Share

3

Author: Scince
last update Huling Na-update: 2025-08-01 10:30:39

จ้าวเสี่ยวเหลียนที่นั่งเงียบอยู่นานก็กระแอมขึ้นมา เป็นการตัดบทสนทนาที่น่าอึดอัดนั้น และแล้วก็ได้ผล เพราะยายหลิวหันกลับมามองหลานสาวที่เป็นดั่งไข่มุกในอุ้งมือของท่าน

 "กินข้าวก่อนเถอะเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง" ยายหลิวถอนหายใจ สุดท้ายท่านก็ยอมใจอ่อนอีกจนได้

หลิวซือได้แต่พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย พร้อมทั้งนั่งป้อนข้าวลูกสาวที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะเชือดไก่ ใบหน้าซีดเซียวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าลูกสาวจมน้ำ แต่คนว่ายน้ำเก่งระดับจังหวัดจะจมน้ำได้ยังไง นกเสียจากว่าลูกสาวจะตั้งใจ

แล้วเหตุผลอะไรล่ะถึงทำให้ต้องคิดสั้นแบบนั้น แต่พอนึกย้อนไปถึงเรื่องที่ตนสันนิษฐานและเกริ่นไปตั้งแต่ตอนแรกก็แอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เพราะหากเป็นเรื่องจริง ตนคงจะเสียใจมากที่ไม่ได้พูดกับลูกสาวใช้ชัดเจน เพราะต่อให้จะหัวอ่อนและอ่อนแอกับบ้านสามีมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาอย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดก็เถอะ

บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงซดข้าวต้มเบาๆ ของเสี่ยวเหลียนเท่านั้น เธอรู้ดีว่านี่เป็นเพียงความสงบก่อนพายุลูกใหญ่จะมาถึง และเธอก็ไม่ต้องรอนาน

เสียงฝีเท้าหนักๆ เดินตรงมายังห้องของพวกเธอดังขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่ประตูไม้เก่าๆ จะถูกผลักออกอย่างแรงจนกระแทกเข้ากับผนังเสียงดัง 

ปัง!

คนที่ปรากฏตัวคือผู้หญิงวัยยี่สิบปลายๆ รูปร่างเพรียวบาง สวมเสื้อเชิ้ตผ้าเนื้อดีสีฟ้าอ่อนกับกางเกงขาบานยาวสีเข้ม ดูดีและทันสมัยกว่าผู้หญิงคนอื่นในหมู่บ้านแห่งนี้อย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของหล่อนถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางหนา ทาตาสีเข้ม ปากสีแดงทันสมัย แต่กลับไม่อาจปิดบังความบึ้งตึงและแววตาที่เต็มไปด้วยโทสะเอาไว้ได้

เธอคืออาสาม หลี่เซียน คนริเริ่มแผนการแต่งงานและตามมาด้วยโศกนาฏกรรมครั้งนี้

"พี่สะใภ้ใหญ่" หลี่เซียนไม่แม้แต่จะมองหน้าใครคนอื่น เธอพุ่งเป้าไปที่หลิวซือทันที "ฉันเพิ่งได้ข่าวก็รีบมาที่นี่เลย ตกลงเรื่องที่เขาลือกันคือเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ"

อาสามแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพราะข้างนอกลือกันไปทั่วทั้งซอยแล้ว ว่าลูกเลี้ยงของพี่ชายเธอตกน้ำ เรื่องนั้นคงไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่คนที่เกิดและโตมากับน้ำจะจมน้ำจนถึงขั้นมีผู้ชายมาช่วยผายปอดได้ยังไงกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เพราะหมายมั่นปั้นมือเอาไว้แล้วว่าจะให้น้องชายแต่งงานกับหลานสาวบ้านนอกคนนี้

หลิวซือหน้าซีดเผือด รีบลุกขึ้นยืนตัวสั่น "อาสาม…เขาลือว่าอะไรเหรอ"

