บทที่ 3 ครอบครัว
เยว่หรูที่ได้รับบทนางเอกปลอม ๆ หรือก็คือนางร้ายดี ๆ นี่เอง... เธอใช้เวลานานพอสมควรเพื่อสงบสติอารมณ์ มันไม่ใช่เรื่องง่าย... ที่คนคนหนึ่งจะทะลุมิติข้ามยุคมาแล้วสามารถใช้ชีวิตต่อได้เลย
ถึงจะชอบพูดว่าอยากจะทะลุมิติเหมือนนิยายที่ตัวเองเคยอ่านก็ตาม แต่ทุกอย่างมันไม่ได้ง่าย ต้องปรับตัวใหม่ทั้งหมดทุกอย่าง สังคม สภาพแวดล้อม มันไม่ได้เหมือนที่เคยอ่านเจอในนิยายบางเรื่อง... ที่พอข้ามมาแล้วนางเอกเก่งเลย เยว่หรูห่างไกลจากคำนั้นมาก เพราะเธอคือนางเอกปลอม ๆ ถึงแม้ว่าจะเคยใช้ชีวิตในโลกก่อนมาเป็นอย่างดี แต่พอมาอยู่ที่ใหม่ก็ต้องเรียนรู้ใหม่และที่แห่งนี้แตกต่างจากที่จากมามากมายหลายอย่าง...
สิ่งแรกที่เยว่หรูทำหลังจากตั้งสติได้... นั่นคือสำรวจตัวเองว่าเธอคือเยว่หรูคนที่เป็นนางเอกตัวปลอมจริงไหม และใช่!! ทุกอย่างบ่งบอกว่าเธอคือเยว่หรู มีแม่ชื่อ ลู่หลิน มีพ่อเลี้ยงชื่อ จางหยวน
เยว่หรูไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิมนี้เลย ทุกอย่างที่เธอรู้ก็อ่านมาจากนิยายทั้งนั้น ตามเนื้อเรื่องบอกว่า... พ่อแม่ของเยว่หรูแยกทางกัน เยว่หรูอยากไปอยู่กับพ่อ แต่เพราะการทำงานของพ่อจะต้องย้ายไปต่างเมืองบ่อย ๆ เลยไม่ค่อยสะดวกหากจะมีลูกตามไปอยู่ด้วย
เยว่หรูจำได้ดีว่าเธอเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ในตอนที่อ่านถึงบทนี้ เรื่องที่พ่อเป็นทหารแต่ย้ายสถานที่ทำงานไปเรื่อย ๆ นั่นเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะว่าพ่อกำลังจะแต่งงานใหม่ แต่อ้างแบบนั้น สร้างภาพให้ตัวเองดูดีเพียงเท่านั้นเอง
เยว่หรูในนิยายก็เชื่อพ่อ... รังเกียจแม่ตัวเองเพราะแม่จนแล้วยังมาแต่งงานกับพ่อเลี้ยงที่จนแสนจนอีก ตอนที่รู้ตัวครั้งแรกว่าตัวเองอยู่ในร่างนางเอกตัวปลอมยังอยากจะดึงหัวตัวเองเลย... ทำไมทำตัวน่ารังเกียจเช่นนี้!!
แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเพิ่งจะ 14 ปี ยังทัน ยังมีเวลา ตายไม่ได้ ตายจากที่นี่แล้วจะไปอยู่ไหนต่อ อย่างน้อยยังมีเวลาที่จะเปลี่ยนอะไรได้บ้าง ตราบใดที่เธอไม่ไปอยู่กับพ่อ เธอจะไม่เจอนางเอกตัวจริง และเธอก็จะรอดจากชะตากรรมเลวร้าย
เธอต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ แม่จน... พ่อเลี้ยงจน... ไม่เป็นไร พวกเขาทั้งสองรักเยว่หรูคนนี้มาก โดยเฉพาะพ่อเลี้ยงที่ซื้อสิ่งของมาให้ตลอด แม้ว่าตัวเองจะมีเงินเพียงน้อยนิด ยังซื้อสิ่งของที่ไร้ประโยชน์ให้เยว่หรูเพียงเพราะเยว่หรูต้องการ
จางหยวนอยากให้ลูกสาวคนนี้มีทุกอย่างเหมือนลูกคนอื่น พ่อเลี้ยงสามารถอดอาหารเพียงเพื่อจะซื้อลูกอมรสนมมาให้ หากไม่ได้อ่านนิยายมา เยว่หรูก็คงไม่เชื่อว่าพ่อเลี้ยงจะดีกว่าพ่อแท้ ๆ เสียอีก
แต่เยว่หรูในนิยายกลับไม่พอใจ... คิดว่าเพราะพ่อเลี้ยงกับแม่แต่งงานกัน แม่เลยต้องทำงานหนักและต้องติดอยู่ที่นี่ หากแม่ไม่แต่งงาน พ่อก็จะมารับไปอยู่ด้วยแน่นอน ที่เยว่หรูเชื่อเพราะพ่อบอกมาแบบนั้น
เยว่หรูมาอยู่ที่นี่ได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว... จะเปลี่ยนตัวเองเลยก็กลัวคนอื่นจะตกใจ จากที่อ่านนิยายมา นิสัยของเธอกับเยว่หรูในหนังสือนั้นแตกต่างกันมาก แต่มันก็ไม่น่ายากสักเท่าไหร่ เพราะเยว่หรูไม่ค่อยสุงสิงกับใครอยู่แล้ว อายุ 14 ถือว่ายังเด็ก นิสัยอาจเปลี่ยนไปบ้าง... น่าจะทำให้ผู้คนไม่สงสัยในเรื่องนี้...
แต่ในสายตาของแม่และพ่อเลี้ยงนั้น... รู้ว่าลูกสาวกำลังเปลี่ยนไปจนทำให้ทั้งสองเริ่มกังวลใจ
"เยว่หรู... ลูกบอกแม่ได้นะว่าเป็นอะไร ปวดหัวอยู่ไหม" เยว่หรูที่นั่งมองแผ่นแป้งแข็ง ๆ ที่เป็นอาหารมื้อเย็นของวันนี้ก็เงยหน้ามองพ่อกับแม่ ทั้งสองมองเธอด้วยความห่วงใยอย่างปิดไม่มิด...
"หนูไม่ได้เป็นอะไร หนูแค่คิดว่าที่ผ่านมาหนูทำตัวไม่น่ารัก ทั้งที่พ่อกับแม่พยายามให้หนูมีทุกอย่างเหมือนกับคนอื่น แต่หนูก็ยังไม่พอใจ หนูขอโทษพ่อกับแม่ที่ทำตัวไม่ดี ให้โอกาสหนูแก้ตัวปรับตัวใหม่ พอจะได้ไหมคะ" เยว่หรูพูดจบก็เม้มปากแน่น ในเมื่อทั้งสองเริ่มสงสัย เธอเลยเลือกที่จะพูดออกไปแบบนั้น เธอไม่ได้เงยหน้ามองทั้งสองคนเลย... เพราะเธอกลัวถูกจับได้
ที่เยว่หรูบอกแบบนั้น เพราะเธอไม่สามารถปิดบังนิสัยที่แท้จริงของตัวเองได้ เยว่หรูเอาอาการป่วยหนักมาเป็นข้ออ้าง หวังว่ามันจะสามารถทำให้เธอรอดได้เหมือนในนิยายหลาย ๆ เรื่องที่เคยอ่านมา...
เยว่หรูหวังว่าทั้งสองจะเชื่อ ยอมรับในการเปลี่ยนไปของเธอได้ ถึงจะรู้สึกผิดที่เข้ามาอยู่ในร่างลูกสาวของพวกเขาก็ตาม เพราะไม่แน่ใจในหลาย ๆ อย่าง ไม่รู้ว่าในยุคนี้หากพูดเรื่องภูตผี ความเชื่อทั้งหลาย จะถูกจับไปลงโทษไหม เรื่องนี้เธออ้างอิงจากหนังสือนิยายหลายเรื่องที่ทะลุมิติมา ไม่รู้เรื่องนี้เป็นแบบนี้ไหม เลยต้องบอกแบบนั้นไป
"แม่ไม่เคยกล่าวโทษลูกเลย" ลู่หลินโอบกอดลูกสาว พร้อมกับเช็ดน้ำตาแห่งความปีติยินดี ลูกสาวเธอโตขึ้น จะมีอะไรที่น่ายินดีกว่านี้อีก...
