ตอนที่ 8 ว่าด้วยเรื่องของการหย่า
ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วที่หรงผิงเข้าไปที่บ้านเฉิน หลังจากที่กลับมา เธอก็ไม่ได้เข้าไปในหมู่บ้านอีกเลย แต่ให้ฝาแฝดเอาปลาเป็นเข้าไปให้บ้านย่าแทน ที่ทำแบบนั้นเพราะคิดว่าควรทำ เพราะหากหย่าแล้วจะได้จบกันด้วยดี "ปลาแห้งของเราเยอะมาก" จือหมิงมองปลาแห้งที่แม่ทำไว้เยอะมาก ๆ แม่บอกว่าเอาเก็บไว้กินได้นาน ๆ พอเห็นว่ามีอาหารอยู่มาก เลยทำให้ยิ้มอย่างสุขใจ "แม่ใจดีมาอยู่กี่วันแล้วหรือคะ หนูหักนิ้วได้ 15 วัน พี่ใหญ่บอก 17 วัน" ซือหงตัดสินใจถามแม่ น่าจะให้คำตอบกับเธอได้บ้าง "22 วัน" หรงผิงตอบออกไป เธอจำได้เป็นอย่างดี ตลอดเวลาที่มาอยู่ที่นี่ เธอได้สำรวจและรู้ว่าช่วงนี้ยังทำอะไรมากไม่ได้ เพราะยังอยู่ในฤดูหนาว และเธอรอให้เรื่องหย่าคลี่คลายก่อน ไม่รู้ว่าพ่อของเด็ก ๆ จะมาไม้ไหน เธอได้ข่าวที่ชาวบ้านพูดต่อ ๆ กันเพียงเท่านั้น จบจากเรื่องหย่าแล้วค่อยคิดว่าตัวเองจะทำอะไรต่อ จากที่นับวันเวลาดูแล้วคงเหลืออีกไม่กี่วัน พ่อของเด็ก ๆ คงมาจัดการเรื่องหย่าแล้ว "ผิดทั้งคู่!!" ซือหงหันไปหัวเราะกับพี่ชาย ที่ต่างเถียงกันแต่กลับผิดทั้งคู่ "แม่... หย่าคืออะไร" จือหมิงอยากรู้เรื่องนี้มาก เขากับน้องสาวได้ยินคนในหมู่บ้านบอกว่าพ่อกับแม่จะหย่ากัน เลยอยากรู้ว่าหย่าคืออะไร "หย่าหมายถึง แยกกันอยู่ ไม่ใช่สามีภรรยากันอีกต่อไป" หรงผิงไม่คิดจะปิดบัง แต่ไม่รู้บอกไปแล้วเด็กแฝดจะเข้าใจไหม "พ่อกับแม่ต้องหย่ากันเหรอคะ" ซือหงเกาหัวอย่างไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไร "หมายถึงพ่อกับแม่หย่าขาดจากกัน ไม่ใช่สามีภรรยา แยกกันอยู่ แต่แม่ก็ยังเป็นแม่ พ่อก็ยังเป็นพ่อเหมือนเดิม" หรงผิงอธิบายต่อ หวังว่าทั้งสองจะพอเข้าใจ เพราะเธอก็อธิบายไม่ค่อยเก่งสักเท่าไร "ตอนนี้พ่อกับแม่ก็หย่ากันแล้วใช่ไหมคะ เพราะแยกกันอยู่" ซือหงเข้าใจแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นปู่กับย่าก็หย่ากันเป็นพัก ๆ เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด เหมือนลุงใหญ่กับอาเล็กก็หย่าเพราะแยกกันอยู่!! "ไม่ใช่แบบนั้น หมายถึงพ่อกับแม่จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก ไม่กลับมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอีกแล้ว" หรงผิงก็ไม่รู้จะอธิบายแบบไหนเหมือนกัน เพราะจากที่ฟังแล้วทั้งสองก็ยังไม่เข้าใจ "ทำไมต้องหย่าเหรอครับ" จือหมิงก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่อยากรู้ว่าทำไมคนเราต้องหย่ากันด้วย "เพราะแม่เป็นคนใจร้าย ทำร้ายลูกของตัวเอง