"ก็จะเรื่องอะไรเสียอีกละคะ" หลี่เซียนตวาดเสียงแหลม นิ้วเรียวชี้มาที่เสี่ยวเหลียนซึ่งยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง “เขาลือกันว่าลูกเลี้ยงของพี่ใหญ่ที่บอกว่าโตมากับน้ำ ทำไมถึงจมน้ำได้หรือว่าสาเหตุที่แท้จริงกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ตอนนี้ข่าวลือมันดังไปทั่วทั้งโรงงานแล้ว คนทั้งโรงงานพูดกันทั่วว่าบ้านหลี่รังแก กดขี่หลานสาวที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่จนต้องคิดสั้น เป็นแบบนี้จะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ความหวังดีของฉันพังเพราะความงะ…” 

อาสามยั้งปากได้ทัน เพราะหางตาเหลือบไปเห็นยายหลิวนั่งอยู่ข้างๆ แต่ก็เชิ่ดหน้าแล้วพูดต่อ “ความหวังดีของฉันต้องพังลงเพราะความคิดน้อยของใครบางคน” 

‘หวังดีอย่างนั้นเหรอ หวังดีโดยการที่จะเอาชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งมาเป็นเครื่องสังเวยเพื่อรักษาความลับของน้องชายตัวเองน่ะเหรอ ช่างกล้าพูดออกมาได้นะ’ เสี่ยวเหลียนแสยะยิ้ม พร้อมทั้งคิดในใจอย่างเย็นชา แต่มือที่กำช้อนแน่นขึ้นก็เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ

"ใจเย็นๆ ก่อนนะอาสาม" หลิวซือพยายามไกล่เกลี่ยเสียงสั่น "มันก็แค่อุบัติเหตุ ไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิดสักหน่อย" เธอพยามเปลี่ยนเรื่องด้วยกลัวว่าเรื่องจะแดงจนเข้าหูผู้เป็นแม่

"ไม่ได้ตั้งใจเหรอคนเราถ้าไม่ได้ตั้งใจจะไปกระโดดน้ำทำไม อีกอย่างหล่อนก็ว่ายน้ำเป็น เสี่ยวเหลียนไหนบอกอาสามมาสิว่าเธอทำแบบนั้นทำไม" หลี่เซียนไม่ฟังเสียงใครทั้งนั้น หันไปถามคนป่วยอย่างหาเรื่อง

 "ฉันอุตส่าห์หวังดี อยากจะให้หลานได้เป็นฝั่งเป็นฝา มีครอบครัวที่มั่นคงดูแลแท้ๆ แต่นี่คือสิ่งที่หล่อนตอบแทนฉันอย่างนั้นเหรอ ทำให้บ้านหลี่ต้องเสียชื่อเสียง ทำให้ฉันต้องอับอายขายขี้หน้า"

ทุกคำพูดของหลี่เซียนเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวและไร้ซึ่งความเห็นใจ มันคือการโยนความผิดทั้งหมดมาให้เหยื่ออย่างเลือดเย็นที่สุด หลิวซือถูกด่าจนหน้าชา ได้แต่ยืนก้มหน้า ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากปกป้องลูกสาวของตัวเองแม้แต่คำเดียว

เสี่ยวเหลียนมองภาพนั้นแล้วได้แต่ถอนหายใจ เธอวางถ้วยข้าวต้มลง กำลังจะอ้าปากตอบโต้ แต่แล้วเสียงที่สุขุมทว่าทรงพลังก็ดังขึ้นมาก่อน

"ตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกัน"

ทุกคนหันไปมองต้นเสียง ยายหลิว ท่านลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แม้จะอายุมากตามกาลเวลา ทว่าท่านกลับคงความสง่างามของสาวงามอันดับหนึ่งในหมู่บ้าน รูปร่างผมเพรียวระหงส์ดูสูงส่ง ผิดกับย่าหลี่ที่รูปร่างค่อนข้างป้อมสั้นทั้งยังหลังค่อม ไม่มีสง่าราศี ท่านจ้องมองไปยังหลี่เซียนด้วยแววตาที่สงบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยความคมกริบราวกับมีด

หลี่เซียนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อถูกขัดจังหวะ "ตกลงว่าคุณป้ายังไม่รู้เรื่องเหรอคะ ฉันนึกว่าพี่สะใภ้ใหญ่บอกแล้วเสียอีก"

“เรื่องอะไร” ยายหลิวถามเสียงเข้ม ไม่มีเค้าโครงความใจดีหลงเหลืออยู่ในใบหน้าอีกต่อไป

“คะ คือว่า” หลิวซือเม้มปาก นึกอยากจะฉีกปากน้องสาวสามีให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องพ่นคำพูดเน่าๆออกมาให้คนอื่นเหม็นเน่าจนต้องทะเลาะเบาะแว้งกันได้อีก

“หลิวซือ" ยายหลิวเรียกชื่อเต็มของลูกสาว

พอเห็นว่าไม่มีทางเลือก ยังไงซะเธอก็ไม่คิดจะบ้าจี้ทำตามที่หลี่เซียนบอกอยู่แล้ว เลยเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้กับผู้เป็นแม่ฟัง

“แต่แม่คะ ทั้งนี้ก็ต้องถามเสี่ยวเหลียนก่อนว่าเรื่องนี้คือสาเหตุที่แท้จริงหรือเปล่า จ้าวเสี่ยวเหลียน…แกบอกยายไปสิวาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้” ประโยคสุดท้ายหลิวซือหันไปพูดกับลูกสาว

“หลิวซือ รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา” ยายหลิวถึงกับพูดเสียงดัง ไม่คิดเลยว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากของลูกสาว

“แม่คะ ฉันก็บอกแม่แล้วว่าเป็นแค่เรื่องไร้สาระ อีกอย่างอาสามก็คงจะแค่พูดเล่น ฉันเองก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เคยรับปากแม่แล้วว่ายังไงเสี่ยวเหลียนก็ต้องได้เรียนต่อ หลี่เจียงเองก็รับปากแล้ว พวกเราจะกลับคำได้ยังไงกันละคะ” หลิวซืออธิบายอย่างใจเย็น เวลาเดียวกันนั้นก็หันไปทำหน้าขึงขังใส่ลูกสาวที่เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ยอมพูดหรืออธิบายอะไรเสียที 

“จ้าวเสี่ยวเหลียน ตกลงแกจะบอกได้หรือยังว่าก่อเรื่องทำไม” 

เสี่ยวเหลียนฟังแล้วถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าคำพูดแบบนี้จะออกจากปากคนเป็นแม่ ต่อหน้าคนบ้านหลี่ แม่ของเธอดูเปลี่ยนเป็นคนละคน คล้ายกับว่าหล่อนถวายวิญญาณให้กับบ้านหลี่ไปจนหมดแล้ว

“คุณป้าก็อย่าไปโทษพี่สะใภ้เลยค่ะ อีกอย่างเรื่องนี้ฉันเป็นคนเสนอความคิดเองแหละ จะเป็นอะไรไปละคะ ในเมื่อเสี่ยวเหลียนก็เป็นเหมือนหลานสาวของฉันคนหนึ่ง เรื่องของครอบครัวหลี่ คุณป้าอย่ายุ่งเลยดีกว่าค่ะ” อาสามลอยหน้าลอยตาตอบ ไม่รู้สึกผิดเลยสักิดกับคำพูดที่ตัวเองเพิ่งจะพูดออกมา

"เรื่องของครอบครัวหลี่ แต่คนที่หล่อนกำลังจะเอาทั้งชีวิตไปทิ้งคือหลานสาวของฉัน" ยายหลิวตอบกลับเสียงเรียบ "หล่อนพูดเรื่องเสียชื่อเสียงพูดเรื่องน่าอับอาย งั้นฉันขอถามหน่อยเถอะหลี่เซียน ยังจะมีอะไรที่น่าอับอายไปกว่า การที่บังคับให้หลานสาวแต่งงานกับอาของตัวเอง"

