Share

18

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-08-16 11:19:26

ทางด้านเสี่ยวเหลียนเองก็ยิ้มมุมปากขณะที่เดินออกมาจากอาคารสอบ เธอไม่คิดว่าหวังหลินจะหลงตัวเองถึงขั้นเข้าใจผิด คิดว่าผู้ชายรอหน้าห้อง ทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน

ไปถึงจุดนัดหมายก็เห็นว่าอาสามนั่งคุยกับคุณนายจางอยู่ ทันทีที่เห็นหน้าหลานสาวอาสามก็รีบเดินเข้ามาจับแขนแสดงความห่วงใยทันที

“เป็นยังไงบ้าง เสี่ยวเหลียนทำได้หรือเปล่า ไม่ต้องคิดมากไปหรอกนะ ก็แค่สอบเลือกห้องเท่านั้น รอให้หลานเรียนไปสักพัก พอขึ้นปีสองก็จะมีการคัดเลือกห้องใหม่ ไว้ค่อยไปสู้เอาตอนนั้นก็ยังไม่สายหรอก”

คำพูดของอาสาม ทำเอาป้าหลานมองหน้ากันไปมา ในขณะที่เสี่ยวเหลียนทำเพียงยิ้มน้อยๆ พยักหน้าเห็นด้วย เพราะไม่จำเป็นต้องโอ้อวดตัวเอง รอวัดกันที่ผลสอบจะดีกว่า

“ไหนๆ ก็มากันครบแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะ อ่อแล้วก็ขอยืมตัวหนูเสี่ยวเหลียนสักพัก เอาไว้ฉันจะไปส่งที่บ้านด้วยตัวเอง” คุณนายจางพูด

ก่อนหน้าที่เจอกันรู้สึกไม่ถูกชะตาทั้งคำพูดและการกระทำ แต่ครั้งนี้ท่านั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องไม่ชอบลูกสะใภ้ของท่านเป็นแน่ แต่ก็คงจะไม่แปลกอะไรเพราะเป็นแค่ลูกเลี้ยง ถึงยังไงก็ต้องถูกมองว่าเป็นคนนอก ยิ่งเห็นแบบนี้ท่านก็ยิ่งเอ็นดูจ้าวเสี่ยวเหลียนเพิ่มขึ้นหลายส่วนอยากจะรับตัวมาเป็นลูกสะใภ้เร็วๆ

“จะไปไหนกันเหรอคะคุณพี่ ไม่ทราบว่ารอลูกสาวของฉันก่อนได้หรือเปล่า พอดีว่าอยากจะแนะนำให้รู้จักกันไว้ จริงสิเสี่ยวเหลียนจ๊ะ เจอน้องบ้างหรือเปล่า”

“แม่คะ” ยังไม่ทันที่อาสามจะพูดจบ หวังหลินก็ตะโกนแล้ววิ่งมาทางผู้เป็นแม่โดยเร็ว

ความจริงเธอไม่รู้หรอกว่าแม่นั่งอยู่ตรงไหน แต่ที่เดินมาทางนี้เพราะอยากจะรู้ว่าจ้าวเสี่ยวเหลียนรู้จักกับจางปินได้ยังไงก็เท่านั้น โชคดีของเธอที่แม่ก็รู้จักพวกเขาด้วย

“อาโหยว หลินหลินมาพอดีเลย มาสวัสดีคุณป้าเสียสิ” อาสามกวักมือเรียกลูกสาว

“คุณพี่คะ นี่หวังหลินลูกสาวของฉันค่ะ หลินหลินป้าจาง เป็นแม่ขอผู้พันจางเสวี่ยอวี้”

“สวัสดีค่ะคุณป้า” หวังหลินเรียกอีกฝ่ายว่าป้าอย่างคล่องปาก ไม่รู้สึกเคอะเขินเลยแม้แต่น้อย

