ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างก็มารวมตัวกันพร้อมหน้า รวมถึงตัวเจ้าบ่าวด้วย เจ้าบ่าวที่ยังนอนอยู่บนเตียงในสภาพยับเยินเกินบรรยายที่มาพร้อมกับหมอคอยดูอาการ เห็นแล้วจีเมี่ยวหลัวก็เหยียดริมฝีปากอวบอิ่มคล้ายดูถูก
"ฝ่าบาทต้องคืนความเป็นธรรมให้กับสกุลหยวนของพวกเรานะเพคะ ดูสิเพคะ สตรีแซ่จีช่างป่าเถื่อนยิ่งนัก ซ้อมทายาทของจวนเว่ยกั๋วกงของพวกเราจนเป็นเช่นนี้"
ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยวนรีบออกหน้าแทนหลานชายที่นางรักมากที่สุดทันที เมื่อผู้คนพร้อมหน้า ซ่างกวนโทวฟังแล้วคิ้วขมวด แต่ไม่พูดอันใด แต่ถึงเขาไม่พูดสักคำทุกคนต่างรู้แจ้งฝ่าบาทไม่คิดจะเข้าข้างญาติผู้น้องของเขาแน่นอนในกรณีนี้หากใครไม่ตาบอดย่อมเห็นใจฝ่ายเจ้าสาวมากกว่า แล้วฉางตี้ฮ่องเต้เป็นคนโง่หรือเขาจึงจะมองไม่ออกว่าใครผิดใครถูก
"ฮูหยินผู้เฒ่าหยวนคงผิดแล้ว ที่ต้องคืนความเป็นธรรมย่อมเป็นสกุลจีของพวกเรา หมั้นหมายหกปีกว่าจะได้ตบแต่ง แต่พอแต่งเข้ามาแล้วคุณชายใหญ่หยวนเค่อเจวี๋ยนั้นกลับซุกซ่อนอนุภรรยานอกจวนพร้อมบุตรชายถึงสองคน นี่คือยุติธรรมหรือ? "
จีไท่เวย หรือจีม่อชง บุรุษหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดปี ผู้บัญชาการหน่วยอวี้หลินที่ขึ้นตรงกับฉางตี้ฮ่องเต้เพียงผู้เดียว กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าโกรธแค้นอยู่แปดส่วนอยากตบยายเฒ่าปากปีจออีกสองส่วน น้องสาวของเขา เลี้ยงดูมาจนถึงวันนี้สิบแปดปีไม่เคยทำให้จีเมี่ยวหลัวเสียใจ แล้วไอ้คุณชายใหญ่หยวนมันกล้าดีอย่างไร นอกจากทำเรื่องหลอกลวงไม่พอยังตบหน้าจนจีเมี่ยวหลัวแก้มบวมไปครึ่งซีก
หากไม่ติดว่าบัดนี้มีฉางตี้ฮ่องเต้นั่งอยู่ตรงตำแหน่งเจ้าบ้าน เขาคงลุกขึ้นไปกระทืบไอ้ตัวบัดซบหยวนเค่อเจวี๋ยจนไส้ทะลักแล้วซ้ำอีกเป็นแน่ ดีไม่ดีเขาคงได้เอามันชำแหละเนื้อให้สุนัขกินก็เป็นไปได้!
ฝ่ายของซ่างกวนโทวนั้นบัดนี้ใช้มือหนึ่งรองศีรษะอีกมือถือจอกสุรา มองดูความครื้นเครงตรงหน้าเงียบๆ กวาดสายตามองบรรยากาศในท้องโถงแล้วมุมปากแกร่งก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา นับว่าคึกคักดังว่า สนุกกว่าดูงิ้วเสียอีกช่วงนี้กำลังเบื่อหน่ายขุนนางที่รบเร้าให้แต่งตั้งฮองเฮาอยู่พอวันนี้วันนี้นับว่าออกจากวังไม่เสียเที่ยวแล้วจริงๆ
"แต่นางทุบตีเว่ยกั๋วกงซื่อจื่อที่เป็นสามี ภรรยาที่ดีสมควรแล้วหรืออ๋อ หรือคนสกุลจีอบรมสั่งสอนบุตรสาวกันเช่นนี้!"
