Home / แฟนตาซี / 5/B ห้างร้างต้องคำสาป / ความมืดที่ซ่อนเร้น

Share

ความมืดที่ซ่อนเร้น

last update Last Updated: 2025-05-28 00:52:23

ความเงียบที่กลับคืนมาหลังจากปีศาจถูกกักเก็บช่างหนักอึ้งและน่าขนลุกยิ่งกว่าเดิม คาซิมิรู้สึกได้ถึงความเย็นเยือกที่คืบคลานเข้าจับจิตใจ แม้ว่าภารกิจแรกจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เธอก็ยังคงไม่สบายใจ ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ ห้างร้างที่มืดมิดและกว้างใหญ่ ราวกับจะค้นหาภัยคุกคามที่ซ่อนเร้นอยู่

“เคนตะ...คุณบาดเจ็บนี่นา” คาซิมิเดินเข้าไปหาเขาด้วยความเป็นห่วง แสงจากไฟฉายในมือเธอส่องไปที่ไหล่ของเขา เสื้อผ้าที่เคยสะอาดบัดนี้มีรอยฉีกขาด และคราบเลือดสีเข้มก็ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน

เคนตะพยักหน้ารับเล็กน้อย พยายามปั้นยิ้มบางๆ “นิดหน่อยน่ะ ไม่เป็นไรหรอก” เขาปัดมือที่เปื้อนเลือดออกอย่างไม่ใส่ใจ “แค่นี้สบายมาก” แต่สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่พยายามเก็บซ่อน

“สบายมากอะไรกันคะ เลือดออกเยอะขนาดนี้” คาซิมิขมวดคิ้วมุ่น เธอหยิบผ้าสะอาดในกระเป๋าเป้ใบเล็กออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะบรรจงทำความสะอาดบาดแผลและพันผ้าพันแผลให้เขาอย่างเบามือ “คุณต้องระวังตัวมากกว่านี้นะคะ นี่มันแค่ตัวแรกเอง เราไม่รู้หรอกว่าข้างหน้าจะเจออะไรอีก”

เคนตะมองท่าทีที่ห่วงใยของเธอ อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “รู้แล้วน่า ขอบคุณนะคาซิมิ” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองเข้าไปในดวงตาของเธอ “แต่ถ้าไม่มีเธอคอยสนับสนุน ฉันก็คงแย่เหมือนกันนะ”

คาซิมิเงยหน้าขึ้นมองเขาเมื่อพันผ้าเสร็จแล้ว “เราต้องพึ่งพากันและกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ นี่เป็นภารกิจของพวกเรา” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น “วิญญาณนี่จะเอาไปทำอะไรคะ?” เธอชูขวดที่กักเก็บดวงวิญญาณของปีศาจขึ้น

เคนตะรับขวดมาดู เขามองดูดวงวิญญาณสีดำที่ลอยวนอยู่ในนั้นด้วยแววตาครุ่นคิด “เราจะนำมันไปให้ลุงซาโตรุ ท่านคงรู้วิธีจัดการกับมัน” เขาพูดถึงลุงซาโตรุ ผู้เป็นอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านอาคมผู้ชรา “แต่ตอนนี้เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ก่อน และต้องสำรวจให้แน่ใจว่าไม่มีเงาปีศาจตัวอื่นซ่อนอยู่”

ทันใดนั้นเอง นาฬิกาอาคมบนข้อมือของคาซิมิก็สั่นเตือนขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงร้องเตือนที่ดังลั่นอย่างบ้าคลั่งเหมือนเมื่อครู่ มันเป็นเสียงเตือนที่เบาลง ชี้ไปที่ทิศทางหนึ่งอย่างไม่สม่ำเสมอ

“เคนตะ...มันยังไม่หมด” คาซิมิพูดเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดลงเล็กน้อย “ดูเหมือนมันจะอยู่ไม่ไกลจากเราด้วย”

เคนตะหันไปมองตามทิศทางที่นาฬิกาชี้ เขากระชับมีดอาคมในมือแน่นขึ้น “เข้าใจแล้ว งั้นเราไปกันเลย” เขากระซิบ “ระวังตัวไว้ให้ดีนะคาซิมิ ที่นี่มันแปลกๆ”

ทั้งคู่เดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง แสงไฟฉายของเคนตะสาดส่องไปตามทางเดินที่มืดมิดและคับแคบ เศษซากของสิ่งของที่ถูกทิ้งร้างกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น ผนังอาคารมีรอยแตกร้าวและคราบสกปรก คล้ายกับว่าที่นี่ถูกทิ้งร้างมานานหลายสิบปี เสียงฝีเท้าของทั้งคู่สะท้อนก้องไปทั่วห้างร้างที่เงียบสงัด ทำให้บรรยากาศยิ่งน่าขนลุกเข้าไปใหญ่

“คุณรู้สึกไหมคะ เคนตะ? เหมือนมีบางอย่างจ้องมองเราอยู่ตลอดเวลา” คาซิมิพูดเสียงกระซิบ เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ราวกับมีดวงตาที่มองไม่เห็นจับจ้องมาที่พวกเขา

เคนตะพยักหน้า “ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน ระวังให้ดีนะคาซิมิ อย่าเผลอ” เขาพูดพลางกวาดไฟฉายไปทั่วบริเวณ จ้องมองเงาที่เต้นระบำไปตามแสงไฟ

ทันใดนั้นเอง เสียงบางอย่างก็ดังขึ้นจากมุมมืด กึก...กึก... เสียงคล้ายการลากอะไรบางอย่างหนักๆ ที่พื้น คาซิมิสะดุ้งสุดตัว เธอจับแขนเคนตะแน่น

“นั่นมันเสียงอะไรคะ?” เธอถามเสียงสั่น

เคนตะเบิกตากว้าง “เงียบไว้ก่อน” เขาดึงคาซิมิให้หลบเข้าไปหลังเสาใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

กึก...กึก...แคร่ก!

เงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นจากความมืด มันไม่ใช่เงาปีศาจรูปร่างคล้ายหมอกควันเหมือนตัวแรก แต่เป็นสิ่งที่น่าสยดสยองยิ่งกว่า นั่นคือ เงาปีศาจโครงกระดูก ร่างกายของมันผอมเกร็งจนเห็นกระดูกที่โผล่ออกมาอย่างชัดเจน แขนขาที่ยาวผิดปกติกำลังลากเศษซากโลหะที่บิดเบี้ยวไปกับพื้น ทำให้เกิดเสียงอันน่าขนลุก ดวงตาของมันเป็นโพรงมืดสนิท แต่กลับให้ความรู้สึกว่ากำลังจ้องมองมาที่พวกเขา

“มัน...มันไม่ใช่แค่เงาปีศาจธรรมดา” คาซิมิพูดเสียงสั่น ตัวเธอกำลังสั่นเทาด้วยความกลัว “มันมีกายหยาบที่ชัดเจนกว่าตัวแรก”

เคนตะกัดฟันกรอด เขากำมีดแน่น “ดูเหมือนเราจะเจอ ‘ปีศาจชั้นสูง’ เข้าแล้วสิ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ปีศาจพวกนี้จะแข็งแกร่งกว่า และมีพลังทำลายล้างสูงกว่ามาก”

เงาปีศาจโครงกระดูกดูเหมือนจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา มันหันหัวที่ไร้เนื้อหนังมาทางที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ ชิ้นส่วนโลหะที่มันลากมาด้วยถูกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี เกิดเสียงดัง เคร้ง!