หวังหลินเองก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยคมคนหนึ่ง ตัวเล็ก ทว่าทรวดทรงกลับดูโตกว่า ผิดติดคล้ำไปสักหน่อย หรืออาจเพราะเทียบกับเสี่ยวเหลียนและปินปินเลยทำให้เธอดูคล้ำไปถนัดตา

“สวัสดีจ้ะ บ้านนี้มีแต่คนสวยจริงๆ เลยนะคะ” คุณนายจางยิ้มทักทาย ปฏิเสธไม่ได้เพราะว่าหวังหลินเองก็สวยสะดุดตา

“คุณพี่ชมเกินไปแล้วล่ะค่ะ” แม้จะปฏิเสธแต่ปากก็อดที่จะยิ้มชอบใจไม่ได้

“พี่เสี่ยวเหลียนกำลังจะไปไหนเหรอคะ ฉันว่าจะคุยกับพี่เรื่องข้อสอบอยู่พอดีเลย” หวังหลินถูกแม่สะกิดก็เข้าใจความหมาย เพราะตอนนี้ตรงหน้าของพวกเธอมีรถเก๋งคันหรูจอดรออยู่ก่อนแล้ว

คุณนายจางได้ยินแบบนั้นก็พูดไม่ออก นึกเสียดายเพราะท่านอยากจะคุยกับว่าที่ลูกสะใภ้ให้เข้าใจถึงเงื่อนไขที่ตนจะเสนอให้

“ได้สิ แต่ต้องเป็นช่วงเย็นนะ ตอนนี้พี่ต้องขอตัวก่อนเพราะจะไปทำธุระเป็นเพื่อนคุณป้าน่ะ” เสี่ยวเหลียนตอบยิ้มๆ แต่ย้ำคำว่าธุระให้ได้ยิน ถ้าพอจะมีมารยาทกันอยู่บ้างก็จะเข้าใจคำว่าธุระ ไม่สามารถยกโขยกไปด้วยกันได้

“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็รีบกลับบ้านอย่าเถลไถลนะ” อาสามพูดขึ้น

“ขอตัวนะคะ” คุณนายจางรีบจูงมือลูกสะใภ้ขึ้นรถ โดยมีจางปินเปิดประตูรถให้ ส่วนเขาก็ขึ้นไปนั่งเบาะข้างคนขับแทน

สองแม่ลูกมองตามรถคันหรูไปจนลับสายตา หวังหลินมองด้วยสายตาอิจฉาอย่างปิดไม่มิด ส่วนอาสามนั้นยากจะคาดเดาว่ารู้สึกยังไง

“เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใคร ลูกของคุณนายจางอีกคนเหรอ”

“ไม่ใช่ค่ะ จางปินเป็นหลาน พ่อของเขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง ต้องย้ายไปตามเมืองต่างๆ ไม่สะดวกพาเขาไปด้วย คุณนายจางเลยเลี้ยงคู่กับลูกชาย”

“อืม ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าผู้พันจางยังเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า” อาสามพูดกับลูกสาว

“แม่คะ ฉันไม่อยากแต่งกับคนแก่ ฉันชอบจางปินมากกว่า”

“แก่บ้านแกสิ อายุแค่ 22 ปีแถมยังได้เป็นผู้พันแล้ว อนาคตไกลเห็นๆ จะมาสนใจทำไมกับเด็กที่พ่อแม่ไม่ต้องการ เจ้าหน้าที่ระดับสูงอะไรจะฝากลูกไว้ให้คนอื่นเลี้ยง ระดับนั้นก็ต้องมีพี่เลี้ยง ไม่ใช่ปล่อยให้ลูกตัวเองอยู่บ้านคนอื่น ไร้สาระจริงๆ แกเนี่ย”

หวังหลินเถียงไม่ออก แต่ภายในใจคิดเอาไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องเป็นจางปินเท่านั้น หนุ่มหล่ออนาคตไกล บ้านรวย ยังไงก็ไม่อดตายหรอก ส่วนผู้พันแก่นั่นยังไม่เคยเห็นหน้าตามาก่อน จะให้ตอบตกลงไปได้ยังไงกันล่ะ คนที่ไร้สาระคือแม่ต่างหากล่ะ