ฮูหยินผู้เฒ่าหยวนยอมรับไม่ได้จริงๆ หลานชายของนางเลี้ยงมากับมือ ไม่เคยตีสักแปะ คุณหนูลิ่วจีผู้นี้กล้าดีอย่างไรกัน! บังอาจทุบตีหลานชายสุดที่รักของนางได้อย่างไร คนสกุลจีไม่ธรรมดาแล้วสกุลหยวนนี้ใครคิดจะรังแกก็รังแกได้ง่ายๆ หรือ?
"ก็มิใช่ว่าซื่อจื่อเค่อเจวี๋ยต่ำทรามก่อนหรือไรหลอกลวงให้น้องสาวเปิ่นกวนรอถึงสามปีแต่พอแต่งงานยังไม่ทันข้ามวันกลับมีลูกและสตรีนอกจวนโผล่ขึ้นมา น้องสาวของเปิ่นกวนทุบตีเพียงเท่านี้นับว่าสถานเบาแล้ว หากนางเผาจวนเว่ยกั๋วกงนั้นจึงนับว่าเกินไปหึ!"
จีไท่เว่ยปกติเป็นชายหนุ่มไม่ถือยศถือศักดิ์หากแต่วันนี้ถึงกับยกตนเป็นเปิ่นกวน (ตัวข้าขุนนางผู้หนึ่ง) จีเมี่ยวหลัวย่อมรู้พี่ชายใหญ่ของตนนั้นโกรธจนพร้อมสังหารคนได้แล้วจริงๆ
"อ๋อ หากจะกล่าวว่าสกุลจีอบรมบุตรสาวไม่ดี แล้วสกุลหยวนทำได้ดีเช่นนั้นหรือ สตรีคือเพศแม่ ตบตีสตรีบุรุษที่ดีล้วนไม่ทำ ผู้เป็นถึงทายาทเว่ยกั๋วกงแค่แต่งงานวันแรกก็ตบตีภรรยามิทราบว่าเหล่าฮูหยินหยวนอบรมสั่งสอนหลานชายมาอย่างไรกันแน่"
ด่าทอสกุลจีมาจีม่อชงย่อมต้องด่าสกุลหยวนของมันกลับไปต่อให้เป็นสกุลหยวนที่เป็นสกุลเดิมของมารดาของฉางตี้ฮ่องเต้เขาก็จะด่า น้องสาวของเขาใครจะมาแตะต้องไม่ได้ยังดีว่าเขาแค่ด่ากลับไม่ลุกไปตบปากหญิงชราปากปีจอเข้าให้ก็นับว่าเขายังยำเกรงปีศาจดำมากแล้ว
"ก็แค่มีสตรีนอกจวนมิใช่หรือไร จะผิดอันใดนักหนา น้องสาวของจีไท่เว่ยต่างหากที่ใจคอคับแคบบุรุษคนใดบ้างไม่มีสตรีบำเรอหรืออนุภรรยาแม้แต่ฝ่าบาทก็ยังมีพระสนมมากมาย"
ยังเป็นฮูหยินผู้เฒ่าหยวนที่ผูกขาดการเจรจาแต่เพียงผู้เป็น เว่ยกั๋วกงกับฮูหยินของเขาต่างนั่งปิดปากเงียบ เพราะมัวแต่สนใจสีหน้าของฉางตี้ฮ่องเต้นั่นเอง
"แค่สตรีนอกจวนใครก็คงยอมรับได้ แต่นี่ให้เมี่ยวเมี่ยวของเปิ่นกวนยอมรับบุตรชายที่เกิดจากสตรีนอกจวนมาเป็นบุตรของตนเอง นี่ไม่นับว่าหยามหน้าสกุลจีมากไปหรือ หากวันหน้าเมี่ยวเมี่ยวของเปิ่นกวนคลอดบุตรชายเช่นนั้นฐานะบุตรชายจากภรรยาเอกยังเหลือคุณค่าใดอีกในเมื่อบุตรอี้เหนียงที่เกิดก่อนนั้นได้ฐานะซื่อจื่อเว่ยกั๋วกงไปแล้วหากเป็นฮูหยินผู้เฒ่าหยวนจะยอมรับได้หรือ"