พ่อเลยอยากหย่า" หรงผิงบอกเรื่องจริงออกไป "แม่ใจร้ายตายไปแล้ว แม่เป็นคนบอกเอง ตอนนี้มีแต่แม่ใจดีเท่านั้น" ซือหงรีบเตือนแม่ เธอจำที่แม่บอกได้ดี แล้วแม่จะลืมได้อย่างไร!! "เพราะแม่ใจร้ายมาตลอด ไม่มีใครเขาเชื่อหรอกว่าแม่เปลี่ยนไปแล้ว ตอนแรก ๆ พวกลูกยังกลัวแม่อยู่เลย" หรงผิงยิ้มให้ความไร้เดียงสาของเด็ก ๆ กับเด็กนั้นเข้าใจได้ง่าย แต่คนโตไม่มีทางเข้าใจแบบที่เด็กทั้งสองเข้าใจอย่างแน่นอน "แต่พวกเราก็เชื่อแม่ อีกไม่นานคนอื่นก็ต้องเชื่อเหมือนกัน" เขาเชื่อได้ คนอื่นก็ต้องเชื่อเหมือนกัน เพราะแม่ใจดีจริง ๆ และเขาจะเป็นคนบอกคนอื่น ๆ เองว่าแม่ของเขาคนนี้ใจดีจริง ๆ "ไม่ต้องกลัว... ถึงอย่างไรแม่ก็จะมาหาบ่อย ๆ " หรงผิงลูบผมเด็กทั้งสองด้วยความเอ็นดู ตอนนี้เด็กแฝดเปลี่ยนไปมากพอสมควร มีเส้นผมนุ่มลื่นไม่พันกันเหมือนแต่ก่อน ผิวขาวสะอาดเกลี้ยงเกลา มีแก้มเล็กน้อยเพราะกินอาหารครบสามมื้อ และทั้งสองยังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้าน ทำให้เด็กแฝดน่ารักน่ามองมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลยทีเดียว "ทำไมแม่ต้องมาบ่อย ๆ แม่ไม่อยู่บ้านเราแล้วเหรอคะ" ซือหงไม่เข้าใจคำว่าหย่าจริง ๆ หย่าแล้วแม่จะไปไหน หรงผิงยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอไม่เก่งกับการที่ต้องอธิบายให้เด็กเข้าใจ และเรื่องนี้มันละเอียดอ่อนเหลือเกิน ยอมรับว่าไม่กล้าแตะ กลัวทำให้เด็กที่กำลังมีจิตใจที่ดีขึ้นจากตอนแรก กลับไปเป็นเหมือนเดิม "มีใครอยู่ไหม!! มีเอกสารด่วนมารับด้วย" เสียงดังมาจากหน้าบ้าน ทำให้ทั้งสามหยุดพูดคุยเรื่องนี้ทันที "คงมาแล้วสินะ" หรงผิงพึมพำก่อนจะเดินออกไปหน้าบ้าน "เอกสารอะไรคะ" หรงผิงถามเจ้าหน้าที่ เธอเพิ่งรู้ว่ามีเจ้าหน้าที่มาส่งเอกสารแบบนี้ด้วย แม้แต่ร่างเดิมยังไม่เคยเห็นคนส่งเอกสารแบบนี้เลย เรื่องนี้เดาได้ไม่ยาก คงเป็นพ่อของเจ้าแฝดแน่ ๆ ในเมื่อพวกเขาเป็นทหารกันทั้งบ้าน มันเป็นเรื่องง่ายที่จะใช้เส้นสายในการจัดการเรื่องนี้ "คุณเซียวต้องไปพร้อมกับเราครับ" เจ้าหน้าที่ยื่นเอกสารให้แบบลวก ๆ เพราะมั่นใจว่าชาวบ้านธรรมดาคงอ่านไม่ออกแน่ ๆ หรงผิงหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านก่อนจะยกยิ้ม เธอเข้าใจที่เจ้าหน้าที่คิดว่าเธออ่านไม่ออก เพราะส่วนมากผู้หญิงยุคนี้อ่านเขียนไม่ค่อยได้ แต่เธอที่มาจากวันสิ้นโลกที่วัน ๆ หาที่หลบซ่อนและต้องอยู่กับที่ไม่ออกไปไหน เพื่อนที่ดีที่สุดคือหนังสือต่าง ๆ ที่หยิบฉวยมาได้ เธอชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว ไม่ว่าหนังสืออะไร