Share

2

Aвтор: Scince
last update Последнее обновление: 2025-08-01 10:30:22

หลิวซือและหลี่เจียงเดินออกจากห้องไปแล้ว ทิ้งให้ภายในห้องเล็กที่มีเพียงเตียงไม้กับโต๊ะเก่าๆอีกหนึ่งตัว ไม่มีแม้กระทั่งตู้เสื้อผ้า เพราะภายในห้องมีเสื้อผ้าตากเอาไว้บนเชือกที่ขึงในมุมหนึ่งของห้องเท่านั้น ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่ความเงียบที่ว่างเปล่า เพราะยังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในห้องนี้

หญิงชราผมดำเงานั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตรงมุมห้อง ท่านมองมายังหลานสาวด้วยแววตาที่ซับซ้อนยากจะคาดเดา เต็มไปด้วยความเสียใจ ความผิดหวัง แต่ลึกลงไปในนั้น กลับสัมผัสได้ถึงความรักและความห่วงใย

"ยาย" เสี่ยวเหลียนเรียกเสียงแผ่ว ในความทรงจำที่ผุดขึ้นมานั้น บอกกับเธอว่าเจ้าของร่างรักยายมากแค่ไหน

ยายหลิวถอนหายใจยาว เสียงถอนหายใจนั้นราวกับแบกรับความทุกข์มาทั้งชีวิต "อุทกภัยมันพรากบ้าน พรากที่ดินของเราไป แต่ยายไม่เคยคิดเลยว่ามันจะพรากเอาสติปัญญาของหลานไปด้วย การศึกษาคือหนทางเดียวที่จะทำให้คนอย่างเราได้ลืมตาอ้าปาก แต่การตาย...มันไม่ใช่ทางออกเลยสักนิดเดียว ไหนลองพูดมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น"

น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากหางตาของเธอโดยไม่รู้ตัว มันไม่ใช่ความเศร้าของเธอเอง แต่เป็นความรู้สึกผิดที่ตกค้างอยู่ในร่างนี้ส่งผ่านมาถึงเธอ เด็กสาวคนนี้รักและเคารพยายของเธอมากที่สุด การทำให้ท่านผิดหวังคงเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับเธอยิ่งกว่าการถูกบังคับให้แต่งงานเสียอีก

เธอยื่นมือที่ยังสั่นเทาและเย็นเฉียบไปข้างหน้า พยายามจะสัมผัสมือที่เหี่ยวย่นของอีกฝ่าย

"ยายคะ ฉันขอโทษ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้อีก" แน่นอนว่าเธอไม่มีความคิดที่อยากจะตายเลยสักนิด ต่อให้ชีวิตจะบัดซบแค่ไหน ก็ไม่เคยคิดที่อยากจะจบชีวิตของตัวเองเลยสักครั้ง

ยายหลิวมองลึกลงไปในดวงตาของหลานสาว ท่านสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนไป แววตาคู่นี้ไม่ได้มีความสิ้นหวังหรือหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว แต่มันกลับฉายแววของความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และสุขุมอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในตัวหลานสาวคนนี้ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา

ท่านขยับเข้ามาใกล้ ยื่นมืออันอบอุ่นมาจับมือของหลานสาวเอาไว้ ทั้งต้องการส่งมอบความอบอุ่น และบ่งบอกถึงการมีตัวตนของท่าน ว่าตราบใดที่มียายคนนี้อยู่ ใครหน้าไหนก็มารังแกหลานสาวของท่านไม่ได้

"จำคำพูดของแกวันนี้ไว้ให้ดีนะเสี่ยวเหลียน" ยายหลิวพูดเสียงเรียบ แต่หนักแน่น "ถ้าแกลุกขึ้นสู้ ยายคนนี้ก็จะสู้ไปพร้อมกับแก"

คำพูดของท่านเปรียบเสมือนแสงสว่างแรกที่สาดส่องเข้ามาในชีวิตใหม่ที่มืดมนของเสี่ยวเหลียน อย่างน้อยที่สุดเธอก็ไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง

เธอพยักหน้ารับช้าๆ ความรู้สึกตื้นตันใจก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ในยุคที่จากมาเธอเป็นเพียงเด็กกำพร้า ต้องต่อสู้ดิ้นรนทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอดชีวิต การมีใครสักคนบอกว่าจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างมันเลยเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

