Share

19

Author: Scince
last update Huling Na-update: 2025-08-17 11:34:51

5 กันยายน 1975

วันนี้เป็นวันประกาศผลคัดเลือกห้อง จ้าวเสี่ยวเหลียนยังไม่ทันได้ไปดูประกาศด้วยซ้ำ ก็มีผู้หวังดีมาบอกถึงบ้านว่าเธอได้อยู่ห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องเด็กนักเรียนระดับหัวกะทิ ส่วนหวังหลินนั้นอยู่ห้องห้า

“ความจริงหลินหลินน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่วันนั้นแกบอกว่าอ่านหนังสือดึกเกินไปเลยปวดหัว สงสัยจะตื่นเต้นน่ะค่ะ” อาสามพูดขึ้น

“ดีแล้วๆ ห้องไหนก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก” ย่าหลี่พยักหน้ายิ้มๆ แม้จะรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง เพราะหลานชายอย่างหลี่เทียนก็อยู่ห้องเดียวกันกับเสี่ยวเหลียน เพราะเขาได้รับโควตามา หรือแม้แต่หลี่เฟินเองก็ได้อยู่ห้องหนึ่งแม้จะเป็นมัธยมต้นก็เถอะ

“ขอบคุณอาสามนะคะที่อุตส่าห์มาบอก” เสี่ยวเหลียนพูดขอบคุณ เพราะเธอก็เตรียมที่จะไปดูประกาศเหมือนกัน

“ไม่เป็นไร” อาสามฝืนยิ้ม

ความจริงที่มาเพราะต้องการมาแก้ต่างให้ลูกสาว ไม่ได้จะมาบอกผลสอบอะไรหรอก แต่ถ้าจะให้มาแก้ต่างอย่างเดียวก็จะดูเหมือนจงใจมากเกนไป เลยต้องเอาเรื่องผลการสอบของเสี่ยวเหลียนมาเป็นข้ออ้าง

“เอาล่ะๆ สายมากแล้ว แยกย้ายกันไปทำงานเถอะ” ย่าหลี่พูด

ตั้งแต่รู้ว่าเสี่ยวเหลียนจะได้แต่งงานกับผู้พัน ท่านก็ดูจะไม่ค่อยเข้มงวดหรือจับผิดอะไรเธอเท่าไหร่ ออกจะตามใจเสียมากกว่า ไม่รู้ว่ากลัวอิทธิพลของผู้พัน หรือคิดถึงสินสอดที่จะตามมาในไม่ช้า

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน ยายหลิวโทรติดต่อกลับมาหลานสาว เสี่ยวเหลียนไปรับโทรศัพท์ที่ร้านค้า รู้สึกโล่งใจที่ในที่สุดยายก็ติดต่อมาเสียที

“สวัสดีค่ะ”

“เสี่ยวเหลียนเหรอ นี่ยายเองนะ” เสียงปลายสายคุ้นหูถามกลับมา

“ฉันเองค่ะ ทำไมยายเพิ่งติดต่อกลับมาละคะ” เธออดที่จะถามด้วยน้ำเสียงน้อยใจไม่ได้

“ขอโทษจริงๆ นะ มาถึงยายก็ยุ่งมาก ไม่รู้ว่าโทรศัพท์ที่บ้านผู้นำหมู่บ้านเสีย เพิ่งมีโอกาสเข้ามาในเมืองก็รีบติดต่อหลานทันที เรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง”

เสี่ยวเหลียนรีบเล่าให้ยายฟังเรื่องสอบเข้าห้องเรียนอันดับหนึ่งของสายชั้นได้ รวมถึงเรื่องเสื้อผ้าแม่ก็จัดการให้เรียบร้อย

“อืม ได้ยินแบบนี้ยายก็วางใจ”

“ยาย…จะกลับมาเมื่อไหร่คะ”

“ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอก ผู้นำหมู่บ้านก็รีบให้กลับมาเร็วเกินไป ยังต้องเดินเรื่องอีกหลายขั้นตอน ยายคงต้องอยู่ที่นี่ไปอีกพักใหญ่” ยายหลิวพูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจ “อยู่ที่นั่น”

“สบายดีค่ะ ยายคะฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก”

ดูเหมือนว่าเสี่ยวเหลียนจะรู้ชะตากรรมตัวเอง ยายเองก็มีหน้าที่ที่ต้องจัดการ จะให้ท่านมากังวลกับเธอเรื่องนี้ไม่ได้

“ยายคิดว่ายังไงคะ”

“แต่งงานเหรอ ไหนบอกว่าอยากจะเป็นพยาบาล” น้ำเสียงเริ่มแข็งกระด้างตามอารมณ์

“ยังจะเป็นพยาบาลเหมือนเดิมค่ะ ตกลงกันแล้วว่าหมั้นกันก่อน แต่ยายคะ ฉันมาคิดดูแล้วบ้านหลี่ก็ไม่ได้ดีเหมือนที่คิดเอาไว้..”

