LOGIN
แคว้นชิง
ลั่วฟางเซียนไม่ได้ตื่นตกใจอันใด นางนั่งอยู่อยู่ในรถม้าคันใหญ่ การถูกส่งตัวไปเป็นเจ้าสาวครั้งนี้ ทั้งที่รู้ว่ามันคือหายนะครั้งใหญ่ แต่ก็เป็นนางที่จงใจให้เกิดขึ้น เพื่อจะได้เข้าไปอยู่ในคฤหาสน์บนเขาสูง ซึ่งมีทะเลสาบดอกบัวสีแดงสดอยู่เบื้องหน้า มันเบ่งบานในยามเช้าให้ความสดใสรับแสงแดดอบอุ่น
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ล้วนจัดเตรียมไว้โดยพวกที่อำพรางใบหน้าและปกปิดชื่อแซ่ หากงานครั้งนี้สำเร็จนางจะได้รับอิสระ รวมถึงชีวิตของคนที่นางรักจะปลอดภัย
การปลอมตัวเป็นผู้อื่นก็เพื่อที่ลั่วฟางเซียนจะได้เข้าใกล้คนชั่วบ้าอำนาจและคลั่งไคล้การเสพรัก ราวกับพวกถูกยาสั่ง ซึ่งโหยหา ความรุนแรงจากการร่วมรักและกลิ่นคาวเลือด
ชายในตระกูลถานอาจลำพองใจ จึงลืมไปว่าต้นไม้ใหญ่ก็ถูกโค่นลมได้โดยสายลมที่กลายเป็นพายุหมุน ลั่วฟางเซียนมาเหยียบคฤหาสน์สัตตบงกช จุดประสงค์คือ นางอยากรู้เหลือเกินว่า เหล่าบุรุษโฉดชั่วสกุลถาน มีกี่หัวให้นางต้องตัด!
จริงอยู่ นางไม่ได้รู้จักคนสกุลถานแต่เดิม ทว่าสตรีหลายคน ที่รู้ซึ้งถึงความชั่วช้าของบุรุษในสกุลนี้ ล่าสุดคือจินหลิงซึ่ง ถูกลักพาตัวในขณะที่นั่งรถม้าเพื่อไปไหว้พระขอพรให้บัณฑิตหนุ่มผู้หนึ่งที่เป็นคู่หมั้นซึ่งป่วยจากโรคหัวใจ ทว่าโจรราคะแห่งคฤหาสน์สัตตบงกชดักอยู่กลางทาง จับตัวนางไปถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน ก่อนนำทางไปส่งที่หน้าเรือนของนาง ทว่าจินหลินไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์เช่นเดิม นางบอบช้ำทางกายและใจ มิหนำซ้ำสายตายังเลือนลอย คล้ายคนตกอยู่ในโลกที่ใครก็เข้าไปไม่ถึง
สุดท้ายจินหลงผู้โชคร้ายกลายเป็นศพในแม่น้ำ ไม่มีใครเรียกร้องความยุติธรรมให้นาง ทว่านางไม่ใช่สตรีคนแรกที่ถูกกระทำให้ต้องเสื่อมเสียเกียรติ ยังมีแม่นางอีกหลายคนที่หายตัวไปอย่างลับๆ สุดท้ายกลับไปโผล่ที่คฤหาส์นซึ่งตั้งตระหง่านบนภูเขา
ลั่วฟางเซียนสูดลมหายใจลึก นางรู้ว่า บุรุษสกุลถาน ต้องการแต่งสตรีเข้าเรือน ไปเป็นสตรีบำเรอกามให้ถานป๋อ เขาเป็นบุตรคนโตของตระกูลแม่ทัพที่รับใช้ราชสำนักมานาน และถานป๋อได้ชื่อว่าเป็นเทพสงคราม ทว่าหลังทำศึกครั้งใหญ่ติดต่อกันนับสามปี สุขภาพเขาย่ำแย่หนักจึงเก็บตัวอยู่ที่นี่ มีหมอเทวดาแวะเวียนมารักษา ทว่าสิ่งเลวร้ายที่น่าขยะแขยงคือ คฤหาสน์หลังนี้ ไม่ได้มีแต่เขา สตรีนางหนึ่งที่รอดชีวิตออกไปได้ หลังจากถูกส่งตัวออกไปในสภาพมิต่างจากซากศพเล่าว่า ตกดึกถานป๋อจะมีอาการคุ้มคลั่ง พร้อมความต้องการทางเพศสูง นอกจากทำร้ายจิตใจกับร่างกายสตรีที่แต่งเข้ามาเป็นฮูหยิน นางยังถูกชายอื่นย่ำยี หากสตินางยังจดจำได้ นางแน่ใจว่า ในคฤหาสน์หลังโอ่อ่านั้นมีบุรุษชั่วจำนวน 12 คน
เรื่องบัดซบเช่นนี้ ใครได้ยินได้ฟังแล้วก็นึกขยาดกลัว ดังนั้นลูกสาวบ้านใด ทำตัวไม่ดี จึงมักจะหายตัวไป ก่อนพบว่ามาอยู่ที่นี่ กลายเป็นสตรีที่รับใช้บุรุษไม่ต่างจากคณิกาชั้นต่ำ
“แม่นางถึงเรือนดอกท้อแล้ว ลงมาเถิด...”
