Share

19

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-08-17 11:34:51

5 กันยายน 1975

วันนี้เป็นวันประกาศผลคัดเลือกห้อง จ้าวเสี่ยวเหลียนยังไม่ทันได้ไปดูประกาศด้วยซ้ำ ก็มีผู้หวังดีมาบอกถึงบ้านว่าเธอได้อยู่ห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องเด็กนักเรียนระดับหัวกะทิ ส่วนหวังหลินนั้นอยู่ห้องห้า

“ความจริงหลินหลินน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่วันนั้นแกบอกว่าอ่านหนังสือดึกเกินไปเลยปวดหัว สงสัยจะตื่นเต้นน่ะค่ะ” อาสามพูดขึ้น

“ดีแล้วๆ ห้องไหนก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก” ย่าหลี่พยักหน้ายิ้มๆ แม้จะรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง เพราะหลานชายอย่างหลี่เทียนก็อยู่ห้องเดียวกันกับเสี่ยวเหลียน เพราะเขาได้รับโควตามา หรือแม้แต่หลี่เฟินเองก็ได้อยู่ห้องหนึ่งแม้จะเป็นมัธยมต้นก็เถอะ

“ขอบคุณอาสามนะคะที่อุตส่าห์มาบอก” เสี่ยวเหลียนพูดขอบคุณ เพราะเธอก็เตรียมที่จะไปดูประกาศเหมือนกัน

“ไม่เป็นไร” อาสามฝืนยิ้ม

ความจริงที่มาเพราะต้องการมาแก้ต่างให้ลูกสาว ไม่ได้จะมาบอกผลสอบอะไรหรอก แต่ถ้าจะให้มาแก้ต่างอย่างเดียวก็จะดูเหมือนจงใจมากเกนไป เลยต้องเอาเรื่องผลการสอบของเสี่ยวเหลียนมาเป็นข้ออ้าง

“เอาล่ะๆ สายมากแล้ว แยกย้ายกันไปทำงานเถอะ” ย่าหลี่พูด

ตั้งแต่รู้ว่าเสี่ยวเหลียนจะได้แต่งงานกับผู้พัน ท่านก็ดูจะไม่ค่อยเข้มงวดหรือจับผิดอะไรเธอเท่าไหร่ ออกจะตามใจเสียมากกว่า ไม่รู้ว่ากลัวอิทธิพลของผู้พัน หรือคิดถึงสินสอดที่จะตามมาในไม่ช้า

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน ยายหลิวโทรติดต่อกลับมาหลานสาว เสี่ยวเหลียนไปรับโทรศัพท์ที่ร้านค้า รู้สึกโล่งใจที่ในที่สุดยายก็ติดต่อมาเสียที

“สวัสดีค่ะ”

“เสี่ยวเหลียนเหรอ นี่ยายเองนะ” เสียงปลายสายคุ้นหูถามกลับมา

“ฉันเองค่ะ ทำไมยายเพิ่งติดต่อกลับมาละคะ” เธออดที่จะถามด้วยน้ำเสียงน้อยใจไม่ได้

“ขอโทษจริงๆ นะ มาถึงยายก็ยุ่งมาก ไม่รู้ว่าโทรศัพท์ที่บ้านผู้นำหมู่บ้านเสีย เพิ่งมีโอกาสเข้ามาในเมืองก็รีบติดต่อหลานทันที เรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง”

เสี่ยวเหลียนรีบเล่าให้ยายฟังเรื่องสอบเข้าห้องเรียนอันดับหนึ่งของสายชั้นได้ รวมถึงเรื่องเสื้อผ้าแม่ก็จัดการให้เรียบร้อย

“อืม ได้ยินแบบนี้ยายก็วางใจ”

“ยาย…จะกลับมาเมื่อไหร่คะ”

“ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอก ผู้นำหมู่บ้านก็รีบให้กลับมาเร็วเกินไป ยังต้องเดินเรื่องอีกหลายขั้นตอน ยายคงต้องอยู่ที่นี่ไปอีกพักใหญ่” ยายหลิวพูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจ “อยู่ที่นั่น”

“สบายดีค่ะ ยายคะฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก”

ดูเหมือนว่าเสี่ยวเหลียนจะรู้ชะตากรรมตัวเอง ยายเองก็มีหน้าที่ที่ต้องจัดการ จะให้ท่านมากังวลกับเธอเรื่องนี้ไม่ได้

“ยายคิดว่ายังไงคะ”

“แต่งงานเหรอ ไหนบอกว่าอยากจะเป็นพยาบาล” น้ำเสียงเริ่มแข็งกระด้างตามอารมณ์

“ยังจะเป็นพยาบาลเหมือนเดิมค่ะ ตกลงกันแล้วว่าหมั้นกันก่อน แต่ยายคะ ฉันมาคิดดูแล้วบ้านหลี่ก็ไม่ได้ดีเหมือนที่คิดเอาไว้..”

“เหลียนเอ๋อร์ ลืมความตั้งใจเดิมแล้วเหรอ” คำพูดของยายหลิวทำเอาเธอพูดไม่ออก เพราะความอยากมีแม่แท้ๆ จ้าวเสี่ยวเหลียนเอ๋ย เธอถึงต้องมาเป็นเหยื่อให้พวกเขาขย้ำ

“เรื่องหมั้นหมายยายเห็นด้วย อีกอย่างผู้พันช่วยเพราะหวังดี เราเองก็ต้องตอบแทนบุญคุณ” ในที่สุดยายหลิวก็พูดเรื่องสำคัญ “แต่เรื่องย้ายไปอยู่กับเขา ยายไม่เห็นด้วย ศักดิ์ศรียังคงต้องมีอยู่”

“เข้าใจแล้วค่ะ” เสี่ยวเหลียนพยักหน้ารับปาก แม้ว่าปลายสายจะไม่เห็นก็ตาม

“เอาล่ะ เงินหมดแล้ว ยายวางสายก่อนนะ”

ยังไม่ทันร่ำ ปลายสายก็ถูกตัดไปก่อนแล้ว เสี่ยวเหลียนอ้าปากค้าง เธอรู้ว่าผู้เป็นยายเป็นกังวล ไปไม่ทันไรก็มีเรื่องมาทำให้ท่านลำบากใจเสียแล้ว

วันเดียวกันนั้น คุณนายจางก็มาที่บ้านหลี่อีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ท่านพาสามี รวมถึงแม่สื่อมาด้วย เพราะไม่ได้บอกล่วงหน้า อาสามเลยพลาดโอกาสสำคัญ

“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาแบบไม่ได้แจ้งล่วงหน้า” คุณนายจางเอ่ยขึ้น

“ไม่เป็นไรหรอก มาพูดคุยให้ถูกต้องก็ดีเหมือนกัน” ย่าหลี่อาวุโสที่สุดในตอนนี้เป็นคนเอ่ยขึ้น

“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะค่ะว่าป้าหลี่ต้องเข้าใจ อย่างที่พวกเราทราบกัน ครั้งที่แล้วนัดคุยแบบไม่เป็นทางการ ครั้งนี้ก็เลยอยากจะมาให้ทุกท่านมั่นใจ ว่าทางฝ่ายชายยินดีที่จะรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ หนูเสี่ยวเหลียนเองจะได้ไม่ถูกคนอื่นว่าร้ายเอาได้”

แม่สื่อเริ่มทำหน้าที่ พร้อมทั้งสาธยายพื้นเพครอบครัวของฝ่ายชาย ว่าพ่อของจางเสวี่ยอวี้นั้นเป็นถึงนายพล สังกัดเขตมณฑล เพียงแต่ย้ายมาประจำการเขตย่อยในเมืองฝู่หยางแห่งนี้