"พ่อก็ไม่เคยกล่าวโทษลูกเหมือนกัน" จางหยวนกอดลูกสาวด้วยความรัก ดีใจเหลือเกินที่ลูกสาวยอมเรียกเขาว่าพ่อ และยังยอมให้กอด จากที่แต่ก่อนลูกสาวจะไม่เข้าใกล้ ไม่ยอมกินข้าวร่วมกัน หากเขาอยู่ ลูกสาวจะไม่ยอมกินข้าวเลย แต่หลังจากที่เยว่หรูไม่สบายนอนซมอยู่หลายวัน พอเริ่มดีขึ้น เยว่หรูก็เริ่มเปลี่ยนไป ลูกสาวมีแววตาที่ไม่ได้รังเกียจเขาเหมือนแต่ก่อนแล้ว...
"ขอบคุณพ่อกับแม่ที่ไม่ถือสาหนู" เยว่หรูยิ้มแล้วกอดทั้งสองคนเช่นเดียวกัน
"ไม่เลย... พ่อดีใจที่ลูกยอมรับพ่อ" น้ำตาลูกผู้ชายที่รอเวลานี้มานาน ถึงกับกลั้นเอาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว
"คุณน่ะ... อายลูกไหม ร้องไห้ทำไม... " ลู่หลินต่อว่าสามีพร้อมกับยิ้มและเช็ดน้ำตาของตัวเองและน้ำตาของสามีไปด้วย
"คุณก็ร้องเหมือนกัน" จางหยวนเช็ดน้ำตาให้กับภรรยาพร้อมกับหัวเราะภรรยาที่บอกเขาว่าไม่อายลูกหรืออย่างไร... ภรรยาของเขาก็ไม่ต่างจากเขาเลย
เยว่หรูน้ำตาซึมที่เห็นทั้งสองดูดีใจเพียงแค่เธอบอกแบบนั้น เธอคิดถึงพ่อแม่ของเธอเช่นกัน หากยังอยู่ก็คงแสดงความรักแบบนี้ไม่ต่างกัน แต่พ่อแม่ของเธอจากไปเพราะอุบัติเหตุ... ภาพเหล่านั้นเลยกลายเป็นภาพในความทรงจำเพียงเท่านั้น...
หากถามว่ารักสองคนนี้จริง ๆ ไหม... เยว่หรูที่มาจากปีสองพันก็ตอบได้ว่ายังไม่ได้รักแบบที่รักพ่อแม่ของตัวเอง แต่อนาคตจะมีความรู้สึกรักไหม... อันนี้เยว่หรูก็ตอบไม่ได้เช่นกัน...
เยว่หรูมีความรู้สึกเห็นใจ อยากช่วยเหลือ ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างรวมกัน แต่ไม่ใช่ว่ารักแบบพ่อแม่ แต่มันคือความรู้สึกที่ดี หวังดี อยากช่วยเหลือทั้งสอง จะให้บอกความรู้สึกของเธอที่มีในตอนนี้มันก็ค่อนข้างอธิบายลำบากเหมือนกัน...
แต่เท่าที่รู้ ทั้งสองคนนี้คือครอบครัวของเธอ... ในเมื่อพวกเขาเป็นคนที่หวังดีกับเยว่หรู รักเยว่หรู เธอก็จะตอบแทนพวกเขา ครอบครัวที่ดีควรได้รับการปกป้องไม่ใช่เหรอ แต่ถ้าหากเป็นครอบครัวที่พร้อมจะทิ่มแทงกัน... อิจฉาริษยากัน เยว่หรูคนนี้... ก็จะไม่สนใจอย่างแน่นอน...