‘จ้าวเสี่ยวเหลียน...เธอวางใจได้เลย’ หญิงสาวคิดในใจพลางมองไปยังมือของตัวเองที่ถูกกอบกุมไว้ ‘ชีวิตที่เธอเสียไป...ฉันจะใช้มันอย่างดีที่สุด ฉันจะทำความฝันเรื่องการเรียนต่อของเธอให้เป็นจริง และฉันจะไม่มีวันยอมให้ใครหน้าไหนมาบงการชีวิตนี้ได้อีกเด็ดขาด’

ภายนอกห้อง เสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยของครอบครัวใหม่ดังแว่วเข้ามา มันเป็นสัญญาณเตือนว่าสันติสุขที่เธอได้รับนั้นเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว สงครามที่แท้จริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า

แต่ครั้งนี้เธอไม่กลัว...ไม่เลยแม้แต่น้อย

เพราะชีวิตเก่าของเธอจบสิ้นไปแล้ว และชีวิตใหม่ในร่างของ "จ้าวเสี่ยวเหลียน" เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น การต่อสู้เพื่ออิสรภาพและความฝัน...มันได้เปิดฉากขึ้นแล้ว

ไม่นานหลิวซือผู้เป็นแม่ก็เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับถ้วยข้าวต้มร้อนๆและน้ำขิงในมือ ดวงตาของเธอยังคงแดงก่ำจากการร้องไห้

"กินอะไรสักหน่อยนะ" เธอนั่งลงข้างเตียงของลูกสาว น้ำเสียงอ่อนล้าและสั่นเครือ "เรื่องเมื่อวานที่อาสามพูดอย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะ แม่จะคุยกับพวกเขาเอง"

เสี่ยวเหลียนมองผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของเธอในตอนนี้ด้วยสายตาเรียบนิ่ง ภายในใจของเธอไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหลิวซือ แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนกว่านั้น มันคือความสงสารระคนสมเพช หลิวซือไม่ใช่คนเลวร้าย เธอรักลูก แต่ความรักของเธอมันไม่มากพอที่จะเอาชนะความขลาดกลัวและความต้องการที่จะรักษาชีวิตแต่งงานใหม่ที่ดูเหมือนจะมั่นคงนี้ไว้ได้

สุดท้ายแล้วกลับสงสารร่างเดิม ที่หาทางออกให้ตัวเองเพียงลำพังโดยการจบชีวิต ทั้งที่มีทางเลือกอีกมากมาย และเชื่อว่าหากยายหลิวรู้เรื่อง ยังไงท่านก็ไม่มีวันยอมให้ควาคิดชั่วช้าของอาสามเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

“ตกลงว่ามีเรื่องอะไรกันแน่เหรอ” ยายหลิวที่นั่งนิ่งเอ่ยถามขึ้น

ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ ท่านยังไม่ได้คุยกับลูกสาวเลยสักคำ รู้สึกตกใจที่มีคนวิ่งมาบอกว่าหลานสาวตกน้ำ แต่ก็คิดว่าอาจจะเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น

ทว่าลึกๆแล้วท่านกลับรู้ดีกว่าใคร หลานสาวที่โตมากับแม่น้ำ ใช้ชีวิตในน้ำมากกว่าบนบกจะจมน้ำได้ยังไงถ้าไม่ใช่ความตั้งใจ สมมุติฐานที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นนี้ กลับทำให้ท่านรู้สึกปวดหนึบที่ใจ จุกจนพูดไม่ออก

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่คำพูดไร้สาระของอาสามพวกเขาก็เท่านั้นเอง”

“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ไอ้คำพูดไร้สาระที่แกว่าน่ะ แม่จะตัดสินเองว่าไร้สาระจริงหรือเปล่า” ยายหลิวถามทันควัน ไม่รอให้ลูกสาวบ่ายเบี่ยง

“แม่ อ่าเพิ่งซักไซ้อะไรฉันตอนนี้เลย มันก็แค่คำพูดของผู้ใหญ่ที่พูดเล่นๆกันเท่านั้น เสี่ยวเหลียนมันเป็นเด็กไม่ทันผู้ใหญ่เลยเก็บเอาไปคิดมาก อย่าลืมสิว่าหลานสาแม่แทบจะนอนในน้ำ มันจะจมน้ำได้ยังไงกันล่ะ” หลิวซือหลบสายตา

