ท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือยอดเขาไฟอัคคีแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานยาม ดวงจันทร์สีเลือด โคจรขึ้นมาเต็มดวง แสงสีโลหิตอาบไล้ทิวทัศน์รอบข้างให้ดูน่าขนลุกยิ่งกว่าเดิม เสียงคำรามกึกก้องจากปากปล่องภูเขาไฟดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน ราวกับเสียงหายใจอันหนักหน่วงของอสูรร้ายที่กำลังจะตื่นจากการหลับใหลที่ยาวนานนับพันปี กลิ่นกำมะถันและกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ยิ่งสร้างความกดดันอันหนักอึ้งให้แก่ อิจิ และ ฮารุ ที่กำลังปีนป่ายขึ้นสู่ยอดเขา
“อีกนิดเดียวอิจิ! เราจะไปถึงแล้ว!” ฮารุตะโกนบอก เสียงของเธอสั่นเครือจากความเหนื่อยล้าและความหวาดกลัว แต่ดวงตาของเธอยังคงเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ผ้ายันต์แห่งความจริงที่สถิตอยู่ในฝ่ามือของเธอเรืองแสงสีรุ้งอ่อนๆ ตอบรับกับพลังงานมหาศาลของดวงจันทร์สีเลือด “ฉันรู้ฮารุ… ฉันสัมผัสได้ถึงมัน” อิจิตอบ เขาปีนป่ายก้อนหินที่แหลมคมอย่างรวดเร็ว แม้ร่างกายจะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ แต่จิตใจของเขามุ่งมั่นกว่าครั้งไหนๆ ดาบในมือของเขาเปล่งประกายสีเงินจางๆ พร้อมรับมือกับทุกสิ่ง ลมพายุโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นบนยอดเขา เสียงกรีดร้องโหยหวนคล้ายเสียงวิญญาณดังมาจากปากปล่องภูเขาไฟที่กำลังคุกรุ่น ลาวาสีแดงฉานปะทุขึ้นเป็นระยะๆ ย้อมท้องฟ้าให้เป็นสีแดงก่ำราวกับฉาบด้วยเลือด “ใกล้ถึงแล้วอิจิ! ฉันสัมผัสได้ถึงพลังของมันอย่างชัดเจน!” ฮารุพูด น้ำเสียงของเธอตื่นเต้นปนหวาดกลัว ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงขอบปากปล่องภูเขาไฟ สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของพวกเขานั้นน่าสะพรึงกลัวจนแทบหยุดหายใจ! เบื้องล่างของปากปล่องภูเขาไฟขนาดมหึมา ลาวาเดือดพล่านราวกับมหาสมุทรเพลิง และท่ามกลางความร้อนระอุนั้น มีร่างสีดำทะมึนขนาดมหึมาที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ มันมีรูปร่างคล้ายสัตว์ร้ายในตำนานที่ยากจะบรรยาย มีปีกขนาดใหญ่ที่ทำจากเงามืด ดวงตาเรืองแสงสีม่วงดำราวกับห้วงอวกาศที่ไร้จุดสิ้นสุด ออร่าแห่งความมืดมิดที่แผ่ออกมาจากร่างของมันนั้นหนักอึ้งจนอากาศรอบข้างหนาวเย็นยะเยือก ราวกับกำลังดูดกลืนแสงสว่างและความหวังทั้งหมดออกจากโลกใบนี้ “ผู้ตื่น!” อิจิพึมพำ น้ำเสียงของเขาเจือความตกใจ “ในที่สุด… ข้าก็เป็นอิสระ!” เสียงของมันดังก้องไปทั่วท้องฟ้า เสียงนั้นทรงอำนาจจนทำให้พื้นดินสั่นสะท้าน บดขยี้ความหวังทั้งหมดของมนุษย์ให้แหลกสลาย “พันธนาการที่ถูกจองจำมานับพันปี… ได้ถูกปลดปล่อยแล้ว!” ‘ผู้ตื่น’ เงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์สีเลือดบนท้องฟ้า ดวงตาอันมืดมิดของมันเปล่งประกายความบ้าคลั่งและความพึงพอใจอย่างหาที่สุดมิได้ “ถึงเวลาแล้ว… ที่โลกใบนี้จะต้องถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดนิรันดร์!” มันคำรามลั่น ก่อนที่มันจะเริ่มขยับปีกสีดำขนาดมหึมา เตรียมจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า “เราต้องหยุดมันให้ได้อิจิ!” ฮารุพูดขึ้น น้ำเสียงของเธอเด็ดเดี่ยว “ใช่! ตอนนี้แหละฮารุ! ใช้พลังของผ้ายันต์แห่งความจริง!” อิจิพูดขึ้น เขาชักดาบขึ้นพร้อมรบ พลังจากผ้ายันต์ที่ผนึกอยู่ในมือของฮารุคือความหวังเดียวของพวกเขา ฮารุหลับตาลง เธอรวบรวมสมาธิทั้งหมดที่มี พลังแห่งชีวิตจากร่างของเธอผสานรวมเข้ากับพลังของผ้ายันต์แห่งความจริงบนฝ่ามือของเธอ แสงสีรุ้งเจิดจ้าพวยพุ่งออกมาจากร่างของฮารุ สว่างจ้ายิ่งกว่าแสงใดๆ ที่เคยเห็นมา แสงนั้นพุ่งตรงเข้าไปในปากปล่องภูเขาไฟ มุ่งหน้าไปยังร่างของ ‘ผู้ตื่น’ “ผนึกแห่งบรรพกาล! จงปรากฏ!” ฮารุร่ายคาถา เสียงของเธอเปี่ยมด้วยพลังอำนาจและอธิษฐานจิตที่แรงกล้า ทันใดนั้น! แสงสีรุ้งเจิดจ้าจากฮารุก็แปรเปลี่ยนเป็นโซ่ตรวนพลังงานนับร้อยนับพันเส้น มันพุ่งเข้าพันธนาการร่างของ ‘ผู้ตื่น’ ไว้แน่นหนา โซ่ตรวนแต่ละเส้นเรืองแสงด้วยสัญลักษณ์โบราณที่สลับซับซ้อน ผนึกพลังของ ‘ผู้ตื่น’ ไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวได้ “อ๊ากกกกกกกก! นี่มันอะไรกัน?! พลังแห่งแสงสว่าง!” ‘ผู้ตื่น’ กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มันพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของแสงสีรุ้งได้ “มันกำลังได้ผลอิจิ!” ฮารุพูดขึ้น แม้จะรู้สึกอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จากการใช้พลังมหาศาล “ใช่! แต่เราต้องใช้พลังทั้งหมดที่เรามีฮารุ! มันยังไม่เพียงพอ!” อิจิตะโกนบอก เขาสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลของ ‘ผู้ตื่น’ ที่กำลังดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย “ฉันรู้… แต่ฉันรู้สึกเหมือนพลังของฉันใกล้จะหมดลงแล้ว!” ฮารุพูด น้ำเสียงของเธอเริ่มแผ่วลง “เจ้า… เจ้าไม่มีทางผนึกข้าได้หรอก! พลังของเจ้ายังไม่สมบูรณ์!” ‘ผู้ตื่น’ คำราม ดวงตาที่เรืองแสงสีม่วงดำของมันจับจ้องมาที่ฮารุ “จงมอบพลังแห่งชีวิตของเจ้าให้แก่ข้า… แล้วข้าจะมอบพลังที่ยิ่งใหญ่ให้แก่เจ้า… พลังที่เจ้าไม่เคยจินตนาการถึง!” คำพูดของ ‘ผู้ตื่น’ เริ่มก่อกวนจิตใจของฮารุ เธอรู้สึกถึงความปรารถนาในพลังอำนาจที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ แสงสีม่วงดำจากดวงตาของ ‘ผู้ตื่น’ เริ่มแผ่ซ่านเข้ามาในจิตสำนึกของเธอ “อย่าฟังมันนะฮารุ! มันกำลังหลอกเธอ!” อิจิตะโกนบอก เขาพยายามใช้พลังทั้งหมดที่มีพุ่งเข้าใส่ ‘ผู้ตื่น’ แต่โซ่ตรวนพลังงานของฮารุก็ขวางกั้นเขาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถเข้าใกล้ได้ “เจ้ามนุษย์! อย่ามายุ่ง!” ‘ผู้ตื่น’ คำราม มันพยายามจะใช้พลังมืดพุ่งเข้าใส่อิจิ แต่โซ่ตรวนพลังงานก็รัดแน่นขึ้นกว่าเดิม “พลังแห่งชีวิต… ความบริสุทธิ์คือแก่นแท้… สังเคราะห์แสงแห่งจิตวิญญาณ… จงรวมเป็นหนึ่ง… กับผู้ปกป้องแห่งบรรพกาล…” อิจิท่องบทคำทำนายที่พวกเขาได้จากรหัสลับ “จำคำเหล่านี้ไว้ฮารุ! นี่คือสิ่งที่เราต้องทำ!” ฮารุพยายามรวบรวมสติ เธอมองไปที่อิจิที่กำลังต่อสู้กับแรงกดดันจาก ‘ผู้ตื่น’ ดวงตาของเธอฉายแววความมุ่งมั่นอีกครั้ง “ฉันจะไม่ยอมแพ้!” ฮารุกล่าว เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับ ‘ผู้ตื่น’ พลังแห่งชีวิตจากร่างของเธอพวยพุ่งออกมาอย่างเต็มที่ แสงสีรุ้งเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม “รหัสลับแห่งบรรพกาล! จงปลุกพลังแห่งจิตวิญญาณ!” ฮารุร่ายคาถา เธอปิดตาลงอีกครั้ง และจินตนาการถึงจิตวิญญาณของผู้ปกป้องแห่งบรรพกาล… จิตวิญญาณของต้นไม้โบราณ… จิตวิญญาณของเหล่านักรบที่หลับใหลอยู่ใต้ดิน… และแม้กระทั่งจิตวิญญาณของตัวผู้คุ้มกันที่พวกเขาเคยเผชิญหน้า ทันใดนั้น! แสงสีเขียวมรกตที่บริสุทธิ์ก็พวยพุ่งออกมาจากพื้นดินรอบๆ ยอดเขาไฟ แสงนั้นพุ่งตรงเข้าสู่ร่างของฮารุ มันไม่ได้ทำลายล้าง แต่มันกลับผสานรวมเข้ากับแสงสีรุ้งของเธอ ทำให้พลังของเธอทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมหาศาล ร่างของฮารุเปล่งประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ แสงนั้นแผ่ขยายออกไปจนปกคลุมยอดเขาไฟทั้งหมด โซ่ตรวนพลังงานที่พันธนาการ ‘ผู้ตื่น’ ไว้แน่นหนาขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า แสงสีรุ้งอันบริสุทธิ์กัดกินออร่าสีดำมืดของ ‘ผู้ตื่น’ จนร่างของมันเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง “เป็นไปไม่ได้! เจ้ามนุษย์! เจ้ามีพลังเช่นนี้ได้อย่างไร?!” ‘ผู้ตื่น’ คำรามด้วยความเจ็บปวดสุดขีด ร่างของมันเริ่มสลายกลายเป็นละอองสีดำมืดปลิวหายไปในอากาศช้าๆ “ฮารุ! ทำมันให้สมบูรณ์!” อิจิตะโกนบอก เขาเห็นว่า ‘ผู้ตื่น’ กำลังจะสลายไป แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ ฮารุพยักหน้า เธอรวบรวมพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ เธอรู้ว่านี่คือช่วงเวลาสำคัญ เธอใช้ฝ่ามือที่เปล่งประกายแสงสีรุ้งเจิดจ้าชี้ไปที่ร่างของ ‘ผู้ตื่น’ ที่กำลังสลายไป “ผนึกแห่งนิรันดร์! จงปิดผนึกทุกความมืดมิด!” ฮารุร่ายคาถา เสียงของเธอดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ราวกับเสียงแห่งเทพธิดาผู้พิทักษ์ ทันใดนั้น! แสงสีรุ้งอันเจิดจ้าก็พวยพุ่งออกจากร่างของฮารุเป็นลำแสงขนาดใหญ่ มันพุ่งตรงเข้าสู่ร่างของ ‘ผู้ตื่น’ ที่กำลังสลายไป แสงนั้นดูดกลืนออร่าสีดำมืดของ ‘ผู้ตื่น’ เข้าไปในตัวเองจนหมดสิ้น ร่างของ ‘ผู้ตื่น’ หายไปในชั่วพริบตา เหลือไว้เพียงแสงสีรุ้งที่หมุนวนอย่างรุนแรงกลางปากปล่องภูเขาไฟ ก่อนที่แสงนั้นจะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายลับไปพร้อมกับดวงจันทร์สีเลือดที่เริ่มเลือนหายไป เมื่อ ‘ผู้ตื่น’ หายไป ความเงียบสงบก็กลับคืนมาสู่ยอดเขาไฟ เสียงคำรามจากภูเขาไฟเงียบงันลง ลาวาที่เคยเดือดพล่านก็ค่อยๆ สงบลงเช่นกัน ฮารุทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว แสงสีรุ้งจากผ้ายันต์บนฝ่ามือของเธอจางหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงรอยสักที่ดูธรรมดา “ฮารุ! เธอเป็นอะไรไหม?!” อิจิรีบเข้าไปประคองเธอ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ฉัน… ฉันไม่เป็นไร…” ฮารุตอบเสียงแผ่ว “แต่ฉันรู้สึกเหมือน… พลังทั้งหมดในตัวฉันหายไปแล้ว… ฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนธรรมดาอีกครั้ง” อิจิกุมมือของเธอแน่น “ไม่หรอกฮารุ… เธอไม่ใช่คนธรรมดา เธอคือผู้ที่ช่วยโลกนี้ไว้” พวกเขาใช้เวลาพักฟื้นอยู่บนยอดเขาไฟอีกพักใหญ่ มองดูดวงอาทิตย์ที่เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า แสงแรกของอรุณรุ่งสาดส่องลงมา ย้อมยอดเขาไฟให้เป็นสีทองอร่าม มันเป็นภาพที่สวยงามและเปี่ยมด้วยความหวัง หลังจากที่ต้องเผชิญกับความมืดมิดมานานหลายวัน “เราทำสำเร็จแล้วอิจิ…” ฮารุพึมพำ “เราหยุดมันได้แล้วจริงๆ” “ใช่… เราทำสำเร็จแล้ว” อิจิตอบ เขาหยิบผ้ายันต์แห่งความจริงที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเพียงแผ่นผ้าธรรมดาๆ ขึ้นมาดู “ผ้ายันต์แห่งความจริง… มันได้ทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์แล้ว” “แต่… จิตวิญญาณแห่งต้นไม้บอกว่าเราจะต้องเสียสละบางสิ่งบางอย่างไป” ฮารุพูดขึ้น “นายคิดว่ามันหมายถึงอะไร?” อิจิเงียบไปชั่วขณะ เขานึกถึงพลังที่ฮารุใช้ในการผนึก ‘ผู้ตื่น’ พลังที่ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ยิ่งกว่าสิ่งใด “ฉันคิดว่า… เธอคงต้องเสียสละพลังแห่งชีวิตที่อยู่ในตัวเธอไปทั้งหมดแล้วฮารุ” ฮารุเบิกตากว้างเล็กน้อย “นายหมายความว่า… ฉันจะไม่มีพลังวิเศษอีกต่อไปแล้วงั้นเหรอ?” “ใช่… แต่เธอก็ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วฮารุ” อิจิกล่าว “เธอได้ช่วยชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วน… เธอได้ช่วยปกป้องโลกนี้เอาไว้” ฮารุมองไปที่รอยสักผ้ายันต์บนฝ่ามือของเธอ มันดูธรรมดาไปแล้วจริงๆ เธอไม่รู้สึกถึงพลังพิเศษใดๆ อีกต่อไปแล้ว แต่ในใจของเธอ กลับรู้สึกโล่งอกและสงบอย่างประหลาด “ฉันไม่เสียใจเลยอิจิ” ฮารุพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ถ้าการเสียสละพลังของฉันจะสามารถช่วยโลกนี้ไว้ได้… ฉันก็ยินดี” อิจิยิ้มตอบ เขารู้สึกภูมิใจในตัวฮารุมาก เธอได้เติบโตและแข็งแกร่งขึ้นมากจากการเดินทางครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งทางกายภาพ แต่เป็นความแข็งแกร่งทางจิตใจ “แล้วเราจะทำยังไงต่อไป?” ฮารุถาม “เราจะกลับบ้านฮารุ” อิจิตอบ “กลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุข… อย่างที่ควรจะเป็น” พวกเขาเดินลงมาจากยอดเขาไฟอย่างช้าๆ แสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณสาดส่องลงมาอบอุ่นร่างกายของพวกเขา สื่อถึงการเริ่มต้นใหม่ หลังจากที่ต้องเผชิญกับหายนะ อิจิและฮารุได้ทำหน้าที่ของพวกเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว พวกเขาได้ช่วยโลกนี้ไว้ แต่ในความเงียบสงบนั้น อิจิก็ยังคงรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ยังไม่สมบูรณ์… “ฮารุ…” อิจิเรียกชื่อเธอ “เธอจำคำทำนายบนผ้ายันต์ผืนแรกได้ไหม?” ฮารุครุ่นคิดเล็กน้อย “‘เมื่อดวงจันทร์สีเลือดปรากฏ… พันธนาการจะคลายลง… อสูรแห่งหายนะจะตื่นขึ้น… ผู้ถือครองพลังแห่งชีวิต จะเป็นกุญแจ… และผู้กล้าหาญจะถูกทดสอบ…’” เธอท่องจำ “มีอะไรเหรอ?” “มันมีอีกส่วนหนึ่งที่ฉันไม่เคยเข้าใจเลย” อิจิกล่าว “มันบอกว่า ‘และผู้กล้าหาญจะถูกทดสอบ…’ แต่ไม่ได้บอกว่าการทดสอบนั้นคืออะไร” ฮารุหันมามองเขา ดวงตาของเธอฉายแววความสงสัย “นายคิดว่ามันหมายความว่ายังไง?” อิจิเงียบไปชั่วขณะ เขามองไปยังท้องฟ้าที่เริ่มเป็นสีฟ้าสดใส แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาอบอุ่นผิว “ฉันไม่แน่ใจฮารุ… แต่อะไรบางอย่างบอกฉันว่า… การเดินทางของเรายังไม่จบลงแค่นี้” ฮารุพยักหน้าช้าๆ เธอก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างเช่นกัน แม้ ‘ผู้ตื่น’ จะถูกผนึกไว้แล้ว และพลังของเธอก็หายไป แต่ความรู้สึกบางอย่างในใจยังคงบอกว่ายังมีเรื่องราวที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอิจิ…” ฮารุกล่าว “เราจะเผชิญหน้ากับมันไปด้วยกัน” อิจิยิ้มตอบ เขากุมมือของฮารุแน่น และพวกเขาก็ก้าวเดินต่อไป มุ่งหน้ากลับสู่โลกที่พวกเขาได้ปกป้องเอาไว้ แม้ภารกิจใหญ่จะสำเร็จลุล่วงไปแล้ว แต่การผจญภัยครั้งใหม่อาจจะกำลังรอคอยพวกเขาอยู่เบื้องหน้า… การผจญภัยที่ซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม… การผจญภัยที่จะทดสอบความกล้าหาญที่แท้จริงของพวกเขาปดปีผ่านไปนับจากเหตุการณ์บน เกาะแห่งม่านหมอก โลกยังคงสงบสุขภายใต้การดูแลของ อิจิ และ ฮารุ พวกเขายังคงทำหน้าที่ผู้พิทักษ์แห่งสมดุลอย่างเงียบๆ ฮารุในวัย 26 ปี กลายเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาชุมชนให้กับเมืองหลวง