บทที่ 53 ตอนพิเศษ"หนิงหนิงต้องเดินตามตา เข้าใจไหมครับ" จางหยวนบอกหลานสาวสุดน่ารักของเขา ที่วันนี้แต่งตัวมาพร้อมเก็บใบชา มีตะกร้าใบเล็กสะพายอยู่ทางด้านหลัง พร้อมทำงานเป็นอย่างมาก"คุณตาเชื่อใจหนิงหนิงได้เลยค่ะ" หานเผยหนิงวัยห้าขวบที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนงานเก็บใบชาของคุณตาก็รับปากอย่างแข็งขัน"ยายว่ารอพี่ใหญ่กับพี่รองดีกว่าไหม" ลู่หลินที่มองหลานสาวก็อดเอ็นดูในความน่ารักไม่ได้ หลานสาวของเธอนั้นถอดแบบแม่มาแทบทั้งหมด มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ได้จากคนเป็นพ่อ นั่นยิ่งทำให้หลานสาวของเธอน่ารักน่ามองมากกว่าเดิม"ไม่ได้ค่ะคุณยาย หากพี่ใหญ่พี่รองมา หนิงหนิงก็สู้ไม่ได้" หนิงหนิงต้องเก็บได้เยอะกว่า งานนี้หนิงหนิงต้องชนะ!!"หากแม่มาเจอ โดนดุอย่าหาว่ายายไม่เตือน" ลู่หลินแกล้งขู่หลานสาวตัวน้อยที่ดูจะกลัวแม่มากกว่ากลัวพ่อ"ไม่ค่ะคุณยาย วันนี้คุณแม่มีงานที่โรงพยาบาล และตอนบ่ายคุณพ่อจะรับไปโรงงานค่ะ หนิงหนิงปลอดภัยแน่นอนค่ะ" หนิงหนิงรีบบอกคุณยายทันที เธอจำได้ ก้นเธอไม่เจ็บแน่นอนเพราะคุณแม่ไม่อยู่"ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย" จางหยวนผู้ที่ตามใจหลานมากกว่าตามใจลูก มีหรือที่จะขัดใจหนิงหนิงตัวน้อยได้ เจอหลานออดอ้อนนิ
บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัววันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากเคยนับวันว่ามาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือยัง กลายเป็นว่าเลิกนับวันเวลาแล้ว ตอนนี้ที่นับคืออายุของลูก ๆ ของเธอที่กำลังโต ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้นต้องบอกว่ายุ่งกับการทำงานและการเลี้ยงลูก ยังดีที่พ่อกับแม่ของเธอมาช่วยเลี้ยง ไม่อย่างนั้นบอกเลยว่าเธอกับสามีไม่น่าจะเลี้ยงแฝดสามได้ และด้วยความที่แทบไม่มีเวลาพัก สามีของเธอบอกเลยว่า... พอแล้ว... มีสามคนก็พอแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเข็ดที่ลูกซนหรือว่ายังไงเยว่หรูทำงานที่โรงพยาบาลและทำงานที่บ้านด้วย ที่ตอนนี้ขยับขยายให้เป็นโรงงานขนาดเล็กผลิตยาสมุนไพรส่งทางสาธารณสุข โดยมีสามีของเธอเป็นคนดูแลตรงนี้ ส่วนในเรื่องของโรงงานตระกูลหานนั้นก็จัดแบ่งให้คนสนิทมาช่วยงาน แต่เขาก็ยังเป็นคนตัดสินใจในทุกเรื่อง ดีที่ได้สามีของพี่เหมยมาช่วยงาน ทำให้ทุกอย่างไม่ยุ่งยากมากนักในส่วนเรื่องของพระเอกที่เยว่หรูกลัวนั้น ก็ยังได้ข่าวเขาบ้างบางครั้งจากอาจารย์หม่า หรือบางทีเขาก็มาหาสามีเธอ แต่ก็ยังไม่เห็นจะแต่งงานสักที เยว่หรูกับพี่เหมยลุ้นอยู่ว่าคนไหนคือนางเอกตัวจริงของนิยายเรื่องนี้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นนางเอกเลยในส
บทที่ 51 วันที่รอคอย"คุณหมอคะ ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ" ลู่จิวหรือพี่เหมยเดินเข้ามาให้กำลังใจคุณหมอถึงหน้าห้องคลอดเลยทีเดียว"พี่เหมย... หมอกลัว" เยว่หรูบอกไปตามตรง เนื่องจากเธอท้องแฝด การคลอดเลยต้องผ่าคลอด และคนที่ติดต่อหมอต่างชาติให้มาทำคลอดให้เธอนั้นก็คืออาจารย์หม่านั่นเอง "อย่างน้อยก็ยังสามารถผ่าคลอดได้" ลู่จิวรู้ดีว่าคุณหมอกังวลเป็นอย่างมากเพราะทางการแพทย์ในสมัยนี้ยังไม่ก้าวหน้าเท่ายุคที่จากมา อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่พร้อม ยังดีที่อาจารย์หม่าคอยช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นเธอจะกังวลหนักมากกว่านี้แล้ว"แล้วพี่มาอยู่นี่ใครดูลูกชาย อย่าบอกนะว่าไปทำงานกับพ่ออีกแล้ว ลูกชายพี่ยังไม่สามเดือนเลยนะ" เยว่หรูถามหาหลานชายที่มีอายุเพียงสองเดือนกว่าพี่เหมยคลอดลูกในวันที่เยว่หรูจบการศึกษา ซึ่งได้ดั่งใจที่สามีพี่เหมยอยากได้ นั่นคือลูกชายตัวอ้วนกลมจ้ำม่ำ พี่ห่าวซวนนั้นหลงลูกมาก บางวันต้องหอบพาลูกไปทำงานที่โรงงานด้วย ตอนนี้พี่ห่าวซวนคือคนที่เข้าไปดูแลโรงงานของตระกูลหานแทนสามีของเยว่หรู เนื่องจากสามีของเยว่หรูต้องคอยดูแลเธอและดูแลโรงงานผลิตยาสมุนไพรส่งสาธารณสุขด้วย ทุกคนเลยต้องแบ่งงานกันทำ"สามีจะรออยู่ตรงนี้ ไม่
บทที่ 50 เรียนจบวันนี้คือวันที่ทางสมาพันธ์จะมอบใบประกาศสำเร็จการศึกษาให้แก่เยว่หรู ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ เพราะตอนที่อาจารย์หม่าเคยแจ้งนั้นบอกว่าหลังกลับจากค่ายแรงงานประมาณสามเดือน แต่นี่เพิ่งจะสองเดือนก็มีหนังสือรับรองออกมาแล้ว จึงทำให้วันนี้ครอบครัวเยว่หรูทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่สมาพันธ์วันนี้แม่ของเยว่หรูอยู่ในชุดกี่เพ้าสีเหลือง ทำให้ขับผิวขาว ๆ ของแม่ดูสวยดูดีจนพ่อนั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขากระบอก รองเท้าหนังอย่างดี ทุกอย่างที่ใส่มานั้นเป็นเยว่หรูจัดเตรียมไว้ให้ น้อยคนนักที่จะได้ใส่แบบนี้ ยิ่งทำให้พ่อเลี้ยงนั้นแทบไม่กล้าเดินไปไหนเลยทีเดียวส่วนสามีของเยว่หรูนั้นไม่ต้องจัดให้ เขาก็สามารถแต่งตัวให้ออกมาดูดีอยู่แล้ว วันนี้อาจารย์หมิงเว่ยมาร่วมแสดงความยินดีด้วย ซึ่งเยว่หรูนับถืออาจารย์หมิงเว่ยมาก เขาคือคนที่คอยช่วยเหลือตั้งแต่ที่เธอยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนักส่วนพี่สาวหลิงฟางก็มีเพียงจดหมายส่งหากันเท่านั้น เพราะพี่สาวหลิงฟางย้ายไปอยู่เมืองอื่น เยว่หรูทำได้เพียงส่งยาสมุนไพรและสิ่งของไปให้ ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเลย ต้องบอกว่าเยว่หรูตอบแทนทุกค