ทางด้านเสี่ยวเหลียนตอนนี้กำลังอยู่ในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง ทันทีที่เข้ามาในร้าน พนักงานต่างให้การต้อนรับเป็นอย่างดี พร้อมทั้งพาไปยังห้องรับรอที่จองเอาไว้

จางปินทำหน้าที่สั่งอาหาร แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาถามแขกว่าอยากจะกินอะไร “เธออยากจะสั่งอะไรเพิ่มหรือเปล่า”

“ปลาหลีนึ่งซีอิ๊ว”

เพราะอาหารที่จางปินสั่งมา ส่วนมากแล้วเป็นอาหารทะเล แต่เธอกลับรู้สึกอยากกินปลา ก็เลยสั่งเมนูนี้ออกไป

“อืม เพิ่มปลาหลีนึ่งซีอิ๊วด้วยครับ”

ขณะที่รออาหาร คุณนายจางก็ชวนลูกสะใภ้พูดคุยเพื่อเปิดใจ จนเสี่ยวเหลียนรับรู้ได้ถึงความจริงใจของอีกฝ่าย ถ้าไม่ติดว่าเธออยากจะทำความฝันของเจ้าของร่างให้เป็นจริง คือเป็นพยาบาลก็อาจจะใจอ่อนตอบตกใจไปอยู่บนกองเงินกองทองไปแล้ว

“พี่เขาทราบเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว และยินดีรับผิดชอบเต็มที่ ภายใต้เงื่อนไขถ้าหากว่าหนูเสียวเหลียนอยากจะเรียนต่อก็สามารถทำได้ แต่เรื่องงานแต่งก็อาจจะยังจัดให้ไม่ได้ คงจะได้แค่หมั้นกันไปก่อน”

“ป้าครับ ทำไมป้าถึงไม่บอกไปเลยละครับว่าพี่ใหญ่ถูกเรียกสอบด้วยเหมือนกัน ถ้าขืนหล่อนยังเล่นตัวอยู่แบบนี้พี่ใหญ่อาจจะถูกขึ้นทัณฑ์บน” จางปินพูด ด้วยความเป็นห่วงพี่ชาย สร้างผลงานมาจะพังเพราะช่วยชีวิตผู้หญิงคนเดียวเขาจะยอมได้ยังไง

“ปินปิน อย่าพูดให้พี่สะใภ้ลำบากใจ”

“หมายความว่า ไม่ใช่แค่ฉันสินะคะที่เสียชื่อเสียง” เสี่ยวเหลียนพูดขึ้น

เธอลืมไปสนิทเลยว่าเขาเป็นถึงผู้พัน เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ต้องไม่เป็นผลดีกับเขาอยู่แล้ว อีกอย่างคนรวยอย่างพวกเขาจะมาตามตื๊ออะไรกับเด็กที่ยังเรียนไม่จบอย่างเธอกันล่ะ

“ต้องขอโทษหนูด้วยที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ไม่ใช่ว่าฉันมีเจตนาจะปกปิดหรอกนะ เพียงแต่เราเองก็เพิ่งทราบข่าวเหมือนกันเพราะพี่เขาเพิ่งติดต่อกลับมา” คุณนายจางรีบอธิบายกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจเจตนาของตนเองผิด

เสี่ยวเหลียนชั่งน้ำหนักในใจ ความจริงเธอมีคำตอบในใจอยู่แล้วว่าควรจะเลือกเดินไปทางไหน เพียงแต่อยากจะแจ้งข่าวให้กับผู้เป็นยายทราบก่อน