“มันเห็นเราแล้ว!” คาซิมิร้องเตือน

เคนตะพยักหน้า เขาดึงคาซิมิให้ถอยออกไปช้าๆ “เราต้องล่อมันออกไปที่โล่งกว่านี้” เขาพูดเสียงกระซิบ “ไม่งั้นเราจะสู้ลำบาก”

แต่ปีศาจโครงกระดูกไม่รอให้พวกเขาถอยหนี มันพุ่งเข้าใส่ทันทีด้วยความเร็วที่น่าตกใจ แขนกระดูกของมันเหวี่ยงเข้าใส่ราวกับแส้ คาซิมิกรีดร้องออกมาเมื่อแรงลมจากการฟาดฟันเฉียดหน้าเธอไปอย่างหวุดหวิด

“เร็วเข้าคาซิมิ!” เคนตะตะโกนพลางพุ่งตัวออกไปขวางทางปีศาจ เขาใช้มีดอาคมปัดป้องการโจมตีอย่างสุดกำลัง แต่แรงของมันมหาศาลจนเขาต้องกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว

“คุณไหวไหมคะ!” คาซิมิตะโกนถามด้วยความเป็นห่วง

เคนตะตอบกลับมาด้วยเสียงหอบ “ไหว! แต่เราต้องรีบ!” เขามองเห็นประตูเหล็กบานใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นทางออกฉุกเฉินอยู่ไม่ไกล “คาซิมิ! ทางนั้น! เราต้องไปที่นั่น!”

ทั้งคู่เริ่มวิ่งหนี ปีศาจโครงกระดูกไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ เสียงกระดูกกระทบกันดังแกรกกราก ก้องไปทั่วห้างร้าง แสงไฟฉายของเคนตะสั่นไหวไปมา ทำให้เงาของพวกเขาวิ่งนำหน้าไปก่อนราวกับเงาของผีร้าย

“มันเร็วมาก!” คาซิมิหอบหายใจ “เราจะวิ่งถึงประตูนั้นได้ยังไงคะ!”

เคนตะหันไปมองปีศาจที่กำลังตามมาอย่างกระชั้นชิด เขารู้ดีว่าถ้ายังอยู่ในพื้นที่แคบๆ แบบนี้พวกเขาต้องเสียเปรียบแน่นอน “ฉันจะถ่วงเวลาให้ เธอวิ่งไปก่อนเลย!”

“ไม่นะคะ! คุณจะสู้คนเดียวไม่ได้!” คาซิมิตะโกนปฏิเสธทันที เธอไม่มีทางทิ้งให้เคนตะเผชิญหน้ากับปีศาจร้ายเพียงลำพัง

“ฟังฉันคาซิมิ! ถ้าเราไม่แบ่งหน้าที่กัน เราจะตายทั้งคู่!” เคนตะตะโกนกลับไป น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความจริงจังและเด็ดขาด “ฉันจะจัดการมันให้ช้าลง เธอต้องเตรียมขวดให้พร้อม ถ้าฉันจัดการมันได้ วิญญาณของมันจะออกมา เธอต้องกักเก็บมันทันที!”

คาซิมิลังเล แต่เมื่อเห็นแววตาที่มุ่งมั่นของเคนตะ เธอก็รู้ว่าเขาเอาจริง เธอพยักหน้าอย่างจำยอม “ระวังตัวด้วยนะคะ!”

เคนตะหันกลับไปเผชิญหน้ากับปีศาจโครงกระดูก เขาพุ่งเข้าใส่มันอีกครั้งด้วยความเร็วที่น่าตกใจ มีดอาคมของเขาฟาดฟันเข้าใส่กระดูกของปีศาจอย่างรุนแรง แต่ดูเหมือนมันจะไม่มีผลอะไรมากนัก

เคร้ง!

