LOGINวันรุ่งขึ้นอี้เฟิงก็ได้มายืนอยู่หน้าประตูของคนบ้านซูแล้ว เมื่อมาถึงเขาก็ได้ทุบประตูพร้อมกับตะโกนเรียกคนในบ้านเพื่อให้ออกมาเปิดประตูให้เขาด้วย จินเป่าเมื่อได้ยินเสียงทุบประตูและเสียงที่ตะโกนเรียกเขาก็จำได้ว่าเป็นใครเขาจึงได้รีบเดินออกมาจากด้านในบ้าน
“มาแล้วครับ คุณลุงหยุดเคาะก่อนนะครับผมกำลังเปิดประตูให้” จินเป่าบอกกับคนที่อยู่ด้านนอก
“สวัสดีครับคุณลุงทำไมวันนี้มาแต่เช้าเลยครับ เข้าบ้านก่อนเถอะครับ” จินเป่าทักทายอี้เฟิงพร้อมกับเชิญให้เขาเข้าไป ในบ้าน
“จินเป่าช่วยออกไปยืนยันคนกับลุงก่อนเพราะมันเป็นเรื่องด่วนเธอพร้อมที่จะไปกับลุงเลยไหม เราจะต้องเข้าไปในตัวมณฑลกัน” อี้เฟิงพูดจุดประสงค์ออกมาโดยทันที
“เรื่องอะไรเหรอครับคุณลุงพอจะบอกกับผมได้ไหม ผมจะได้บอกกับที่บ้านได้ถูก” จินเป่าถามออกมาด้วยความสงสัย
“เธอจำครั้งแรกที่ลุงมาบ้านของเธอได้ไหม ที่วันนั้นมีผู้ชาย และผู้หญิงมาที่บ้านเธอเขาสองคนตอนนี้ได้เสียชีวิตแล้ว แต่ลุงไม่แน่ใจแล้วก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครลุงเลยต้องการให้ เธอไปยืนยัน”
จินเป่าเม
เมื่อเหตุการณ์ภัยแล้งได้ผ่านพ้นไปแล้วและสถาณการณ์ต่าง ๆ ก็เริ่มที่จะดีขึ้นทางโรงเรียนที่เจ้าตัวน้อยและพี่ชายก็ได้เปิดภาคการเรียนของปีนี้ขึ้นเช่นเดียวกันซึ่งตั้งแต่วันที่ซินซินไปทดสอบข้ามระดับชั้นเพื่อให้เรียนอยู่ชั้นเดียวกับพี่ชายนั้นก็ผ่านมาได้ถึงสี่เดือนแล้ว“ตื่นเต้นไหมซินซินวันนี้หนูจะได้ไปเรียนพร้อมพี่ชาย” ซูเหมยถามลูกสาวในขณะที่เธอก็มัดผมทรงซาลาเปาคู่ให้กับเจ้าตัวน้อยไปด้วย“นิดหน่อยค่ะแม่แต่แม่วางใจได้หนูเอาอยู่” ซินซินก็ตอบแม่ออกมาอย่างทะเล้นซูเหมยเมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่มีอาการตื่นกลัวเธอก็โล่งใจ และเมื่อสองแม่ลูกเดินออกมาจากห้องแล้วก็เห็นจินเป่ากับลูกชายสามและหลานชายหนึ่งรวมทั้งคนในบ้านที่กำลังต่างสนทนากันอยู่ก็พากันหันมามองเธอทั้งสองคน“ทุกคนเป็นอะไรกันคะทำไมมองฉันกับซินซินแบบนี้กันล่ะ” ซูเหมยถามออกมาด้วยความสงสัย“เจ้าตัวแสบอยากจะไปเรียนด้วยนะสิ” จินเป่าตอบภรรยาด้วยท่าทางอ่อนใจเพราะเขาคุยกับลูกหลานแล้วแต่เด็กพวกนี้ไม่ยอมฟังเขาเลย“พวกหนูสามคนยังไปไม่ได้จะต้องรออีกสามปีนะคะ” ซูเหมยก็บอกกับเด็กแฝดสองคนแล้วเธอก็ห
เมื่อเวลาเช้าได้มาถึงจินเป่ากับจางหยางก็ได้ขี่จักรยานไปกันคนละคันเพราะจางหยางตั้งใจว่าหลังจากไปแจ้งทางการกับจินเป่าแล้วเขาจะไปทำงานต่อและเมื่อพวกเขาสองคนมายังที่ทำการของทหารรักษาความปลอดภัยแล้วจินเป่ากับจางหยางก็พากันเดินเข้าไปด้านใน“สวัสดีครับผมกับน้องชายมาแจ้งเรื่องบ้านผมมีโจรบุกเข้าบ้านครับ ตอนนี้พวกโจรได้ถูกคนในหมู่บ้านช่วยกันจับไว้และมัดรวมกันอยู่ที่ลานบ้านของผม” จินเป่าเป็นฝ่ายเดินไปบอกเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่กำลังนั่งอ่านเอกสารบางอย่างอยู่ที่โต๊ะ“นี่คุณพูดเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอโจรพวกนั้นมีกี่คนมีอาวุธหรือเปล่า” เจ้าหน้าที่คนนั้นรีบเงยหน้ามองหน้าจินเป่ากับจางหยางพร้อมถามขึ้นด้วยความตกใจ“มีสิบเอ็ดคนครับมีอาวุเป็นมีดยาวห้าหกเล่ม” จินเป่าก็ยังคงเป็นฝ่ายตอบคำถามเหมือนเดิม“หวังว่าที่คุณพูดมาจะเป็นเรื่องจริงนะเพราะถ้าหากไปตรวจสอบแล้วไม่ใช่เรื่องจริงพวกคุณจะมีโทษฐานก่อกวน” เจ้าหน้าที่คนนั้นก็พูดขู่ออกมา เพราะพักนี้มักจะมีพวกชอบก่อกวนอยู่มากทำให้เจ้าหน้าที่เสียเวลากันอยู่หลายครั้ง"ผมรับรองว่าเป็นเรื่องจริงผมชื่อจางหยางเป็นเลขาฝ่ายด้านการปก
“คุณอยู่ในห้องกับลูกสาวนะครับ ผมจะไปดูลูกชายของเราที่นอนอยู่กับเจ้าแฝดและเสี่ยวหมิง” จินเป่าบอกกับภรรยาพร้อมกับวางลูกน้อยให้ยืนลงกับพื้น“ฉันว่าคุณไปบอกตากับยายและก็วิ่งไปบอกจางหยางก่อนดีกว่าไหมคะ ฉันกับซินซินจะไปดูลูก ๆ เอง” ซูเหมยก็รีบพูดกับสามี“ตกลงถ้าอย่างนั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ” จินเป่ากับซูเหมยก็เดินแยกกันไปคนละทาง“จิวจิวพวกมันมาถึงกันหรือยัง” เจ้าตัวน้อยก็ทำการสื่อสารกับจิวจิวไปด้วย“ใกล้แล้วพวกต้นไม้บอกว่ามันพากันยืนรออยู่หน้าบ้านหลงกันไม่รู้ว่าทำไม” จิวจิวก็บอกกับซินซินตามที่พวกต้นไม้บอกมา“อย่าบอกนะว่าเรื่องนี้คนบ้านหลงจะมีเอี่ยวด้วย ถ้ามีนะซินซินไม่มีทางเอาไว้แน่คนคิดชั่วทำชั่วแบบนี้จะต้องโดนลงโทษให้หนัก” เจ้าตัวน้อยก็พูดขึ้นด้วยความโมโห“จิวจิวบอกว่ายังไงบ้างลูกพวกมันมาถึงกันหรือยัง” ซูเหมยได้ยินที่ลูกสาวพูดเธอจึงหันไปถามด้วยความร้อนใจ เมื่อเธอมาถึงห้องของลูกชายเธอก็เปิดประตูเข้าไปเพราะห้องของเด็ก ๆ ไม่ได้ลงกลอนข้างใน“ซานซานตื่นเร็วเข้าลูก” ซูเหมยเมื่อเดินมาถึงเตียงของลูกชายเธอก็ได้ไปเขย่าตัวปลุกซานซานก่อน“แม่ฮับ
คนในบ้านซูเมื่อรู้ว่าเป็นใครมาหาจินเป่าก็ได้เป็นฝ่ายลุกขึ้นแล้วเป็นคนเดินมาเปิดประตู“สวัสดีครับพี่จางเข้ามานั่งในบ้านก่อนสิครับ” จินเป่าเมื่อเปิดประตูแล้วก็ได้เชิญจางหลวนกับผู้ช่วยของเขาที่มาด้วยให้เข้าไปในบ้าน“สวัสดีทุกคนครับ ขอโทษที่ผมมารบกวน” จางหลวนและผู้ช่วยก็ทักทายกับทุกคน“สวัสดีคุณลุงจางและผู้ช่วยครับ/ค่ะ” เจ้าตัวน้อยของบ้านซูก็ต่างพากันทักทายเถ้าแก่จางขึ้นมาเช่นกัน“ไม่เป็นไรไม่ต้องเกรงใจคนกันเองทั้งนั้นมานั่งลงเถอะ” ซูหมิงเป็นคนพูดแทนคนในบ้านออกมาเมื่อทุกคนนั่งกันหมดแล้วจินเป่าก็ได้ถามในสิ่งที่ตนสงสัย “พี่จางมาหาผมมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าครับ”“มีสิพี่จะบอกว่าช่วงนี้พวกนายอย่างเพิ่งเข้าไปในอำเภอนะโดยเฉพาะตลาดมืดเพราะมีโจรออกมาขโมยของกันร้านพี่เองก็โดน พอพี่จัดการสั่งคนงานในร้านให้ทำตามที่พี่บอกแล้วพี่ก็รีบมาบ้านของนายนี่แหละ” จางหลวนพูดจบก็ยกน้ำเก๊กฮวยหอมเย็นขึ้นดื่ม“ได้ดื่มเครื่องดื่มหอม ๆ เย็น ๆ แบบนี้มันดีจริง ๆ ว่าแต่บ้านนายมีตู้แช่เย็นด้วยเหรอมันยังหายากมากอยู่เลยนะ” จางหลวนถามน้องชายออกมาด้วยความแปลกใจ