เธอใช้ความเข้าใจในธรรมชาติของผู้คนและความผูกพันกับผืนดินในการช่วยฟื้นฟูหมู่บ้านและส่งเสริมการศึกษา อิจิในวัย 30 ปี ยังคงเป็นองครักษ์เงาที่แข็งแกร่งและรอบคอบ แต่บทบาทของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากผู้ปกป้องส่วนตัวของฮารุ เขากลายเป็นผู้ดูแลความมั่นคงของเมือง คอยสืบสวนเหตุการณ์แปลกประหลาดที่อาจคุกคามความสงบสุขของประชาชน ผ้ายันต์แห่งความจริงที่เคยเป็นกุญแจสำคัญในการผจญภัยครั้งก่อนๆ บัดนี้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในหอคอยแห่งปัญญาของเมืองหลวง เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้และความจริงที่ไม่มีวันถูกลืมแม้โลกจะสงบสุข แต่ภายในใจของอิจิกลับมีความรู้สึกบางอย่างค้างคามาตลอด เขาไม่เคยลืมคำพูดของ ‘ผู้ตื่น’ ที่ว่า “ข้าจะกลับมา!” และความรู้สึกของเขาบอกว่าความสงบสุขนี้อาจเป็นเพียงม่านบังตา“อิจิ นายยังคงกังวลเรื่องนั้นอยู่หรือเปล่า?” ฮารุถามในขณะที่พวกเขากำลังเดินเล่นในสวนของวังหลวง แสงจันทร์สาดส่องลงมาต้องใบ
สองปีผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝัน อิจิ และ ฮารุ กลับมาใช้ชีวิตที่เงียบสงบในเมืองหลวงของสยามประเทศ เมืองที่เคยถูกม่านหมอกแห่งการลืมเลือนปกคลุม บัดนี้กลับมาคึกคักและสดใสกว่าเดิม ผู้คนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน แม้บาดแผลจากอดีตจะยังคงอยู่ แต่พวกเขาก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันและสร้างอนาคตที่ดีกว่า ฮารุในวัย 18 ปี เติบโตเป็นหญิงสาวที่งดงามและเปี่ยมด้วยจิตใจที่เมตตา เธอทุ่มเทเวลาให้กับการสอนหนังสือเด็กๆ ในหมู่บ้านที่เคยถูกทำลาย และช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา แม้พลังแห่งชีวิตจะหายไปจนหมดสิ้น แต่จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์และเข้มแข็งของเธอกลับเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม อิจิยังคงเป็นองครักษ์เงาของเธอ คอยปกป้องเธอจากห่างๆ และเฝ้ามองการเติบโตของเธอด้วยความภาคภูมิใจ เขารู้สึกถึงความสงบสุขที่แท้จริงที่เขาไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน“อาจารย์ฮารุ! วันนี้จะเล่านิทานเรื่องอะไรให้ฟังคะ?!” เสียงใสๆ ของเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งดังขึ้น เด็กๆ หลายคนมารวมตัวกันรอบๆ ฮารุ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังฮารุยิ้มอ่อนโยน “วันนี้อาจารย์จะเล่าเรื่องของ ผู้กล
