LOGINณ ลานดอกท้อ
ลมหนาวพัดผ่านกายสาว ลั่วฟางเซียนไม่ใช่คนผิวบาง กระนั้นก็ครั่นเนื้อครั่นตัวจากการเดินทางไกลมิน้อย แต่สิ่งที่ได้ยินตอนนี้คือคำสั่งอันบัดซบของสตรีตาบอดข้างหนึ่ง นางเป็นแม่บ้านคุมกฏและถือกุญแจเรือนต่างๆ
“ยืนนิ่งเป็นท่อนไม้เช่นนั้น ข้าจะเห็นหรือไม่ว่าท่านมีของเน่าเหม็นในร่างกายที่ใดบ้าง แก้ผ้าออกให้หมด อนุเหยียน” ริมปากของซิวอี๋หนาและเป็นสีคล้ำ มันดูน่าตบยังไม่พอ นางยังพ่นวาจาต่ำๆ ออกมาอีก
“แก้ผ้าออก!” ซิวอี๋ตวาดเสียงดัง
ลั่วฟางเซียน ไม่ได้หูหนวก นางได้ยินสั่งชัดแจ้ง แต่ที่ไม่กระทำตาม ด้วยรู้สึกเสื่อมเสียเกียรติ เหตุใดนางต้องเปิดเผยเนื้อตัวต่อผู้อื่น ทว่ายาที่นางถูกบังคับให้กลืนลงคอไปก่อนหน้า ออกฤทธิ์รุนแรง แน่นอนนางไม่ได้โง่ แต่ฤทธิ์ยากล่อมประสาทส่งผลให้ร่างกายเชื่องช้าลงหลายส่วน
มือเรียวสวยจับเสื้อผ้าของตน และมันคงไม่ทันใจซิวอี๋ นางจึงบอกคนงานมือหยาบกร้านมากระชากเสื้อผ้าของลั่วฟางเซียนออกจากร่าง
ยามนั้นสายตาหลายคู่จับจ้องมายังนาง หญิงสาวสะเทิ้นอาย และรู้สึกโกรธแค้น แต่เพื่อต้องทำตามแผนที่วางไว้ นางย่อมอดทนให้ถึงที่สุด ชีวิตคนที่นางรักอยู่ในเงื้อมือพวกมัน!
“อืม ถันของเจ้าอวบอิ่ม และใหญ่เกินงามอยู่สักหน่อย แต่มันแต่งตึงดี ผิดแต่...”
ซิวอี๋ก้าวมาใกล้ นางใช้กัวซาหัวเห็ดที่บานใหญ่เขี่ยยอดถันสีชมพูของลั่วฟางเซียน
“ดูเหมือนเจ้าจะดื้อยาเล็กน้อย คงต้องถูกกระตุ้นสักหน่อย หัวนมขี้เซานี้ถึงจะชี้ชัน!”
กัวซาในมือของลั่วฟางเซียนเลื่อนไปมาบริเวณยอดถันของลั่วฟางเซียน แต่มันคงไม่ทันใจซิวอี๋ เพราะสิ่งที่ควรชูชันกลับไม่สนองตอบ
“ท่านแม่ทัพ ไม่ชอบสตรีดื้อด้าน เจ้าต้องหลั่งน้ำหวานให้มาก ครางเสียงเหมือนหมาตัวเมีย สองเต้านี้ควรพร้อมให้ดูดและขบกัด”
ดวงตากลมโตถลึงใส่ซิวอี๋ ก่อนที่จะสาดคำพูดเผ็ดร้อนออกไป “แม่ทัพผู้นั้น เป็นสุนัขหรืออย่างไร ถึงได้ชอบดูดเลีย และหากไม่ได้ดั่งใจ ก็คิดกัดผู้อื่นราวกับเดรัจฉาน”
แม่บ้านวัยกลางคนตกใจคำพูดของลั่วฟางเซียน นางยกมือเงื้อง่าตั้งใจตบลงบนใบหน้างามล้ำ ทว่ากลับมีก้อนหินก้อนหนึ่งลอยหวือมา มันโดนที่หลังมือนาง แล้วสร้างบาดแผลทันที
ซิวอี๋หวีดร้องเสียงหลง ก่อนลนลานลงไปนั่งหมอบกับพื้น ตัวนางสั่น ท่าทางแจ้งให้รู้ว่าหวาดกลัวคนที่มองไม่เห็น
“บะ บ่าวไม่สมควร บ่าวไม่สมควรแตะต้องอนุที่แต่งเข้าสกุลถาน”
“ฝึก...และเตรียมพร้อมนาง หน้าที่ทรมานกับลงโทษอนุที่เกียจคร้าน เป็นของข้าเพียงผู้เดียว”
เสียงดังกล่าวดังมาจากทิศเหนือ ลั่วฟางเซียนเพียงแค่ฟังก็แจ้งใจว่า อีกฝ่ายมีวรยุทธ์ เช่นนี้นับว่านางจะได้ออกแรงอย่างสนุกแน่นอน คงเพราะคนพวกนั้นรู้เรื่องนี้ จึงส่งนางมาทำเรื่องชั่วช้าในคฤหาสน์อันกว้างใหญ่
แต่ก่อนจะได้ทำเรื่องดังกล่าว ด่านแรกที่นางต้องเผชิญมันช่างน่าอดสู กระนั้นซิวอี๋ไม่ได้ ทำสิ่งใดรุนแรงต่อลั่วฟางเซียนอีก ทว่าการเตรียมตัวเพื่อเข้าห้องหอรับใช้ถานป๋อช่างเป็นเรื่องชวนขนลุก
“เจ้าต้องชโลมขี้ผึ้งให้ชุ่มฉ่ำ กลีบสวาทนี้ต้องมีกลิ่นหอมหวาน ยามถูกกระตุ้นด้วยลิ้น มือ อย่าได้ติดขัด เมื่อท่อนเนื้อแทรกเข้าไปข้างข้างใน เจ้าต้องสร้างความสุขต่อท่านแม่ทัพอย่างที่สุด”
“ข้ารู้ แม่บ้านไม่ต้องเสียเวลาอบรมอันใด”
“ฮึๆ ๆ อนุเหยียนเกิดจากหอคณิกาหรืออย่างไร ถึงรู้แจ้งเรื่องอุ่นเตียงนัก”
ลั่วฟางเซียนได้ยินคำพูดจี้ใจดำ ใบหน้างามล้ำก็กระตุก ดวงตานางแดงจัด ซิวอี๋ตั้งตนเป็นศัตรูผิดคนแล้ว!
“โกรธแค้นอันใดข้า สกุลของเจ้าต่างหาก ที่ส่งตัวมาเพื่อการนี้ และข้าคือแม่บ้านผู้คุมกุฎถือกุญแจเรือนต่างๆ ข้าเพียงแต่ทำหน้าที่ของตน”
“ใช่ พวกเจ้ามันแค่บ่าวชั้นต่ำ ทำได้เพียงแต่คอยกดขี่ห่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า”
“ถ้าอนุเหยียนไม่อยากให้บ่าวต่ำต้อยและข้าทำเช่นนั้นกับท่าน จงมีชีวิตให้รอดในคืนนี้เถิด ใช้กลีบงามๆ อันบริสุทธิ์ให้เกิดประโยชน์ อ่อ...ข้าเตือนไว้อย่าง การเข้าหอของแม่ทัพเพื่อตักตวงความสุข ไม่ได้มีแค่ทางเดียว ทั้งกลีบหวาน ริมฝีปากเจ้า และข้างหลัง...มันควรถูกเตรียมให้พร้อม!”