“ก็ขอให้มันจริงเหมือนอย่างที่แกพูดก็แล้วกัน ถึงตอนนี้เสี่ยวเหลียนยังไม่พูด แต่ก็ใช่ว่าฉันจะไม่มีธีให้พูด อีกอย่างฉันก็ต้องรู้ดีกว่าใครว่าหลานสาวของฉันว่ายน้ำเก่ง แต่สภาพที่สามีใหม่ของแกแบกมามันคืออาการของคนจมน้ำชัดๆ แล้วหลานสาวที่แกพูดก็คือลูกสาวแท้ๆของแกเอง ถ้าเรื่องแค่นี้แกยังปกป้องพวกเราไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าต่อไปจะอยู่อย่างสงบสุข”

ยายหลิวพูดเสียงเรียบทว่าใบหน้าของท่านกลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะมันทั้งจริงจังและขึงขัง จนทำเอาคนฟังถึงกับขนลุกกับคำพูดตามประสาคนอาบน้ำร้อนมาก่อน

“แม่อ่ะ ชอบมองพวกเขาในแง่ลบอยู่เรื่อย ฉันก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรๆ ลืมไปแล้วเหรอว่าหลี่เจียงเป็นคนบอกให้ฉันไปรับแม่กับเสี่ยวเหลียนมาอยู่ด้วย เขาทำขนาดนี้แล้วทำไมพวกเราจะอยู่กันไม่สงบสุข แม่น่ะคิดมาก แล้วก็อคติมากเกินไปต่างหากล่ะ”

หลิวซือกลัวแม่สามีก็จริง แต่กับแม่ของตัวเองเธอกลับไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด เพราะเธอเป็นลูกคนเดียว ยายหลิวรักและตามใจมาตั้งแต่เด็กๆ เลี้ยงและดูแลมาอย่างดีเท่าที่แม่เลี้ยงเดี่ยวคนหนึ่งจะทำได้ เพราะสามีของท่านก็จากไปเพราะน้ำเหมือนกัน

การที่หลิวซือแต่งงานกับพ่อของจ้าวเสี่ยวเหลียน ก็เพราะตอนนั้นเธอยังเด็ก ลุ่มหลงในความหล่อของเขา ดื้อรั้นจะแต่งให้ได้ ถึงขั้นแต่งผู้ชายเข้าบ้าน แต่รสชาติหลังแต่งงานทำให้เธอฉุกคิดได้ และไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกับสามีที่ไม่มีอนาคต สุดท้ายตัดสินใจทิ้งลูกและสามีมาทำตามความฝัน นั่นคือการชุบตัวเองว่าเป็นคนในเมือง จนกระทั่งได้มาพบกับหลี่เจียง คนที่ทำให้ความฝันเป็นจริง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   64

    เช้าวันถัดมา เสี่ยวเหลียนก็รีบตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะมาช่วยยายหลิวจัดเตรียมของไหว้ ปล่อยให้สามีนอนอยู่บนเตียงเมื่อคืนทั้งเธอและเขาต่างเปิดประสบการณ์และทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำแต่ไม่กล้า เรียกได้ว่าอิ่มเอมทั้งสองฝ่าย แต่ต้องมาเสียใจทีหลังเพราะปวดระบมไปทั้งร่าง“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ออกมานอกห้องก็เห็นตะเกียงถูกจุดอยู่“อรุณสวัสดิ์” ยายหลิวทักทายหลานสาว“ทำไมไม่เปิดไฟละค จะเปิดจุดตะเกียงอีกทำไม” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเดินไปเปิดไฟในบ้านอีกด้วย“เห็นว่ายังเช้ามืดอยู่ กลัวว่าแสงไปจะเข้าไปในห้องรบกวนการนอนของผู้พัน”“เขาไม่เรื่องมากขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าให้กับความเอาใจใส่ของท่านที่มีต่อหลานเขย“แกน่ะไม่เคยคิดอะไรเผื่อใครต่างหากล่ะ ช่วงที่พวกเราเดินทางมาซูโจวผู้พันแทบไม่ได้พักผ่อนเลยเพราะมัวแต่เฝ้าของ กลับมาเหนื่อยๆ ก็มาเจอเรื่อง