ปีศาจโครงกระดูกเหวี่ยงแขนยาวๆ ของมันเข้าใส่เคนตะอย่างแรง เคนตะเบี่ยงตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด แต่แรงลมจากมันก็ซัดร่างเขาจนล้มลงไปกองกับพื้น มีดอาคมหลุดจากมือไปไกล

“เคนตะ!” คาซิมิกรีดร้องด้วยความตกใจ เธอเห็นปีศาจกำลังจะย่ำเท้าเข้าใส่เขา ทันใดนั้นเอง แสงเรืองรองสีฟ้าอ่อนๆ ก็ปรากฏขึ้นรอบตัวคาซิมิ เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะร่ายคาถาป้องกัน แต่ความตกใจทำให้พลังอาคมของเธอบางส่วนถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่รู้ตัว

ปีศาจโครงกระดูกชะงักไปชั่วขณะ มันดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อยเมื่อเห็นแสงสีฟ้าที่แผ่ออกมาจากตัวคาซิมิ นี่คือพลังที่แตกต่างออกไปจากอาคมของเคนตะ

“คาซิมิ! ทำอะไรบางอย่างสิ!” เคนตะตะโกนบอก เขาดิ้นรนจะลุกขึ้น แต่แรงจากปีศาจที่กดทับเขาอยู่ทำให้เขาขยับตัวลำบาก

คาซิมิหลับตาลง เธอรวบรวมสมาธิ พลังอาคมสีฟ้าอ่อนๆ รอบตัวเธอก็สว่างวาบขึ้น แสงนั้นส่องสว่างไปทั่วบริเวณราวกับแสงจากดวงจันทร์ยามค่ำคืน

“คาถาพันธนาการ!” คาซิมิเปล่งเสียงออกมาด้วยความมุ่งมั่น พลังอาคมสีฟ้าอ่อนๆ พุ่งออกจากตัวเธอ กลายเป็นโซ่ตรวนแสงที่พันธนาการแขนขาของปีศาจโครงกระดูกเอาไว้ ทำให้มันไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ชั่วขณะหนึ่ง

เคนตะที่เห็นดังนั้นก็ฉวยโอกาส เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีกระโดดหลบออกมาจากใต้ร่างของปีศาจ และพุ่งไปคว้ามีดอาคมของเขาที่ตกอยู่

“ดีมากคาซิมิ!” เคนตะตะโกนชม เขาเห็นช่องทางแล้ว เขากระโดดเข้าใส่ปีศาจโครงกระดูกที่ถูกตรึงไว้ด้วยโซ่แสงจากอาคมของคาซิมิ มีดอาคมในมือของเขาเรืองรองด้วยพลังสีเงินที่เข้มข้นกว่าเดิม

ฉัวะ!

เคนตะแทงมีดเข้าที่กลางกะโหลกศีรษะของปีศาจโครงกระดูกอย่างเต็มแรง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังสนั่นกว่าครั้งแรก ร่างกายที่แข็งแกร่งของมันเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และค่อยๆ แตกสลายกลายเป็นผงธุลีสีดำที่ลอยฟุ้งไปในอากาศ ก่อนจะรวมตัวกันเป็น ดวงวิญญาณสีดำทมิฬ ที่มีขนาดใหญ่กว่าดวงวิญญาณตัวแรก ลอยเคว้งอยู่เบื้องหน้า

“คาซิมิ! ตอนนี้แหละ!” เคนตะตะโกนบอกพลางชี้ไปที่ดวงวิญญาณ

คาซิมิที่เหนื่อยหอบจากการร่ายคาถาพันธนาการ รีบเปิดฝาขวดกักเก็บวิญญาณทันที คาถาบทเดิมถูกร่ายออกมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

“จงมา! วิญญาณร้าย จงถูกกักขัง!”

ดวงวิญญาณสีดำทมิฬถูกดูดเข้าไปในขวดอย่างรวดเร็ว แสงเรืองรองสีเงินวูบหนึ่งปรากฏขึ้นบนขวด ก่อนที่จะจางหายไปอีกครั้ง

ทั้งคู่ยืนหอบหายใจในความเงียบสงัดของห้างร้างที่กลับมามืดมิดอีกครั้ง เคนตะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง คาซิมิรีบเดินเข้าไปหาเขาด้วยความเป็นห่วง