แสงแรกของอรุณรุ่งสาดส่องเข้ามาในศาลเจ้าโบราณที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบของป่า อิจิ และ ฮารุ ยืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ใบหน้าของพวกเขามีร่องรอยความเหนื่อยล้าจากการผจญภัยที่ยาวนาน แต่ดวงตาของทั้งคู่ยังคงฉายแววความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว หลังจากการเดินทางผ่าน เมืองแห่งความทรงจำ และการเผชิญหน้ากับ ‘ผู้พิทักษ์’ ที่ถูกควบคุมโดย ‘ผู้ตื่น’ พวกเขาได้รับรู้ถึงแผนการอันชั่วร้ายของ ‘ผู้ตื่น’ ที่ต้องการจะลบเลือนความทรงจำของมนุษย์เกี่ยวกับอดีตทั้งหมด เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ที่มันคือผู้ปกครองสูงสุด“เราจะทำลาย ‘คำสาปแห่งการลืมเลือน’ ได้ยังไงอิจิ?” ฮารุถาม น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา เธอวางผ้ายันต์แห่งความจริงลงบนฝ่ามือ มันเป็นเพียงแผ่นผ้าเก่าๆ ธรรมดาๆ ไม่มีแสงเรืองรองใดๆ เหลืออยู่แล้วอิจิหยิบผ้ายันต์ขึ้นมาดูอย่างพินิจพิเคราะห์ “ไคบอกว่าพลังของเธอที่เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณแห่งความทรงจำที่แท้จริงคือกุญแจ… และการทำลายคำสาปนี้จะต้องแลกด้วยพลังแห่งชีวิตของเธอทั้งหมด”“ฉันรู้… และฉันก็พร้อมที่จะเสียสละมัน” ฮารุกล่าว ดวงตาของเธอฉายแววแน่วแน่ “ฉันจะไม่ยอมให้ความจริงถูกบิดเบือนไปตลอดก
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือยอดเขาไฟอัคคีแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานยาม ดวงจันทร์สีเลือด โคจรขึ้นมาเต็มดวง แสงสีโลหิตอาบไล้ทิวทัศน์รอบข้างให้ดูน่าขนลุกยิ่งกว่าเดิม เสียงคำรามกึกก้องจากปากปล่องภูเขาไฟดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน ราวกับเสียงหายใจอันหนักหน่วงของอสูรร้ายที่กำลังจะตื่นจากการหลับใหลที่ยาวนานนับพันปี กลิ่นกำมะถันและกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ยิ่งสร้างความกดดันอันหนักอึ้งให้แก่ อิจิ และ ฮารุ ที่กำลังปีนป่ายขึ้นสู่ยอดเขา“อีกนิดเดียวอิจิ! เราจะไปถึงแล้ว!” ฮารุตะโกนบอก เสียงของเธอสั่นเครือจากความเหนื่อยล้าและความหวาดกลัว แต่ดวงตาของเธอยังคงเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ผ้ายันต์แห่งความจริงที่สถิตอยู่ในฝ่ามือของเธอเรืองแสงสีรุ้งอ่อนๆ ตอบรับกับพลังงานมหาศาลของดวงจันทร์สีเลือด“ฉันรู้ฮารุ… ฉันสัมผัสได้ถึงมัน” อิจิตอบ เขาปีนป่ายก้อนหินที่แหลมคมอย่างรวดเร็ว แม้ร่างกายจะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ แต่จิตใจของเขามุ่งมั่นกว่าครั้งไหนๆ ดาบในมือของเขาเปล่งประกายสีเงินจางๆ พร้อมรับมือกับทุกสิ่งลมพายุโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นบนยอดเขา เสียงกรีดร้องโหยหวนคล้ายเสียงวิญญาณดังมาจากปากปล่องภูเขาไฟที่กำลังคุกรุ่น ลาวาสีแดงฉา
