Share

3

Penulis: Scince
last update Terakhir Diperbarui: 2025-08-01 10:30:39

จ้าวเสี่ยวเหลียนที่นั่งเงียบอยู่นานก็กระแอมขึ้นมา เป็นการตัดบทสนทนาที่น่าอึดอัดนั้น และแล้วก็ได้ผล เพราะยายหลิวหันกลับมามองหลานสาวที่เป็นดั่งไข่มุกในอุ้งมือของท่าน

 "กินข้าวก่อนเถอะเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง" ยายหลิวถอนหายใจ สุดท้ายท่านก็ยอมใจอ่อนอีกจนได้

หลิวซือได้แต่พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย พร้อมทั้งนั่งป้อนข้าวลูกสาวที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะเชือดไก่ ใบหน้าซีดเซียวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าลูกสาวจมน้ำ แต่คนว่ายน้ำเก่งระดับจังหวัดจะจมน้ำได้ยังไง นกเสียจากว่าลูกสาวจะตั้งใจ

แล้วเหตุผลอะไรล่ะถึงทำให้ต้องคิดสั้นแบบนั้น แต่พอนึกย้อนไปถึงเรื่องที่ตนสันนิษฐานและเกริ่นไปตั้งแต่ตอนแรกก็แอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เพราะหากเป็นเรื่องจริง ตนคงจะเสียใจมากที่ไม่ได้พูดกับลูกสาวใช้ชัดเจน เพราะต่อให้จะหัวอ่อนและอ่อนแอกับบ้านสามีมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาอย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดก็เถอะ

บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงซดข้าวต้มเบาๆ ของเสี่ยวเหลียนเท่านั้น เธอรู้ดีว่านี่เป็นเพียงความสงบก่อนพายุลูกใหญ่จะมาถึง และเธอก็ไม่ต้องรอนาน

เสียงฝีเท้าหนักๆ เดินตรงมายังห้องของพวกเธอดังขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่ประตูไม้เก่าๆ จะถูกผลักออกอย่างแรงจนกระแทกเข้ากับผนังเสียงดัง 

ปัง!

คนที่ปรากฏตัวคือผู้หญิงวัยยี่สิบปลายๆ รูปร่างเพรียวบาง สวมเสื้อเชิ้ตผ้าเนื้อดีสีฟ้าอ่อนกับกางเกงขาบานยาวสีเข้ม ดูดีและทันสมัยกว่าผู้หญิงคนอื่นในหมู่บ้านแห่งนี้อย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของหล่อนถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางหนา ทาตาสีเข้ม ปากสีแดงทันสมัย แต่กลับไม่อาจปิดบังความบึ้งตึงและแววตาที่เต็มไปด้วยโทสะเอาไว้ได้

เธอคืออาสาม หลี่เซียน คนริเริ่มแผนการแต่งงานและตามมาด้วยโศกนาฏกรรมครั้งนี้

"พี่สะใภ้ใหญ่" หลี่เซียนไม่แม้แต่จะมองหน้าใครคนอื่น เธอพุ่งเป้าไปที่หลิวซือทันที "ฉันเพิ่งได้ข่าวก็รีบมาที่นี่เลย ตกลงเรื่องที่เขาลือกันคือเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ"

อาสามแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพราะข้างนอกลือกันไปทั่วทั้งซอยแล้ว ว่าลูกเลี้ยงของพี่ชายเธอตกน้ำ เรื่องนั้นคงไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่คนที่เกิดและโตมากับน้ำจะจมน้ำจนถึงขั้นมีผู้ชายมาช่วยผายปอดได้ยังไงกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เพราะหมายมั่นปั้นมือเอาไว้แล้วว่าจะให้น้องชายแต่งงานกับหลานสาวบ้านนอกคนนี้

หลิวซือหน้าซีดเผือด รีบลุกขึ้นยืนตัวสั่น "อาสาม…เขาลือว่าอะไรเหรอ"

"ก็จะเรื่องอะไรเสียอีกละคะ" หลี่เซียนตวาดเสียงแหลม นิ้วเรียวชี้มาที่เสี่ยวเหลียนซึ่งยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง “เขาลือกันว่าลูกเลี้ยงของพี่ใหญ่ที่บอกว่าโตมากับน้ำ ทำไมถึงจมน้ำได้หรือว่าสาเหตุที่แท้จริงกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ตอนนี้ข่าวลือมันดังไปทั่วทั้งโรงงานแล้ว คนทั้งโรงงานพูดกันทั่วว่าบ้านหลี่รังแก กดขี่หลานสาวที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่จนต้องคิดสั้น เป็นแบบนี้จะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ความหวังดีของฉันพังเพราะความงะ…” 

