Share

17

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-08-13 19:30:38

1 กันยายน 1975

วันนี้เป็นวันที่จ้าวเสี่ยวเหลียนต้องไปสอบเลือกห้อง เพราะเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ นักเรียนบางคนเข้าเรียนได้เพราะเป็นคนในเขตพื้นที่ และได้โควตาพิเศษ อีกส่วนหนึ่งคือสอบเข้าเหมือนกับเสี่ยวเหลียน เลยทำให้ต้องสอบคัดเลือกอีกทีหนึ่ง

ผู้ปกครองมาให้กำลังใจลูกหลานตัวเองเป็นจำนวนมาก รวมถึงอาสามของบ้านหลี่ด้วยที่มาเฝ้าลูกสาว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่

“สวัสดีค่ะ” เสี่ยวเหลียนหยุดทักทาย เพราะหากจะเดินผ่านหน้าไปเลยก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่

“อือ” อาสามพยักหน้าแบบขอไปที เพราะจุดที่ตนนั่งนั้นยังมีเพื่อนอีกหลายคน

“นั่นใครเหรอ” เพื่อนบ้านคนหนึ่งสะกิดถาม

“ลูกสาวคนโตพี่ใหญ่น่ะ” อาสามตอบ ถึงจะไม่ชอบหน้า แต่เวลาอยู่ข้างนอกก็ยังต้องให้เกียรติพี่ชาย

เรื่องที่พี่ชายแต่งงานกับผู้หญิงหม้ายลูกติดคนแถวนี้รู้กันทั่ว เพียงแต่ไม่มีใครพูดอะไร เพราะที่ผ่านมาหลิวซือก็ทำหน้าที่ได้ดี ดีกว่าผู้หญิงที่ไม่เคยแต่งงานมาแล้วเสียอีก หลายบ้านต่างก็อิจฉาพี่ชายของเธอที่ได้ผู้หญิงดีขนาดนี้

“อ้อ โตเป็นสาวแล้วสินะ” ถึงปากอยากจะพูดต่อ แต่เจ้าตัวเดินไปนู่นแล้วเลยต้องหยุดบทสนทนาเพียงเท่านี้ก่อน

ทว่าเดินมายังไม่ทันไร ก็ต้องหยุดเดินเพราะมีคนเรียกชื่อเธอเอาไว้ก่อน พอหันไปมองตามเสียงพบว่าเป็นคุณนายจางนั่นเอง

“หนูเสี่ยวเหลียนจ๊ะ”

“สวัสดีค่ะคุณนาย” เธอก้มหน้าทักทายอย่างมีมารยาท

“คุณนายอะไรกันล่ะ เรียกคุณป้าก็แล้วกัน” ท่านหันมองซ้ายขวา เห็นคนอยู่เยอะเลยไม่ได้ให้อีกฝ่ายเรียกแม่ ด้วยกลัวว่าจะเสื่อมเสียชื่อเสีย เพราะตอนนี้ว่าที่ลูกสะใภ้ยังเรียนไม่จบชั้นมัธยมปลาย

เสี่ยวเหลียนไม่ได้พูดอะไร แค่พยักหน้าทำตามอย่างว่าง่ายเท่านั้น

“มานั่งนี่ก่อนสิ ป้าจะแนะนำให้รู้จักกัน” ท่านเดินมาจับมือเสี่ยวเลียนให้มานั่งใต้ต้นไม้ ซึ่งยังมีผู้ชายอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว

“จางปิน เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เสวี่ยอวี้ ปีนี้เขาก็ขึ้นมัธยมปลายปีหนึ่งเหมือนกับเสี่ยวเหลียน”

“สวัสดีค่ะ”

“อืม” จางปิน ชายหนุ่มหน้านิ่งพยักหน้ารับ จากนั้นสายตาก็หันไปสนใจหนังสือในมือต่อ

คุณนายจางเห็นแบบนั้นก็ตีไหล่หลานชายที่เสียมารยาทกับพี่สะใภ้ “เด็กคนนี้ไม่มีมารยาทกับพี่สะใภ้เอาเสียเลย”