เสียงแม่สื่อที่เป็นคนจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ในการแต่งอนุของถานป๋อเอ่ยขึ้น จากนั้นร่างอรชนที่คลุมด้วยผ้าแดงได้ก้าวลงเกี้ยวเจ้าสาว
ลั่วฟางเซียนกำลังคะเนหลายสิ่ง นางไม่ได้ตื่นกลัว ออกจะประหลาดใจ อีกทั้งพยายามเงี่ยหูฟังสิ่งรอบกาย ตั้งแต่ลงเรือ ขึ้นรถม้า จนนั่งเกี้ยวมาถึงหน้าประตู นางยังไม่ได้ยินเสียงแสดงความรื่นเริงอันใด การแต่งงานของนางถึงจะมีตำแหน่งเพียงอนุ ทว่าเหตุใดถึงได้เงียบเชียบราวกับงานศพ
“ที่นี่มีเรือนเล็กๆ ทั้งหมดสิบสองหลัง พ่อบ้านจะเป็นคนส่งตัวเข้าเรือน จากนั้นตามที่ข้าสอน อ่อนโอนผ่อนตามสิ่งที่แม่ทัพถานต้องการ มิเช่นนั้นเจ้ารู้ใช่หรือไม่ ครอบครัวของเจ้าต้องลำบาก!”
แม่สื่อเอ่ยเสียงเข้ม นั่นคงเพราะนางรู้ว่า หากอบรมลั่วฟางเซียนได้ไม่ดี หรือเกิดเรื่องผิดพลาดอย่างที่ผ่านมา คงเป็นนางที่ถึงคราวเคราะห์ไปด้วย
ยามนั้นลั่วฟางเซียน บีบมือของนางเข้าด้วยกัน เมื่อสัมผัสได้ว่า มีชายสองคนเดินเข้ามาหานาง หนึ่งในสองกล่าวว่า
“ข้าจะพาอนุเหยียนไปยังห้องหอ คืนนี้ต้องอดทนให้มาก และก่อนรับใช้แม่ทัพถาน จงกลืนยานี้ลงคอเสีย จะได้ไม่เจ็บปวด อีกทั้งร่างกายงามๆ สมควรถูกใช้ให้คุ้มค่า จากวันนี้ไปอดทนอย่างที่สุด อย่าใจเสาะตายเสียก่อน มิเช่นตระกูลของเจ้าคงลำบากส่งสตรีเข้ามาแต่งเป็นอนุอีก”
อีกฝ่ายข่มขู่นางโดยหารู้ไม่ว่าผู้ที่เดินทางมาคฤหาสน์สัตตบงกชหาใช่ เหยียนเข่อซิน แต่เป็น ลั่วฟางเซียน และแทนที่นางจะกลัว กลับเห็นเรื่องน่าเบื่อ
อนุที่แต่งเข้าสกุลถาน มีเวลาอยู่ในคฤหาสน์สัตตบงกชเจ็ดวัดเจ็ดคืน หากรับใช้ดีและอดทนเป็นเลิศจะมีลมหายใจต่อไป แต่สตรีบางคนไม่ได้รับโอกาสนั้น บ้างสิ้นอายุไขก่อนถูกส่งตัวออกไปยังสุสานฝังร่าง หรือที่มีชีวิตอยู่และไม่เป็นที่โปรดปราณจะถูกขับออกไป แต่สตรีเหล่านั้นมีชีวิตอยู่ก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น มิต่างจากดรุณีน้อยผู้หนึ่ง ซึ่งหลังจากเล่าความเลวร้ายที่เกิดขึ้นให้กับลั่วฟางเซียนฟัง ฝ่ายนั้นได้คิดสั้นด้วยการผูกคอตาย ซ้ำร้ายสกุลถาน ยังส่งจดหมายพร้อมบีบบังคับให้หาสตรีนางอื่นแต่งเข้ามาเป็นอนุของถานป๋อ แทนหญิงสาวผู้มีชะตาชีวิตแสนเศร้า
