Share

บทที่2.เสียงปลอบโยน

last update Last Updated: 2024-12-18 05:24:53

เมื่อฤดูทำไร่ทำสวนได้ผ่านพ้นไป ความวุ่นวายจากการเก็บเกี่ยวก็ทุเลาลง แต่สำหรับฮันน่า งานยังไม่จบเพียงเท่านั้น วันหยุดของเธอยังคงเต็มไปด้วยงานรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ ทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มาถูกเก็บหอมรอมริบเพื่อค่าใช้จ่ายในการไปโรงเรียน

แต่ในบางวันเสาร์อาทิตย์ที่งานไม่หนักจนเกินไป ฮันน่าก็พอจะมีช่วงเวลาที่ได้ผ่อนคลายบ้าง ช่วงเวลานั้น เธอจะได้นั่งดูรายการโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ของบ้าน ความสุขเล็กๆ นี้คือช่วงเวลาที่ฮันน่าได้หลบหนีจากโลกแห่งความรับผิดชอบและความกดดัน เธอจะดูโทรทัศน์ด้วยสายตาเปล่งประกาย ไม่ว่าจะเป็นรายการเกี่ยวกับการ์ตูน นิทาน หรือเรื่องราวจากต่างแดนที่เธอไม่เคยสัมผัส มันทำให้เธอได้เปิดโลกในจินตนาการของเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่ยังคงมีความฝันและความหวังเล็กๆ ซ่อนอยู่ในใจ

วันหยุดสัปดาห์ก็มาถึงอีกครั้งวันนี้เป็นวันที่ไม่มีงานจิปาถะใดๆ ที่ต้องทำ ฮันน่ารู้สึกดีใจที่วันนี้เธอได้มีเวลาว่างเป็นของตัวเอง เธอได้นั่งลงอย่างสบายใจบนพื้นไม้เย็นๆ ในห้องนั่งเล่นเล็กๆ โทรทัศน์เก่าเครื่องนั้นที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง ฮันน่านั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์เก่าๆ มือเล็กๆ ของเธอค่อยๆ หมุนปุ่มปรับช่องไปทีละนิด เสียง "กรึกๆ " ดังเบาๆ เป็นจังหวะ ขณะที่เธอเลื่อนช่องไปเรื่อยๆ เธอหยุดฟังและรอดูทีละภาพที่ปรากฏบนจอ แต่ยังไม่เจอรายการที่เธอต้องการ ความตื่นเต้นเล็กๆ แฝงอยู่ในแววตาของเธอเมื่อยังไม่เจอรายการที่เธอชื่นชอบ

เสียงหมุนปุ่ม "กรึก...กรึก..." ดังต่อเนื่องไปจนกระทั่งเสียงผู้ดำเนินรายการดังขึ้นในจอโทรทัศน์ เป็นเสียงนุ่มนวลและไพเราะที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่นและสบายใจ เสียงนั้นเหมือนเสียงของใครบางคนที่คอยปลอบโยนและเป็นมิตรกับเด็กๆ ดวงตากลมโตของเธอเปล่งประกายสดใส โลกในจอพาเธอออกจากความเหน็ดเหนื่อยและความลำบากในชีวิตจริง ช่วงเวลาเหล่านี้คือช่วงที่เธอได้ผ่อนคลายที่สุด ไม่ต้องคิดถึงงาน ไม่ต้องแบกรับความรับผิดชอบใดๆ เพียงแค่ได้นั่งจดจ่ออยู่กับเรื่องราวต่างๆ ที่เปิดโลกจินตนาการให้กว้างไกล ฮันน่านั่งฟังอย่างตั้งใจ ปล่อยให้เสียงนั้นกล่อมให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย ราวกับเสียงนี้ได้เปิดประตูไปสู่โลกใหม่ โลกที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ

จากนั้นเพลงก็ดังขึ้นมา เด็กๆ หลายคนในรายการร่วมกันร้องเพลง เสียงเล็กๆ ใสๆ ของพวกเขาประสานกันอย่างสนุกสนาน จนฮันน่าเองก็อดไม่ได้ที่จะฮัมตามไปเบาๆ ท่ามกลางเสียงเพลงและเสียงหัวเราะเหล่านั้น เธอรู้สึกเหมือนได้อยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ แม้ว่าจริงๆ แล้วเธอจะนั่งอยู่คนเดียวก็ตาม

ใบหน้าเล็กๆ ของฮันน่าเปื้อนรอยยิ้มขณะที่เธอฮัมเพลงตาม เสียงใสๆ ของเด็กๆ ในรายการทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ความโดดเดี่ยวที่เคยมีเหมือนจะเลือนหายไปชั่วขณะ เธอรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งเล็กๆ ที่งดงามนี้ เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุขในแบบของเด็กน้อย ที่ได้หัวเราะและร้องเพลงไปกับเพื่อนๆ ในจอทีวี

ตอนนี้ห้องเล็กๆ นั้นถูกแต่งแต้มด้วยความสดใสจากรายการเด็กที่เธอชอบ รายการที่พาเธอหลุดออกจากโลกแห่งความลำบากและความเหนื่อยล้า ให้เธอได้สัมผัสกับความสุขเล็กๆ ในวันหยุดเสียงละมุนของผู้ดำเนินรายการดังขึ้นอย่างอ่อนโยน ราวกับปลอบโยนและโอบกอดหัวใจน้อยๆ ของเด็กๆ ที่กำลังนั่งเงี่ยหูฟังอยู่หน้าจอ หญิงสาวผู้ดำเนินรายการมีใบหน้าสดใสและดวงตาที่ฉายแววเมตตา เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นที่ชวนให้รู้สึกปลอดภัย

“สวัสดีค่ะ เด็กๆ ขอให้เด็กๆ ทุกคนคนมองไปบนท้องฟ้าหลับตาลงแล้วอธิษฐาน ว่า ขอให้พระองค์มารับลูกเป็นลูกของพระองค์แล้ว พระเจ้าจะมารับเด็กๆ เข้าสู่อ้อมกอดความรักและเด็กๆ ทุกคน จะไม่เหนื่อยจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป” คำพูดเหล่านั้นแทรกซึมเข้ามาในหัวใจของฮันน่า ที่กำลังฟัง ราวกับเป็นสัญญาว่าจะไม่มีวันทิ้งให้เธอต้องเผชิญความยากลำพัง แม้เพียงอยู่หน้าจอ ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายทั้งหมดแต่เธอรู้สึกอบอุ่นและอยากฟังรายการนี้อีกทุกสัปดาห์

ทุกวันได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานั้นเธอได้เฝ้ารอด้วยความตื่นเต้นให้เสาร์อาทิตย์มาถึง ราวกับมีนัดหมายสำคัญที่เธอไม่เคยพลาด คำพูดปลอบโยนและรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้รับการโอบกอดและปลอดภัย เสียงที่น่าไว้ใจชวนให้เธอ ลองอธิษฐาน ทำให้ฮันน่ารู้สึกถึงความหวังเล็กๆ และการปลอบประโลม ที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนแล้วเธอพร้อมที่จะลองเปิดใจด้วยความเชื่อและไว้วางใจอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ

ช่วงนี้เป็นฤดูเก็บข้าวโพด ฮันน่าจึงต้องออกไปช่วยปู่และย่าทำงานที่ไร่ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เสียงกรอบแกรบของต้นข้าวโพดที่ถูกหักจากลำต้น และแสงแดดแรงจ้าที่ส่องลงมา เหล่านี้เป็นสิ่งที่เธอคุ้นเคยแม้จะไม่ได้ยินเสียงอ่อนโยนจากผู้ดำเนินรายการในทีวี หรือไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่อบอุ่นที่เคยปลอบโยนเธอทุกสุดสัปดาห์แต่คำพูดเหล่านั้นยังคงก้องอยู่ในหัวใจของเธอ ราวกับเสียงสะท้อนที่ไม่เคยเลือนหาย

ในช่วงพักระหว่างวัน ฮันน่าแอบหลบออกมาเงียบๆ ไปยังจุดใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เธอชอบ เธอทิ้งตัวลงนั่งปล่อยให้สายลมเย็นพัดผ่านมากระทบใบหน้าอย่างแผ่วเบา เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ากว้างที่โอบล้อมอยู่เบื้องบน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวังที่ซ่อนเร้น รู้สึกว่าช่วงเวลานี้เองเหมาะที่จะทำสิ่งที่เธอไม่เคยลองทำมาก่อน