“ป้าครับ พวกเขายังไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย อีกอย่างพี่ก็ยังไม่รู้เรื่องด้วย ผมไม่ยอมรับหรอก”

เสี่ยวเหลียนได้ยินแล้วก็ยักไหล่เบาๆ ประมาณว่า แล้วยังไงล่ะ ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นพี่สะใภ้ของนายสักหน่อย ทำให้จางปินหรี่ตามองอย่างสนใจ

“ป้าดูเอาสิครับ หล่อนไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย”

คุณนายจางหันมามองตามที่หลานชายบอก กลับพบเสี่ยวเหลียนก้มหน้า พอเธอเงยหน้าขึ้นมาสบตาก็เห็นว่าดวงตากลมโตเป็นสีแดงระเรื่อ ดูก็รู้ว่ากำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหล

“เด็กเหลือขอ เสียแรงที่ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่เล็กๆ ดูเอาเถอะแกพูดจบพี่สะใภ้จะร้องไห้แล้ว” คุณนายจางหันไปหยกหลานชายต่อ

“อาโหยว ป้าครับผมเจ็บนะ” เขาหันไปมองเสี่ยวเหลียนอย่างเอาเรื่อง พบว่าอีกฝ่ายกำลังยักคิ้วหลิ่วตาให้ตนอยู่ ยิ่งเห็นก็ยิ่งไม่ชอบหน้า

“นั่นไงป้าดูสิครับ หล่อนร้องไห้ที่ไหน กำลังทำหน้าท้าทายอยู่ชัดๆ”

คุณนายจางไม่สนใจ ยังคงทำโทษหลานชายอยู่ เสี่ยวเหลียนเห็นแบบนั้นก็รู้สึกสะใจ ถ้าหากว่าเธอไม่ต้องเรียนต่อก็แล้วไปเถอะ การแต่งงานเพื่อหนีจากแร้งกาพวกนั้นก็เป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่ตอนนี้เธอเป็นแค่นักเรียนมัธยมปลาย

เสียงแตรเรียกให้นักเรียนเข้าห้องสอบช่วยชีวิตจางปินเอาไว้ ความจริงก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากเท่าไหร่ เพราะเขาเองก็ถูกเลี้ยงมาไม่ต่างอะไรกับลูกชายคนเล็กของบ้าน

“ไปสอบได้แล้ว หนูเสี่ยวเหลียนจ๊ะ สอบเสร็จแล้วมาเจอกันตรงนี้ก่อนนะ ฉันอยากจะคุยเรื่องสำคัญกับหนูจริงๆ”

เสี่ยวเหลียนเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายก็ใจอ่อน เผลอพยักหน้าตอบตกลงไป

“ยืนทำอะไรอยู่ล่ะ ตามมาสิเดี๋ยวก็เข้าสอบสายหรอก”

เสี่ยวเหลียนหันไปมอง พบว่าจางปินยังยืนรอเธออยู่ อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นเด็กผู้ชายตัวสูง อีกทั้งยังหน้าตา ผิวพรรณดี ดูก็รู้ว่าเป็นลูกหลานของคนมีเงิน ทำให้เป็นจุดเด่น

“ไปเถอะ มีอะไรก็บอกปินปินได้ เด็กคนนี้น่ะรักพี่ชายของเขามากก็เลยหวง แต่ความจริงไม่มีอะไรหรอก” คุณนายจางยิ้มพอใจกับท่าทางของหลานชาย

“ค่ะ” เสี่ยวเหลียนยิ้มตอบ แล้วก็เดินไปทางจางปินแต่ยังเว้นระยะห่างระหว่างพวกเขาเอาไว้อยู่ เพราะเธอไม่อยากเป็นจุดเด่น