“คุณโอเคไหมคะเคนตะ?” เธอถามเสียงสั่น “ฉัน...ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอย่างนั้นได้ยังไง” เธอหมายถึงคาถาพันธนาการที่ไม่เคยฝึกฝนมาก่อน

เคนตะยิ้มให้เธอเล็กน้อย “เธอทำได้ดีมากคาซิมิ พลังอาคมของเธอมันพิเศษกว่าที่คิดไว้เยอะเลย” เขาเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้างที่มืดมิด “ดูเหมือนการมาที่นี่จะไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิดไว้ตอนแรกเลยนะ”

คาซิมิพยักหน้าเห็นด้วย เธอกำขวดกักเก็บวิญญาณไว้แน่น “แล้วเราจะไปไหนต่อคะ? ยังมีปีศาจเหลืออยู่ไหม?”

เคนตะมองไปที่ประตูเหล็กฉุกเฉินที่อยู่ไม่ไกล “เราต้องไปที่ประตูนั้นก่อน” เขาพยายามลุกขึ้นยืน “ส่วนปีศาจ...ฉันเชื่อว่ายังมีอีก” เขามองเข้าไปในความมืดที่ไร้จุดสิ้นสุดของห้างร้าง “ความมืดที่นี่มันลึกกว่าที่คิด และมันไม่ได้มีแค่เงาปีศาจที่เราเห็นตรงหน้าหรอกนะคาซิมิ”

สิ้นเสียงของเคนตะ สายลมเย็นยะเยือกก็พัดผ่านเข้ามาในห้างร้าง กลิ่นสนิมและกลิ่นอับชื้นที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม ทำให้ขนแขนของทั้งคู่ลุกชัน พวกเขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่กำลังตื่นขึ้นในความมืดที่ซ่อนเร้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 5/B ห้างร้างต้องคำสาป   กับดักที่มองไม่เห็น

    เคนตะและคาซิมิเดินมาหยุดอยู่หน้า ประตูเหล็กฉุกเฉิน บานใหญ่ที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ บานประตูถูกปิดตายด้วยโซ่ขนาดใหญ่และกุญแจสนิมเขรอะบ่งบอกถึงกาลเวลาที่ผ่านไปอย่างยาวนาน เคนตะมองสำรวจโดยรอบ ความรู้สึกบางอย่างบอกเขาว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด“โซ่เส้นใหญ่ขนาดนี้ จะงัดยังไงคะเคนตะ?” คาซิมิถามด้วยน้ำเสียงกังวล เธอพยายามใช้ไฟฉายส่องเข้าไปดูรายละเอียด แต่ความมืดมิดรอบข้างกลับยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัดเคนตะลองเอามือจับโซ่ เขาออกแรงดึงเล็กน้อยแต่มันก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย “มันล็อกแน่นมาก คงต้องใช้แรงเยอะหน่อย หรือไม่ก็ต้องใช้พลังอาคม” เขากลับมามองรอบตัวอีกครั้ง “แต่ฉันไม่คิดว่านี่คือทางออกที่เราจะเดินผ่านไปง่ายๆ”“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นคะ?” คาซิมิขมวดคิ้วสงสัยเคนตะชี้ไปที่รอยขีดข่วนบนพื้นและผนังใกล้กับประตู “ดูนี่สิ รอยขีดข่วนพวกนี้มันดูใหม่กว่าส่วนอื่นๆ ของห้างมาก เหมือนมีบางอย่างพยายามจะเปิดประตู หรือบางอย่างพยายามจะออกจากประตูนี้มา” เขามองเข้าไปในความมืดที่อยู่ลึกเข้าไปในห้างร้าง “อีกอย่าง...นาฬิกาอาคมของเธอยังคงเตือนอยู่ใช่ไหม?”คาซิมิยกข้อมือขึ้นดู นาฬิกาของเธอยังคงสั่นเตือนเบาๆ แต่เข็มนาฬิกาไม่ได้ชี้ไป