อาสามยั้งปากได้ทัน เพราะหางตาเหลือบไปเห็นยายหลิวนั่งอยู่ข้างๆ แต่ก็เชิ่ดหน้าแล้วพูดต่อ “ความหวังดีของฉันต้องพังลงเพราะความคิดน้อยของใครบางคน” 

‘หวังดีอย่างนั้นเหรอ หวังดีโดยการที่จะเอาชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งมาเป็นเครื่องสังเวยเพื่อรักษาความลับของน้องชายตัวเองน่ะเหรอ ช่างกล้าพูดออกมาได้นะ’ เสี่ยวเหลียนแสยะยิ้ม พร้อมทั้งคิดในใจอย่างเย็นชา แต่มือที่กำช้อนแน่นขึ้นก็เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ

"ใจเย็นๆ ก่อนนะอาสาม" หลิวซือพยายามไกล่เกลี่ยเสียงสั่น "มันก็แค่อุบัติเหตุ ไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิดสักหน่อย" เธอพยามเปลี่ยนเรื่องด้วยกลัวว่าเรื่องจะแดงจนเข้าหูผู้เป็นแม่

"ไม่ได้ตั้งใจเหรอคนเราถ้าไม่ได้ตั้งใจจะไปกระโดดน้ำทำไม อีกอย่างหล่อนก็ว่ายน้ำเป็น เสี่ยวเหลียนไหนบอกอาสามมาสิว่าเธอทำแบบนั้นทำไม" หลี่เซียนไม่ฟังเสียงใครทั้งนั้น หันไปถามคนป่วยอย่างหาเรื่อง

 "ฉันอุตส่าห์หวังดี อยากจะให้หลานได้เป็นฝั่งเป็นฝา มีครอบครัวที่มั่นคงดูแลแท้ๆ แต่นี่คือสิ่งที่หล่อนตอบแทนฉันอย่างนั้นเหรอ ทำให้บ้านหลี่ต้องเสียชื่อเสียง ทำให้ฉันต้องอับอายขายขี้หน้า"

ทุกคำพูดของหลี่เซียนเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวและไร้ซึ่งความเห็นใจ มันคือการโยนความผิดทั้งหมดมาให้เหยื่ออย่างเลือดเย็นที่สุด หลิวซือถูกด่าจนหน้าชา ได้แต่ยืนก้มหน้า ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากปกป้องลูกสาวของตัวเองแม้แต่คำเดียว

เสี่ยวเหลียนมองภาพนั้นแล้วได้แต่ถอนหายใจ เธอวางถ้วยข้าวต้มลง กำลังจะอ้าปากตอบโต้ แต่แล้วเสียงที่สุขุมทว่าทรงพลังก็ดังขึ้นมาก่อน

"ตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกัน"

ทุกคนหันไปมองต้นเสียง ยายหลิว ท่านลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แม้จะอายุมากตามกาลเวลา ทว่าท่านกลับคงความสง่างามของสาวงามอันดับหนึ่งในหมู่บ้าน รูปร่างผมเพรียวระหงส์ดูสูงส่ง ผิดกับย่าหลี่ที่รูปร่างค่อนข้างป้อมสั้นทั้งยังหลังค่อม ไม่มีสง่าราศี ท่านจ้องมองไปยังหลี่เซียนด้วยแววตาที่สงบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยความคมกริบราวกับมีด

หลี่เซียนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อถูกขัดจังหวะ "ตกลงว่าคุณป้ายังไม่รู้เรื่องเหรอคะ ฉันนึกว่าพี่สะใภ้ใหญ่บอกแล้วเสียอีก"

“เรื่องอะไร” ยายหลิวถามเสียงเข้ม ไม่มีเค้าโครงความใจดีหลงเหลืออยู่ในใบหน้าอีกต่อไป

“คะ คือว่า” หลิวซือเม้มปาก นึกอยากจะฉีกปากน้องสาวสามีให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องพ่นคำพูดเน่าๆออกมาให้คนอื่นเหม็นเน่าจนต้องทะเลาะเบาะแว้งกันได้อีก

“หลิวซือ" ยายหลิวเรียกชื่อเต็มของลูกสาว

พอเห็นว่าไม่มีทางเลือก ยังไงซะเธอก็ไม่คิดจะบ้าจี้ทำตามที่หลี่เซียนบอกอยู่แล้ว เลยเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้กับผู้เป็นแม่ฟัง