แต่สิ่งที่หญิงสาวไม่่รู้ ต่อให้เธอจะเดินคนเดียวก็ยังเป็นุดเด่นอยู่ดี ด้วยหน้าตา และส่วนสูงที่ดูเหมือนจะสูงกว่ามาตรฐานของผู้หญิงไปเยอะ เพราะจ้าวเสี่ยวเหลียนสูงถึง 175 เซนติเมตร ในขณะที่เพื่อผู้หญิงคนอื่นสูงแค่ 165 เซนติเมตรโดยเฉลี่ย พอเดินใกล้กันส่วนสูงของเธอสูสีกับจางปินเสียด้วยซ้ำ

“ผู้หญิงอะไรไม่มีความเป็นผู้หญิงเลย” เขาบ่นงึมงำๆ เริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะไม่เคยเดินคู่ผู้หญิงที่ตัวสูงขนาดนี้มาก่อน

แต่ไหนแต่ไรจางปินเด็กคนที่โดดเด่น คุ้นชินกับสายตาที่คนอื่นมอง ยิ่งเขาเดินคู่ไปกับพี่ชายแสงของพี่ชายก็มักจะสาดส่องมาหาเขาด้วย แต่ตอนนี้ ณ เวลานี้ชายหนุ่มเริ่มไม่มั่นใจแล้ว

“นายว่าอะไรนะ”

“ทำไมเธอถึงตัวสูงได้ขนาดนี้ ผู้หญิงของพี่ชายจะต้องตัวเล็กน่าทะนุถนอมถึงจะถูก” เขาขมวดคิ้วมุ่นพร้อมทั้งหันมาพูดกับเธอตรงๆ

“หึ เหมือนลูกหมาพวกนั้นอ่ะเหรอ” เสี่ยวเหลียนปรายตาไปมองหวังหลินที่กำลังเดินมาทางนี้พอดี

จางปินหันไปมองตาม พบว่าเป็นหญิงสาวกลุ่มหนึ่งเดินมา ส่วนสูงของพวกหล่อนใกล้เคียงกัน ดูด้วยตาก็พอรู้ว่าน่าจะประมาณหน้าอกของเขา

“ก็…ประมาณนั้น”

หญิงสาวที่กำลังเดินมา เห็นหนุ่มหล่อคนดังหันมามองตาไม่กะพริบก็หยุดเดิน ยืนเขินตัวบิดไปตามๆ กัน

“ช่วยไม่ได้ ฉันลูกคน” เสี่ยวเหลียนยักไหล่ไม่สนใจแล้วก็เดินชนไหล่ของชายหนุ่มเดินเข้าห้องสอบไป

“เสือชัดๆ ดุขนาดนี้” ชายหนุ่มหันหลัง ยิ้มมุมปากแล้วก็เดินตามหลังไป ไม่สนใจกลุ่มสาวๆ ที่ยืนหน้าแดงกลุ่มนั้นเลยแม้แต่น้อย

ขณะที่สอบจางปินออกเป็นคนแรก เขาเดินอ้อมมาทางที่เสี่ยวเหลียนนั่งอยู่ ข้างๆ กันนั้นเป็นหวังหลิน ทำให้หญิงสาวได้ยินในสิ่งที่เขาพูดชัดเจน ทำให้เผลอเข้าข้างตัวเองไปว่าเขากำลังพูดกับตัวเองอยู่ จนไม่อยากแม้แต่จะทำข้อสอบต่อเพราะอยากออกไปพบชายในฝันของเด็กนักเรียนหลายๆ คนว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอ

“รอข้างนอกนะ”