ในตอนเย็นทั้งสองครอบครัวภายในบ้านตระกูลซูหลังจากที่จินเป่าและหย่งเล่อก็ได้พากันกลับมายังบ้านของพวกเขาหลังจากที่ไปคุยกับผู้ใหญ่บ้านมาเมื่อเขาทั้งสองได้ไปจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยพวกเขาก็พากันมานั่งอยู่ในห้องโถงเพื่อจะได้พูดคุยกับทุกคนภายในบ้านถึงเรื่องต่าง ๆ ที่พวกเขาแต่ละคนได้ทำกันมาในวันนี้ แต่ทุกคนก็ยังไม่เห็นจางหยาง“จางหยางยังไม่กลับมาอีกเหรอครับนี่ก็เย็นมากแล้ว” จินเป่าถามกับคนในบ้านขึ้นมา“ยังเลยลูก ฮัวเหมยเองก็เป็นห่วงแม่ว่าจางหยางน่าจะยุ่งนั่นแหละ” เยี่ยนฟางก็ตอบกับลูกเขยออกมาพร้อมกับที่เธอก็อุ้มลูกชายคนที่สองของจางหยางไปด้วย“คุณดูเด็กคนนี้สิค่ะเลี้ยงง่ายเสียจริงไม่เหมือนลูกชายของเราเลยและก็ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง” เยี่ยนฟางก็พูดกับผู้เป็นสามีภายในค่ายการฝึกพิเศษที่ชุนกำลังฝึกอยู่ตอนนี้อยู่ ๆ ชุนก็จามออกมา“พี่ชายสาวที่ไหนคิดถึงพี่กันจามซะดังเชียว” หลวนเหยาพูดแซวชุน“พี่ว่าต้องเป็นแม่พี่อย่างแน่นอนเพราะพี่มีสาวให้บ่นถึงแค่คนเดียวฮ่า ๆ” ชุนก็บอกกับเพื่อนรุ่นน้องของตนพร้อมกับหัวเราะออกมาด้วยเมื่อได้เห็นสีหน้าข
ตั้งแต่ที่ทางหัวหน้าฝ่ายผลิตได้รับสมุดของเจ้าตัวน้อยพวกเขาก็ได้ลองนำเสนอไปทางฝ่ายผลิตของทุกหน่วย และที่แรกที่เริ่มทำตามแผนในสมุดของเจ้าตัวน้อยก็คือหมู่บ้านจิวหูเขตสีซือที่เป็นที่อยู่ของหมู่บ้านของเจ้าตัวน้อยนี่เองเมื่อทุกคนได้ทำตามขั้นตอนในสมุดทุกอย่างโดยมีครอบครัวของคนตระกูซูและตระกูลอู๋คอยเป็นผู้ให้คำแนะนำและก็เป็นผู้ลงมือทำด้วยโดยมีเจ้าตัวน้อยอยู่เบื้องหลังโดยที่เจ้าตัวน้อยเองก็ได้ขอพรที่ตัวเองมีช่วยอย่างลับ ๆ ว่าขอให้วิธีการที่ตัวเองเขียนขึ้นมานี้ได้รับผลตอบแทนที่ดีด้วยเถอะ และแล้วผลของการร่วมแรงร่วมใจก็สามารถมองเห็นถึงความสำเร็จเล็ก ๆเพราะต้นข้าวโพดที่ได้เมล็ดมาจากทางหน่วยได้งอกขึ้นมาแล้ว เมื่อฝ่ายการผลิตมีความคืบหน้าที่ดีแบบนี้พวกเขาก็ต่างพากันยิ้มออกมาได้เสียทีแต่ความวุ่นวายเรื่องโจรขโมยก็ยังไม่หมดไปเสียทีเดียวเพราะความอดยากยังคงมีอยู่แต่คนที่เป็นขโมยมักจะทำเพราะความโลภในทรัพย์สินของผู้อื่นเสียมากกว่าเนื่องจากว่าทางภาครัฐก็ไม่ได้นิ่งดูดายในการช่วยเหลือประชาชนเพราะพวกเขาก็ต่างได้ส่งเจ้าหน้าที่เพื่อไปหาซื้อผลผลิตจากในหลาย ๆ ที่ทั่วทุกมณฑล