จึงทำให้เธออ่านออกเขียนคล่องได้หลายภาษาเลยทีเดียว "สอบสวนเหรอคะ หากเป็นแบบนั้นฉันอยากให้คุณติดต่อพ่อหรือแม่ของฉันให้ด้วยได้ไหมคะ แล้วอยากให้คุณช่วยส่งเด็กทั้งสองคนนี้ไปไว้ที่บ้านย่าของพวกเขาด้วย" หรงผิงต่อรองกับเจ้าหน้าที่ เธอยอมที่จะตามเจ้าหน้าที่ไป แต่อย่างน้อยขอติดต่อบอกพ่อกับแม่ของร่างเดิม และให้เจ้าแฝดไปอยู่บ้านย่าเสียก่อน "อ่านออกด้วยเหรอครับ" เจ้าหน้าที่มองอย่างสงสัยก่อนจะค่อยๆ พินิจพิจารณา เพราะคนที่อ่านออกเขียนได้ต้องเป็นคนมีอันจะกิน มีพื้นฐานครอบครัวที่ดี และจากที่ดูรูปร่างหน้าตาก็บ่งบอกว่ามาจากครอบครัวที่ไม่ธรรมดา แต่ทำไมในเอกสารถึงบอกว่าเป็นแม่ที่โหดร้ายจนสามีต้องยื่นหนังสือขอหย่า ทั้งที่หน้าตาก็ดูใจดี ไม่น่าจะเป็นแม่ที่โหดร้าย "พออ่านได้ค่ะ ไม่ทราบว่าสิ่งที่ฉันขอไปพอจะทำให้ได้ไหมคะ" หรงผิงยังคงนิ่งและถามเจ้าหน้าที่ต่อ "ได้ ๆ " เจ้าหน้าที่อีกคนตอบกลับ "เด็ก ๆ จำที่แม่บอกได้ใช่ไหม ไปเอาห่อผ้าที่แม่เตรียมให้แล้วไปอยู่บ้านย่ากันเร็ว" หรงผิงยิ้มให้ทั้งสอง ยอมรับว่าทำใจยากพอสมควร เพราะเธอรู้ว่าเด็กแฝดรักแม่ แล้วอยู่ ๆ แม่ถูกพาไปแบบนี้ ทั้งสองต้องกลัวมากแน่ ๆ "คุณลุงจะพาแม่ไปไหนเหรอครับ" จือหมิงถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ "แม่แค่ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ ไม่มีอะไรหรอก ขึ้นรถเร็ว แม่จะได้ปิดบ้าน" หรงผิงบอกลูกชายก่อนจะปิดบ้านแล้วเอากุญแจใส่ห่อผ้าให้ลูกชาย "หนูขอไปด้วยได้ไหมคะ จะไม่ดื้อไม่ซนเลยค่ะ" ซือหงมองตาแป๋ว เธออยากไปกับแม่จริง ๆ "ไม่ได้หรอกหนู" เจ้าหน้าที่พยายามหันไปมองทางอื่น ไม่อยากเห็นหน้าเด็กทั้งสองที่มีสีหน้ากังวล ตอนนี้เจ้าหน้าที่ทั้งสองกำลังสับสน เอกสารแจ้งว่าลูกหวาดกลัวมารดา แต่เท่าที่ดูมันไม่ใช่เลย!! จากที่คิดว่าจะง่าย มันอาจไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้เสียแล้ว "แม่แค่ไปพูดคุย อยู่บ้านย่ารอแม่... เข้าใจไหม" หรงผิงยิ้มให้เด็กน้อยทั้งสอง เธอเตรียมเสื้อผ้า เตรียมนม และขนมไว้ให้ทั้งสอง และยังมีเงินใส่ไว้ในห่อผ้าอีกด้วย ความจริงเธอแค่เตรียมเผื่อไว้เท่านั้นเอง ไม่คิดว่าจะได้ใช้จริง ๆ ข้อดีที่มาจากวันสิ้นโลกคือการเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ใช้หรือไม่ได้ใช้ก็ไม่เป็นไร "ตอนนี้เรากำลังจะหย่ากันแล้วใช่ไหมคะ" ซือหงเริ่มมีน้ำตาคลอ เธอกับแม่กำลังจะอยู่ห่างกัน ต้องหย่ากันแล้วแน่ ๆ "แม่จะรีบคุยกับเจ้าหน้าที่ให้เรียบร้อยแล้วจะรีบกลับ" หรงผิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ไม่รู้จะเอาคำพูดไหนอธิบายให้ลูกเข้าใจ "แม่อย่าหนีไปไหนนะครับ แม่ใจดีต้องกลับมานะครับ" จือหมิงกลัวแม่คนนี้จะหายไปเหลือเกิน "หย่ากันแบบปู่กับย่านะคะ หย่าแค่ตอนเช้านะคะ" จำได้ดี ปู่หย่ากับย่าแค่ช่วงเช้า ช่วงบ่ายและช่วงเย็นก็กลับบ้านแล้ว "อืม" หรงผิงครางรับ เพราะเจ้าตัวเล็กจับแขนเธอและเขย่าให้รับคำ ซึ่งเธอค่อนข้างลำบากใจ เพราะไม่รู้ว่าพ่อของเด็ก ๆ จะมาไม้ไหนกันแน่ "หนูจะรอกินข้าวพร้อมแม่ รีบกลับมานะคะ" เมื่อมาถึงบ้านย่า ซือหงก็บอกแม่ ก่อนจะหอบผ้าลงจากรถตามที่เจ้าหน้าที่บอก เธอลืมตื่นเต้นที่ได้นั่งรถ!! ลืมไปเลย!! พอลงจากรถได้จึงทำได้เพียงมองตาละห้อยแล้วนึกเสียดาย "เราต้องไปดูหลุมดักปลา แม่ต้องรีบกลับนะครับ" จือหมิงหาข้ออ้างให้แม่รีบกลับมาเร็ว ๆ ด้วยเหมือนกัน "เข้าไปหาย่าได้แล้ว" หรงผิงยิ้มกว้างให้ทั้งสอง ความรู้สึกอบอุ่นพาดผ่าน ความรู้สึกที่มีคนคอยห่วงใยที่ไม่ได้สัมผัสนานแล้ว ตอนนี้เธอรับรู้ได้จากสองร่างเล็ก ๆ ที่ยืนกอดห่อผ้าไม่ยอมเดินเข้าบ้านย่า จนเธอต้องเอ่ยปากบอกอีกครั้ง "เข้าบ้านเร็ว ๆ หิวไหม เอาอะไรมาเยอะแยะ" ซูเยว่ที่ได้ยินเสียงรถก็นึกว่าสามีกลับมาจึงรีบออกมาดู แต่กลับเห็นสะใภ้รองถูกเจ้าหน้าที่พาไป "แม่ให้เอามาด้วยค่ะ" ซือหงมองห่อผ้าแล้วมองไปทางถนนอีกรอบ "เข้าบ้านกัน แม่บอกให้เราอยู่บ้านย่า" จือหมิงบอกน้องสาวให้เดินตามมา "เจ้าหน้าที่พาตัวสะใภ้รองไปเหรอ" ชุนหลินกลับมาไม่ทัน เห็นแต่รถวิ่งสวนออกไป "ตอนนี้เราแค่หย่าเองค่ะ ไม่นานแม่ก็กลับมาแล้ว" ซือหงบอกป้าใหญ่ให้เข้าใจ หย่าแค่ตอนเช้า บ่ายก็ไม่หย่าแล้ว "เข้าบ้านก่อนเร็ว" ชุนหลินดันหลานทั้งสองคน ก่อนจะหันไปมองสะใภ้เล็กที่พยักหน้าตอบในสิ่งที่เธอถามไปก่อนหน้านี้ สองสะใภ้เลือกที่จะเงียบ ไม่อยากให้หลานได้ยินอะไรมากไปกว่านี้ จึงรีบพาหลานเข้าบ้าน ตอนนี้เดาได้เลยว่าคนน่าจะรู้ทั้งหมู่บ้านแล้ว เพราะมีคนเห็นเหตุการณ์เหมือนกันกับเธอ และยิ่งเป็นเรื่องของสะใภ้รอง คนในหมู่บ้านยิ่งสนใจมากกว่าเรื่องอื่น ๆ อยู่แล้ว...ตอนพิเศษ 3วันตรุษจีนของพวกเราณ โรงพยาบาลประจำมณฑล"เราจะได้กลับกี่โมง... ปกติพ่อกับแม่ไม่เคยมารับเราช้า แต่ทำไมวันนี้ถึงช้าได้เล่า" เสียงบ่นดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งชะเง้อมองไปยังเส้นทาง เฝ้ามองว่าคนที่ตัวเองรอจะมารับเมื่อไร"หิว ง่วง หรือว่ายังไง" ซือหงมองเพื่อนที่บ่นเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ เพราะพูดบ่อยมากจนจำไม่ได้แล้ว"หิว วันนี้ที่บ้านต้องมีอาหารมากมายแน่ ๆ " ซือเล่อหันมาบอกเพื่อนอย่างจริงจังซือหงกับซือเล่อเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนระดับประถม และเรียนด้วยกันมาตลอดจนถึงตอนทำงานก็ยังทำที่เดียวกันอีกด้วย พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน แม้แต่อาชีพที่เลือกเรียนยังเหมือนกันเลยสองสาวเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายที่ต้องมาทำงานในโรงพยาบาลประจำมณฑล อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว แต่ใช่ว่าจะจบเลยทีเดียว ยังมีต่อเฉพาะทางอีก ซึ่งสองสาวยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะต่อด้านไหนดีทั้งสองสนิทกันจนถึงขั้นไปกินไปนอนบ้านของอีกคนได้ โดยที่คนในครอบครัวรับรู้ จนพ่อแม่ของทั้งสองคิดว่ามีลูกสาวเพิ่มเข้ามาในครอบครัวอีกคนแล้ว"หิวหรืออยากเห็นหน้าพี่ใหญ่ วันนี้วันตรุษจีน... " ซือหงพูดพร้อมทั้งหรี่ตาจ้องจับผิ
ตอนพิเศษ 2:: เซียวหรงผิงสาวน้อยจากวันสิ้นโลก ::หรงผิงขดตัวซ่อนอยู่ในมุมอับ ทั้งที่รอบ ๆ พื้นที่เงียบสงัด แต่เจ้าตัวกลับรับรู้ถึงภัยที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามา รู้ดีว่าด้านนอกนั้นคือสิ่งใด...เซียวหรงผิง คือชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้ ผิงผิง คือชื่อที่พวกท่านชอบเรียกหา แต่นั่นเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้เธอไม่ต้องการให้ใครเรียก ผิงผิง อีกแล้ว เพราะมันทำให้เธอคิดถึงพวกท่านหรงผิงดีใจที่พวกท่านจากไปตั้งแต่ช่วงแรก อาจฟังดูใจร้าย แต่เชื่อเถอะว่าคนที่จากไปในช่วงเชื้อโรคแพร่ระบาด หรือในช่วงแรกนั้น... คนพวกนั้นโชคดีกว่าคนที่อยู่มาถึงทุกวันนี้โลกที่เธออยู่มีความเจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี ทุกอย่างสะดวกสบาย เมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย รวมถึงมีรอยรั่วให้สิ่งแปลกปลอมแทรกซึม เธอไม่รู้ว่าสาเหตุหลักจริง ๆ แล้วเชื้อไวรัสนี้มาจากที่ใด แต่การแพร่ระบาดเริ่มในกลุ่มเล็ก ๆ คนที่ติดเชื้อจะถูกแยกและถูกเจ้าหน้าที่กักตัวไว้เพื่อดูอาการในช่วงแรกทุกคนคิดว่าคนที่ติดเชื้อคือโชคร้าย เธอคือหนึ่งในนั้นที่คิดว่าพ่อกับแม่โชคร้ายที่ติดเชื้อตั้งแต่แรก ท่านทั้งสองถูกส่งเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยที่ตัวเธอถูกจับตรวจร่างกาย เพื่อหาเ