เสี่ยวเหลียนหันไปมอง แต่ไม่ได้พูดอะไร หันมาสนใจข้อสอบของตัวเองต่อ ก่อนหน้ามีเรื่องวุ่นวายไม่เว้นวัน เลยไม่ค่อยได้อ่านหนังสือทบทวน แต่ถึงอยากจะอ่านหนังสือที่มีก็มีแค่ไม่กี่เล่ม จ้าวเสี่ยวเหลียน เธอคิดผิดจริงๆ ที่อยากจะอยู่กับแม่ โชคดีที่เธอเองก็เพิ่งจบมาหมาดๆ ทำให้พอมีความรู้หลงเหลือในหัวอยู่บ้าง

ทางด้านจางปินที่บอกว่ารอข้างนอก เขาก็ไม่ได้ไปไหน นั่งรออีกฝ่ายหน้าห้อง เพราะผู้เป็นป้าได้ย้ำแล้วว่าต้องพาหล่อนไปกินมื้อกลางวันด้วยกันให้ได้ เลยต้องมานั่งรอให้บรรดานักเรียนผู้หญิงแทะโลมด้วยสายตา

หวังหลินรีบทำข้อสอบ โดยไม่คิดแม้แต่จะตรวจทานเสียด้วยซ้ำ ออกมาหน้าห้องพบว่าชายในฝันนั่งรอตนเองอยู่จริงๆ ด้วย ความจริงอยากจะเดินไปห้องน้ำเติมแป้งสักหน่อย แต่เห็นเขามองมาพร้อมทั้งยกมือทักทาย สองขาก็ก้าวไปข้างหน้าทันที

“นาย นายอยากเจอฉันทำไมเหรอ” หญิงสาวก้มหน้าถามออกไปอย่างเขินอาย

“ไปกันเถอะ” เสียงทุ้มแตกหนุ่มของอีกฝ่ายพูดขึ้นไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“อื้อ” หวังหลินพยักตกลงอย่างใจง่าย เห็นสองขายาวของอีกฝ่ายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมทั้งก้าวขายาวๆ ออกไปแล้วเลยเงยหน้าเตรียมจะเดินตามไป แต่ก็ต้องสะดุด เพราะยังมีผู้หญิงอีกคนที่เดินนำหน้าเขาไป

“จ้าวเสี่ยวเหลียน”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   120

    ช่วงดึกวันเดียวกันนั้น พ่อจางสังเกตเห็นความผิดปกติของภรรยา อยู่กินมานานเกือบสามสิบปี แค่อ้าปากก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร“มีเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่าครับ” พ่อจางกอดภรรยาจากทางด้านหลัง มั่นใจว่าคนข้างๆ ยังไม่นอน“…." มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา“วันนี้เจ้าลูกชายตัวดีมาคุยกับผม เรื่องที่ขอยืดเวลาให้กวงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ก่อน ทางผมไม่ติดอะไรนะถ้าคุณจะอยู่กับหลานต่อ”“ฉันจะกลับบ้านค่ะ ถ้าพวกเขาไม่ยอมให้ฉันเอาหลานกลับ ก็ให้พวกเขาเลี้ยงกันเอง ฉันจะไม่ยุ่งแล้ว” แม่จางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ถ้าคุณอยากจะกลับเพราะคิดถึงผมก็แล้วไปเถอะ แต่อย่ากลับเพียงเพราะอยากประชดลูกเลย เสวี่ยอวี้อาจจะไม่เป็นไร แต่อย่าทำให้ลูกสะใภ้ลำบากใจ ได้ยินว่าเธอยินดีที่ให้กวงเอ๋อร์ไปชิงเต่า แต่เจ้าลูกชายตัวดีไม่ยอม” พ่อจางรับหน้าที่เป็นคนกลา