ประโยคนี้เหมือนค้อนหนักๆ ที่ทุบลงกลางวงสนทนา หลี่เซียนถึงกับหน้าเปลี่ยนสี 

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   5

    ย่าหลี่เหมือนจะตั้งสติได้ เป็นตาร้ายดียังไง ท่านก็ไม่มีวันยอมรับว่าลูกชายเป็นพวกนั้น ทั้งยังไม่มีวันยอมให้ใครมาพูดถึงลูกชายที่อนาคตกำลังไปได้สวยในทางไม่ดีด้วย "แม่เสี่ยวเฟิง นี่คือวิธีที่คนบ้านหลิวตอบแทนพวกเราอย่างนั้นเหรอ มาอยู่แค่ไม่กี่วันก็ใส่ร้ายลูกชายฉัน หล่อนสั่งสอนลูกสาวให้ปฏิบัติกับผู้มีพระคุณแบบนี้เหรอ" ประโยคสุดท้ายท่านหันไปตวาดใส่ลูกสะใภ้ที่ยืนตัวลีบอยู่มุมห้องเพราะลูกชายแต่งงานกับลูกสะใภ้คนนี้มาตั้งแต่ที่หล่อนหนีซมซานมายังเมืองแห่งนี้ ในตอนแรกก็โกหกว่าเป็นหญิงสาวยังไม่แต่งงาน แต่เพราะอาบน้ำร้อนมาก่อนจึงมองออก ทำให้ต้องสารภาพว่าเคยแต่งงานทั้งยังมีลูกติด แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้หอบลูกมาเป็นภาระเพิ่มแต่เพราะลูกชายรักผู้หญิงคนนี้มาก ท่านเลยขัดไม่ได้ แต่นับตั้งแต่นั้นมา หลิวซือก็อยู่ในโอวาท ภายใต้ความกดขี่จากคนบ้านหลี่มาโดยตลอด อาศัยเพียงความรักของสามีที่มีให้กับถึงอยู่รอดได้ไปวันๆหลี่เจียงผู้เป็นเสาหลักของบ้านขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าคมคายที่คล้ำแดดจากการทำงานหนักในโรงงานเหล็กกล้าตอนนี้แดงก่ำไปด้วยความโกรธระคนอับอายเขาไม่ได้สนใจว่าใครถูกใครผิด สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงอย่างเดียวคือความส

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   4

    "คุณ...คุณป้าพูดเรื่องอะไรคะ ฉันแค่เป็นห่วงอนาคตของเด็กที่กำพร้าพ่อคนหนึ่งก็เท่านั้น อย่าลืมสิคะว่าเด็กคนนี้พี่ชายฉันเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ ฉันเองก็รักเหมือนหลานสาวแท้ๆคนหนึ่ง"เธอไม่ได้มานั่งสนใจหรอกว่าพี่ชายจะสนใจไยดีลูกเลี้ยงของตัวเองหรือเปล่า เพราะถ้าจะพูดไปแล้ว เธอแต่งงานก่อนพี่ชายเสียด้วยซ้ำ “เลี้ยงงั้นเหรอ” ยายหลิวแสยะยิ้มแล้วพูดต่อว่า "ข้าวเม็ดไหนที่ที่เอามาป้อน ไม่ใช่ว่ามีแต่ยายแก่คนนี้เหรอที่หาเลี้ยงตัวคนเดียวมาตลอด" สายตาของท่านจ้องมองไปที่ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เอาแต่เก่งกับคนในครอบครัว แต่กับคนอื่นกลับหงอเป็นไก่ หรือว่าแท้จริงแล้วท่านได้สูญเสียลูกสาวให้กับบ้านอื่นไปแล้ว“เป็นห่วงอย่างนั้นเหรอ” ยายหลิวหัวเราะในลำคอเสียงเย็น "ที่ชาวบ้านเขานินทากันมันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ มีคนสติดีที่ไหนเขาทำเรื่องผิดศีลธรรมแบบนี้กัน ให้หลานแต่งกับอาตัวเอง ไม่รู้สึกว่ามันน่าขยะแขยงสักนิดบ้างเหรอ""แล้วยังไงล่ะ มันไม่ผิดกฎหมายนี่คะ อีกอย่างเจ้าสี่ก็เป็นคนดี ในบรรดาพี่น้องเรา เขาหน้าที่การงานดีที่สุด เป็นถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีชามข้าวเหล็กในมือ ต่อไปยังไงก็ไม่มีทางลำบากมีแต่จะก้าวหน้า" หลี่เซียนเถ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   3