สิ่งที่นางเอ่ยย่อมไม่ผิดจากนั้น บุรุษที่อยู่ในอ่างอาบน้ำกับนางสวมหน้ากากพยัคฆ์ที่ทำขึ้นจากทองคำ เป็นแบบครึ่งหน้า โดยตอกสลักเป็นลวดลายน่าเกรงขาม และนางหาได้เฉลียวใจว่าคนผู้นี้นางเป็นผู้ปลุกให้เขาตื่น! นางฉงนระคนตื่นเต้น พลางมองผ่านหน้ากาก จดจ้องหน่วยตาเขา ซึ่งเป็นสีดำทะมึน ดูลึกลับ ชวนให้หลงใหล ทว่าในห้วงเวลาเดียวกัน ลั่วฟางเซียนรู้ว่า ดวงตาสีดำขลับไร้หน่วยตาขาวนี้หาได้มีความเป็นมนุษย์! พยัคฆ์ทองคำ ส่งเสียงคำรามโฮกใหญ่ ไม่ใช่ความน่าเกรงขาม แต่เป็นการแสดงออกถึงความป่าเถื่อนของสัตว์อสูร จากนั้น เขาเอื้อมมือใหญ่มานวดเฟ้นเรือนร่างลั่วฟางเซียน มือคู่นั้นหาได้ผ่อนปรนต่อร่างกายหญิงสาว หน้าอกอวบสวยไหวสะท้าน ด้วยแรงมือเขาบีบคั้นประหนึ่งอยากให้นางปล่อยน้ำนม นางร้องประท้วงสุดเสียง แต่ไม่อาจหลุดพ้นจากไฟราคะอีกฝ่าย เมื่อเขาจับเอวคอดไว้มั่น จึงหมุนตัวนางหันหลังกลับ ลั่วฟางเซียนถูกจับตรึงชิดขอบอ่างไม้ ขนบนหลังต้นคอนางลุกชัน เหงื่อเกาะพราวบนหน้าผาก บั้นท้ายงอนงามโผล่พ้นผิวน้ำเล็กน้อย อวดเรือนร่างแสนรัญจวนใจแก่อีกฝ่าย “ทะ ท่านจะทำสิ่งใด?” ไม่มีเสียงตอบ แล
“ปละ ปล่อยข้า” นางร้องประท้วง แต่เจิ้งหวนหาได้ใส่ใจฟัง เขาทั้งฉุดแกมลากลั่วฟางเซียน เพื่อหลบวิถีลูกธนูไฟซึ่งพุ่งออกจากจุดลับตา และลูกหนึ่งหวิดปักหัวไหล่หญิงสาว ทั้งธนูไฟและเสียงคำรามก้องกังวานทำให้ลั่วฟางเซียนสั่นเทาไปทั้งร่าง กระนั้นนางยังดิ้นขัดขืน ด้วยอยากรู้เหลือเกินว่าภายใต้หน้ากากเขาปีศาจ ซ่อนใบหน้าบุรุษใดเอาไว้ มันจะงดงาม หรืออัปลักษณ์ชวนให้พรั่นพรึง “พี่หวน!” ลั่วฟางเซียนเรียกชื่อคนที่ช่วยนางเอาไว้ และสงสัยเหลือเกินว่าเขาโผล่เขาโผล่มาที่นี่ได้อย่างไร “เป็นพี่เอง เจ้าได้รับอันตรายหรือไม่” เมื่อเขาถาม ลั่วฟางเซียนพลันเกิดความกระดากอาย ทั้งรู้สึกว่าตนเป็นหญิงที่ไม่คู่ควรกับบุรุษคนใด นางแปดเปื้อนเกินที่เจิ้งหวนจะอุ้ม และกอดเอาไว้ด้วยความห่วงใยเช่นนี้ “ข้าทำสำเร็จแล้ว ถานป๋อ ถูกพิษจากกำไลสยบมังกร” ฟ่านลั่วเซียน เลือกพูดถึงสิ่งที่นางภูมิใจ ยามนั้น เจิ้งหวนไม่อยากทำให้ความดีใจที่ลั่วฟางเซียนสูญเปล่า แต่เขาต้องบอกให้นางเข้าใจถึงความจริงของบุรุษสกุลถาน “เจ้ามั่นใจหรือว่า เมื่อครู่คือถานป๋อ!” ลั่วฟางเซียนอึ