“ฉันทราบถึงความลำบากใจของคุณป้าดีค่ะ แต่ให้เวลาฉันหน่อยนะคะ ตอนนี้ฉันยังติดต่อยายไม่ได้ รอให้ท่านติดต่อกลับมาก่อนแล้วฉันจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับท่านฟัง แล้วถ้าท่านยอมพยักหน้าตัวฉันก็ไม่มีปัญหาค่ะ”

คุณนายจางได้ฟังแบบนั้นก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะถ้าถามท่านก็รู้สึกว่าตัวเสี่ยวเหลียนเองต่างหากที่คุยไม่ง่ายเลย ส่วนผู้ใหญ่แค่ชั่งน้ำหนักดูก็น่าจะรู้แล้วว่าควรทำยังไง

“เร็วหน่อยแล้วกัน พี่ใหญ่เพิ่งได้เลื่อนขั้นมีหลายคนจ้องจะหาช่องโหว่เล่นงาน อยากให้ความหวังดีของพี่ชายฉันมาเป็นดาบสองคมทำลายชื่อเสียงของเขา”

“หรือจะให้ฉันไปอธิบายให้กับทางสังกัดของผู้พันจางเข้าใจไหมคะ” เธอเองก็ไม่ได้อยากจะเป็นหนี้บุญคุณใคร

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรขนาดนั้น อย่าไปถือสาคำพูดของเด็กคนนี้เลย เขาก็แค่เป็นห่วงพี่ชายมากเกินไป” คุณนายจางส่งสายตาให้หลายชายคนโปรดเลิกพูดจากกดดันคนอื่น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   64

    เช้าวันถัดมา เสี่ยวเหลียนก็รีบตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะมาช่วยยายหลิวจัดเตรียมของไหว้ ปล่อยให้สามีนอนอยู่บนเตียงเมื่อคืนทั้งเธอและเขาต่างเปิดประสบการณ์และทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำแต่ไม่กล้า เรียกได้ว่าอิ่มเอมทั้งสองฝ่าย แต่ต้องมาเสียใจทีหลังเพราะปวดระบมไปทั้งร่าง“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ออกมานอกห้องก็เห็นตะเกียงถูกจุดอยู่“อรุณสวัสดิ์” ยายหลิวทักทายหลานสาว“ทำไมไม่เปิดไฟละค จะเปิดจุดตะเกียงอีกทำไม” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเดินไปเปิดไฟในบ้านอีกด้วย“เห็นว่ายังเช้ามืดอยู่ กลัวว่าแสงไปจะเข้าไปในห้องรบกวนการนอนของผู้พัน”“เขาไม่เรื่องมากขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าให้กับความเอาใจใส่ของท่านที่มีต่อหลานเขย“แกน่ะไม่เคยคิดอะไรเผื่อใครต่างหากล่ะ ช่วงที่พวกเราเดินทางมาซูโจวผู้พันแทบไม่ได้พักผ่อนเลยเพราะมัวแต่เฝ้าของ กลับมาเหนื่อยๆ ก็มาเจอเรื่อง

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   63

    หลังจากที่ซ่งเฉวียพาแม่ของเขากลับไปแล้ว จางเสวี่ยอวี้ก็ตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับภรรยาอย่างจริงจัง เพราะอีกไม่กี่วันเขาก็ไปรวมกับสหายยังจุดนัดพบเนื่องจากว่าเขาเดินทางล่วงหน้ามาก่อนสหายหลายวัน คำนวณเวลาดูแล้วคงเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน สหายในกองทัพก็น่าจะเดินทางมาถึงยังจุดนัดพบ“วันนี้คุณใจร้อนเกินไปนะครับ” เขาพูดกับคนในอ้อมกอด ตอนนี้เธอกำลังอ้อนเขาเหมือนแมวน้อยก็ไม่ปาน“ฉันรู้ค่ะ แต่บอกตามตรงว่าพอรู้ว่าย่าซ่งถูกทุบตี ภายในใจฉันก็รู้สึกไม่ยินยอม” เธอตอบอย่างเอาแต่ใจ“อืม แค่รอยฟันเด็ก ไม่ได้เหมารวมว่าแม่ของเขาจะเป็นคนทำนะครับ”“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆนะคะ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนั้นด้วย ทั้งยังเป็นใต้ร่มผ้าที่คนอื่นไม่สังเกตเห็นอีกด้วย ถ้าวันนี้เราไม่เห็นหรือเรากลับมาช้ากว่านี้ ท่านจะมีชีรอดจนถึงสิ้นปีหรือเปล่า คนเต็มบ้านทำไมไม่มีใครสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ ถ้าท่านจะความจำเสื่อมฉันว่าก็

