สองปีผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝัน อิจิ และ ฮารุ กลับมาใช้ชีวิตที่เงียบสงบในเมืองหลวงของสยามประเทศ เมืองที่เคยถูกม่านหมอกแห่งการลืมเลือนปกคลุม บัดนี้กลับมาคึกคักและสดใสกว่าเดิม ผู้คนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน แม้บาดแผลจากอดีตจะยังคงอยู่ แต่พวกเขาก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันและสร้างอนาคตที่ดีกว่า ฮารุในวัย 18 ปี เติบโตเป็นหญิงสาวที่งดงามและเปี่ยมด้วยจิตใจที่เมตตา เธอทุ่มเทเวลาให้กับการสอนหนังสือเด็กๆ ในหมู่บ้านที่เคยถูกทำลาย และช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา แม้พลังแห่งชีวิตจะหายไปจนหมดสิ้น แต่จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์และเข้มแข็งของเธอกลับเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม อิจิยังคงเป็นองครักษ์เงาของเธอ คอยปกป้องเธอจากห่างๆ และเฝ้ามองการเติบโตของเธอด้วยความภาคภูมิใจ เขารู้สึกถึงความสงบสุขที่แท้จริงที่เขาไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน
“อาจารย์ฮารุ! วันนี้จะเล่านิทานเรื่องอะไรให้ฟังคะ?!” เสียงใสๆ ของเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งดังขึ้น เด็กๆ หลายคนมารวมตัวกันรอบๆ ฮารุ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ฮารุยิ้มอ่อนโยน “วันนี้อาจารย์จะเล่าเรื่องของ ผู้กล้าหาญสองคน ที่ออกเดินทางไปปกป้องโลกจากความมืดมิด… การผจญภัยของพวกเขาเต็มไปด้วยอุปสรรค… แต่พวกเขาก็ไม่เคยยอมแพ้” เด็กๆ พากันตั้งใจฟังเรื่องราวของอิจิและฮารุ ที่ฮารุเล่าในแบบนิทานง่ายๆ เธอเล่าถึงผ้ายันต์แห่งความจริง ต้นไม้โบราณ และการต่อสู้กับปีศาจต่างๆ โดยไม่ได้กล่าวถึงชื่อของพวกเขาโดยตรง แต่เด็กๆ ทุกคนก็รู้ดีว่าเธอหมายถึงใคร อิจิยืนฟังอยู่ห่างๆ ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มจางๆ เขาดีใจที่เห็นฮารุมีความสุขและได้ใช้ชีวิตอย่างที่เธอต้องการ เย็นวันนั้น อิจิไปหาฮารุที่บ้านพักของเธอ ฮารุกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ริมหน้าต่าง แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้อง ทำให้เธอดูงดงามราวกับนางฟ้า “วันนี้เด็กๆ คงสนุกน่าดูนะ” อิจิพูดขึ้น เขาเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ เธอ “ใช่… พวกเขาน่ารักมากเลย” ฮารุตอบ เธอเงยหน้าขึ้นมองอิจิ “นายสบายดีนะอิจิ?” “ฉันสบายดี” อิจิตอบ “แล้วเธอเองล่ะ?” “ฉันก็สบายดี” ฮารุยิ้ม “โลกนี้สงบสุขแล้วจริงๆ นะ… บางครั้งฉันก็รู้สึกเหมือนฝันไปเลย” “ใช่… พวกเราทำสำเร็จแล้ว” อิจิกล่าว เขามองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงนวลตาบนท้องฟ้า ทันใดนั้น! ผ้ายันต์แห่งความจริงที่อิจิเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อก็พลันเปล่งประกายแสงสีรุ้งอ่อนๆ ขึ้นมาอีกครั้ง! แสงนั้นไม่ได้สว่างจ้าเหมือนเมื่อก่อน แต่มันเรืองรองอย่างนุ่มนวล ราวกับกำลังส่งสัญญาณบางอย่าง “อะไรกัน?!” ฮารุอุทานด้วยความตกใจ เธอลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาดูผ้ายันต์ในมือของอิจิ “มัน… มันเรืองแสงอีกแล้ว…” อิจิพึมพำ เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานจางๆ ที่แผ่ออกมาจากผ้ายันต์ พลังนั้นแตกต่างจากพลังงานมืดมิดของปีศาจ และก็แตกต่างจากพลังแห่งชีวิตของฮารุ มันเป็นพลังที่เก่าแก่… และลึกลับ “นายรู้สึกได้ถึงอะไรไหมอิจิ?” ฮารุถาม อิจิหลับตาลง เขาพยายามเชื่อมโยงกับพลังงานที่แผ่ออกมาจากผ้ายันต์ ภาพบางอย่างเริ่มฉายเข้ามาในหัวของเขา… มันไม่ใช่ภาพของเหตุการณ์ในอดีต หรือคำทำนายใดๆ แต่มันคือภาพของ สัญลักษณ์โบราณ ที่ไม่คุ้นตา… สัญลักษณ์ที่ดูคล้ายกับกุญแจ… และภาพของสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป… สถานที่ที่เต็มไปด้วยหมอกหนาทึบและเสียงของคลื่นทะเลที่ซัดสาด “ฉันเห็นบางอย่างฮารุ…” อิจิพูดขึ้น “มันเป็นสัญลักษณ์… เหมือนกุญแจ… และฉันเห็นทะเล… มีหมอกหนาทึบ… และมีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในหมอกนั้น” “มันหมายความว่ายังไง?” ฮารุถาม ทันใดนั้นเอง! เสียงกระซิบแผ่วเบาก็ดังก้องอยู่ในโสตประสาทของอิจิและฮารุพร้อมกัน เสียงนั้นคุ้นเคย… มันคือเสียงของจิตวิญญาณแห่งต้นไม้โบราณ และจิตวิญญาณของผู้คุ้มกันที่เคยผนึก ‘ผู้ตื่น’ ไว้ด้วยกัน “การเดินทางของพวกเจ้า… ยังไม่จบสิ้น…” เสียงนั้นกล่าว “ผู้กล้าหาญจะถูกทดสอบ… บทสุดท้ายกำลังจะมาถึง…” “บทสุดท้าย?!” อิจิถาม “ใช่… สิ่งที่ถูกผนึกเอาไว้… ไม่ได้มีเพียง ‘ผู้ตื่น’ เท่านั้น… ยังมีอีกหนึ่งสิ่ง… ที่ถูกซ่อนอยู่เบื้องหลังม่านหมอกแห่งกาลเวลา…” เสียงนั้นอธิบาย “มันคือ… ‘ขุมทรัพย์แห่งบรรพกาล’…” “ขุมทรัพย์แห่งบรรพกาล?” ฮารุพึมพำ “มันคือแหล่งกำเนิดพลังที่แท้จริงของโลกใบนี้… พลังที่สามารถสร้างสรรค์และทำลายได้ทุกสิ่ง… และมันถูกผนึกไว้ในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จัก… เพื่อป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของเหล่าปีศาจ…” เสียงนั้นกล่าว “แต่ตอนนี้… ด้วยการตื่นขึ้นของ ‘ผู้ตื่น’… และการที่พวกเจ้าใช้พลังแห่งความจริง… พลังของขุมทรัพย์แห่งบรรพกาลก็เริ่มตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน…” “แล้วเราต้องทำอะไร?” อิจิถาม “พวกเจ้าต้องตามหาสัญลักษณ์นั้น… สัญลักษณ์แห่งกุญแจ… และเดินทางไปยังสถานที่ที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกแห่งท้องทะเล… ที่นั่นคือสถานที่ที่ ‘ขุมทรัพย์แห่งบรรพกาล’ ถูกซ่อนไว้…” เสียงนั้นกล่าว “และที่นั่น… พวกเจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับ ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’…” “ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์?” ฮารุถาม “ใช่… มันคือผู้ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องขุมทรัพย์แห่งบรรพกาล… ผู้ที่สามารถรับรู้ถึงพลังงานที่บริสุทธิ์และชั่วร้ายได้… ผู้ที่พร้อมจะทดสอบจิตใจของพวกเจ้า… และมันแข็งแกร่งกว่าสิ่งใดๆ ที่พวกเจ้าเคยเจอมาทั้งหมด…” เสียงนั้นเตือน “จงระวัง… เพราะการทดสอบครั้งนี้… อาจจะต้องแลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเจ้ามี…” เสียงของจิตวิญญาณเหล่านั้นค่อยๆ จางหายไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบสงบอีกครั้ง อิจิและฮารุมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน… ความสับสน… ความกังวล… แต่ก็มีความมุ่งมั่นปรากฏอยู่ “ขุมทรัพย์แห่งบรรพกาล… ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์…” ฮารุพึมพำ “ดูเหมือนว่าการผจญภัยของเรายังไม่จบลงจริงๆ” “แต่ทำไมต้องเป็นพวกเรา?” อิจิถาม “เราผนึก ‘ผู้ตื่น’ ได้แล้ว… ทำไมเรายังต้องไปเผชิญหน้ากับเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้อีก?” “บางที… มันอาจจะเป็นเพราะเราคือผู้ที่ได้สัมผัสกับพลังแห่งความจริง” ฮารุกล่าว “เราคือผู้ที่เข้าใจถึงความสำคัญของสมดุล… สมดุลระหว่างแสงสว่างและความมืดมิด” “แล้วเราจะไปหา ‘กุญแจ’ ที่ว่านั่นได้จากไหน?” อิจิถาม ฮารุมองไปที่ผ้ายันต์แห่งความจริงที่ยังคงเรืองแสงจางๆ อยู่ในมือของอิจิ “ผ้ายันต์นี้แหละคือจุดเริ่มต้น… มันคงจะบอกใบ้เราได้” พวกเขาใช้เวลาหลายวันในการศึกษาผ้ายันต์แห่งความจริงอย่างละเอียด พยายามถอดรหัสสัญลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นบนผ้ายันต์ และพยายามเชื่อมโยงกับนิมิตที่อิจิเห็น “ฉันรู้สึกเหมือนมันเกี่ยวข้องกับสถานที่เก่าแก่มากๆ” อิจิกล่าว “สถานที่ที่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา” “แล้วกุญแจนั้นล่ะ? มันคืออะไร?” ฮารุถาม ในคืนหนึ่ง ขณะที่ฮารุกำลังนั่งสมาธิอยู่ริมน้ำตกที่เธอชอบไป ผ้ายันต์แห่งความจริงที่เธอพกติดตัวก็พลันเปล่งประกายแสงสีรุ้งเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้ง แสงนั้นไม่ได้หายไป แต่มันกลับพุ่งตรงไปยังผนังถ้ำที่อยู่เบื้องหน้าน้ำตก บนผนังถ้ำนั้นปรากฏรอยจารึกโบราณที่แต่เดิมไม่มีใครสังเกตเห็นมาก่อน รอยจารึกนั้นมีรูปร่างคล้ายกับสัญลักษณ์ที่อิจิเห็นในนิมิต… สัญลักษณ์แห่งกุญแจ! “เจอแล้ว!” ฮารุร้องขึ้นด้วยความดีใจ เธอรีบเรียกอิจิมาดู อิจิเดินเข้ามาใกล้ เขาพินิจรอยจารึกบนผนังถ้ำอย่างละเอียด “นี่แหละ… สัญลักษณ์แห่งกุญแจ” “มันมีอะไรเขียนอยู่ด้วยนะอิจิ” ฮารุกล่าว เธอชี้ไปที่ตัวอักษรโบราณที่อยู่ข้างๆ สัญลักษณ์ อิจิพยายามอ่านตัวอักษรเหล่านั้น เขารู้สึกเหมือนเคยเห็นภาษาเหล่านี้ที่ไหนสักแห่ง… “มันเป็นภาษาของเผ่าโบราณ… ‘เมื่อน้ำตกแห่งความทรงจำหลั่งไหล… ประตูสู่ความลึกจะเปิดออก… จงค้นหาแสงสว่างที่นำทาง… สู่เกาะแห่งม่านหมอก… ที่ซ่อนของขุมทรัพย์แห่งบรรพกาล…’” “น้ำตกแห่งความทรงจำ?” ฮารุพึมพำ “ก็คือน้ำตกแห่งนี้งั้นเหรอ?” “น่าจะเป็นอย่างนั้น” อิจิตอบ “และ ‘แสงสว่างที่นำทาง’ อาจจะหมายถึงผ้ายันต์แห่งความจริง… มันกำลังนำทางเราไป” พวกเขาตัดสินใจเตรียมตัวออกเดินทางอีกครั้ง สู่การผจญภัยที่ไม่เคยมีใครคาดคิด การผจญภัยที่จะนำพาพวกเขาไปสู่ เกาะแห่งม่านหมอก ที่ซ่อนเร้นอยู่กลางทะเลลึก การเดินทางสู่เกาะแห่งม่านหมอก การเดินทางสู่เกาะแห่งม่านหมอกนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก อิจิและฮารุต้องล่องเรือผ่านมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยพายุคลื่นลมแรง