เรื่องสัปดนเช่นนั้น เหตุใดสตรีที่ช่วงชีวิตหนึ่งเคยเกี่ยวข้องกับสำนักโคมเขียวอย่างลั่วฟางเซียนจะไม่เข้าใจ
สิ่งที่นางเอ่ยย่อมไม่ผิดจากนั้น บุรุษที่อยู่ในอ่างอาบน้ำกับนางสวมหน้ากากพยัคฆ์ที่ทำขึ้นจากทองคำ เป็นแบบครึ่งหน้า โดยตอกสลักเป็นลวดลายน่าเกรงขาม และนางหาได้เฉลียวใจว่าคนผู้นี้นางเป็นผู้ปลุกให้เขาตื่น! นางฉงนระคนตื่นเต้น พลางมองผ่านหน้ากาก จดจ้องหน่วยตาเขา ซึ่งเป็นสีดำทะมึน ดูลึกลับ ชวนให้หลงใหล ทว่าในห้วงเวลาเดียวกัน ลั่วฟางเซียนรู้ว่า ดวงตาสีดำขลับไร้หน่วยตาขาวนี้หาได้มีความเป็นมนุษย์! พยัคฆ์ทองคำ ส่งเสียงคำรามโฮกใหญ่ ไม่ใช่ความน่าเกรงขาม แต่เป็นการแสดงออกถึงความป่าเถื่อนของสัตว์อสูร จากนั้น เขาเอื้อมมือใหญ่มานวดเฟ้นเรือนร่างลั่วฟางเซียน มือคู่นั้นหาได้ผ่อนปรนต่อร่างกายหญิงสาว หน้าอกอวบสวยไหวสะท้าน ด้วยแรงมือเขาบีบคั้นประหนึ่งอยากให้นางปล่อยน้ำนม นางร้องประท้วงสุดเสียง แต่ไม่อาจหลุดพ้นจากไฟราคะอีกฝ่าย เมื่อเขาจับเอวคอดไว้มั่น จึงหมุนตัวนางหันหลังกลับ ลั่วฟางเซียนถูกจับตรึงชิดขอบอ่างไม้ ขนบนหลังต้นคอนางลุกชัน เหงื่อเกาะพราวบนหน้าผาก บั้นท้ายงอนงามโผล่พ้นผิวน้ำเล็กน้อย อวดเรือนร่างแสนรัญจวนใจแก่อีกฝ่าย “ทะ ท่านจะทำสิ่งใด?” ไม่มีเสียงตอบ แล
“ปละ ปล่อยข้า” นางร้องประท้วง แต่เจิ้งหวนหาได้ใส่ใจฟัง เขาทั้งฉุดแกมลากลั่วฟางเซียน เพื่อหลบวิถีลูกธนูไฟซึ่งพุ่งออกจากจุดลับตา และลูกหนึ่งหวิดปักหัวไหล่หญิงสาว ทั้งธนูไฟและเสียงคำรามก้องกังวานทำให้ลั่วฟางเซียนสั่นเทาไปทั้งร่าง กระนั้นนางยังดิ้นขัดขืน ด้วยอยากรู้เหลือเกินว่าภายใต้หน้ากากเขาปีศาจ ซ่อนใบหน้าบุรุษใดเอาไว้ มันจะงดงาม หรืออัปลักษณ์ชวนให้พรั่นพรึง “พี่หวน!” ลั่วฟางเซียนเรียกชื่อคนที่ช่วยนางเอาไว้ และสงสัยเหลือเกินว่าเขาโผล่เขาโผล่มาที่นี่ได้อย่างไร “เป็นพี่เอง เจ้าได้รับอันตรายหรือไม่” เมื่อเขาถาม ลั่วฟางเซียนพลันเกิดความกระดากอาย ทั้งรู้สึกว่าตนเป็นหญิงที่ไม่คู่ควรกับบุรุษคนใด นางแปดเปื้อนเกินที่เจิ้งหวนจะอุ้ม และกอดเอาไว้ด้วยความห่วงใยเช่นนี้ “ข้าทำสำเร็จแล้ว ถานป๋อ ถูกพิษจากกำไลสยบมังกร” ฟ่านลั่วเซียน เลือกพูดถึงสิ่งที่นางภูมิใจ ยามนั้น เจิ้งหวนไม่อยากทำให้ความดีใจที่ลั่วฟางเซียนสูญเปล่า แต่เขาต้องบอกให้นางเข้าใจถึงความจริงของบุรุษสกุลถาน “เจ้ามั่นใจหรือว่า เมื่อครู่คือถานป๋อ!” ลั่วฟางเซียนอึ