“เหลียนเอ๋อร์ ลืมความตั้งใจเดิมแล้วเหรอ” คำพูดของยายหลิวทำเอาเธอพูดไม่ออก เพราะความอยากมีแม่แท้ๆ จ้าวเสี่ยวเหลียนเอ๋ย เธอถึงต้องมาเป็นเหยื่อให้พวกเขาขย้ำ

“เรื่องหมั้นหมายยายเห็นด้วย อีกอย่างผู้พันช่วยเพราะหวังดี เราเองก็ต้องตอบแทนบุญคุณ” ในที่สุดยายหลิวก็พูดเรื่องสำคัญ “แต่เรื่องย้ายไปอยู่กับเขา ยายไม่เห็นด้วย ศักดิ์ศรียังคงต้องมีอยู่”

“เข้าใจแล้วค่ะ” เสี่ยวเหลียนพยักหน้ารับปาก แม้ว่าปลายสายจะไม่เห็นก็ตาม

“เอาล่ะ เงินหมดแล้ว ยายวางสายก่อนนะ”

ยังไม่ทันร่ำ ปลายสายก็ถูกตัดไปก่อนแล้ว เสี่ยวเหลียนอ้าปากค้าง เธอรู้ว่าผู้เป็นยายเป็นกังวล ไปไม่ทันไรก็มีเรื่องมาทำให้ท่านลำบากใจเสียแล้ว

วันเดียวกันนั้น คุณนายจางก็มาที่บ้านหลี่อีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ท่านพาสามี รวมถึงแม่สื่อมาด้วย เพราะไม่ได้บอกล่วงหน้า อาสามเลยพลาดโอกาสสำคัญ

“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาแบบไม่ได้แจ้งล่วงหน้า” คุณนายจางเอ่ยขึ้น

“ไม่เป็นไรหรอก มาพูดคุยให้ถูกต้องก็ดีเหมือนกัน” ย่าหลี่อาวุโสที่สุดในตอนนี้เป็นคนเอ่ยขึ้น

“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะค่ะว่าป้าหลี่ต้องเข้าใจ อย่างที่พวกเราทราบกัน ครั้งที่แล้วนัดคุยแบบไม่เป็นทางการ ครั้งนี้ก็เลยอยากจะมาให้ทุกท่านมั่นใจ ว่าทางฝ่ายชายยินดีที่จะรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ หนูเสี่ยวเหลียนเองจะได้ไม่ถูกคนอื่นว่าร้ายเอาได้”

แม่สื่อเริ่มทำหน้าที่ พร้อมทั้งสาธยายพื้นเพครอบครัวของฝ่ายชาย ว่าพ่อของจางเสวี่ยอวี้นั้นเป็นถึงนายพล สังกัดเขตมณฑล เพียงแต่ย้ายมาประจำการเขตย่อยในเมืองฝู่หยางแห่งนี้

“ท่านนายพลกับคุณนายเองก็ไม่ได้รังเกียจ ทั้งยังยินดีและเต็มใจรับหนูเสี่ยวเหลียนมาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านอีกด้วย วาสนานี้ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ หรอกนะ”

ย่าหลี่ตาโตเมื่อได้ฟังพื้นหลังของบ้านจาง ไม่คิดว่าพวกเขาจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ นึกถึงสินสอดที่จะได้รับก็อยากจะรีบตอบตกลงในทันที

“ผมเองก็พอได้ภรรยาบอกมาคร่าวๆ แล้ว ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณท่านนายพลกับคุณนายที่รังเกียจลูกสาวของผม พวกเราเองก็ไม่ได้อยากจะให้เรื่องใหญ่โตบานปลาย เพียงแต่พวกคุณคงทราบแล้วว่าลูกสาวของผมยังเรียนอยู่” หลี่เจียงพูดขึ้น

“ฉันทราบดีค่ะ ที่มาวันนี้ก็เพื่อที่อยากจะหารือเรื่องหมั้นหมายเอาไว้ก่อน รอให้หนูเสี่ยวเหลียนเรียนจบแล้วค่อยแต่ง เรื่องนี้ทางเสวี่ยอวี้เองก็ไม่ติดใจอะไร”