“แต่แม่คะ ทั้งนี้ก็ต้องถามเสี่ยวเหลียนก่อนว่าเรื่องนี้คือสาเหตุที่แท้จริงหรือเปล่า จ้าวเสี่ยวเหลียน…แกบอกยายไปสิวาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้” ประโยคสุดท้ายหลิวซือหันไปพูดกับลูกสาว

“หลิวซือ รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา” ยายหลิวถึงกับพูดเสียงดัง ไม่คิดเลยว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากของลูกสาว

“แม่คะ ฉันก็บอกแม่แล้วว่าเป็นแค่เรื่องไร้สาระ อีกอย่างอาสามก็คงจะแค่พูดเล่น ฉันเองก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เคยรับปากแม่แล้วว่ายังไงเสี่ยวเหลียนก็ต้องได้เรียนต่อ หลี่เจียงเองก็รับปากแล้ว พวกเราจะกลับคำได้ยังไงกันละคะ” หลิวซืออธิบายอย่างใจเย็น เวลาเดียวกันนั้นก็หันไปทำหน้าขึงขังใส่ลูกสาวที่เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ยอมพูดหรืออธิบายอะไรเสียที 

“จ้าวเสี่ยวเหลียน ตกลงแกจะบอกได้หรือยังว่าก่อเรื่องทำไม” 

เสี่ยวเหลียนฟังแล้วถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าคำพูดแบบนี้จะออกจากปากคนเป็นแม่ ต่อหน้าคนบ้านหลี่ แม่ของเธอดูเปลี่ยนเป็นคนละคน คล้ายกับว่าหล่อนถวายวิญญาณให้กับบ้านหลี่ไปจนหมดแล้ว

“คุณป้าก็อย่าไปโทษพี่สะใภ้เลยค่ะ อีกอย่างเรื่องนี้ฉันเป็นคนเสนอความคิดเองแหละ จะเป็นอะไรไปละคะ ในเมื่อเสี่ยวเหลียนก็เป็นเหมือนหลานสาวของฉันคนหนึ่ง เรื่องของครอบครัวหลี่ คุณป้าอย่ายุ่งเลยดีกว่าค่ะ” อาสามลอยหน้าลอยตาตอบ ไม่รู้สึกผิดเลยสักิดกับคำพูดที่ตัวเองเพิ่งจะพูดออกมา

"เรื่องของครอบครัวหลี่ แต่คนที่หล่อนกำลังจะเอาทั้งชีวิตไปทิ้งคือหลานสาวของฉัน" ยายหลิวตอบกลับเสียงเรียบ "หล่อนพูดเรื่องเสียชื่อเสียงพูดเรื่องน่าอับอาย งั้นฉันขอถามหน่อยเถอะหลี่เซียน ยังจะมีอะไรที่น่าอับอายไปกว่า การที่บังคับให้หลานสาวแต่งงานกับอาของตัวเอง"

ประโยคนี้เหมือนค้อนหนักๆ ที่ทุบลงกลางวงสนทนา หลี่เซียนถึงกับหน้าเปลี่ยนสี 

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   64

    เช้าวันถัดมา เสี่ยวเหลียนก็รีบตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะมาช่วยยายหลิวจัดเตรียมของไหว้ ปล่อยให้สามีนอนอยู่บนเตียงเมื่อคืนทั้งเธอและเขาต่างเปิดประสบการณ์และทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำแต่ไม่กล้า เรียกได้ว่าอิ่มเอมทั้งสองฝ่าย แต่ต้องมาเสียใจทีหลังเพราะปวดระบมไปทั้งร่าง“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ออกมานอกห้องก็เห็นตะเกียงถูกจุดอยู่“อรุณสวัสดิ์” ยายหลิวทักทายหลานสาว“ทำไมไม่เปิดไฟละค จะเปิดจุดตะเกียงอีกทำไม” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเดินไปเปิดไฟในบ้านอีกด้วย“เห็นว่ายังเช้ามืดอยู่ กลัวว่าแสงไปจะเข้าไปในห้องรบกวนการนอนของผู้พัน”“เขาไม่เรื่องมากขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าให้กับความเอาใจใส่ของท่านที่มีต่อหลานเขย“แกน่ะไม่เคยคิดอะไรเผื่อใครต่างหากล่ะ ช่วงที่พวกเราเดินทางมาซูโจวผู้พันแทบไม่ได้พักผ่อนเลยเพราะมัวแต่เฝ้าของ กลับมาเหนื่อยๆ ก็มาเจอเรื่อง

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   63

    หลังจากที่ซ่งเฉวียพาแม่ของเขากลับไปแล้ว จางเสวี่ยอวี้ก็ตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับภรรยาอย่างจริงจัง เพราะอีกไม่กี่วันเขาก็ไปรวมกับสหายยังจุดนัดพบเนื่องจากว่าเขาเดินทางล่วงหน้ามาก่อนสหายหลายวัน คำนวณเวลาดูแล้วคงเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน สหายในกองทัพก็น่าจะเดินทางมาถึงยังจุดนัดพบ“วันนี้คุณใจร้อนเกินไปนะครับ” เขาพูดกับคนในอ้อมกอด ตอนนี้เธอกำลังอ้อนเขาเหมือนแมวน้อยก็ไม่ปาน“ฉันรู้ค่ะ แต่บอกตามตรงว่าพอรู้ว่าย่าซ่งถูกทุบตี ภายในใจฉันก็รู้สึกไม่ยินยอม” เธอตอบอย่างเอาแต่ใจ“อืม แค่รอยฟันเด็ก ไม่ได้เหมารวมว่าแม่ของเขาจะเป็นคนทำนะครับ”“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆนะคะ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนั้นด้วย ทั้งยังเป็นใต้ร่มผ้าที่คนอื่นไม่สังเกตเห็นอีกด้วย ถ้าวันนี้เราไม่เห็นหรือเรากลับมาช้ากว่านี้ ท่านจะมีชีรอดจนถึงสิ้นปีหรือเปล่า คนเต็มบ้านทำไมไม่มีใครสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ ถ้าท่านจะความจำเสื่อมฉันว่าก็

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   62

    ตอนนี้เวลาหกโมงเย็น คนที่ออกไปหาปลาก็ทยอยกลับเข้าบ้าน รวมถึงคนบ้านซ่งด้วยเหมือนกัน ผู้นำหมู่บ้านกลับเข้าบ้านมาก่อนลูกชายไม่นาน วันนี้ท่านมีประชุมในตัวเมืองเลยกลับถึงบ้านช้ากว่าทุกวัน“แค่คนแก่คนเดียวทำไมคุณถึงดูแลไม่ได้ คนอื่นต้องลงเรือหาปลากันทั้งวัน ตากแดดตากลม นี่ให้อยู่บ้านเลี้ยงลูกดูแลแม่แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้” พี่ใหญ่ซ่งด่ากราด เนื่องจากกลับมาถึงบ้านแล้วภรรยาบอกข่าวร้ายว่าแม่เขาหนีออกจากบ้านอีกแล้ว“ใจเย็นๆ น่าพี่ใหญ่” ซ่งเฉวียน ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ผิวคล้ำเพราะออกเรือหาปลาทุกวันตบไหล่พี่ชาย ด้วยกลัวว่าเขาจะลงไม้ลงมือกับพี่สะใภ้ใหญ่“แกจะให้ฉันใจเย็นอยู่ได้ยังไงเจ้าสาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนทำพลาด เดือนนี้กี่ครั้งแล้วที่แม่หายตัวไป”“เอาน่า ลองแยกกันหาดูอีกทีแล้วกันครับ พ่อเอาปลาไปขายให้ส่วนกลางก่อนที่ปลาจะตายแล้วไม่มีราคา” ซ่งเฉวียนบอกกับผู้เป็นพ่อ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   61

    ข่าวเรื่องสองยายหลานกลับบ้านมาตอนนี้ดังไปทั่วทั้งหมู่บ้านสายน้ำแล้ว เสี่ยวเหลียนไม่มีเวลาสนทนากับใคร เธอวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดบ้าน หน้าที่รับแขกเลยเป็นของยายหลิวและหลานเขย“ไอหยา…วาสนาเสี่ยวเหลียนนี่ดีจริงๆ เลยนะ ได้สามีเป็นคนเมือง”“นั่นน่ะสิ แล้วนี่จะกลับมาอยู่ที่นี่กันแล้วเหรอ”“จะเป็นไปได้ยังไง มีผู้ชายที่ไหนแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงบ้างล่ะ”“แกลืมไปหรือเปล่า ก็ลูกสาวนางหลิวไง แม่เสี่ยวเหลียนก็แต่งพ่อเสี่ยวเหลียนเข้าบ้านมาไม่ใช่เหรอ”“ฮ่าๆ จริงสิเนอะ เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย”แต่แล้วรองเท้าจากที่ไหนไม่รู้ลอยมากลางวงสนทนา จางเสวี่ยอวี้ปฏิกิริยาเร็ว เขาใช้ถาดขึ้นมากันเอาไว้ ไม่ให้ยายหลิวถูกลูกหลง กลายเป็นว่ารองเท้ากระทบกับถาด ลอยไปฟาดปากคนที่หัวเราะอย่าพอเหมาะพอเจาะจนหุบปากไม่ทัน