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   62

    ตอนนี้เวลาหกโมงเย็น คนที่ออกไปหาปลาก็ทยอยกลับเข้าบ้าน รวมถึงคนบ้านซ่งด้วยเหมือนกัน ผู้นำหมู่บ้านกลับเข้าบ้านมาก่อนลูกชายไม่นาน วันนี้ท่านมีประชุมในตัวเมืองเลยกลับถึงบ้านช้ากว่าทุกวัน“แค่คนแก่คนเดียวทำไมคุณถึงดูแลไม่ได้ คนอื่นต้องลงเรือหาปลากันทั้งวัน ตากแดดตากลม นี่ให้อยู่บ้านเลี้ยงลูกดูแลแม่แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้” พี่ใหญ่ซ่งด่ากราด เนื่องจากกลับมาถึงบ้านแล้วภรรยาบอกข่าวร้ายว่าแม่เขาหนีออกจากบ้านอีกแล้ว“ใจเย็นๆ น่าพี่ใหญ่” ซ่งเฉวียน ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ผิวคล้ำเพราะออกเรือหาปลาทุกวันตบไหล่พี่ชาย ด้วยกลัวว่าเขาจะลงไม้ลงมือกับพี่สะใภ้ใหญ่“แกจะให้ฉันใจเย็นอยู่ได้ยังไงเจ้าสาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนทำพลาด เดือนนี้กี่ครั้งแล้วที่แม่หายตัวไป”“เอาน่า ลองแยกกันหาดูอีกทีแล้วกันครับ พ่อเอาปลาไปขายให้ส่วนกลางก่อนที่ปลาจะตายแล้วไม่มีราคา” ซ่งเฉวียนบอกกับผู้เป็นพ่อ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   61

    ข่าวเรื่องสองยายหลานกลับบ้านมาตอนนี้ดังไปทั่วทั้งหมู่บ้านสายน้ำแล้ว เสี่ยวเหลียนไม่มีเวลาสนทนากับใคร เธอวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดบ้าน หน้าที่รับแขกเลยเป็นของยายหลิวและหลานเขย“ไอหยา…วาสนาเสี่ยวเหลียนนี่ดีจริงๆ เลยนะ ได้สามีเป็นคนเมือง”“นั่นน่ะสิ แล้วนี่จะกลับมาอยู่ที่นี่กันแล้วเหรอ”“จะเป็นไปได้ยังไง มีผู้ชายที่ไหนแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงบ้างล่ะ”“แกลืมไปหรือเปล่า ก็ลูกสาวนางหลิวไง แม่เสี่ยวเหลียนก็แต่งพ่อเสี่ยวเหลียนเข้าบ้านมาไม่ใช่เหรอ”“ฮ่าๆ จริงสิเนอะ เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย”แต่แล้วรองเท้าจากที่ไหนไม่รู้ลอยมากลางวงสนทนา จางเสวี่ยอวี้ปฏิกิริยาเร็ว เขาใช้ถาดขึ้นมากันเอาไว้ ไม่ให้ยายหลิวถูกลูกหลง กลายเป็นว่ารองเท้ากระทบกับถาด ลอยไปฟาดปากคนที่หัวเราะอย่าพอเหมาะพอเจาะจนหุบปากไม่ทัน