จ้าวเสี่ยวเหลียนนั่งฟังเงียบๆ ขมวดคิ้วคิดตาม เธอรู้สึกว่าเรื่องมันออกจะง่ายเกินไปสักหน่อย พ่อเป็นถึงนายพล ลูกเป็นผู้พัน ทำไมถึงต้องอยากจะแต่งผู้หญิงบ้านๆ อย่างเธอขนาดนี้ด้วยนะ

หลี่เจียงหันไปมองหน้าผู้เป็นแม่ เขาเองก็กระดากปากเกินกว่าจะพูดต่อได้ อีกทั้งยังไม่ได้ถามความเห็นจากลูกเลี้ยง แต่ก็คิดว่างานแต่งพ่อแม่เป็นคนจัดการ เลยพยักหน้าให้แม่จัดการพูดต่อให้จบเรื่อง

“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่คุณนายว่าแล้วกันค่ะ ถือว่าเป็นวาสนาของเด็กมันด้วยที่ได้คนดีอย่างผู้พันมารับผิดชอบ” ย่าหลี่สรุปในตอนท้าย

“หนูเสี่ยวเหลียนละจ๊ะ เห็นด้วยกับทางออกนี้หรือเปล่า” คุณนายจางเหมือนจะเข้าใจสถานะของว่าที่ลูกสะใภ้ เลยอยากจะถามเพื่อความแน่ใจ

เสี่ยวเหลียนเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นแม่ ทว่าอีกฝ่ายกลับหันหน้าหนีไปอีกทาง โชคดีที่วันนี้ได้รับการยืนยันจากปากของยายแล้วว่าเห็นด้วยกับงานหมั้นที่จะเกิดขึ้น

“ค่ะ ถ้าผู้ใหญ่เห็นดีเห็นงามฉันก็ยินดี แต่ฉันมีเรื่องอยากจะขอค่ะ” ในเมื่อไม่มีใครปกป้องเธอได้ เธอก็จำเป็นต้องปกป้องตัวเอง

“ว่ามาได้เลย" พ่อจางเป็นคนพูด

เสี่ยวเหลียนค่อนข้างพอใจกับคำตอบของว่าที่พ่อสามี เพราะท่านกล้ารับปากทั้งที่ยังไม่ทันได้ฟังคำขอจากเธอด้วยซ้ำ ในเมื่อพวกท่านใจกว้างกับเธอ เธอก็จะใจกว้างกับพวกเขาเหมือนกัน

“ฉันขอให้งานหมั้นจัดขึ้นหลังจากที่ยายกลับมาจากชนบทแล้วได้หรือเปล่าคะ”

ย่าหลี่ฟังแล้วรู้สึกหน้าชา โดยธรรมเนียมแล้ว จ้าวเสี่ยวเหลียนเปรียบเสมือนลูกหลานบ้านหลี่ และยายหลิวเป็นบ้านเดิมของลูกสะใภ้ ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทว่าหลานสาวนอกไส้กลับเชิดชูยายออกนอกหน้า แบบนี้ไม่ต่างอะไรถูกกับราดน้ำต้มร้อนๆ ใส่หน้า รู้สึกแสบไปหมด

“อาโหยว นึกว่าเรื่องอะไร” คุณนายจางอุทานแล้วยิ้มออกมา “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลไปหรอกจ้ะ ฉันได้ยินมาว่าหนูเติบโตกับคุณยายมาตั้งแต่ยังเล็ก สมควรที่ท่านจะได้เห็นงานสำคัญของหลานสาวจ้ะ”

จ้าวเสี่ยวเหลียนถอนหายใจ อย่างน้อยเธอต้องมั่นใจว่าสินสอดที่บ้านจางจะมอบให้นั้นปลอดภัย ไม่ใช่ว่าคาดหวังกับสินสอดจำนวนมหาศาล เพียงแต่อยากมั่นใจว่าจะไม่มีใครได้ครอบครองสินสอดนอกจากยายหลิว เพราะท่านเป็นคนที่สมควรได้รับมันที่สุดแล้ว