ยิ่งพูดจีม่อชงก็ยิ่งโกรธจนหน้าตาแดงก่ำคาดว่าหากไว้หนวดคงได้เห็นเขาหนวดกระตุกเป็น หางคิ้วนั้นก็ชี้เชิดราวกับตัวร้ายในคณะงิ้วไปเก้าส่วนแล้วใบหน้าหล่อเหล่าที่ปกติเห็นแต่ความอบอุ่นอ่อนโยนบัดนั้นกลับดุดันเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารเข้มข้นแถมใบหน้ายังเพิ่มความแดงก่ำจนคล้ายกับใบหน้าของเทพกวนอูขึ้นเรื่อยๆ
"เหล่าฮูหยินหยวนก็เป็นสตรี เหตุใดจึงพูดจาราวกับตนเองมิได้เป็นสตรี อายุก็ไม่น้อยผมบนศีรษะก็เป็นสีดอกเลาไปหมดแล้ว เก็บมันเอาไว้จะดีกว่า อย่าให้เด็กรุ่นหลังต้องเหนื่อยแรงช่วยถอนผมขาวให้ท่านเลยเหล่าฮูหยินหยวน! "
ด่าคนแก่ไปมือของจีม่อชงก็กำหมัดแน่นจนเรือนกายสูงใหญ่สั่นสะท้านไปหมดเขาต้องห้ามตนเองอย่างเต็มกำลังไม่ให้ตนเองเผลอถีบยายเฒ่าใจคอคับแคบคิดแต่จะให้ท้ายหลานชายตนเอง หยวนเค่อเจวี๋ยที่มีสันดานเสียเช่นนี้คงไม่ต้องสืบแล้วว่ามาจากใครสั่งใครสอน
"นี้!…"
ปลายจมูกโด่งของซ่างกวนโทวกดลงจุมพิตที่ท้ายทอยหลังจากเขาจับเส้นผมนุ่มและผอมของจีเมี่ยวหลัวหลบไปด้านข้างเปิดเผยหลังลำคอขาวสะอาด“เขาหอกันเถิดภรรยาของข้า”เขากระซิบกระซาบแล้วจึงใช้เรียวปากแกร่งสัมผัสกับใบหูของนางจนจีเมี่ยวไคร้ตัวสั่นสะท้าน เขินอายย่อมีมากแต่ระหว่างนางกับซ่างกวนโทวต่างก็ไม่ใช่หนุ่มน้อยและสาวน้อยแล้ว ต่างคนต่างอยู่ในวัยของผู้ใหญ่แล้วทั้งคู่ ดังนั้นเขินอายอย่างไรจีเมี่ยวหลัวย่อมไม่คิดปฏิเสธสามีของนางร่างอรชรหันกลับมาเผชิญหน้ากับเรือนกายสูงใหญ่ด้วยใบหน้าเขินอายสามส่วน มุ่งมั่นเสียเจ็ดส่วน ซ่านุ่มนิ่มโทวถึงกับหัวเราะในลำคอเสียงต่ำ นี่แหละภรรยาของเขา จีเมี่ยวหลัวสำหรับเขาแต่ไหนแต่ไรมาจีเมี่ยวหลัวนั้นก็เป็นสตรีเช่นนี้ หากไม่ใช่นางเป็นเช่นนี้จะดึงสายตาของเขาให้หยุดอยู่ที่นางได้จนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไรนางเขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วใช้สองแขนของตนเองคล้องลำคอแกร่งจึงดึงให้ใบหน้าหล่อเหลาของท่านปีศาจดำโน้มลงมาหาตนเองโดยที่นางเอกก็เผยอเรียวปากนุ่มนิ่มขึ้นไปหาเขาเช่นกันปัง! ปัง! ปัง!ช่วงจังหวะที่เรียวปากของทั้งสองลงมาบรรจบกัน พลันนั้นดอกไม้ไฟก็ถูกจุดขึ้นมาพอดิบพอดี แสงสว่างวูบวาบกับภาพดอ