บทที่ 49 จุดไต้ตำตอเยว่หรูอยู่ค่ายจนถึงวันทำงานวันสุดท้าย ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าสามีไม่ได้ตามมาอย่างที่เคยบอกไว้ เยว่หรูคิดว่าเขาคงจัดการเรื่องงานไม่เรียบร้อย ซึ่งมันดี... เพราะเยว่หรูไม่อยากให้เขาตามมาสักเท่าไหร่"ทำเหมือนคนนอนไม่พอเลยนะเยว่หรู" อาจารย์หม่าถือชามอาหารมานั่งข้าง ๆ ลูกศิษย์"เมื่อคืนหนูฝันค่ะ เลยทำให้ตื่นกลางดึก พอตื่นแล้วนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ" เยว่หรูบอกไปตามความจริง"หากวันนี้ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำอะไรมากเข้าใจไหม" วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากนักเพราะเป็นวันสุดท้ายของการเรียนรู้แล้ว"แล้วเรื่องที่อาจารย์รักษาคุณโจวละคะ ยังต้องทำต่อเนื่องไหม" เยว่หรูถามเรื่องการบำบัดคนที่เครียดสะสมอย่างพระเอก ในตอนแรกอาจารย์บอกให้เธอลองรักษาด้วยตัวเอง แต่เธอไม่อยากทำก็อ้างว่าโน่นนี่นั่นไม่ค่อยสะดวกมากนัก ซึ่งอาจารย์หม่าก็ไม่ว่าอะไร"เยว่เยว่" เสียงเรียกดังมาจากทางประตู ทำให้เยว่หรูต้องหันไปมองทันที"อาจารย์บอกแล้ว เขามาแน่... ไม่ช้าก็เร็ว" อาจารย์หม่าบอกลูกศิษย์ตัวน้อยที่กำลังนั่งกลอกตาไปมา"พรุ่งนี้ก็กลับแล้วนะคะ" ความหมายของเธอชัดเจนคือ ...จะมาทำไม..."ไม่เจอกันตั้งหลายวัน พูดแบบนี้กับสามีได
บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเยว่หรูเรียนรู้แล้วว่าคนที่อยู่ที่นี่ส่วนมากจะมีภาวะหยินหยางไม่สมดุล พอไม่สมดุลก็นำพาไปสู่การเจ็บป่วยได้ง่าย เยว่หรูทำงานร่วมกับอาจารย์หม่าและมีหมอเท้าเปล่าที่คอยแนะนำสิ่งต่าง ๆ "เยว่หรูไปพักก่อนก็ได้" อาจารย์ที่รับปากครอบครัวของลูกศิษย์ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตัวเองรับปากแล้ว เพราะเยว่หรูนั้นทำงานทุกอย่าง ช่วยทุกคนที่สามารถเข้าไปช่วยได้ ทำงานหนักกว่านักศึกษาคนอื่นเสียอีกทั้งที่ตัวเองท้องอยู่"ยังทำไหวค่ะอาจารย์ ไม่ได้เหนื่อยอะไร" เยว่หรูบอกไปตามความจริง ความรู้ทั้งนั้น เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย "ทำเท่าที่ไหว เข้าใจไหม" หากเป็นอะไรขึ้นมาแล้วรับรองเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างแน่นอนเยว่หรูทำงานจนเรียบร้อยทั้งหมด พอถึงเวลาที่เธอเองออกมานั่งพักผ่อนมองดูผู้คนที่อยู่ในค่าย มีทั้งทหารและยังมีนักโทษที่มาใช้แรงงานกำลังทยอยกลับค่ายกัน กลุ่มคนชุดนี้จะถูกตรวจสุขภาพในวันพรุ่งนี้ ต้องถือว่าค่ายแห่งนี้ถูกดูแลอย่างนี้ ไม่ได้กดขี่มากนัก แม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นนักโทษ ต้องบอกว่าสถานที่กักกันหรือค่ายแรงงานจะแบ่งแยกนักโทษ "เป็นยังไงบ้างคุณหมอ" เสียงเรียกถามทำให้เยว่หร