ฮันน่าหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความรู้สึกและคำอธิษฐานไว้ในใจที่อย่างสงบ เธอเริ่ม พูดคำอธิษฐานทีละคำในใจด้วยหัวใจบริสุทธิ์…พลันเธอลืมตาขึ้น ท้องฟ้าที่มองเห็นกลับสว่างสดใสจนแทบจะจับต้องได้ แสงแดดแผ่ประกายออกมาราวกับว่ามันกำลังตอบรับคำอธิษฐานของเธอ ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจอย่างแผ่วเบา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกโอบกอดด้วยความรักและความปลอบโยนบางอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

ทันใดนั้น เสียงของย่าดังขึ้นมาเรียกให้เธอกลับไปทำงาน "ฮันน่า… ฮันน่า!" เสียงนั้นปลุกเธอจากช่วงเวลาแห่งความฝัน เธอลุกขึ้นจากใต้ต้นไม้ใหญ่ เดินกลับไปหาย่า พร้อมกับความรู้สึกว่าคำอธิษฐานของเธอได้ถูกยินดีรับฟังแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่33.ริมฝั่งทะเลและคำสัญญา

    อาดัมเชื่อว่า... อาการป่วยของฮันน่าไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาเพียงอย่างเดียว มันต้องการบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น คือ ความรัก และ หัวใจ เขาเชื่ออย่างยิ่งว่าเขาจะเป็นคนที่เยียวยาเธอได้ ไม่ใช่ด้วยคำพูดหวานหูหรือคำสัญญาที่เลื่อนลอย แต่ด้วยการอยู่เคียงข้างเธอทุกวัน ทุกวินาที คอยประคองเธอขึ้นจากความเจ็บปวด ให้เธอเห็นว่าโลกใบนี้ยังมีที่ให้เธอยืนอยู่ได้ …………….. แสงแรกของพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามา กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถูกวางรออยู่กลางห้อง รอคอยการเดินทางครั้งสำคัญที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า แต่ก่อนที่พวกเขาจะก้าวออกไปจากที่นี่ ฮันน่ามีบางสิ่งที่ต้องเผชิญ บางสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ ประตูห้องน้ำเปิดกว้าง... ฮันน่ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ขวดยาในมือถูกกำไว้แน่นจนฝ่ามือสั่นระริก เธอค่อยๆ เปิดฝาขวด เทเม็ดยาสีขาวจำนวนมากลงบนมือ เธอจ้องมันนิ่งงัน หัวใจเต้นแรง ความลังเลและความกลัวตีตื้นขึ้นมา นี่คือสิ่งที่เธอพึ่งพามาตลอด… สิ่งที่ช่วยให้เธอหลับในคืนที่ฝันร้าย สิ่งที่กดเสียงในหัวให้เงียบลง แต่วันนี้ เธอจะปล่อยมันไป เธอหันมองอาดัม เขายืนอยู่ข้างๆ ดวงตาของเขาส่งผ่านความมั่นใจและความเข้าใจ ไม่มี

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่32.ระหว่างความมืดมนและแสงแรกของวัน

    สามเดือนผ่านไป.. ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา ฮันน่าอาศัยอยู่กับอาดัม แม้จะยังต้องใช้ไม้เท้าพยุงตัวเอง และต้องทานยารักษาอาการทางจิตควบคู่ไปด้วย เธอก็ยังคงไปพบแพทย์ตามนัด โดยมีอาดัมคอยดูแลอยู่ไม่ห่างแม้กายจะค่อยๆ ฟื้นตัว แต่หัวใจของเธอยังคงกลัวและหวาดระแวง... เงาของ "ลินลี่" และคำขู่ในวันนั้นยังตามหลอกหลอนเธอเสมอ ทำให้บางคืนเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก พร้อมกับเสียงหายใจหอบหนักแต่ไม่ว่าเมื่อไรที่เธอตื่นขึ้นมา เธอมักจะพบว่า อาดัมยังอยู่ตรงนั้นเขาไม่เคยห่างไปไหนเธออาจจะยังลังเลและหวาดกลัว แต่สำหรับอาดัม… ยิ่งวันเวลาผ่านไป เขากลับแน่ใจมากขึ้น"เขารักเธอเข้าแล้ว..."กลางดึกที่เงียบสงัด ความเงียบโรยตัวไปทั่วทั้งบ้าน“กรี๊ดดด!!”เสียงกรีดร้องดังลั่น ทำลายความสงบในชั่วพริบตาฮันน่าสะดุ้งตื่นขึ้นมา ดวงตาเบิกกว้าง ร่างกายของเธอสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นสาย ลมหายใจของเธอหอบหนักราวกับขาดอากาศ เงาของฝันร้ายยังคงตามหลอกหลอน ภาพเลือนรางจากอดีตซ้อนทับเข้ามาไม่หยุดเธอพยายามควบคุมตัวเอง สูดลมหายใจลึกแม้จะไม่ช่วยอะไรเลยเธอเอื้อมไปจับไม้พยุง ก่อนค่อยๆ พยุงร่างกายที่อ่อนแรงไปยังห้องน้ำ ก้า

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่31.มือนำทาง

    ท้องฟ้ายามค่ำคืนเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพัดแผ่วเบาลอดผ่านหน้าต่างห้องของอาดัม เขายืนถือโทรศัพท์ไว้แนบหู ปลายสายนั้นคือวิน เพื่อนสนิทที่โทรมาจากต่างแดน เพราะหลังจากเหตุการ์ณ์ที่เกาะทองคำวันนั้นวินได้บินกลับไปอย่างกระทันหัน "นายแน่ใจเหรอ...อาดัม?" เสียงของวินชัดเจนผ่านใบหูของอาดัมในขณะที่ทั้งสองได้คุยกันมาได้สักพักแล้วจนมาถึงช่วงสุดท้ายก่อนจะวางสายลง “แน่ใจสิ…”อาดัมตอบกลับด้วยความมั่นใจขณะที่ดวงตาคมกริบของเขาฉายแววความแน่วแน่มั่นคง ถึงแม้เขาจะรู้จักเธอแค่เพียงหนึ่งสัปดาห์ก็ตาม แต่บางอย่างในตัวเธอทำให้เขาตัดสินใจได้โดยไม่ลังเล เมื่อวินได้ยินคำตอบที่ราวกลั่นออกมาจากหัวใจของอาดัมแล้ว เขาก็เอ่ยด้วยด้วยน้ำเสียงแห่งความยินดี “เมื่อนายมั่นใจและเชื่อมั่นแล้ว ฉันก็เชื่อในตัวนายเช่นกันว่านายนั้นทำได้ดี” วินตอบกลับแล้วหันมองดูเวลาบนข้อมือที่ใกล้เข้ากะทำงานไปทุกที“ ไว้คุยกันใหม่ ฉันต้องเข้าทำงานแล้ว ขอพระเจ้าอวยพร นายกับฮันน่า นะ" “ขอบใจมากเพื่อน ..วิน! แล้วเจอกัน ” .. ตุ๊ด.. ตุ๊ด.. ตุ๊ด..………….เมื่อวางสายไปแล้ว อาดัมถอนหายใจออกมาช้าๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามราตรี แสงดาวระยิบระยับสะท้อ

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่30.แสงแห่งคำอธิษฐาน

    ยามหัวค่ำในห้องพักฟื้น อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศแผ่ซ่านลึกเข้าไปถึงกระดูก ฮันน่า นอนนิ่งอยู่บนเตียง แม้ร่างกายยังคงเจ็บปวดจากบาดแผลที่ยังไม่หายดี แต่ถึงกระนั้นความเจ็บปวดจากร่างกายนั้นเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่กัดกินเธออยู่ภายในความกลัว ที่เหมือนเงาดำซึ่งคืบคลานเข้ามารัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออกเธอรู้ดีว่าการหนีจาก ลินลี่ ไม่ใช่เรื่องง่าย... ไม่สิ มันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับคนอย่างเธอ นี่คือเมืองที่ลินลี่ครอบครองทุกสิ่งหญิงผู้มีอิทธิพล ผู้ทรงพลังยิ่งกว่ากฎหมายและความยุติธรรม ไม่มีมุมใดของเมืองนี้ที่จะหลบพ้นสายตาของเธอได้หัวใจของฮันน่าเต้นแรงในอก ดวงตาจ้องมองเงาตรงประตูหน้าห้องที่ดูเหมือนจะขยับเคลื่อนไหวตามเสียงฝีเท้าในจินตนาการของเธอ ทุกวินาทีราวกับกำลังรอคอยหายนะที่จะมาถึงโดยไม่มีวันเลี่ยงได้เธอไม่ได้หวังปาฏิหาริย์อีกต่อไป... ในเมืองของลินลี่ คนที่หนีไปได้ มีเพียงเงา หรือซากศพตึก... ตึก...ตึกเสียงรองเท้าส้นสูงดังสะท้อนก้องมาตามทางเดินยาวนอกห้อง ทุกก้าวการเดินนั้นราวกับกำลังย้ำเตือนถึงชะตากรรมที่กำลังจะมาถึง ทุกก้าว ยิ่งกระชั้นชิด เสมือนเสียงของนาฬิกาเรือนใหญ่ที่น

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่29..เคียงข้าง...แม้วันอ่อนแอ

    ภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล บรรยากาศเงียบงัน แสงไฟนวลตาส่องกระทบผนังสีขาวสะอาดตา ทว่ากลับให้ความรู้สึกโดดเดี่ยว อากาศอบอวลด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเจือจาง เตียงคนไข้ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ม่านสีขาวกั้นเป็นสัดส่วน อาดัมก้าวเข้ามาอย่างช้าๆสายตาของเขามองไปยังหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ผ้าพันแผลสีขาวพันรอบศีรษะของเธอ และขาของเธอถูกดามไว้อย่างแน่นหนา ร่องรอยบาดแผลและรอยฟกช้ำปรากฏให้เห็นบนผิวกายซีดเซียว ร่างกายของเธอดูเปราะบางราวกับอาจแตกสลายได้ทุกเมื่อ เสียงลมหายใจแผ่วเบาของเธอยืนยันว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็เป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด อาดัมรู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักๆ กดทับอยู่ในอก ราวกับแบกรับความรู้สึกผิดที่มองไม่เห็น เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจเบาๆ สายตาไล่มองไปตามร่างของเธอ พลางครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องเจ็บหนักขนาดนี้ เขารู้ว่าเธอรอดมาได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะผ่านมันไปได้โดยง่าย เสียงฝีเท้าของเขาเบาลงขณะก้าวถอยหลัง สุดท้ายอาดัมเลือกจะหมุนตัวเดินออกจากห้องแม้ความกังวลยังคงฝังแน่นอยู่ในใจ... เขาตรงกลับมาบ้านที่อบอุ่นเสียงฝีเท้าดังก้องทั่วห้องโถ่งทางเด

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่28.เงาแห่งโชคชะตา

    กลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เรือสปีดโบ๊ทแล่นตัดผ่านเกลียวคลื่นอย่างรวดเร็ว เสียงเครื่องยนต์คำรามกลบความเงียบของท้องฟ้ายามเย็นที่กำลังมืดลง อาดัมนั่งเงียบอยู่ข้างฮันน่า ดวงตาของเขามองไปยังใบหน้าของฮันน่าที่เปื้อนไปด้วยเลือด เธอดูอ่อนล้าและไร้เรี่ยวแรงและในแววตาของเธอนั้นช่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด“คุณ…เข้มแข็งไว้นะ” อาดัมเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความห่วงใยลึกซึ้ง ขณะที่นันย์ตาเขามองเธอราวกับต้องการส่งกำลังใจทั้งหมดที่เขามีให้กับเธอ ปลายนิ้วของเขาแตะลงบนแขนของเธอเบา ๆ สัมผัสแผ่วเบาที่ไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากให้เธอรู้ว่าเธอไม่ได้เผชิญกับสิ่งนี้เพียงลำพัง ฮันน่ามองอาดัม ก่อนพยักหน้าแม้ไม่มีคำพูดใดออกมา แต่แววตาของเธอนั้นรับรู้ถึงความห่วงใยของเขา และเธอจะพยายามอดทน ให้ถึ่งฝั่งเรือสปีดโบ๊ทเข้าใกล้ฝั่งมากขึ้น ทุกวินาทีเต็มไปด้วยความเร่งด่วน ไฟสีแดงของรถพยาบาลที่จอดรออยู่ที่ท่าเรือสะท้อนบนผิวน้ำ ราวกับประกาศความสำคัญของชีวิตที่กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายทันทีที่เรือจอดเทียบที่ท่า คนขับเรือและเจ้าหน้าที่รีบเข้ามาช่วยอาดัมพยุงฮันน่าขึ้นไปยังรถพยาบาล เสียงไซเรนดังก้องเมื่อรถพุ่งออกจากท่าเรือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status