“ท่านนายพลกับคุณนายเองก็ไม่ได้รังเกียจ ทั้งยังยินดีและเต็มใจรับหนูเสี่ยวเหลียนมาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านอีกด้วย วาสนานี้ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ หรอกนะ”

ย่าหลี่ตาโตเมื่อได้ฟังพื้นหลังของบ้านจาง ไม่คิดว่าพวกเขาจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ นึกถึงสินสอดที่จะได้รับก็อยากจะรีบตอบตกลงในทันที

“ผมเองก็พอได้ภรรยาบอกมาคร่าวๆ แล้ว ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณท่านนายพลกับคุณนายที่รังเกียจลูกสาวของผม พวกเราเองก็ไม่ได้อยากจะให้เรื่องใหญ่โตบานปลาย เพียงแต่พวกคุณคงทราบแล้วว่าลูกสาวของผมยังเรียนอยู่” หลี่เจียงพูดขึ้น

“ฉันทราบดีค่ะ ที่มาวันนี้ก็เพื่อที่อยากจะหารือเรื่องหมั้นหมายเอาไว้ก่อน รอให้หนูเสี่ยวเหลียนเรียนจบแล้วค่อยแต่ง เรื่องนี้ทางเสวี่ยอวี้เองก็ไม่ติดใจอะไร”

จ้าวเสี่ยวเหลียนนั่งฟังเงียบๆ ขมวดคิ้วคิดตาม เธอรู้สึกว่าเรื่องมันออกจะง่ายเกินไปสักหน่อย พ่อเป็นถึงนายพล ลูกเป็นผู้พัน ทำไมถึงต้องอยากจะแต่งผู้หญิงบ้านๆ อย่างเธอขนาดนี้ด้วยนะ

หลี่เจียงหันไปมองหน้าผู้เป็นแม่ เขาเองก็กระดากปากเกินกว่าจะพูดต่อได้ อีกทั้งยังไม่ได้ถามความเห็นจากลูกเลี้ยง แต่ก็คิดว่างานแต่งพ่อแม่เป็นคนจัดการ เลยพยักหน้าให้แม่จัดการพูดต่อให้จบเรื่อง

“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่คุณนายว่าแล้วกันค่ะ ถือว่าเป็นวาสนาของเด็กมันด้วยที่ได้คนดีอย่างผู้พันมารับผิดชอบ” ย่าหลี่สรุปในตอนท้าย

“หนูเสี่ยวเหลียนละจ๊ะ เห็นด้วยกับทางออกนี้หรือเปล่า” คุณนายจางเหมือนจะเข้าใจสถานะของว่าที่ลูกสะใภ้ เลยอยากจะถามเพื่อความแน่ใจ

เสี่ยวเหลียนเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นแม่ ทว่าอีกฝ่ายกลับหันหน้าหนีไปอีกทาง โชคดีที่วันนี้ได้รับการยืนยันจากปากของยายแล้วว่าเห็นด้วยกับงานหมั้นที่จะเกิดขึ้น

“ค่ะ ถ้าผู้ใหญ่เห็นดีเห็นงามฉันก็ยินดี แต่ฉันมีเรื่องอยากจะขอค่ะ” ในเมื่อไม่มีใครปกป้องเธอได้ เธอก็จำเป็นต้องปกป้องตัวเอง

“ว่ามาได้เลย" พ่อจางเป็นคนพูด

เสี่ยวเหลียนค่อนข้างพอใจกับคำตอบของว่าที่พ่อสามี เพราะท่านกล้ารับปากทั้งที่ยังไม่ทันได้ฟังคำขอจากเธอด้วยซ้ำ ในเมื่อพวกท่านใจกว้างกับเธอ เธอก็จะใจกว้างกับพวกเขาเหมือนกัน

“ฉันขอให้งานหมั้นจัดขึ้นหลังจากที่ยายกลับมาจากชนบทแล้วได้หรือเปล่าคะ”