ใครจะคาดสตรีที่รูปโฉมไม่นับว่างดงามสะท้านแผ่นดินจะครอบครองดวงใจของปีศาจดำแห่งต้าเซี่ยได้ คราวแรกทุกคนที่ได้พบเห็นล้วนแปลกใจ ทว่าพอสืบกันไปลึกซึ้ง ตั้งแต่สมัยจีเมี่ยวหลัวไปอยู่แคว้นอิ๋งโจวจนถึงคดีสังหารคนยากไร้ขโมยอวัยวะภายในไปขาย ล้วนเป็นสตรีผู้นี้คอยให้การช่วยเหลือ ทุกคนจึงไม่แปลกใจอีกต่อไป สตรีบางคนโฉมงามเกินไปนอกจากจะอาภัพแล้วบางคนยังนำภัยมาสู่คนใกล้ตัวไปจนถึงชีวิตของตนเองและพอวันเวลาผ่านไปรูปโฉมที่เคยงดงามย่อมโรยราแต่สตรีที่มีสติปัญญา ยิ่งวันเวลาเนิ่นนานพวกนางจะยิ่งเฉลียวฉลาดดังคำว่าขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด คล้ายกับต้นอู่ถงยิ่งวันเวลาเพิ่มขึ้นเนื้อไม้จะยิ่งกล้าแกร่งสูงค่า ฉางตี้ฮ่องเต้คงมองเห็นความงามจากภายใน งดงามด้วยสติปัญญามิใช่งดงามด้วยรูปโฉมภายนอกกระมังจึงได้รักปักใจจนมีข่าวลือออกมาในช่วงแรกถึงขนาดที่เขาจะยินดีเป็นเขยแต่งเข้าทั้งที่หากจะกล่าวถึงฐานะ แค่ฉางตี้ฮองเต้นั้นกระดิกนิ้วสะบัดพู่กันเขียนราชโองการออกมาเขาก็สมหวังแล้ว ไม่ต้องมาตกแต่งไฟทั้งเมือง หรือแม้แต่สร้างหอชมเมืองเพื่อนาง ก่อสร้างขึ้นมาเพื่อจะพาคุณหนูลิ่วจีขึ้นไปขอแต่งงานบนนั้นยังจะมีบุรุษใดคลั่งรักได้ยิ่งใหญ่เช่นฉางตี้
และบนศีรษะของจีเมี่ยวหลัวบัดนี้ประดับด้วยปิ่นทองสิบสองชิ้นครบตามธรรมเนียมของสตรีที่เตรียมตัวจะรับตำแหน่งฮองเพริศพริ้งฮาซึ่งบนศีรษะนอกจากปิ่นทองยังมีใบทับทิม ที่เหล่าฮูหยินจีกับซูหมัวมัวแซมเอาไว้ระหว่างปิ่นทองและเส้นผมที่ถูกเกล้างดงาม เรียกว่ากว่าจะเสร็จสิ้นจีเมี่ยวหลัวก็หนักไปหมดทั้งศีรษะและร่างกาย"งดงามมากเลยมากจริงๆ"ซูหมัวมัวพึมพำออกมาราวกับคนสติไม่ครบสมบูรณ์ อย่าว่าจะซูหมัวมัว แม้แต่นางกำนัลอาวุโสที่มาจากวังหลวงก็ยังตื่นตะลึงพอได้เห็นภาพของจีเมี่ยวหลัวหลังจากนางแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศของเจ้าสาวชั้นสูงเพื่อจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮา"เมี่ยวเมี่ยวมาเถอะ พวกเราไปทำพิธีกัน"หลังจากแต่งการครบเครื่อง