ดวงตาคมของเจิ้งหวน มองไปยังเงาที่เคลื่อนไหวในเรือนเปิดโล่ง ภาพจากมุมนี้ไม่ชัดเจน แต่เสียงชายหญิงที่ดังอย่างเร่าร้อน แจ้งชัดว่าพวกเขากำลังอุ่นเตียงอย่างซาบซ่านถึงใจ เขามาถึงคฤหาสน์สัตตบงกชได้อย่างไร เรื่องนี้นับว่าโชคช่วยเอาไว้ หลังจากตามหาลั่วฟางเซียนอยู่สองคืน เขาบังเอิญพบสตรีชื่อ เหยียนเข่อซิน นางซ่อนตัวอยู่นอกเมือง คราแรกนางไม่อยากพูดถึงหญิงคนรักของเขา หากสุดท้ายได้อธิบายอย่างรวบรัดว่า ลั่วฟางเซียนถูกส่งตัวไปแทนนาง ดังนั้นเหยียนเข่อซินตัวจริง จำต้องหายสาบสูญไปจากเมืองกุ้ยโจว ถึงจะล่วงรู้ว่าลั่วฟางเซียนแต่งเข้าสกุลถานในฐานะอนุเหยียน แต่การเข้าไปสถานที่บนภูเขาสูงไม่ใช่เรื่องง่าย เจิ้งหวนต้องปลอมตัวเป็นคนงานเก็บมูลและทำความสะอาด และได้พบว่าด้านหลังของคฤหาสน์มีศพคนตาย สภาพศพถูกสุนัขกัดมีแผลเหวอะหวะ เขาจึงแน่ใจว่าที่นี่มีเรื่องราวชวนสยองปกปิดเอาไว้ จากนั้นเขาจึงอาสาช่วยฝังศพ และค่อยๆ สวมรอยเข้าไปเป็นคนงานในโรงครัว ดวงตาคมของเจิ้งหวนมองไปเบื้องหน้าอย่างไม่วางตา ยามนี้ เขายังรู้สึกวิงเวียนศีรษะขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะโดยรอบของคฤหาสน์มีทั้งพืชประหลาด อีกทั้งกลิ่นหอม
ภาพในวันวานลอยเข้ามาในหัว ลั่วฟางเซียนเป็นลูกสาวหมอตำแยหญิง มารดาต้องโทษทำให้ครอบครัวสกุลใหญ่ของพ่อค้าตายยกครัว ความผิดยังไม่ชี้ชัดว่าเป็นเพราะยาของมารดานาง แต่ในฐานะหมอเถื่อน ย่อมต้องรับผิดชอบ ลั่วฟางเซียนดิ้นรนหาทุกวิถีทางเพื่อช่วยมารดาและคนของร้านขายยาสกุลลั่ว กระทั่งต้องถูกจับขังไว้ในที่ลับ หากโชคชะตาพลิกผลัน เมื่อนางได้รับงานว่าจ้างให้มายังคฤหาสน์แห่งนี้ โดยที่ลั่วฟางเซียนต้องตามหาบุรุษชั่วถานป๋อให้พบ จากนั้นต้องวางยาเขา เมื่อสบโอกาสก็สังหารอีกฝ่าย “อย่าได้ห่วง เพียงแค่ทำให้ชายบ้าตัญหา หลงระเริงกับความสาวของเจ้า จากนั้นจงพรากลมหายใจของเขาออกจากร่าง!” ลั่วฟางเซียนได้ยินเรื่องน่ากลัวของชายสกุลถาน อีกทั้งสตรีที่นางรู้จักต้องสิ้นลมหายใจหลังจากถูกลักพาตัวไปบำเรอกามให้แก่เหล่าบุรุษชั่ว ซึ่งนางทราบมาว่าพวกเขามีถึงสิบสองคน! “แล้วข้าจะออกจากคฤหาสน์หลังนั้นได้อย่างไร” นางเอ่ยถามพวกที่อำพรางใบหน้าไว้ และพวกเขาส่งแผนที่มาดู พร้อมอาวุธลับหลากหลายชนิดที่นางจะใช้มันเพื่อเอาตัวรอด รวมถึงยังบอกนางอีกว่า คฤหาสน์สัตตบงกชมีคนของพวกเขาปะปนอยู่ นางจะได้รับการช่