ตอนพิเศษ 1:: เซียวหรงผิงมารดาตัวร้าย ::เซียวหรงผิงค่อย ๆ ขยับตัว พยายามที่จะเปิดเปลือกตา... เพื่อลืมตาตื่น ความทรงจำบอกว่าเธอตกน้ำเย็นจัด จึงทำให้ป่วยเป็นไข้นอนซมตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเมื่อนึกย้อนกลับไปว่าเพราะเหตุใดจึงทำให้ตัวเองตกลงไปในน้ำ ก็ทำให้มีแต่อารมณ์กรุ่นโกรธ!! ไม่พอใจชาวบ้านที่พากันลือพูดข่าวมั่ว ๆ กล่าวหาว่าสามีของเธอกำลังจะกลับมาหย่า!! จะหย่าได้อย่างไร ในเมื่อไม่ยอมหย่าซะอย่าง ใครจะทำไม!!สามีของเธอไม่เคยกล้ากับเธอเลยสักครั้ง ถึงตัวไม่กลับมาแต่ส่งเงินให้ตลอด มีกินมีใช้ไม่เคยขาดมือ ก็ลองปล่อยให้ขาดมือดูซิ!! คนที่ต้องอดก็คือลูกของเขาทั้งสองคนอีกนั่นแหละ!! เธอจำได้ดีว่าโทรเลขไปขู่สามี หากครั้งนี้ยังไม่กลับมา อย่าได้เห็นหน้าลูกอีกเลย"ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้วะ!! ไอ้แฝดหายหัวไปไหนหมด ไม่แหกตาดูหรือว่าฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย พวกแกสองตัวอยากให้ฉันตายหรืออย่างไร อยากลองดีใช่ไหม แม่จะฟาดให้หลังลายเลย!! " แม้จะรู้สึกได้ว่าเสียงของตัวเองเปลี่ยนไป แต่เพราะรู้ว่าตัวเองไม่สบายอาจทำให้เสียงเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง"ยังไม่โผล่หัวออกมาอีก!! วันนี้พวกแกสองตัวอดข้าวไปเลยนะ อย่าให้เห็นว่ากินอิ่มนอ
ตอนที่ 46 บทส่งท้าย(มารดาที่ดี)หรงผิงจับลูกสาววัยสิบสองปีทำผมที่เด็กสาวกำลังนิยมในช่วงนี้ ที่ลูกสาวทำผมจัดเต็ม เพราะวันนี้ทางโรงเรียนจัดงานแข่งขันกีฬาสี และยังประกาศผลสอบให้กับนักเรียนอีกด้วย"ทำไมน้องเล็กต้องทำหลายอย่างด้วย" จือหมิงนั่งกินโจ๊กไปด้วยมองน้องสาวไปด้วย"คุณครูประจำชั้นบอกว่าจะมีคะแนนกิจกรรมมอบให้ เลยทำทุกอย่างที่ครูเสนอ" ซือหงตอบไปตามตรง ไม่อยากทำแต่อยากได้คะแนน เพราะผลการเรียนมีผลต่อการที่จะยื่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย รุ่นพี่พูดแบบนี้ทั้งนั้น"หากเป็นแต่ก่อน พี่คงคิดว่าน้องเล็กน่าจะถูกหลอก แต่ตอนนี้ไม่น่าจะถูกหลอกง่าย ๆ นอกจากไปหลอกคนอื่นเขามากกว่า" จือหมิงก็ยังคงเย้าแหย่น้องน้อยไปด้วย แต่ที่เขาบอกออกไปนั้นคือเรื่องจริง!!น้องสาวของเขาไม่ใช่เด็กที่ขี้กลัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว แม่เป็นแบบไหน น้องสาวของเขาเป็นแบบนั้นเลย และน่าจะร้ายมากกว่าแม่เสียอีก!! เพราะตอนนี้เขาจดจำแม่ปากร้าย แม่ใจร้ายไม่ได้แล้ว เขาจำได้แต่แม่ใจดีถึงแม่จะไม่ค่อยพูด แต่แม่สอนในหลายสิ่งหลายอย่างให้เขากับน้องสาว สอนให้รู้จักเข้มแข็ง สอนให้รู้จักแบ่งปันแก่ผู้อื่นเสมอ และสอนให้สู้คน ไม่ยอมให้คนมารังแก หรือเอา