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   63

    หลังจากที่ซ่งเฉวียพาแม่ของเขากลับไปแล้ว จางเสวี่ยอวี้ก็ตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับภรรยาอย่างจริงจัง เพราะอีกไม่กี่วันเขาก็ไปรวมกับสหายยังจุดนัดพบเนื่องจากว่าเขาเดินทางล่วงหน้ามาก่อนสหายหลายวัน คำนวณเวลาดูแล้วคงเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน สหายในกองทัพก็น่าจะเดินทางมาถึงยังจุดนัดพบ“วันนี้คุณใจร้อนเกินไปนะครับ” เขาพูดกับคนในอ้อมกอด ตอนนี้เธอกำลังอ้อนเขาเหมือนแมวน้อยก็ไม่ปาน“ฉันรู้ค่ะ แต่บอกตามตรงว่าพอรู้ว่าย่าซ่งถูกทุบตี ภายในใจฉันก็รู้สึกไม่ยินยอม” เธอตอบอย่างเอาแต่ใจ“อืม แค่รอยฟันเด็ก ไม่ได้เหมารวมว่าแม่ของเขาจะเป็นคนทำนะครับ”“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆนะคะ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนั้นด้วย ทั้งยังเป็นใต้ร่มผ้าที่คนอื่นไม่สังเกตเห็นอีกด้วย ถ้าวันนี้เราไม่เห็นหรือเรากลับมาช้ากว่านี้ ท่านจะมีชีรอดจนถึงสิ้นปีหรือเปล่า คนเต็มบ้านทำไมไม่มีใครสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ ถ้าท่านจะความจำเสื่อมฉันว่าก็

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   62

    ตอนนี้เวลาหกโมงเย็น คนที่ออกไปหาปลาก็ทยอยกลับเข้าบ้าน รวมถึงคนบ้านซ่งด้วยเหมือนกัน ผู้นำหมู่บ้านกลับเข้าบ้านมาก่อนลูกชายไม่นาน วันนี้ท่านมีประชุมในตัวเมืองเลยกลับถึงบ้านช้ากว่าทุกวัน“แค่คนแก่คนเดียวทำไมคุณถึงดูแลไม่ได้ คนอื่นต้องลงเรือหาปลากันทั้งวัน ตากแดดตากลม นี่ให้อยู่บ้านเลี้ยงลูกดูแลแม่แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้” พี่ใหญ่ซ่งด่ากราด เนื่องจากกลับมาถึงบ้านแล้วภรรยาบอกข่าวร้ายว่าแม่เขาหนีออกจากบ้านอีกแล้ว“ใจเย็นๆ น่าพี่ใหญ่” ซ่งเฉวียน ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ผิวคล้ำเพราะออกเรือหาปลาทุกวันตบไหล่พี่ชาย ด้วยกลัวว่าเขาจะลงไม้ลงมือกับพี่สะใภ้ใหญ่“แกจะให้ฉันใจเย็นอยู่ได้ยังไงเจ้าสาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนทำพลาด เดือนนี้กี่ครั้งแล้วที่แม่หายตัวไป”“เอาน่า ลองแยกกันหาดูอีกทีแล้วกันครับ พ่อเอาปลาไปขายให้ส่วนกลางก่อนที่ปลาจะตายแล้วไม่มีราคา” ซ่งเฉวียนบอกกับผู้เป็นพ่อ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   61

    ข่าวเรื่องสองยายหลานกลับบ้านมาตอนนี้ดังไปทั่วทั้งหมู่บ้านสายน้ำแล้ว เสี่ยวเหลียนไม่มีเวลาสนทนากับใคร เธอวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดบ้าน หน้าที่รับแขกเลยเป็นของยายหลิวและหลานเขย“ไอหยา…วาสนาเสี่ยวเหลียนนี่ดีจริงๆ เลยนะ ได้สามีเป็นคนเมือง”“นั่นน่ะสิ แล้วนี่จะกลับมาอยู่ที่นี่กันแล้วเหรอ”“จะเป็นไปได้ยังไง มีผู้ชายที่ไหนแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงบ้างล่ะ”“แกลืมไปหรือเปล่า ก็ลูกสาวนางหลิวไง แม่เสี่ยวเหลียนก็แต่งพ่อเสี่ยวเหลียนเข้าบ้านมาไม่ใช่เหรอ”“ฮ่าๆ จริงสิเนอะ เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย”แต่แล้วรองเท้าจากที่ไหนไม่รู้ลอยมากลางวงสนทนา จางเสวี่ยอวี้ปฏิกิริยาเร็ว เขาใช้ถาดขึ้นมากันเอาไว้ ไม่ให้ยายหลิวถูกลูกหลง กลายเป็นว่ารองเท้ากระทบกับถาด ลอยไปฟาดปากคนที่หัวเราะอย่าพอเหมาะพอเจาะจนหุบปากไม่ทัน