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   119

    สิงหาคม 1980ครบกำหนดที่จางเหยากวงต้องกลับไปชิงเต่ากับคุณย่าของเขาแล้ว เจ้าอ้วนยังไม่รู้ชะตากรรมว่าต่อไปตัวเองจะต้องอยู่ห่างจากพ่อแม่ ตอนนี้สองพ่่อลูกกำลังเล่นของเล่นบนเตียงกันอยู่“ผมจำได้ว่าเครื่องบินของกวงเอ๋อร์มีเยอะกว่านี้ไม่ใช่เหรอครับ” สองพ่อลูกชอบเล่นเครื่องบิน ก่อนนอนทุกคืนเขาจะต้องได้เล่นเครื่องบินกับพ่อก่อน แล้วค่อยให้ย่าจางพาไปนอน“ฉันเก็บลงกล่องบางส่วนแล้วละค่ะ” พูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกจุกที่ลำคอทุกทีจางเสวี่ยอวี้ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ ให้ลูกชายเล่นเครื่องบินไปก่อน แล้วหันมาปลอบแม่ของลูกแทน “ถ้าอย่างนั้นไม่สู้เราคุยกับแม่ให้ท่านกลับไปชิงเต่าก่อนดีหรือเปล่าครับ ผมจะจ้างพี่เลี้ยงมาอยู่ประจำ คุณยายท่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป”ตอนนี้แม้ว่าที่บ้านของเขาจะมีแม่บ้าน แต่ทำงานเช้าเย็นก็กลับ หน้าที่เลี้ยงหลานเป็นของยายทวดและคุณย่า เขารู้ดีว่าพวกท

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   118

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยุ่งอยู่กับการเลี้ยงลูกและเรียน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมใส่ใจน้องสาว ตอนนี้หลี่เฟินสอบเข้ามหาวิทยาลัยมณฑลได้แล้ว เดิมทีแม่หลิวอยากให้มาอยู่กับพี่สาว จะช่วยเลี้ยงหลาน แต่เพราะมหาวิทยาลัยกับค่ายทหารอยู่ไกลกันเดินทางลำบาก เสี่ยวเหลียนเลยเลือกให้น้องสาวอยู่หอพักแทน วันหยุดถึงมาหลานสาว“ไอหยา…ตัวหนักกว่าครั้งที่แล้วอีกนะ” น้าสาวยิ้มกว้างเมื่อได้อุ้มหลานชายวัยสี่เดือน ตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าของเด็กหนึ่งขวบไปแล้วเรียบร้อย“เขาห้ามทักว่าเด็กอ้วนเดี๋ยวจะป่วย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” ยายหลิวดุหลานสาว“จริงเหรอคะ เสี่ยวกวงของเราไม่อ้วนเลย ออกจะผอมไปด้วยซ้ำ ต้องกินเยอะๆ นะ” พอรู้ว่าหลานชายจะป่วยเพราะคำพูดของตัวเอง น้าสาวก็กลับคำเสียอย่างนั้นเสี่ยวเหลียนได้ยินแล้วก็ส่ายหน้า “เด็กคนหนึ่งจะป่วยก็คงไม่เกี่ยวกับคำพูดหรอก เป็นเพราะสภาพแวดล้อมแล้วก็สิ่งที่เขากินเข้าไปมากกว่า เจ็บป

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   117

    จ้าวเสี่ยวเหลียนอยู่โรงพยาบาล 3 วัน ถ้าเป็นคนอื่นคงออกตั้งแต่สองวันแรก แต่เพราะเป็นภรรยาของท่านนายพล เขาอยากมั่นใจก่อนว่าภรรยาและลูกปลอดภัย พ่อจางกับแม่จางมาถึงวันที่เสี่ยวเหลียนออกจากโรงพยาบาลพอดี จางเสวี่ยอวี้ตั้งชื่อลูกชายา จางเหยากวง“ไอหยา…เพิ่งคุยกันไม่กี่วันก่อนแท้ๆ หลานย่าก็รีบออกมาเสียแล้ว ไม่รอย่าเลย” ตอนนี้คุณแม่จางกำลังอุ้มหลายชายตัวอ้วนของท่านอยู่รีบอะไรกันละคะ ความจริงต้องออกตั้นแต่ช่วงต้นเดือนเสียด้วยซ้ำ อีกสองสัปดาห์ก้จะเปิดเทอมแล้ว ม่านม่านจะพักฟื้นทันหรือเปล่า" แม่หลิวมองหน้าลูกสาวที่กำลังอยู่เดือนด้วยความเป็นห่วง“นั่นสิ แล้วเรื่องอยู่เดือนจะทำยังไง” แม่จางถาม“สัปดาห์แรกน่าจะยังไม่มีอะไรหรอกค่ะ ยังไม่ต้องไปก็ได้ แต่หลังจากนั้นยังไงก็ต้องไปเพราะขึ้นปีสามแล้ว เนื้อหาเฉพาะมากขึ้น”“ไม่สู้ให้แม่พากวงเอ๋อร์กลับชิงเต่า พวกลูกจะไ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   116