ย่าหลี่ฟังแล้วรู้สึกหน้าชา โดยธรรมเนียมแล้ว จ้าวเสี่ยวเหลียนเปรียบเสมือนลูกหลานบ้านหลี่ และยายหลิวเป็นบ้านเดิมของลูกสะใภ้ ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทว่าหลานสาวนอกไส้กลับเชิดชูยายออกนอกหน้า แบบนี้ไม่ต่างอะไรถูกกับราดน้ำต้มร้อนๆ ใส่หน้า รู้สึกแสบไปหมด

“อาโหยว นึกว่าเรื่องอะไร” คุณนายจางอุทานแล้วยิ้มออกมา “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลไปหรอกจ้ะ ฉันได้ยินมาว่าหนูเติบโตกับคุณยายมาตั้งแต่ยังเล็ก สมควรที่ท่านจะได้เห็นงานสำคัญของหลานสาวจ้ะ”

จ้าวเสี่ยวเหลียนถอนหายใจ อย่างน้อยเธอต้องมั่นใจว่าสินสอดที่บ้านจางจะมอบให้นั้นปลอดภัย ไม่ใช่ว่าคาดหวังกับสินสอดจำนวนมหาศาล เพียงแต่อยากมั่นใจว่าจะไม่มีใครได้ครอบครองสินสอดนอกจากยายหลิว เพราะท่านเป็นคนที่สมควรได้รับมันที่สุดแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   64

    เช้าวันถัดมา เสี่ยวเหลียนก็รีบตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะมาช่วยยายหลิวจัดเตรียมของไหว้ ปล่อยให้สามีนอนอยู่บนเตียงเมื่อคืนทั้งเธอและเขาต่างเปิดประสบการณ์และทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำแต่ไม่กล้า เรียกได้ว่าอิ่มเอมทั้งสองฝ่าย แต่ต้องมาเสียใจทีหลังเพราะปวดระบมไปทั้งร่าง“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ออกมานอกห้องก็เห็นตะเกียงถูกจุดอยู่“อรุณสวัสดิ์” ยายหลิวทักทายหลานสาว“ทำไมไม่เปิดไฟละค จะเปิดจุดตะเกียงอีกทำไม” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเดินไปเปิดไฟในบ้านอีกด้วย“เห็นว่ายังเช้ามืดอยู่ กลัวว่าแสงไปจะเข้าไปในห้องรบกวนการนอนของผู้พัน”“เขาไม่เรื่องมากขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าให้กับความเอาใจใส่ของท่านที่มีต่อหลานเขย“แกน่ะไม่เคยคิดอะไรเผื่อใครต่างหากล่ะ ช่วงที่พวกเราเดินทางมาซูโจวผู้พันแทบไม่ได้พักผ่อนเลยเพราะมัวแต่เฝ้าของ กลับมาเหนื่อยๆ ก็มาเจอเรื่อง

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   63

    หลังจากที่ซ่งเฉวียพาแม่ของเขากลับไปแล้ว จางเสวี่ยอวี้ก็ตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับภรรยาอย่างจริงจัง เพราะอีกไม่กี่วันเขาก็ไปรวมกับสหายยังจุดนัดพบเนื่องจากว่าเขาเดินทางล่วงหน้ามาก่อนสหายหลายวัน คำนวณเวลาดูแล้วคงเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน สหายในกองทัพก็น่าจะเดินทางมาถึงยังจุดนัดพบ“วันนี้คุณใจร้อนเกินไปนะครับ” เขาพูดกับคนในอ้อมกอด ตอนนี้เธอกำลังอ้อนเขาเหมือนแมวน้อยก็ไม่ปาน“ฉันรู้ค่ะ แต่บอกตามตรงว่าพอรู้ว่าย่าซ่งถูกทุบตี ภายในใจฉันก็รู้สึกไม่ยินยอม” เธอตอบอย่างเอาแต่ใจ“อืม แค่รอยฟันเด็ก ไม่ได้เหมารวมว่าแม่ของเขาจะเป็นคนทำนะครับ”“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆนะคะ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนั้นด้วย ทั้งยังเป็นใต้ร่มผ้าที่คนอื่นไม่สังเกตเห็นอีกด้วย ถ้าวันนี้เราไม่เห็นหรือเรากลับมาช้ากว่านี้ ท่านจะมีชีรอดจนถึงสิ้นปีหรือเปล่า คนเต็มบ้านทำไมไม่มีใครสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ ถ้าท่านจะความจำเสื่อมฉันว่าก็