  • 5/B ห้างร้างต้องคำสาป   ความมืดที่ซ่อนเร้น

    ความเงียบที่กลับคืนมาหลังจากปีศาจถูกกักเก็บช่างหนักอึ้งและน่าขนลุกยิ่งกว่าเดิม คาซิมิรู้สึกได้ถึงความเย็นเยือกที่คืบคลานเข้าจับจิตใจ แม้ว่าภารกิจแรกจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เธอก็ยังคงไม่สบายใจ ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ ห้างร้างที่มืดมิดและกว้างใหญ่ ราวกับจะค้นหาภัยคุกคามที่ซ่อนเร้นอยู่“เคนตะ...คุณบาดเจ็บนี่นา” คาซิมิเดินเข้าไปหาเขาด้วยความเป็นห่วง แสงจากไฟฉายในมือเธอส่องไปที่ไหล่ของเขา เสื้อผ้าที่เคยสะอาดบัดนี้มีรอยฉีกขาด และคราบเลือดสีเข้มก็ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนเคนตะพยักหน้ารับเล็กน้อย พยายามปั้นยิ้มบางๆ “นิดหน่อยน่ะ ไม่เป็นไรหรอก” เขาปัดมือที่เปื้อนเลือดออกอย่างไม่ใส่ใจ “แค่นี้สบายมาก” แต่สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่พยายามเก็บซ่อน“สบายมากอะไรกันคะ เลือดออกเยอะขนาดนี้” คาซิมิขมวดคิ้วมุ่น เธอหยิบผ้าสะอาดในกระเป๋าเป้ใบเล็กออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะบรรจงทำความสะอาดบาดแผลและพันผ้าพันแผลให้เขาอย่างเบามือ “คุณต้องระวังตัวมากกว่านี้นะคะ นี่มันแค่ตัวแรกเอง เราไม่รู้หรอกว่าข้างหน้าจะเจออะไรอีก”เคนตะมองท่าทีที่ห่วงใยของเธอ อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “รู้แล้วน่า ขอบคุณนะคาซิม

  • 5/B ห้างร้างต้องคำสาป   ไม่ทันตั้งตัว

    แสงไฟจากประตูมิติบิดเบี้ยวอยู่เบื้องหน้า คาซิมิมองมันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความลังเลอย่างเห็นได้ชัด ความมืดที่รออยู่ด้านหลังบานประตูดูดกลืนทุกสิ่งจนน่าขนลุก เคนตะที่ยืนอยู่ข้างกาย สัมผัสได้ถึงความสั่นเทาเล็กน้อยจากมือที่เขากุมไว้ เขากระชับมือคาซิมิมั่นขึ้นเล็กน้อย พยายามส่งผ่านความอบอุ่นและความมั่นใจไปให้เธอ“ไม่ต้องกลัวนะ มีฉันอยู่ทั้งคน” เคนตะเอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม พยายามให้เสียงของเขาหนักแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อสยบความกังวลในใจของเธอคาซิมิเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาคู่สวยสะท้อนความกลัวอย่างปิดไม่มิด “เรา...เราจะได้กลับออกมาอีกไหม” เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย ราวกับความหวังที่ริบหรี่กำลังจะมอดดับลงเคนตะยิ้มบาง ๆ พยักหน้าให้กำลังใจ “ได้สิ ฉันสัญญา เราต้องกลับมาแน่นอน” เขาเน้นคำว่า "สัญญา" เพื่อให้เธอเชื่อมั่นในคำพูดของเขา “แต่ตอนนี้เราต้องไปแล้ว”คาซิมิพยักหน้ารับช้า ๆ ด้วยแววตาที่ยังคงเต็มไปด้วยความกังวล ก่อนที่ทั้งคู่จะรวบรวมความกล้า ก้าวเท้าผ่านมิติอันบิดเบี้ยวเข้าไปทันทีที่ก้าวพ้นธรณีประตูมิติ โลกที่คุ้นเคยก็ถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ความหน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status