ดวงตาคมของเจิ้งหวน มองไปยังเงาที่เคลื่อนไหวในเรือนเปิดโล่ง ภาพจากมุมนี้ไม่ชัดเจน แต่เสียงชายหญิงที่ดังอย่างเร่าร้อน แจ้งชัดว่าพวกเขากำลังอุ่นเตียงอย่างซาบซ่านถึงใจ เขามาถึงคฤหาสน์สัตตบงกชได้อย่างไร เรื่องนี้นับว่าโชคช่วยเอาไว้ หลังจากตามหาลั่วฟางเซียนอยู่สองคืน เขาบังเอิญพบสตรีชื่อ เหยียนเข่อซิน นางซ่อนตัวอยู่นอกเมือง คราแรกนางไม่อยากพูดถึงหญิงคนรักของเขา หากสุดท้ายได้อธิบายอย่างรวบรัดว่า ลั่วฟางเซียนถูกส่งตัวไปแทนนาง ดังนั้นเหยียนเข่อซินตัวจริง จำต้องหายสาบสูญไปจากเมืองกุ้ยโจว ถึงจะล่วงรู้ว่าลั่วฟางเซียนแต่งเข้าสกุลถานในฐานะอนุเหยียน แต่การเข้าไปสถานที่บนภูเขาสูงไม่ใช่เรื่องง่าย เจิ้งหวนต้องปลอมตัวเป็นคนงานเก็บมูลและทำความสะอาด และได้พบว่าด้านหลังของคฤหาสน์มีศพคนตาย สภาพศพถูกสุนัขกัดมีแผลเหวอะหวะ เขาจึงแน่ใจว่าที่นี่มีเรื่องราวชวนสยองปกปิดเอาไว้ จากนั้นเขาจึงอาสาช่วยฝังศพ และค่อยๆ สวมรอยเข้าไปเป็นคนงานในโรงครัว ดวงตาคมของเจิ้งหวนมองไปเบื้องหน้าอย่างไม่วางตา ยามนี้ เขายังรู้สึกวิงเวียนศีรษะขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะโดยรอบของคฤหาสน์มีทั้งพืชประหลาด อีกทั้งกลิ่นหอม
ภาพในวันวานลอยเข้ามาในหัว ลั่วฟางเซียนเป็นลูกสาวหมอตำแยหญิง มารดาต้องโทษทำให้ครอบครัวสกุลใหญ่ของพ่อค้าตายยกครัว ความผิดยังไม่ชี้ชัดว่าเป็นเพราะยาของมารดานาง แต่ในฐานะหมอเถื่อน ย่อมต้องรับผิดชอบ ลั่วฟางเซียนดิ้นรนหาทุกวิถีทางเพื่อช่วยมารดาและคนของร้านขายยาสกุลลั่ว กระทั่งต้องถูกจับขังไว้ในที่ลับ หากโชคชะตาพลิกผลัน เมื่อนางได้รับงานว่าจ้างให้มายังคฤหาสน์แห่งนี้ โดยที่ลั่วฟางเซียนต้องตามหาบุรุษชั่วถานป๋อให้พบ จากนั้นต้องวางยาเขา เมื่อสบโอกาสก็สังหารอีกฝ่าย “อย่าได้ห่วง เพียงแค่ทำให้ชายบ้าตัญหา หลงระเริงกับความสาวของเจ้า จากนั้นจงพรากลมหายใจของเขาออกจากร่าง!” ลั่วฟางเซียนได้ยินเรื่องน่ากลัวของชายสกุลถาน อีกทั้งสตรีที่นางรู้จักต้องสิ้นลมหายใจหลังจากถูกลักพาตัวไปบำเรอกามให้แก่เหล่าบุรุษชั่ว ซึ่งนางทราบมาว่าพวกเขามีถึงสิบสองคน! “แล้วข้าจะออกจากคฤหาสน์หลังนั้นได้อย่างไร” นางเอ่ยถามพวกที่อำพรางใบหน้าไว้ และพวกเขาส่งแผนที่มาดู พร้อมอาวุธลับหลากหลายชนิดที่นางจะใช้มันเพื่อเอาตัวรอด รวมถึงยังบอกนางอีกว่า คฤหาสน์สัตตบงกชมีคนของพวกเขาปะปนอยู่ นางจะได้รับการช่