สายลมแห่งยามรุ่งอรุณพัดโชยมาปะทะร่าง อิจิ และ ฮารุ ที่ยืนอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ แสงแรกของดวงอาทิตย์สาดส่องลงมายังทิวทัศน์เบื้องหน้า เผยให้เห็นยอดเขาไฟที่สูงเสียดฟ้า มันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าดิบชื้นที่พวกเขาเพิ่งฝ่าฟันออกมา หมอกจางๆ ลอยปกคลุมรอบฐานของภูเขาไฟราวกับผ้าห่มสีขาว กลิ่นกำมะถันจางๆ ลอยมาตามลมเป็นสัญญาณเตือนถึงพลังงานที่ไม่สงบนิ่งที่อยู่ภายใน“นั่นแหละ… ยอดเขาไฟ” ฮารุพึมพำ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล “มันดูน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะอิจิ”อิจิพยักหน้า สีหน้าของเขาเคร่งเครียด “ใช่… พลังงานมืดมิดที่แผ่ออกมาจากที่นั่นมันมหาศาลมาก ‘ผู้ตื่น’ กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาในไม่ช้า”ผ้ายันต์แห่งความจริงที่ผนึกอยู่ในฝ่ามือของฮารุเรืองแสงจางๆ เป็นการยืนยันถึงความรู้สึกของอิจิ พวกเขามีเวลาเพียงสองราตรีเท่านั้นก่อนที่ ดวงจันทร์สีเลือด จะปรากฏขึ้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พันธนาการของ ‘ผู้ตื่น’ จะอ่อนแอที่สุด“เราต้องไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด” อิจิกล่าว “และเราต้องหารหัสลับแห่งบรรพกาลให้เจอด้วย”“รหัสลับนั่น… มันอยู่ที่ไหนกันนะ?” ฮารุถาม “จิตวิญญาณแห่งต้นไม้บอกแค่ว่ามันอยู่ในผืนป่าแห่งนี้
คืนเดือนมืดปกคลุมผืนป่าดิบชื้นทางตอนเหนือของสยามประเทศ แสงจันทร์แทบไม่สามารถส่องผ่านม่านไม้หนาทึบลงมาได้ มีเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องระงม และเสียงลมกระโชกแรงที่พัดกิ่งไม้ใบหญ้าให้เสียดสีกันเป็นระยะ ราวกับเสียงกระซิบกระซาบจากวิญญาณแห่งป่า อิจิและฮารุยังคงก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ร่างกายของอิจิอ่อนล้าจากบาดแผลที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ ส่วนฮารุก็ดูซีดเซียวจากการใช้พลังแห่งชีวิตครั้งล่าสุด แต่ดวงตาของทั้งคู่ยังคงฉายแววความมุ่งมั่นที่จะค้นหาผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่ปรากฏในนิมิตของฮารุ“อากาศที่นี่มันแปลกๆ นะอิจิ” ฮารุพึมพำ น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา “มันเย็นยะเยือกกว่าที่ควรจะเป็น… เหมือนมีบางอย่างกำลังจับจ้องเราอยู่”“ใช่… ฉันก็รู้สึกได้” อิจิตอบ เขากระชับดาบในมือแน่นขึ้น “พลังงานที่นี่ไม่ใช่พลังงานของปีศาจ แต่มันเป็นพลังที่เก่าแก่กว่านั้น… ลึกซึ้งกว่านั้น”ตามนิมิตของฮารุ ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายถูกซ่อนอยู่ใต้ต้นไม้โบราณที่สูงเสียดฟ้าในป่าลึกแห่งนี้ ต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมไปทั่วบริเวณ และมีแสงสีม่วงเข้มเปล่งออกมาจากรากของมัน“เรามาถูกทางแล้วใช่ไหมอิจิ?” ฮารุถาม“ฉันหวังว่าอย่างนั้นฮารุ” อิจ