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   120

    ช่วงดึกวันเดียวกันนั้น พ่อจางสังเกตเห็นความผิดปกติของภรรยา อยู่กินมานานเกือบสามสิบปี แค่อ้าปากก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร“มีเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่าครับ” พ่อจางกอดภรรยาจากทางด้านหลัง มั่นใจว่าคนข้างๆ ยังไม่นอน“…." มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา“วันนี้เจ้าลูกชายตัวดีมาคุยกับผม เรื่องที่ขอยืดเวลาให้กวงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ก่อน ทางผมไม่ติดอะไรนะถ้าคุณจะอยู่กับหลานต่อ”“ฉันจะกลับบ้านค่ะ ถ้าพวกเขาไม่ยอมให้ฉันเอาหลานกลับ ก็ให้พวกเขาเลี้ยงกันเอง ฉันจะไม่ยุ่งแล้ว” แม่จางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ถ้าคุณอยากจะกลับเพราะคิดถึงผมก็แล้วไปเถอะ แต่อย่ากลับเพียงเพราะอยากประชดลูกเลย เสวี่ยอวี้อาจจะไม่เป็นไร แต่อย่าทำให้ลูกสะใภ้ลำบากใจ ได้ยินว่าเธอยินดีที่ให้กวงเอ๋อร์ไปชิงเต่า แต่เจ้าลูกชายตัวดีไม่ยอม” พ่อจางรับหน้าที่เป็นคนกลา

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   119

    สิงหาคม 1980ครบกำหนดที่จางเหยากวงต้องกลับไปชิงเต่ากับคุณย่าของเขาแล้ว เจ้าอ้วนยังไม่รู้ชะตากรรมว่าต่อไปตัวเองจะต้องอยู่ห่างจากพ่อแม่ ตอนนี้สองพ่่อลูกกำลังเล่นของเล่นบนเตียงกันอยู่“ผมจำได้ว่าเครื่องบินของกวงเอ๋อร์มีเยอะกว่านี้ไม่ใช่เหรอครับ” สองพ่อลูกชอบเล่นเครื่องบิน ก่อนนอนทุกคืนเขาจะต้องได้เล่นเครื่องบินกับพ่อก่อน แล้วค่อยให้ย่าจางพาไปนอน“ฉันเก็บลงกล่องบางส่วนแล้วละค่ะ” พูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกจุกที่ลำคอทุกทีจางเสวี่ยอวี้ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ ให้ลูกชายเล่นเครื่องบินไปก่อน แล้วหันมาปลอบแม่ของลูกแทน “ถ้าอย่างนั้นไม่สู้เราคุยกับแม่ให้ท่านกลับไปชิงเต่าก่อนดีหรือเปล่าครับ ผมจะจ้างพี่เลี้ยงมาอยู่ประจำ คุณยายท่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป”ตอนนี้แม้ว่าที่บ้านของเขาจะมีแม่บ้าน แต่ทำงานเช้าเย็นก็กลับ หน้าที่เลี้ยงหลานเป็นของยายทวดและคุณย่า เขารู้ดีว่าพวกท

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   118

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยุ่งอยู่กับการเลี้ยงลูกและเรียน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมใส่ใจน้องสาว ตอนนี้หลี่เฟินสอบเข้ามหาวิทยาลัยมณฑลได้แล้ว เดิมทีแม่หลิวอยากให้มาอยู่กับพี่สาว จะช่วยเลี้ยงหลาน แต่เพราะมหาวิทยาลัยกับค่ายทหารอยู่ไกลกันเดินทางลำบาก เสี่ยวเหลียนเลยเลือกให้น้องสาวอยู่หอพักแทน วันหยุดถึงมาหลานสาว“ไอหยา…ตัวหนักกว่าครั้งที่แล้วอีกนะ” น้าสาวยิ้มกว้างเมื่อได้อุ้มหลานชายวัยสี่เดือน ตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าของเด็กหนึ่งขวบไปแล้วเรียบร้อย“เขาห้ามทักว่าเด็กอ้วนเดี๋ยวจะป่วย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” ยายหลิวดุหลานสาว“จริงเหรอคะ เสี่ยวกวงของเราไม่อ้วนเลย ออกจะผอมไปด้วยซ้ำ ต้องกินเยอะๆ นะ” พอรู้ว่าหลานชายจะป่วยเพราะคำพูดของตัวเอง น้าสาวก็กลับคำเสียอย่างนั้นเสี่ยวเหลียนได้ยินแล้วก็ส่ายหน้า “เด็กคนหนึ่งจะป่วยก็คงไม่เกี่ยวกับคำพูดหรอก เป็นเพราะสภาพแวดล้อมแล้วก็สิ่งที่เขากินเข้าไปมากกว่า เจ็บป