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   62

    ตอนนี้เวลาหกโมงเย็น คนที่ออกไปหาปลาก็ทยอยกลับเข้าบ้าน รวมถึงคนบ้านซ่งด้วยเหมือนกัน ผู้นำหมู่บ้านกลับเข้าบ้านมาก่อนลูกชายไม่นาน วันนี้ท่านมีประชุมในตัวเมืองเลยกลับถึงบ้านช้ากว่าทุกวัน“แค่คนแก่คนเดียวทำไมคุณถึงดูแลไม่ได้ คนอื่นต้องลงเรือหาปลากันทั้งวัน ตากแดดตากลม นี่ให้อยู่บ้านเลี้ยงลูกดูแลแม่แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้” พี่ใหญ่ซ่งด่ากราด เนื่องจากกลับมาถึงบ้านแล้วภรรยาบอกข่าวร้ายว่าแม่เขาหนีออกจากบ้านอีกแล้ว“ใจเย็นๆ น่าพี่ใหญ่” ซ่งเฉวียน ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ผิวคล้ำเพราะออกเรือหาปลาทุกวันตบไหล่พี่ชาย ด้วยกลัวว่าเขาจะลงไม้ลงมือกับพี่สะใภ้ใหญ่“แกจะให้ฉันใจเย็นอยู่ได้ยังไงเจ้าสาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนทำพลาด เดือนนี้กี่ครั้งแล้วที่แม่หายตัวไป”“เอาน่า ลองแยกกันหาดูอีกทีแล้วกันครับ พ่อเอาปลาไปขายให้ส่วนกลางก่อนที่ปลาจะตายแล้วไม่มีราคา” ซ่งเฉวียนบอกกับผู้เป็นพ่อ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   61

    ข่าวเรื่องสองยายหลานกลับบ้านมาตอนนี้ดังไปทั่วทั้งหมู่บ้านสายน้ำแล้ว เสี่ยวเหลียนไม่มีเวลาสนทนากับใคร เธอวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดบ้าน หน้าที่รับแขกเลยเป็นของยายหลิวและหลานเขย“ไอหยา…วาสนาเสี่ยวเหลียนนี่ดีจริงๆ เลยนะ ได้สามีเป็นคนเมือง”“นั่นน่ะสิ แล้วนี่จะกลับมาอยู่ที่นี่กันแล้วเหรอ”“จะเป็นไปได้ยังไง มีผู้ชายที่ไหนแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงบ้างล่ะ”“แกลืมไปหรือเปล่า ก็ลูกสาวนางหลิวไง แม่เสี่ยวเหลียนก็แต่งพ่อเสี่ยวเหลียนเข้าบ้านมาไม่ใช่เหรอ”“ฮ่าๆ จริงสิเนอะ เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย”แต่แล้วรองเท้าจากที่ไหนไม่รู้ลอยมากลางวงสนทนา จางเสวี่ยอวี้ปฏิกิริยาเร็ว เขาใช้ถาดขึ้นมากันเอาไว้ ไม่ให้ยายหลิวถูกลูกหลง กลายเป็นว่ารองเท้ากระทบกับถาด ลอยไปฟาดปากคนที่หัวเราะอย่าพอเหมาะพอเจาะจนหุบปากไม่ทัน