    จางเสวี่ยอวี้ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาเห็นของเหลวกำลังไหลออกมาจากร่างกายของภรรยา ก่อนหน้านี้เธอมีอาการเจ็บท้องอยู่หลายครั้ง แต่พอเกิดขึ้นจริงเขากลับทำอะไรไม่ถูก“จางเสวี่ยอวี้ เอาของที่เตรียมไว้ไปใส่รถเร็วเข้า” ในจิตสำนึกของเธอแล้ว ตัวเองอายุเท่ากันกับสามี พอน้ำคร่ำแตก อาการเจ็บท้องคลอดของเธอก็ถี่ขึ้น จนเหงื่อท่วมตัวว่าที่คุณพ่อมือใหม่สะดุ้งกับคำสั่งของภรรยา “ได้” เขารีบเดินไปหิ้วกระเป๋าที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้นานแล้วขึ้นรถ ไม่นานก็กลับเข้ามาอุ้มภรรยาไปโรงพยาบาล“ไม่ต้องกลัวนะ ทำใจให้สบาย” ยายหลิวจับมือปลอบใจหลานสาวตลอดทาง โชคดีที่บ้านพักกับโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาเดินทางแค่ 5 นาทีก็มาถึงโรงพยาบาลตอนนี้เสี่ยวเหลียนถูกเข็นไปยังห้องคลอด จางเสวี่ยอวี้เดินไปตามหวังหว่านอินที่ห้องตรวจด้วยตัวเอง ทำเอาคนไข้แตกตื่นไปตามๆ กัน“นายใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้เธอ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   115

    กุมภาพันธ์ 1980ปิดเทอมฤดูหนาวเสี่ยวเหลียนไม่ได้กลับชิงเต่า เพราะจางเสวี่ยอวี้ไม่อยากให้เธอต้องเดินทางไกลช่วงที่หิมะตกหนัก“เข้าใจแล้วค่ะ วางแล้วนะคะ”“ใครโทรมาครับ” จางเสวี่ยอวี้เดินเข้ามาโอบเอวของภรรยา มือหนาลูบหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นมานิดๆ ของภรรยา“แม่น่ะค่ะ โทรมากำชับ บอกว่าปิดเทอมนี้ไม่ต้องกลับบ้าน” เธอยิ้มตอบสามี รู้สึกดีทุกครั้งที่เขาลูบท้องลูกของพวกเธอ“ผมทำเรื่องขอย้ายไปอยู่บ้านเป็นหลังแล้ว คิดว่าสะดวกกว่าอยู่บนอาคาร”“ทำไมละคะ” เธอคิดว่าอยู่บนอาคารก็สะดวกดี ฤดูหนาวไม่ต้องคอยมากวาดหิมะบนหลังคา ติดแค่พื้นที่แคบไปสักหน่อยก็เท่านั้น“อยู่บ้านเป็นหลังดีกว่า อีกหน่อยคุณยายก็ต้องมาช่วยดูแลคุณ ท่านจะได้ไม่อึดอัดที่อยู่แต่บนอาคารอย่างเดียว”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status