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   60

    ยายหลิวพอรู้ว่าหลานสาวและหลานเขยจะไปส่งที่ซูโจวก็ทั้งดีใจและเกรงใจ ดีใจที่จะได้พาหลานสาวกลับไปไหว้ บอกกล่าวบรรพบุรุษตระกูลหลิว และเกรงใจหลานเขย เพิ่งกลับมาจากทำงานต่างเมืองแท้ๆ ยังไม่ทันได้หายเหนื่อยก็ต้องออกเดินทางอีกแล้ว“ลำบากหลานเขยแล้ว” ยายหลิวพูดขึ้น ขณะที่หลานเขยช่วยท่านยกกระเป๋าขึ้นไปบนรถไฟ“ไม่เป็นไรครับ”จางเสวี่ยอวี้ยิ้มรับ วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะเมื่อคืนได้ปลดปล่อยเต็มที่หลังจากที่กักเก็บลูกๆ มานาน ต่างจากจ้าวเสี่ยวเหลียนที่แทบไม่อยากจะขยับตัว“ของีบหน่อยนะคะ” ขึ้นบนรถไฟได้ เธอก็หลับมาตลอดทางยายหลิวส่ายหน้าให้กับความขี้เซาของหลานสาว แต่เพราะเธอเป็นคนเมารถ ท่านเลยเข้าใจปว่าหลานสาวน่าจะเมารถไฟด้วยเหมือนกัน ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเมาอย่างอื่นที่สามีมอบให้ต่างหากล่ะตลอดการเดินทาง จางเสวี่ยอวี้ดูแลสองยายหลานเป็นอย่างดี จองตั๋วนอนให้จะได้โดยสารสะดวก ทั้งยังเป็นคนดูแลความเรียบร้อย เรียกได้ว่ามีเขาอยู่ ยายหลิวสบายตลอดทั้งทางใช้เวลาเดินทางห้าวันก็มาถึงซูโจว ชายหนุ่มมองไปรอบๆ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ เนื่องจากมีคลองขนส่งตลอดทั้งเส้นทาง ผู้คนสัญจรทางเรือมากกว

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   59

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยื้อให้ยายอยู่ด้วยกันจนกระทั่งถึงเดือนกันยายน อากาศเริ่มเย็นลงเล็กน้อย ถึงเวลาที่ท่านจะต้องกลับซูโจวแล้วจริงๆ“ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยละคะ รอให้ถึงวันชาติฉันกับพี่เสวี่ยอวี้จะได้ไปส่งยายได้” หญิงสาวต่อรอง“กลับวันนี้หรือวันไหนก็เหมือนกัน จะยื้อต่อไปอีกทำไม” ยายหลิวส่ายหน้า มือก็สาละวนอยู่กับการจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางช่วงหลังแต่งงานเธอไม่ได้กลับบ้านเพื่อไปไหว้ครอบครัวเดิม เพราะครอบครัวของเธอก็คือยายหลิว ในเมื่อยายอยู่กับตัวเองที่นี่ ก็ไม่จำเป็นต้องกลับส่วนหลิวซือเองก็ได้ติดอะไร ด้วยรู้อยู่แล้วว่าลูกสาวเลือกอยู่ข้างใคร และเธอเองก็ถือว่าตัวเองทำหน้าที่แม่ได้อย่างเต็มที่ ส่งลูกสาวขึ้นเรือลำเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วเรียบร้อยจะว่าไปจ้าวเสี่ยวเหลียนเองก็ถือว่าโชคดีกว่ามาก แม้ว่าแรกเริ่มจะไม่ดีเท่าที่ควร แต่หลังจากเลือกที่จะตกลงปลงใจกับจางเสวี่ยอวี้แล้ว ชีวิตของเธอเรียกได้ว่าเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขณะที่สองยายหลานคุยกันอยู่นั้น จางเสวี่ยอวี้ก็กลับมาจากปฏิบัติงานนอกพื้นที่พอดี ที่ยายหลิวยอมใจอ่อนอยู่ต่อนานนับเดือนขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนหลานสาว

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status