    จ้าวเสี่ยวเหลียนที่นั่งเงียบอยู่นานก็กระแอมขึ้นมา เป็นการตัดบทสนทนาที่น่าอึดอัดนั้น และแล้วก็ได้ผล เพราะยายหลิวหันกลับมามองหลานสาวที่เป็นดั่งไข่มุกในอุ้งมือของท่าน "กินข้าวก่อนเถอะเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง" ยายหลิวถอนหายใจ สุดท้ายท่านก็ยอมใจอ่อนอีกจนได้หลิวซือได้แต่พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย พร้อมทั้งนั่งป้อนข้าวลูกสาวที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะเชือดไก่ ใบหน้าซีดเซียวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าลูกสาวจมน้ำ แต่คนว่ายน้ำเก่งระดับจังหวัดจะจมน้ำได้ยังไง นกเสียจากว่าลูกสาวจะตั้งใจแล้วเหตุผลอะไรล่ะถึงทำให้ต้องคิดสั้นแบบนั้น แต่พอนึกย้อนไปถึงเรื่องที่ตนสันนิษฐานและเกริ่นไปตั้งแต่ตอนแรกก็แอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เพราะหากเป็นเรื่องจริง ตนคงจะเสียใจมากที่ไม่ได้พูดกับลูกสาวใช้ชัดเจน เพราะต่อให้จะหัวอ่อนและอ่อนแอกับบ้านสามีมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาอย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดก็เถอะบรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงซดข้าวต้มเบาๆ ของเสี่ยวเหลียนเท่านั้น เธอรู้ดีว่านี่เป็นเพียงความสงบก่อนพายุลูกใหญ่จะมาถึง และเธอก็ไม่ต้องรอนานเสียงฝีเท

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   2

    หลิวซือและหลี่เจียงเดินออกจากห้องไปแล้ว ทิ้งให้ภายในห้องเล็กที่มีเพียงเตียงไม้กับโต๊ะเก่าๆอีกหนึ่งตัว ไม่มีแม้กระทั่งตู้เสื้อผ้า เพราะภายในห้องมีเสื้อผ้าตากเอาไว้บนเชือกที่ขึงในมุมหนึ่งของห้องเท่านั้น ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่ความเงียบที่ว่างเปล่า เพราะยังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในห้องนี้หญิงชราผมดำเงานั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตรงมุมห้อง ท่านมองมายังหลานสาวด้วยแววตาที่ซับซ้อนยากจะคาดเดา เต็มไปด้วยความเสียใจ ความผิดหวัง แต่ลึกลงไปในนั้น กลับสัมผัสได้ถึงความรักและความห่วงใย"ยาย" เสี่ยวเหลียนเรียกเสียงแผ่ว ในความทรงจำที่ผุดขึ้นมานั้น บอกกับเธอว่าเจ้าของร่างรักยายมากแค่ไหนยายหลิวถอนหายใจยาว เสียงถอนหายใจนั้นราวกับแบกรับความทุกข์มาทั้งชีวิต "อุทกภัยมันพรากบ้าน พรากที่ดินของเราไป แต่ยายไม่เคยคิดเลยว่ามันจะพรากเอาสติปัญญาของหลานไปด้วย การศึกษาคือหนทางเดียวที่จะทำให้คนอย่างเราได้ลืมตาอ้าปาก แต่การตาย...มันไม่ใช่ทางออกเลยสักนิดเดียว ไหนลองพูดมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น"น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากหางตาของเธอโดยไม่รู้ตัว มันไม่ใช่ความเศร้าของเธอเอง แต่เป็นความรู้สึกผิดที่ตกค้างอยู่ใน