เขาช่วยรักษานางหรอกหรือ ลั่วฟางเซียนไม่อาจคิดในแง่ดี ทว่านางหายใจหายคอสะดวกขึ้น อีกทั้งอาการคล้ายคนถูกมอมยาทุเลาลง “ท่านทำสิ่งใตต่อข้า!” น้ำเสียงลั่วฟางเซียนเฉียบขาด และคาดคั้น อีกฝ่ายหัวเราะเสียงชวนให้ครั่นคร้ามใจ ก่อนทำให้นางพิศวงจากคำตอบดังกล่าว “เตรียมเจ้าให้สะอาดที่สุด เพื่อเป็นเจ้าสาวของถานป๋อ” เสียงดังกล่าวทุ้มต่ำ ฟังแล้วชวนตื่นตระหนก และลั่วฟางเซียนไม่ทันได้ขยับตัวไปไหน นางต้องหวีดร้องด้วยความตกใจเมื่อถูกรวบเอวบาง จากนั้นจึงไปนั่งแปะอยู่บนร่างกายของชายหนุ่ม อึดใจต่อมา ลั่วฟางเซียนไม่แน่ใจว่านางคิดมากเกินไป หรือไม่ ทว่าความรู้สึกที่จับต้องได้คือสิบสองไม่ได้อยู่ในเรือนอักษร ดังนั้นตอนนี้นางเผชิญหน้าอยู่กับผู้ใด !? ร่างกายที่นั่งทับอยู่นี้ เนื้อตัวเขาไม่ได้เย็นจัด หรือร้อนรุ่ม แต่บ่งบอกได้ถึงความมีเลือดเนื้อ เป็นบุรุษที่รูปงาม สมชาตรี นางนั่งอยู่เช่นนั้น พลางคิดปะติดปะต่อเรื่องต่างๆ ในหัวเข้าด้วยกัน ภาพในเช้ามืดที่คนกลุ่มนั้น เดินทางมาพร้อมเงินจำนวนหนึ่ง และข้อความที่บอกให้นางปลอมตัวมาแทนสตรีที่จะแต่งเข้าสกุลถาน เพื่อเป็นอนุ
ยามนั้นความรู้สึกสาแก่ใจบังเกิดขึ้น มันช่างเหลวไหลนัก นางกลายเป็นคนที่มีสติวิปลาสตั้งแต่เมื่อใด “ข้าจะช่วยท่านให้หลั่งออกมาดีหรือไม่” นางเอ่ยจบแทนที่จะได้ยินเสียงตอบ เขากลับครางเสียงทุ้มๆ ราวกับเป็นการขอร้อง “ดีๆ ข้าจะทำให้ท่านปลดปล่อยจนสุขสมใจ” เท้าข้างนั้นยังออกแรงกดแก่นกายปลายหัวหยักที่บานเบ่งและมันวามวาว ก่อนที่อีกมือจะคว้าเอาพู่กันที่มีด้ามยาวราวสองศอกมาถือไว้ ปลายของมันข้างหนึ่งใช้เขียนตัวอักษร อีกด้านฝังเหล็กเอาไว้ มันไม่ได้มีความคม หากคือตราเหล็กแกะสลักเป็นตัวอักษร อ่านได้ว่า ‘สิบสอง’ สือเอ้อร์ ลั่วฟางเซียนเลือกใช้ปลายพู่กันที่เป็นขนจิ้กจอกเขี่ยยอดหน้าอกแข็งเป็นไตของชายหนุ่ม ผู้ที่นางจะเรียกเขาว่าคุณชายสิบสอง “อยากสำราญหรือไม่ ขอร้องข้าสิ สิบสอง ท่านครางให้ข้าฟังดังๆ” คำพูดนางได้การตอบรับจากอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เสียงที่เขาเปล่งจากลำคอ มันชวนสยิว ทั้งทำให้กลีบงามของนางในร่มผ้าแฉะชื้น “อ๊ะ...ข้าจะทำให้ท่านคลั่ง กลายเป็นคุณชายผู้ที่กลั้นน้ำคาวเข้มข้นสีขุ่นเอาไว้ไม่ไหว” นางเอ่ยราวกับเป็นหญิงร่านสวาท จาก