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   60

    ยายหลิวพอรู้ว่าหลานสาวและหลานเขยจะไปส่งที่ซูโจวก็ทั้งดีใจและเกรงใจ ดีใจที่จะได้พาหลานสาวกลับไปไหว้ บอกกล่าวบรรพบุรุษตระกูลหลิว และเกรงใจหลานเขย เพิ่งกลับมาจากทำงานต่างเมืองแท้ๆ ยังไม่ทันได้หายเหนื่อยก็ต้องออกเดินทางอีกแล้ว“ลำบากหลานเขยแล้ว” ยายหลิวพูดขึ้น ขณะที่หลานเขยช่วยท่านยกกระเป๋าขึ้นไปบนรถไฟ“ไม่เป็นไรครับ”จางเสวี่ยอวี้ยิ้มรับ วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะเมื่อคืนได้ปลดปล่อยเต็มที่หลังจากที่กักเก็บลูกๆ มานาน ต่างจากจ้าวเสี่ยวเหลียนที่แทบไม่อยากจะขยับตัว“ของีบหน่อยนะคะ” ขึ้นบนรถไฟได้ เธอก็หลับมาตลอดทางยายหลิวส่ายหน้าให้กับความขี้เซาของหลานสาว แต่เพราะเธอเป็นคนเมารถ ท่านเลยเข้าใจปว่าหลานสาวน่าจะเมารถไฟด้วยเหมือนกัน ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเมาอย่างอื่นที่สามีมอบให้ต่างหากล่ะตลอดการเดินทาง จางเสวี่ยอวี้ดูแลสองยายหลานเป็นอย่างดี จองตั๋วนอนให้จะได้โดยสารสะดวก ทั้งยังเป็นคนดูแลความเรียบร้อย เรียกได้ว่ามีเขาอยู่ ยายหลิวสบายตลอดทั้งทางใช้เวลาเดินทางห้าวันก็มาถึงซูโจว ชายหนุ่มมองไปรอบๆ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ เนื่องจากมีคลองขนส่งตลอดทั้งเส้นทาง ผู้คนสัญจรทางเรือมากกว

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   59

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยื้อให้ยายอยู่ด้วยกันจนกระทั่งถึงเดือนกันยายน อากาศเริ่มเย็นลงเล็กน้อย ถึงเวลาที่ท่านจะต้องกลับซูโจวแล้วจริงๆ“ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยละคะ รอให้ถึงวันชาติฉันกับพี่เสวี่ยอวี้จะได้ไปส่งยายได้” หญิงสาวต่อรอง“กลับวันนี้หรือวันไหนก็เหมือนกัน จะยื้อต่อไปอีกทำไม” ยายหลิวส่ายหน้า มือก็สาละวนอยู่กับการจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางช่วงหลังแต่งงานเธอไม่ได้กลับบ้านเพื่อไปไหว้ครอบครัวเดิม เพราะครอบครัวของเธอก็คือยายหลิว ในเมื่อยายอยู่กับตัวเองที่นี่ ก็ไม่จำเป็นต้องกลับส่วนหลิวซือเองก็ได้ติดอะไร ด้วยรู้อยู่แล้วว่าลูกสาวเลือกอยู่ข้างใคร และเธอเองก็ถือว่าตัวเองทำหน้าที่แม่ได้อย่างเต็มที่ ส่งลูกสาวขึ้นเรือลำเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วเรียบร้อยจะว่าไปจ้าวเสี่ยวเหลียนเองก็ถือว่าโชคดีกว่ามาก แม้ว่าแรกเริ่มจะไม่ดีเท่าที่ควร แต่หลังจากเลือกที่จะตกลงปลงใจกับจางเสวี่ยอวี้แล้ว ชีวิตของเธอเรียกได้ว่าเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขณะที่สองยายหลานคุยกันอยู่นั้น จางเสวี่ยอวี้ก็กลับมาจากปฏิบัติงานนอกพื้นที่พอดี ที่ยายหลิวยอมใจอ่อนอยู่ต่อนานนับเดือนขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนหลานสาว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status