายทั้งสองที่สมควรจะปกป้องนางและหวงแหนน้องสาวที่เหลือเพียงผู้เดียวเช่นนางยังคล้อยจะรู้เห็นเป็นใจให้ปีศาจดำอีกด้วย เกินไปแล้ว เกินไปมาก ปีศาจดำผู้นั้นช่างเกินจนล้นไปแล้วนะ!"ไม่ต้องประคองแล้ว"จีเมี่ยวหลัวเอ่ยกับเสี่ยวม่าน เพราะตนเองรู้สึกเบื่อเต็มทนที่ต้องคอยถูกใครต่อใครประคบประหงมราวกับสตรีอ่อนแอ ในชีวิตของคุณหนูลิ่วจีที่รับไม่ได้ก็คือตนเองกลายเป็นสตรีบอบบางนี่แหละ ช่วงนี้นอกจะปวดหัวกับปีศาจดำหน้าทนแล้ว จีเมี่ยวหลัวนั้นจะจะต้องเบื่อหน่ายกับการถูกพี่ชายทั้งสองของตนเองทะนุถนอมราวกับเป็นหยกชิ้นบางหากไม่ระวังก็อาจจะแตกสลายหายไปกับอากาศได้อย่างไรอย่างนั้น"คุณหนูจะไปที่ใดเจ้าค่ะ"จางลี่รีบร้องถามในยามที่เห็นคุณหนูลิ่วจีเริ่มมุ่งหน้าเดินออกไปไกลจากลานด้านข้างห้องพัก จีเมี่ยวหลัวนั้น
วอาการจับไข้หนักจากแผลอักเสบติดเชื้อนี้ก็เล่นงานจีเมี่ยวหลัวอยู่ถึงหกวันหกคืนเต็มซึ่งตลอดเวลาช่วงความเป็นความตายนี้ นางหลับสลับตื่นแต่ก็มีแต่ใบหน้าของบุรุษสามคนที่หมุนเวียนคอยเรียกให้กลับมากับบอกให้นางอดทนถึงจะทุกข์ทรมานเพียงใดเกือบจะจมดิ่งสู่ห้วงเหวดำมืดคราวใดก็จะมีเสียงของบุรุษเรียกนางเอาไว้เสมอคราวใดจีเมี่ยวหลัวคล้ายจะจมดิ่งก็จะถูกฉุดดึงเอาไว้จนสุดท้ายนางจึงผ่านมาได้ สุดท้ายหนังตาที่หนักอึ้งราวกับถูกลูกตุ้มขนาดยักษ์ถ่วงเอาไว้ก็สามารถลืมขึ้นได้เสียที"ต้าเกอ ซานเกอ..."ภาพที่จีเมี่ยวหลัวเห็นเป็นสิ่งแรกนอกจากเพดานห้องก็คือใบหน้าของบุรุษสองคนที่ตนเองคุ้นเคยมาตั้งแต่จำความได้ คิ้วเรียวจึงยับย่นเล็กน้อยเพราะในห้วงแห่งความเจ็บปวดนั้นหญิงสาวแน่ใจว่าตนเองได้ยินเสียงของปีศาจดำรวมอยู่ด้วย"ฝ่าบาทเพิ่งออกไปเมื่อครู่ใหญ่ เป็นอย่างไรบ้าง ซานตี้เจ้าไปเรียกท่านลุงหมอมาเร็วเข้าแจ้งกับเขาว่าเมี่ยวเมี่ยวตื่นแล้ว"ตลอดหกวันหกคืน จีเมี่ยวหลัวไม่ใช่ว่าไม่ตื่นขึ้นมาเพียงแต่นางตื่นขึ้นมาอย่างเหม่อลอย และขาดสติ คงจดจำอันใดได้น้อยมากจีม่อชงจึงรีบให้น้องชายของตนไปเรียกท่านหมอชรามาดูอาการของจีเมี่ยวหลัวทันที