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   60

    ยายหลิวพอรู้ว่าหลานสาวและหลานเขยจะไปส่งที่ซูโจวก็ทั้งดีใจและเกรงใจ ดีใจที่จะได้พาหลานสาวกลับไปไหว้ บอกกล่าวบรรพบุรุษตระกูลหลิว และเกรงใจหลานเขย เพิ่งกลับมาจากทำงานต่างเมืองแท้ๆ ยังไม่ทันได้หายเหนื่อยก็ต้องออกเดินทางอีกแล้ว“ลำบากหลานเขยแล้ว” ยายหลิวพูดขึ้น ขณะที่หลานเขยช่วยท่านยกกระเป๋าขึ้นไปบนรถไฟ“ไม่เป็นไรครับ”จางเสวี่ยอวี้ยิ้มรับ วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะเมื่อคืนได้ปลดปล่อยเต็มที่หลังจากที่กักเก็บลูกๆ มานาน ต่างจากจ้าวเสี่ยวเหลียนที่แทบไม่อยากจะขยับตัว“ของีบหน่อยนะคะ” ขึ้นบนรถไฟได้ เธอก็หลับมาตลอดทางยายหลิวส่ายหน้าให้กับความขี้เซาของหลานสาว แต่เพราะเธอเป็นคนเมารถ ท่านเลยเข้าใจปว่าหลานสาวน่าจะเมารถไฟด้วยเหมือนกัน ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเมาอย่างอื่นที่สามีมอบให้ต่างหากล่ะตลอดการเดินทาง จางเสวี่ยอวี้ดูแลสองยายหลานเป็นอย่างดี จองตั๋วนอนให้จะได้โดยสารสะดวก ทั้งยังเป็นคนดูแลความเรียบร้อย เรียกได้ว่ามีเขาอยู่ ยายหลิวสบายตลอดทั้งทางใช้เวลาเดินทางห้าวันก็มาถึงซูโจว ชายหนุ่มมองไปรอบๆ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ เนื่องจากมีคลองขนส่งตลอดทั้งเส้นทาง ผู้คนสัญจรทางเรือมากกว

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   59

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยื้อให้ยายอยู่ด้วยกันจนกระทั่งถึงเดือนกันยายน อากาศเริ่มเย็นลงเล็กน้อย ถึงเวลาที่ท่านจะต้องกลับซูโจวแล้วจริงๆ“ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยละคะ รอให้ถึงวันชาติฉันกับพี่เสวี่ยอวี้จะได้ไปส่งยายได้” หญิงสาวต่อรอง“กลับวันนี้หรือวันไหนก็เหมือนกัน จะยื้อต่อไปอีกทำไม” ยายหลิวส่ายหน้า มือก็สาละวนอยู่กับการจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางช่วงหลังแต่งงานเธอไม่ได้กลับบ้านเพื่อไปไหว้ครอบครัวเดิม เพราะครอบครัวของเธอก็คือยายหลิว ในเมื่อยายอยู่กับตัวเองที่นี่ ก็ไม่จำเป็นต้องกลับส่วนหลิวซือเองก็ได้ติดอะไร ด้วยรู้อยู่แล้วว่าลูกสาวเลือกอยู่ข้างใคร และเธอเองก็ถือว่าตัวเองทำหน้าที่แม่ได้อย่างเต็มที่ ส่งลูกสาวขึ้นเรือลำเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วเรียบร้อยจะว่าไปจ้าวเสี่ยวเหลียนเองก็ถือว่าโชคดีกว่ามาก แม้ว่าแรกเริ่มจะไม่ดีเท่าที่ควร แต่หลังจากเลือกที่จะตกลงปลงใจกับจางเสวี่ยอวี้แล้ว ชีวิตของเธอเรียกได้ว่าเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขณะที่สองยายหลานคุยกันอยู่นั้น จางเสวี่ยอวี้ก็กลับมาจากปฏิบัติงานนอกพื้นที่พอดี ที่ยายหลิวยอมใจอ่อนอยู่ต่อนานนับเดือนขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนหลานสาว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status