ก็ถึงเวลาไปกราบไหว้ฟ้าดิน กราบไหว้ป้ายบรรพบุรุษในหอบรรพชนสกุลจี ซึ่งคนที่จะพาจีเมี่ยวหลัวทำพิธีดังกล่าวปกติต้องเป็นบิดา ทว่าบิดาของนางจากไปแล้ว ผู้ทำหน้าที่ผู้นำย่อมเป็นจีม่อชง เมื่อสามปีก่อน เขาเองก็เป็นทำหน้าที่นี้ แต่ในวันนั้นกับวันนี้ความรู้สึกของจีม่อชงและทุกคนในสกุลจีไม่เว้นแม้แต่จีเมี่ยวหลัวเองก็รู้สึกแตกต่างจากคราวนั้นไปไกลโขพอกราบไหว้ป้ายบรรพบุรุษเสร็จแล้วจึงค่อยออกไปร่วมรับประท
ค่ำคืนนั้นเป็นค่ำคืนที่ชาวเมืองเสียนหยางและเมืองรอบข้างที่สามารถจนท้องฟ้าของมหานครเสียนหยางนั้นเห็นแสงสว่างไสวของพลุและดอกไม้ไฟ ต่างกล่าวขานในเวลาออกไปในเวลาไม่ถึงสิบวันเรื่องที่ฉางตี้ฮองเต้จัดแจงทุกสิ่งเพื่อจะขอสตรีนางหนึ่งแต่งงานก็ดังไปทั่วดินแดนต้าเซี่ยและอาณาจักรใกล้เคียงรวมไปถึงชนเผ่าน้อยใหญ่และเป็นราตรีนั้นที่หยวนเค่อเจวี๋ยได้ทราบเช่นกันว่าเขาทำของดีหลุดมือไปแล้วจริงๆ สามปีแต่แรกเขายังคิดว่าตนเองจะสามารถหวนคืนกลับไปคืนดีและขอสตรีเช่นจีเมี่ยวหลัวแต่งงานได้อีกครั้งจนมาถึงราตรีดังกล่าวความจริงก็ตีแสกหน้าของหยวนเค่อเจวี๋ยว่าตลอดมาเขาหลอกตนเอง เขาหลอกตนเองว่าสุดท้ายจีเมี่ยวหลัวจะต้องหวนคืนมาอภัยให้เขาได้ แต่บัดนี้นางกำลังจะก้าวไปเป็นสตรีอันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ย แค่ฮูหยินเอกของบัณฑิตยากจนผู้หนึ่งจีเมี่ยวหลัวนั้นจะชายตาแลได้อย่างไร!ยิ่งผู้คนทั้งหลายต่างอยากเห็นสตรีผู้นั้นว่าจะโฉมงามสะท้านแผ่นดินเพียงใด แล้วยิ่งหลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือนต่อมากลับเป็นฝ่ายของฉางตี้ฮ่องเต้ก็ได้จัดการส่งพ่อสื่อไปเจรจาตกลงสิ้นสอดซึ่งก็มิใช่ใครอื่นหากแต่เป็นโม่กงกงหรือโม่อี้หวายญาติและขันทีคู่พระทัยของเขานั่นเ
"เราจะไปที่ใดกันเพคะ"วันนี้ฉางตี้ฮ่องเต้นัดแนะกับท่านหัวหน้าลิ่วจี แต่เขานั้นไม่ได้บอกว่าจะพานางไปที่ใดดังนั้นเมื่อขึ้นรถม้าแล้วจีเมี่ยวหลัวย่อมเอ่ยปากถาม ผ่านเหตุการณ์คดีค้าอวัยวะมนุษย์มาได้สามเดือนเศษแต่งานของทั้งซ่างกวนโทวและของจีเมี่ยวหลัวก็ยังมีมากจนล้นมือไม่เปลี่ยน