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   117

    จ้าวเสี่ยวเหลียนอยู่โรงพยาบาล 3 วัน ถ้าเป็นคนอื่นคงออกตั้งแต่สองวันแรก แต่เพราะเป็นภรรยาของท่านนายพล เขาอยากมั่นใจก่อนว่าภรรยาและลูกปลอดภัย พ่อจางกับแม่จางมาถึงวันที่เสี่ยวเหลียนออกจากโรงพยาบาลพอดี จางเสวี่ยอวี้ตั้งชื่อลูกชายา จางเหยากวง“ไอหยา…เพิ่งคุยกันไม่กี่วันก่อนแท้ๆ หลานย่าก็รีบออกมาเสียแล้ว ไม่รอย่าเลย” ตอนนี้คุณแม่จางกำลังอุ้มหลายชายตัวอ้วนของท่านอยู่รีบอะไรกันละคะ ความจริงต้องออกตั้นแต่ช่วงต้นเดือนเสียด้วยซ้ำ อีกสองสัปดาห์ก้จะเปิดเทอมแล้ว ม่านม่านจะพักฟื้นทันหรือเปล่า" แม่หลิวมองหน้าลูกสาวที่กำลังอยู่เดือนด้วยความเป็นห่วง“นั่นสิ แล้วเรื่องอยู่เดือนจะทำยังไง” แม่จางถาม“สัปดาห์แรกน่าจะยังไม่มีอะไรหรอกค่ะ ยังไม่ต้องไปก็ได้ แต่หลังจากนั้นยังไงก็ต้องไปเพราะขึ้นปีสามแล้ว เนื้อหาเฉพาะมากขึ้น”“ไม่สู้ให้แม่พากวงเอ๋อร์กลับชิงเต่า พวกลูกจะไ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   116

    จางเสวี่ยอวี้ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาเห็นของเหลวกำลังไหลออกมาจากร่างกายของภรรยา ก่อนหน้านี้เธอมีอาการเจ็บท้องอยู่หลายครั้ง แต่พอเกิดขึ้นจริงเขากลับทำอะไรไม่ถูก“จางเสวี่ยอวี้ เอาของที่เตรียมไว้ไปใส่รถเร็วเข้า” ในจิตสำนึกของเธอแล้ว ตัวเองอายุเท่ากันกับสามี พอน้ำคร่ำแตก อาการเจ็บท้องคลอดของเธอก็ถี่ขึ้น จนเหงื่อท่วมตัวว่าที่คุณพ่อมือใหม่สะดุ้งกับคำสั่งของภรรยา “ได้” เขารีบเดินไปหิ้วกระเป๋าที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้นานแล้วขึ้นรถ ไม่นานก็กลับเข้ามาอุ้มภรรยาไปโรงพยาบาล“ไม่ต้องกลัวนะ ทำใจให้สบาย” ยายหลิวจับมือปลอบใจหลานสาวตลอดทาง โชคดีที่บ้านพักกับโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาเดินทางแค่ 5 นาทีก็มาถึงโรงพยาบาลตอนนี้เสี่ยวเหลียนถูกเข็นไปยังห้องคลอด จางเสวี่ยอวี้เดินไปตามหวังหว่านอินที่ห้องตรวจด้วยตัวเอง ทำเอาคนไข้แตกตื่นไปตามๆ กัน“นายใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้เธอ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   115

    กุมภาพันธ์ 1980ปิดเทอมฤดูหนาวเสี่ยวเหลียนไม่ได้กลับชิงเต่า เพราะจางเสวี่ยอวี้ไม่อยากให้เธอต้องเดินทางไกลช่วงที่หิมะตกหนัก“เข้าใจแล้วค่ะ วางแล้วนะคะ”“ใครโทรมาครับ” จางเสวี่ยอวี้เดินเข้ามาโอบเอวของภรรยา มือหนาลูบหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นมานิดๆ ของภรรยา“แม่น่ะค่ะ โทรมากำชับ บอกว่าปิดเทอมนี้ไม่ต้องกลับบ้าน” เธอยิ้มตอบสามี รู้สึกดีทุกครั้งที่เขาลูบท้องลูกของพวกเธอ“ผมทำเรื่องขอย้ายไปอยู่บ้านเป็นหลังแล้ว คิดว่าสะดวกกว่าอยู่บนอาคาร”“ทำไมละคะ” เธอคิดว่าอยู่บนอาคารก็สะดวกดี ฤดูหนาวไม่ต้องคอยมากวาดหิมะบนหลังคา ติดแค่พื้นที่แคบไปสักหน่อยก็เท่านั้น“อยู่บ้านเป็นหลังดีกว่า อีกหน่อยคุณยายก็ต้องมาช่วยดูแลคุณ ท่านจะได้ไม่อึดอัดที่อยู่แต่บนอาคารอย่างเดียว”

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status