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   60

    ยายหลิวพอรู้ว่าหลานสาวและหลานเขยจะไปส่งที่ซูโจวก็ทั้งดีใจและเกรงใจ ดีใจที่จะได้พาหลานสาวกลับไปไหว้ บอกกล่าวบรรพบุรุษตระกูลหลิว และเกรงใจหลานเขย เพิ่งกลับมาจากทำงานต่างเมืองแท้ๆ ยังไม่ทันได้หายเหนื่อยก็ต้องออกเดินทางอีกแล้ว“ลำบากหลานเขยแล้ว” ยายหลิวพูดขึ้น ขณะที่หลานเขยช่วยท่านยกกระเป๋าขึ้นไปบนรถไฟ“ไม่เป็นไรครับ”จางเสวี่ยอวี้ยิ้มรับ วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะเมื่อคืนได้ปลดปล่อยเต็มที่หลังจากที่กักเก็บลูกๆ มานาน ต่างจากจ้าวเสี่ยวเหลียนที่แทบไม่อยากจะขยับตัว“ของีบหน่อยนะคะ” ขึ้นบนรถไฟได้ เธอก็หลับมาตลอดทางยายหลิวส่ายหน้าให้กับความขี้เซาของหลานสาว แต่เพราะเธอเป็นคนเมารถ ท่านเลยเข้าใจปว่าหลานสาวน่าจะเมารถไฟด้วยเหมือนกัน ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเมาอย่างอื่นที่สามีมอบให้ต่างหากล่ะตลอดการเดินทาง จางเสวี่ยอวี้ดูแลสองยายหลานเป็นอย่างดี จองตั๋วนอนให้จะได้โดยสารสะดวก ทั้งยังเป็นคนดูแลความเรียบร้อย เรียกได้ว่ามีเขาอยู่ ยายหลิวสบายตลอดทั้งทางใช้เวลาเดินทางห้าวันก็มาถึงซูโจว ชายหนุ่มมองไปรอบๆ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ เนื่องจากมีคลองขนส่งตลอดทั้งเส้นทาง ผู้คนสัญจรทางเรือมากกว

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   59

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยื้อให้ยายอยู่ด้วยกันจนกระทั่งถึงเดือนกันยายน อากาศเริ่มเย็นลงเล็กน้อย ถึงเวลาที่ท่านจะต้องกลับซูโจวแล้วจริงๆ“ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยละคะ รอให้ถึงวันชาติฉันกับพี่เสวี่ยอวี้จะได้ไปส่งยายได้” หญิงสาวต่อรอง“กลับวันนี้หรือวันไหนก็เหมือนกัน จะยื้อต่อไปอีกทำไม” ยายหลิวส่ายหน้า มือก็สาละวนอยู่กับการจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางช่วงหลังแต่งงานเธอไม่ได้กลับบ้านเพื่อไปไหว้ครอบครัวเดิม เพราะครอบครัวของเธอก็คือยายหลิว ในเมื่อยายอยู่กับตัวเองที่นี่ ก็ไม่จำเป็นต้องกลับส่วนหลิวซือเองก็ได้ติดอะไร ด้วยรู้อยู่แล้วว่าลูกสาวเลือกอยู่ข้างใคร และเธอเองก็ถือว่าตัวเองทำหน้าที่แม่ได้อย่างเต็มที่ ส่งลูกสาวขึ้นเรือลำเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วเรียบร้อยจะว่าไปจ้าวเสี่ยวเหลียนเองก็ถือว่าโชคดีกว่ามาก แม้ว่าแรกเริ่มจะไม่ดีเท่าที่ควร แต่หลังจากเลือกที่จะตกลงปลงใจกับจางเสวี่ยอวี้แล้ว ชีวิตของเธอเรียกได้ว่าเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขณะที่สองยายหลานคุยกันอยู่นั้น จางเสวี่ยอวี้ก็กลับมาจากปฏิบัติงานนอกพื้นที่พอดี ที่ยายหลิวยอมใจอ่อนอยู่ต่อนานนับเดือนขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนหลานสาว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status