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   1

    ความเย็นยะเยือกคือสัมผัสแรก ปลุกเร้าสติที่กำลังจะเลือนหายของจ้าวเสี่ยวเหลียน ให้แทรกซึมผ่านเสื้อที่ทำจากฝ้ายเนื้อบางเข้าสู่ทุกอณูของร่างกาย ปอดของหญิงสาวแสบร้อนจากการสำลักน้ำเข้าไปจนเต็ม เธอพยายามจะกรีดร้อง แต่สิ่งที่ไหลทะลักเข้าไปในลำคอมีเพียงมวลน้ำอันเย็นเฉียบและขุ่นคลั่กของคลองส่งน้ำท้ายหมู่บ้านในห้วงสุดท้ายของสติสัมปชัญญะ ภาพความทรงจำสุดท้ายของเจ้าของร่างเดิมฉายชัดขึ้นมา ใบหน้าที่บ่งบอกว่าผิดหวังของแม่ แววตาตำหนิติเตียนของพ่อเลี้ยง และคำพูดเฉือดเฉือนของอาสามที่บังคับให้หญิงสาวต้องทิ้งความฝันเรื่องการเรียนต่อเพื่อแต่งงานกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาความสิ้นหวังถาโถมเข้าใส่จิตใจที่บอบช้ำของหญิงสาววัย 15 ปีและแล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง“พ่อหนุ่ม นะ นั่นกำลังจะทำอะไร” เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยถามตะกุกตะกัก ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ และพ่อหนุ่มที่ท่านพูดด้วยอยู่ในตอนนี้นั้น ก็คือคนเดียวกับที่สวมบทบาท วีรบุรุษช่วยสาวงาม ทันทีที่เห็นว่าคนถูกช่วยเป็นใคร ก็สวมบทบาทนักวิ่งระดับชาติ วิ่งมายังบ้านสองชั้นกลางเก่ากลางใหม่ ถ้าเทียบแล้วก็ถือว่ามีฐานะระดับหนึ่งในเมืองนี้เนื่องจา

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   แนะนำ

    1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง“ปีนี้เสี่ยวเหลียนก็อายุย่าง 16 ปีแล้วสินะคะ” เสียงแหลมของอาสาม หลี่เซียน ซึ่งเป็นน้องสาวของพ่อเลี้ยงเอ่ยขึ้น ทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นงงไปตามๆ กันจ้าวเสี่ยวเหลียน เด็กสาวอายุ 15 ปี อาศัยอยู่กับยายที่ชนบท แต่เพราะหมู่บ้านทางน้ำของพวกเธอถูกอุทกภัยพัดหายไปกับสายน้ำ หลิวซือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ ผู้หญิงที่อายุเพิ่งเข้าเลขสาม ทว่ายังคงความสวยตามแบบฉบับของผู้เป็นแม่ ซึ่งก็คือ ยายหลิว เจ้าของผมสีดำขลำแม้ว่าอายุจะล่วงเลยเข้าสู่เลขห้าแล้วก็ตาม ท่านเป็นคนเลี้ยงเสี่ยวเหลียนมาตั้งแต่แบเบาะ ถ้าจะพูดให้ถูกคือตั้งแต่คลอดออกมาเสียด้วยซ้ำ ทันทีที่ทราบข่าวก็รีบบอกให้ทั้งสองคนเร่งเดินทางมาอยู่กับตนและครอบครัวใหม่ยังอีกมณฑลหนึ่งโชคดีที่อยู่ในช่วงปิดภาคเรียนการศึกษา อีกทั้งจ้าวเสี่ยวเหลียนก็เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมต้น จากโรงเรียนมัธยมระดับ 17เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ที่ย้ายมาอยู่กับผู้เป็นแม่ และถือว่าเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าตาของคนในครอบครัวใหม่ที่แม่มอบให้ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่อยากได้เลยก็ตาม“ใช่แล้วล

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status