เขาช่วยรักษานางหรอกหรือ ลั่วฟางเซียนไม่อาจคิดในแง่ดี ทว่านางหายใจหายคอสะดวกขึ้น อีกทั้งอาการคล้ายคนถูกมอมยาทุเลาลง “ท่านทำสิ่งใตต่อข้า!” น้ำเสียงลั่วฟางเซียนเฉียบขาด และคาดคั้น อีกฝ่ายหัวเราะเสียงชวนให้ครั่นคร้ามใจ ก่อนทำให้นางพิศวงจากคำตอบดังกล่าว “เตรียมเจ้าให้สะอาดที่สุด เพื่อเป็นเจ้าสาวของถานป๋อ” เสียงดังกล่าวทุ้มต่ำ ฟังแล้วชวนตื่นตระหนก และลั่วฟางเซียนไม่ทันได้ขยับตัวไปไหน นางต้องหวีดร้องด้วยความตกใจเมื่อถูกรวบเอวบาง จากนั้นจึงไปนั่งแปะอยู่บนร่างกายของชายหนุ่ม อึดใจต่อมา ลั่วฟางเซียนไม่แน่ใจว่านางคิดมากเกินไป หรือไม่ ทว่าความรู้สึกที่จับต้องได้คือสิบสองไม่ได้อยู่ในเรือนอักษร ดังนั้นตอนนี้นางเผชิญหน้าอยู่กับผู้ใด !? ร่างกายที่นั่งทับอยู่นี้ เนื้อตัวเขาไม่ได้เย็นจัด หรือร้อนรุ่ม แต่บ่งบอกได้ถึงความมีเลือดเนื้อ เป็นบุรุษที่รูปงาม สมชาตรี นางนั่งอยู่เช่นนั้น พลางคิดปะติดปะต่อเรื่องต่างๆ ในหัวเข้าด้วยกัน ภาพในเช้ามืดที่คนกลุ่มนั้น เดินทางมาพร้อมเงินจำนวนหนึ่ง และข้อความที่บอกให้นางปลอมตัวมาแทนสตรีที่จะแต่งเข้าสกุลถาน เพื่อเป็นอนุ
ยามนั้นความรู้สึกสาแก่ใจบังเกิดขึ้น มันช่างเหลวไหลนัก นางกลายเป็นคนที่มีสติวิปลาสตั้งแต่เมื่อใด “ข้าจะช่วยท่านให้หลั่งออกมาดีหรือไม่” นางเอ่ยจบแทนที่จะได้ยินเสียงตอบ เขากลับครางเสียงทุ้มๆ ราวกับเป็นการขอร้อง “ดีๆ ข้าจะทำให้ท่านปลดปล่อยจนสุขสมใจ” เท้าข้างนั้นยังออกแรงกดแก่นกายปลายหัวหยักที่บานเบ่งและมันวามวาว ก่อนที่อีกมือจะคว้าเอาพู่กันที่มีด้ามยาวราวสองศอกมาถือไว้ ปลายของมันข้างหนึ่งใช้เขียนตัวอักษร อีกด้านฝังเหล็กเอาไว้ มันไม่ได้มีความคม หากคือตราเหล็กแกะสลักเป็นตัวอักษร อ่านได้ว่า ‘สิบสอง’ สือเอ้อร์ ลั่วฟางเซียนเลือกใช้ปลายพู่กันที่เป็นขนจิ้กจอกเขี่ยยอดหน้าอกแข็งเป็นไตของชายหนุ่ม ผู้ที่นางจะเรียกเขาว่าคุณชายสิบสอง “อยากสำราญหรือไม่ ขอร้องข้าสิ สิบสอง ท่านครางให้ข้าฟังดังๆ” คำพูดนางได้การตอบรับจากอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เสียงที่เขาเปล่งจากลำคอ มันชวนสยิว ทั้งทำให้กลีบงามของนางในร่มผ้าแฉะชื้น “อ๊ะ...ข้าจะทำให้ท่านคลั่ง กลายเป็นคุณชายผู้ที่กลั้นน้ำคาวเข้มข้นสีขุ่นเอาไว้ไม่ไหว” นางเอ่ยราวกับเป็นหญิงร่านสวาท จาก