ทว่าระหว่างนางกับเขาก็หาช่วงเวลาว่างตรงกันอยู่น้อยเจ็ดวันออกไปท่องเที่ยวด้วยกันหนึ่งครั้ง"หอชมเมือง"ผ่านมาจนถึงวันนี้ซ่างกวนโทวไม่อยากรออีกแล้วเขาจัดการเก็บกวาดจนวังหลังสะอาดสะอ้าน ราชสำนักเองเขาก็เข้มงวดกวดขันเอาขุนนางตรงฉินเป็นใหญ่เพื่อจะควบคุมขุนนางกังฉินไม่ให้เหิมเกริมได้แล้ว เนื่องจากการคิดจะกำจัดคนเลวออกไปจนสิ้นซากนั้นยากจะเป็นความจริงไปได้ ทุกคนมีส่วนดีและเลวทั้งสิ้นแต่การเลือกเอาความดีควบคุมความเลวอันนี้น่าจะเป็นจริงได้มากกว่าจึงถึงเวลาขอสตรีใจดวงใจแต่งงานเสียที เข้าใกล้จะสามสิบแล้วปีนี้ยี่สิบแปดอีกไม่กี่เดือนก็เต็มยี่สิบเก้าปี และเดือนก่อนทางซ่างกวนไท่ก็แจ้งข่าวดีมาแล้วว่าเจี่ยอวี้หลันเพิ่งตั้งครรภ์ ก็ถึงเวลาของเขาบ้างแล้ว เหน็ดเหนื่อยและยากเย็นจนผ่านมาร่วมแปดปี รวมไปถึงเขาเป็นมังกรเดียวดายมานานกว่าแปดปี
ส่วนซ่างกวนโทวนั้นกลับวังหลวงเพราะออกมาถึงสี่วันสี่คืนแล้ว เรียกว่าเขาแจกจ่ายงานแล้วก็กลับวังหลวงทันที เพราะเขาเองก็ยังมีงานอีกมากมายให้ต้องกลับไปจัดการสานต่อเช่นกันยิ่งเขาอยากแต่งภรรยามากเท่าใดก็ต้องรีบจัดการเก็บกวาดวังหลังให้สะอาดหมดจดเร็วเท่านั้น"ฝ่าบาท ฉวนซูเฟยมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"แค่อาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์เตรียมจะพักผ่อน โม่กงกงก็เข้ามารายงานว่าสตรีที่เขายังไม่ทันได้‘จัดการ’กำจัดออกไปก็เสนอหน้ามารบกวนกันเสียแล้ว"ไล่กลับไป ข้าจะพักผ่อน"อดนอนมาสี่วันสี่คืนความอดทนอดกลั้นของเขาไม่ได้มากเช่นในยามปกติ ขับไล่ไปจึงเป็นวิธีง่ายกว่าในยามนี้เขายังหาเหตุปลดสตรีสกุลฉวนออกไปได้ และที่เก็บเอาไม่ใช่รักใคร่หรือมีจิตพิศวาส ทว่าเพราะเขาทราบสตรีแซ่ฉวนทั้งสองไม่ใช่ธรรมดา ซึ่งสตรีที่ยังเหลือภายในวังหลังก็ล้วนเป็นสตรีประเภทเดียวกับสตรีสกุลฉวนน้าสาวกับหลานสาวที่อายุใกล้เคียงกันนี้ก็ไม่ต่างกัน"ฝ่าบาทไม่ได้พลิกป้ายมาร่วมเดือนแล้วหากยังขับไล่นางไปอาจไม่ใช่เรื่องดี"โม่กงกงเตือน เพราะการพลิกป้ายนี้มันช่วยลดปัญหาวุ่นวายของสตรีวังหลังได้ ส่วนพลิกแล้วซ่างกวนโทวจะไปร่วมหลับนอนกับพวกนางหรือไม่ก็ล้วนเป็นตัวของ