ตอนที่ 45 เป็นลูกที่ดีหรงผิงยืนมองพ่อกับแม่ที่กำลังนั่งรอคิวให้เจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปเพื่อตรวจสุขภาพประจำปี ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมาอยู่ที่โลกใบนี้เกือบ 3 ปีแล้ว การงานของเธอมั่นคง มีโรงงานเป็นของตัวเอง โดยมีครอบครัวเฉินและครอบครัวเซียวดูแลเหมือนเดิมมาตั้งแต่แรกทุกคนช่วยงานกันเป็นอย่างดี เคยเป็นแบบไหนก็ยังเป็นแบบนั้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือทุกคนมีรายได้ดี มีเงินเก็บ และลูกหลานทั้งสองบ้านก็ได้เรียนหนังสือทุกคน"ทำไมต้องมาตรวจให้สิ้นเปลืองด้วย" เหลียนฟางมองลูกสาวที่เดินมานั่งใกล้ ๆ ก็อดที่จะบ่นไม่ได้"ไม่อยากอยู่เลี้ยงหลานเลี้ยงเหลนหรืออย่างไร" หรงผิงถามกลับ แกล้งขู่แม่ไปอย่างนั้นเอง"ฉันไม่ได้เป็นอะไร!! " เหลียนฟางรู้ดีว่าลูกสาวหมายถึงเรื่องอะไรความจริงแล้วปากบ่นไปแบบนั้นเอง มันคือความเคยชิน แต่ในใจกลับตื้นตันที่ลูกสาวใส่ใจ ห่วงพ่อแม่พี่ชาย ต้องให้ทุกคนมาตรวจสุขภาพประจำปี เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่มาไม่เคยรู้ว่ามีตรวจสุขภาพประจำปีประจำเดือนด้วย แต่พอลูกสาวคนนี้เริ่มเปลี่ยนไปก็เหมือนเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ให้ครอบครัวได้เรียนรู้อยู่เรื่อย ๆ คำพูดของย่าทวดเป็นจริงเสมอ... ในตอนแรกที่ลูกสาวเปลี่ยนไ
ตอนที่ 44 ได้เป็นภรรยาอย่างเต็มตัว Nc+++กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ผ่านมาอีกสามเดือน จนตอนนี้หรงผิงมาอยู่ที่โลกใบนี้เป็นปีแล้ว จากลูกอายุห้าขวบ ตอนนี้อายุหกขวบกว่า ๆ แล้วตอนนี้เด็กแฝดก็ไปเรียนแล้วด้วย เธอไม่รู้เลยว่ามีหลายอย่างเปลี่ยนไป เพราะว่ามัวแต่จัดการกับงานต่าง ๆ แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจึงทำให้มีเวลามองย้อนกลับไป จึงได้รู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก!!สองครอบครัวมีกินมีใช้ ฐานะดีขึ้น แต่ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ฟุ่มเฟือย แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การที่สองครอบครัวสนิทกันมากขึ้น แบ่งปันสิ่งของกันเสมอ และที่เห็นได้ชัดอีกเรื่องคือ... ครอบครัวบ้านเฉินได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันครบทั้งหมดพี่ใหญ่บ้านเฉินลาออกจากการเป็นทหารกลับมาดูแลการผลิตในโรงงานให้เธอ เพราะพี่ชายทั้งสองของเธอต้องเข้ามาทำงานในมิติเลยไม่ได้ไปดูแลโรงงาน ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำอย่างลงตัวตอนนี้หน้าที่หลักของเธอคือทำบัญชีเองทั้งหมด แม้แต่ค่าแรงที่จ่ายให้ทุกคน เธอก็คือคนตัดสินใจ แต่ส่วนมากจะขอความคิดเห็นจากสามี เท่าที่รับรู้เธอจ่ายค่าแรงสูงกว่าราคาการจ้างงานทั่วไปแต่พอปรึกษากันแล้ว คิดว่าคนที่ทำงานให้เป็นญาติพี่น