และสัตว์ทะเลประหลาดที่ดุร้าย พวกเขาเผชิญหน้ากับความเหนื่อยล้า ความหวาดกลัว และความไม่แน่นอน แต่พวกเขาก็ไม่เคยยอมแพ้ อิจิใช้ความรู้ในการเดินเรือที่เขาเคยเรียนรู้มา และฮารุใช้สัญชาตญาณที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติในการนำทางเรือฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ “อีกไกลแค่ไหนคะอิจิ?” ฮารุถาม น้ำเสียงของเธอแหบแห้ง เธอต้องช่วยอิจิควบคุมใบเรือมาหลายวันแล้ว “ฉันไม่แน่ใจฮารุ… แต่ฉันรู้สึกได้ว่าเราใกล้ถึงแล้ว” อิจิตอบ เขามองไปยังขอบฟ้าที่เต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ หมอกนั้นดูผิดปกติ มันไม่ได้เป็นเพียงหมอกธรรมดาๆ แต่มันดูเหมือนมีชีวิต… และกำลังเคลื่อนไหว ทันใดนั้นเอง! เสียงคลื่นลมก็พลันสงบลงอย่างกะทันหัน หมอกหนาทึบเริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆ เรือของพวกเขาอย่างรวดเร็ว จนมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความขาวโพลน “นี่แหละ! เกาะแห่งม่านหมอก!” อิจิพูดขึ้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นปนความกังวล เมื่อเรือของพวกเขาแล่นผ่านม่านหมอกหนาทึบเข้าไป พวกเขาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ่าวขนาดใหญ่ที่เงียบสงบ น้ำทะเลที่นี่ใสสะอาดจนมองเห็นพื้นทรายเบื้องล่าง และมีเกาะขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เกาะนั้นปกคลุมไปด้วยป่าดิบชื้นหนาทึบ และมีภูเขาสูงใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางยอดเขาถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกตลอดเวลา “ที่นี่สวยงามมากเลยนะอิจิ” ฮารุพึมพำ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ใช่… แต่มันก็ซ่อนอันตรายบางอย่างไว้ด้วย” อิจิกล่าว เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานที่เก่าแก่และมหาศาลที่แผ่ออกมาจากเกาะแห่งนี้ พลังนั้นแตกต่างจากปีศาจ แต่ก็ทรงอำนาจอย่างน่าประหลาด พวกเขาแล่นเรือเข้าไปใกล้ชายฝั่ง และจอดเรือไว้ที่หาดทรายขาวสะอาดที่ปราศจากร่องรอยของมนุษย์ใดๆ พวกเขาเดินขึ้นฝั่งอย่างระมัดระวัง อากาศบนเกาะเย็นสบายและชื้น กลิ่นหอมของพืชพรรณป่าไม้คละคลุ้งไปทั่ว “เราจะไปที่ไหนกันดีอิจิ?” ฮารุถาม ผ้ายันต์แห่งความจริงในมือของฮารุพลันเปล่งประกายแสงสีรุ้งอ่อนๆ และพุ่งตรงไปยังใจกลางเกาะ ราวกับกำลังนำทางพวกเขาไปสู่จุดหมาย “ทางนั้น!” อิจิพูดขึ้น พวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่าดิบชื้นที่หนาทึบ ต้นไม้ที่นี่สูงใหญ่และเก่าแก่กว่าต้นไม้ใดๆ ที่เคยเห็นมา เถาวัลย์พันเกี่ยวกันหนาแน่นจนแทบมองไม่เห็นแสงตะวัน สัตว์ป่าที่นี่มีรูปร่างแปลกประหลาด และมีเสียงร้องที่ไม่คุ้นเคย “ฉันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังจับจ้องเราอยู่ตลอดเวลา” ฮารุพึมพำ “ฉันก็รู้สึกได้” อิจิตอบ เขากระชับดาบในมือแน่นขึ้น “ระวังตัวให้ดีนะฮารุ” พวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่าเป็นเวลาหลายชั่วโมง จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่แสงสว่างเริ่มเลือนหายไป และหมอกหนาทึบก็เริ่มปกคลุมรอบตัวพวกเขา “นี่แหละ… สถานที่ที่ขุมทรัพย์ถูกซ่อนไว้” อิจิพึมพำ ทันใดนั้น! เสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังก้องมาจากในหมอก และเงาร่างขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้น มันคือร่างของ ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’! ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’ มีรูปร่างคล้ายกับยักษ์ในตำนาน ร่างกายของมันสูงใหญ่ราวกับภูเขา ทำจากหินโบราณที่ปกคลุมด้วยมอสส์และเถาวัลย์ ดวงตาของมันเปล่งประกายสีทองอร่ามราวกับดวงอาทิตย์ และมีออร่าแห่งพลังงานมหาศาลแผ่ออกมาจากร่างของมัน ออร่านั้นบริสุทธิ์แต่ก็ทรงอำนาจจนน่าเกรงขาม “ผู้บุกรุก! เจ้ากล้าดียังไงมาเหยียบย่างในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้!” ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’ คำราม เสียงของมันดังก้องไปทั่วป่า ทำให้ต้นไม้สั่นสะท้าน “เราไม่ได้มาเพื่อทำลาย… เรามาเพื่อปกป้อง!” อิจิคำรามตอบ เขาชักดาบขึ้นพร้อมรบ “ปกป้องงั้นรึ? เจ้ามนุษย์! พลังของเจ้าต่ำต้อยนัก! เจ้าจะเอาอะไรมาปกป้องขุมทรัพย์แห่งบรรพกาลได้?!” ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’ หัวเราะเยาะเย้ย เสียงหัวเราะของมันดังกึกก้อง “เราจะแสดงให้เห็นเองว่าพลังแห่งความจริงนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน!” ฮารุกล่าว น้ำเสียงของเธอเด็ดเดี่ยว แม้จะไม่มีพลังวิเศษแล้ว แต่จิตใจของเธอกลับเข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม “เช่นนั้นจงพิสูจน์ให้ข้าเห็น! จงพิสูจน์ว่าพวกเจ้าคู่ควรกับพลังของขุมทรัพย์แห่งบรรพกาลหรือไม่!” ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’ คำราม มันยกมือขนาดมหึมาขึ้น เตรียมจะฟาดฟันเข้าใส่พวกเขา การทดสอบครั้งสุดท้าย อิจิพุ่งเข้าใส่ ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’ อย่างรวดเร็ว ดาบของเขาฟาดฟันเข้าใส่ร่างของยักษ์หินอย่างไม่ยั้ง แต่คมดาบของเขากลับไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆ ให้กับมันได้เลย “มันแข็งแกร่งมากฮารุ! ดาบของฉันทำอะไรมันไม่ได้เลย!” อิจิร้องบอก “ข้าคือผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์! ร่างกายของข้าสร้างจากหินโบราณที่ไม่มีวันทำลายได้!” ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’ คำราม มันพยายามจะใช้เท้าขนาดมหึมาเหยียบอิจิ อิจิหลบหลีกการโจมตีของมันอย่างหวุดหวิด เขาพยายามมองหาจุดอ่อนของมัน แต่ก็ไม่พบสิ่งใดเลย “เราจะทำยังไงดีอิจิ?!” ฮารุถาม ทันใดนั้น! ผ้ายันต์แห่งความจริงในมือของฮารุก็พลันเปล่งประกายแสงสีรุ้งเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้ง! แสงนั้นไม่ได้หายไป แต่มันกลับพุ่งตรงไปยังดวงตาของ ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’ “แสงแห่งความจริง! จงเปิดเผยตัว!” ฮารุร่ายคาถา เธอไม่รู้ว่าเธอทำอะไรลงไป แต่เธอรู้สึกว่าเธอต้องทำ แสงสีรุ้งจากผ้ายันต์พุ่งเข้าสู่ดวงตาของ ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’ และทันใดนั้นเอง! ร่างกายของยักษ์หินก็พลันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ดวงตาของมันไม่ได้เปล่งประกายสีทองอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ และภาพบางอย่างก็ฉายเข้ามาในหัวของฮารุ… ภาพของอดีต… ภาพของ ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’ ที่เคยเป็นมนุษย์… ภาพของความทรงจำที่เจ็บปวด “ฉันเห็นแล้ว! จุดอ่อนของมัน!” ฮารุร้องขึ้น “มันไม่ใช่ร่างกายของมัน… แต่เป็นจิตใจของมัน! ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’ ไม่ได้มีหน้าที่ทำลายล้าง… แต่มีหน้าที่ทดสอบจิตใจ! มันถูกสร้างขึ้นเพื่อทดสอบผู้ที่ต้องการเข้าถึงขุมทรัพย์แห่งบรรพกาล!” “แล้วเราต้องทำอะไร?!” อิจิถาม “เราต้องแสดงให้มันเห็นว่าเราคู่ควรกับพลังของขุมทรัพย์แห่งบรรพกาล!” ฮารุกล่าว “เราต้องแสดงให้มันเห็นว่าเราพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความจริง… และเราจะไม่ยอมให้ความมืดมิดครอบงำจิตใจของเรา!” ฮารุเดินเข้าไปใกล้ ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’ ที่กำลังยืนนิ่งงัน ดวงตาของมันเต็มไปด้วยแสงสีขาวบริสุทธิ์ เธอวางผ้ายันต์แห่งความจริงลงบนฝ่ามือของมัน และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่เปี่ยมด้วยความจริงใจ “เรามาที่นี่… ไม่ได้มาเพื่อครอบครองพลังของขุมทรัพย์แห่งบรรพกาล… แต่เรามาเพื่อปกป้องมัน… เรามาเพื่อปกป้องสมดุลของโลกใบนี้… เรามาเพื่อปกป้องความจริง” ทันใดนั้น! แสงสีรุ้งจากผ้ายันต์แห่งความจริงก็พลันสว่างจ้าขึ้นอีกครั้ง! แสงนั้นพุ่งตรงเข้าไปในร่างของ ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’ แสงนั้นไม่ได้ทำลายล้าง แต่มันกลับปลดปล่อยพลังงานที่ถูกสะสมไว้ในตัวของมัน… พลังงานที่บริสุทธิ์และเก่าแก่… พลังงานของขุมทรัพย์แห่งบรรพกาล! “เจ้า… เจ้าคู่ควรแล้ว… ผู้กล้าแห่งแสงสว่าง…” เสียงของ ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’ ดังก้องขึ้น เสียงนั้นไม่ได้ดุดันเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “เจ้าได้ผ่านการทดสอบแล้ว… จงเข้าถึงขุมทรัพย์แห่งบรรพกาล… และจงใช้พลังของมัน… เพื่อปกป้องโลกใบนี้สืบไป…” ร่างของ ‘ผู้พิทักษ์แห่งขุมทรัพย์’ ค่อยๆ สลายกลายเป็นละอองแสงสีทองปลิวหายไปในอากาศ เหลือไว้เพียงแสงสว่างเจิดจ้าที่พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน และแสงนั้นก็เปิดเผยทางเข้าสู่ถ้ำขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นดิน “นี่แหละ… ขุมทรัพย์แห่งบรรพกาล” อิจิพึมพำ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ พวกเขาเดินเข้าไปในถ้ำอย่างช้าๆ ภายในถ้ำนั้นเต็มไปด้วยแสงสว่างเรืองรองที่อบอุ่นและบริสุทธิ์ กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพรรณคละคลุ้งไปทั่ว และที่ใจกลางถ้ำนั้น มี แหล่งกำเนิดพลังงานบริสุทธิ์ ที่เปล่งประกายแสงสีทองอร่าม มันเป็นพลังงานที่มหาศาลจนแทบไม่อาจจินตนาการได้ พลังที่สามารถสร้างสรรค์และทำลายได้ทุกสิ่ง “นี่แหละ… พลังที่แท้จริงของโลกใบนี้” ฮารุพึมพำ เธอรู้สึกถึงความสงบและความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากแหล่งพลังงานนั้น “แล้วเราจะทำยังไงกับมัน?” อิจิถาม ทันใดนั้น! เสียงของจิตวิญญาณแห่งต้นไม้โบราณและจิตวิญญาณของผู้คุ้มกันก็ดังก้องขึ้นในหัวของพวกเขาพร้อมกัน “พวกเจ้าไม่ต้องทำอะไรกับมัน… เพียงแค่จงเฝ้ารักษาสมดุลของมันไว้… จงปกป้องมันจากการถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด… และจงใช้พลังของมัน… เพื่อรักษาความสงบสุขของโลกใบนี้…” เสียงนั้นกล่าว “พลังแห่งความจริง… จะยังคงอยู่กับพวกเจ้า… ตราบเท่าที่พวกเจ้ายังคงยึดมั่นในความดีงาม…” ผ้ายันต์แห่งความจริงในมือของฮารุพลันเปล่งประกายแสงสีรุ้งเจิดจ้าขึ้นอีกครั้ง แสงนั้นไม่ได้หายไป แต่มันกลับผสานรวมเข้ากับแหล่งกำเนิดพลังงานบริสุทธิ์ในถ้ำ ทำให้แหล่งพลังงานนั้นสว่างจ้าขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า “ฉันรู้สึกเหมือน… พลังของฉันกลับมาแล้ว…” ฮารุพึมพำ “แต่ไม่ใช่พลังวิเศษ… มันคือความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้… ความรู้สึกที่เข้าใจถึงสมดุลของธรรมชาติ” อิจิยิ้ม เขารู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งและบริสุทธิ์ที่แผ่ออกมาจากฮารุ พลังที่ยิ่งใหญ่กว่าพลังวิเศษใดๆ “เรากลับบ้านกันเถอะฮารุ” อิจิกล่าว “และเราจะใช้ชีวิตของเรา… เพื่อปกป้องโลกใบนี้ต่อไป” ฮารุพยักหน้า เธอหันไปมองแหล่งกำเนิดพลังงานบริสุทธิ์ที่เปล่งประกายอยู่ในถ้ำ และเธอก็รู้ว่าการผจญภัยของพวกเขาได้จบลงแล้ว… แต่การเดินทางของพวกเขาในฐานะผู้พิทักษ์แห่งความจริงนั้นเพิ่งเริ่มต้นขึ้นต่างหาก พวกเขากลับสู่เรือและแล่นออกจากเกาะแห่งม่านหมอก ทิ้งไว้เพียงความเงียบสงบและแหล่งพลังงานบริสุทธิ์ที่ถูกปกป้องไว้เบื้องหลัง บทสรุปแห่งการเริ่มต้น สองปีต่อมา เมืองหลวงของสยามประเทศกลับมาเจริญรุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้คนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและจดจำเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน ความทรงจำที่ถูกบันทึกไว้ในจิตใจของทุกคนคือบทเรียนอันล้ำค่าที่ทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้น ฮารุใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในฐานะอาจารย์ เธอสอนหนังสือเด็กๆ และเล่าเรื่องราวการผจญภัยของเธอให้พวกเขาฟังในรูปแบบนิทาน เพื่อปลูกฝังคุณธรรม ความกล้าหาญ และความจริงในจิตใจของพวกเขา อิจิยังคงเป็นองครักษ์เงาของเธอ คอยปกป้องเธอจากห่างๆ และบางครั้งก็ร่วมเดินทางไปกับเธอเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่ พวกเขาได้กลายเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่… ตำนานของผู้กล้าหาญสองคนที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อความมืดมิด ในค่ำคืนหนึ่ง ฮารุกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้แสงจันทร์เต็มดวง อิจิเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับชาอุ่นๆ สองถ้วย “วันนี้เด็กๆ ดูมีความสุขมากเลยนะ” อิจิพูดขึ้น เขายื่นชาให้เธอถ้วยหนึ่ง “ใช่… ฉันรู้สึกดีใจที่ได้เห็นพวกเขามีรอยยิ้ม” ฮารุตอบ เธอยกชาขึ้นจิบ “เธอไม่คิดถึงพลังวิเศษของเธอเลยเหรอฮารุ?” อิจิถาม ฮารุยิ้ม “ไม่เลยอิจิ… ฉันได้เรียนรู้ว่าพลังที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่พลังวิเศษ แต่มันอยู่ที่จิตใจที่เข้มแข็ง… ความเมตตา… และความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับความจริง” “ใช่… เธอพูดถูก” อิจิพยักหน้า “แล้วนายล่ะอิจิ… นายยังรู้สึกถึงคำทำนายที่ว่า ‘ผู้กล้าหาญจะถูกทดสอบ’ อยู่ไหม?” ฮารุถาม อิจิมองไปยังดวงจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้า “ฉันคิดว่า… การทดสอบนั้นอาจจะไม่มีวันจบสิ้นฮารุ… โลกใบนี้ยังคงมีทั้งแสงสว่างและความมืดมิด… และเราก็ต้องคอยดูแลสมดุลนั้นต่อไป” ฮารุพยักหน้าช้าๆ เธอวางมือลงบนผ้ายันต์แห่งความจริงที่เธอพกติดตัวอยู่เสมอ แม้จะไม่ได้เปล่งประกายแล้ว แต่มันก็เป็นสัญลักษณ์ของความทรงจำและการเดินทางของพวกเขา “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอิจิ…” ฮารุกล่าว “เราจะเผชิญหน้ากับมันไปด้วยกัน” อิจิยิ้มตอบ เขากุมมือของฮารุแน่น ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่าง ความเงียบสงบปกคลุมไปทั่วบริเวณ บทเพลงแห่งการเริ่มต้นใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว… บทเพลงที่ขับขานถึงความกล้าหาญ การเสียสละ และความจริง ที่จะคงอยู่ตลอดไปในใจของผู้คนทุกคนปดปีผ่านไปนับจากเหตุการณ์บน เกาะแห่งม่านหมอก โลกยังคงสงบสุขภายใต้การดูแลของ อิจิ และ ฮารุ พวกเขายังคงทำหน้าที่ผู้พิทักษ์แห่งสมดุลอย่างเงียบๆ ฮารุในวัย 26 ปี กลายเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาชุมชนให้กับเมืองหลวง เธอใช้ความเข้าใจในธรรมชาติของผู้คนและความผูกพันกับผืนดินในการช่วยฟื้นฟูหมู่บ้านและส่งเสริมการศึกษา อิจิในวัย 30 ปี ยังคงเป็นองครักษ์เงาที่แข็งแกร่งและรอบคอบ แต่บทบาทของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากผู้ปกป้องส่วนตัวของฮารุ เขากลายเป็นผู้ดูแลความมั่นคงของเมือง คอยสืบสวนเหตุการณ์แปลกประหลาดที่อาจคุกคามความสงบสุขของประชาชน ผ้ายันต์แห่งความจริงที่เคยเป็นกุญแจสำคัญในการผจญภัยครั้งก่อนๆ บัดนี้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในหอคอยแห่งปัญญาของเมืองหลวง เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้และความจริงที่ไม่มีวันถูกลืมแม้โลกจะสงบสุข แต่ภายในใจของอิจิกลับมีความรู้สึกบางอย่างค้างคามาตลอด เขาไม่เคยลืมคำพูดของ ‘ผู้ตื่น’ ที่ว่า “ข้าจะกลับมา!” และความรู้สึกของเขาบอกว่าความสงบสุขนี้อาจเป็นเพียงม่านบังตา“อิจิ นายยังคงกังวลเรื่องนั้นอยู่หรือเปล่า?” ฮารุถามในขณะที่พวกเขากำลังเดินเล่นในสวนของวังหลวง แสงจันทร์สาดส่องลงมาต้องใบ
สองปีผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝัน อิจิ และ ฮารุ กลับมาใช้ชีวิตที่เงียบสงบในเมืองหลวงของสยามประเทศ เมืองที่เคยถูกม่านหมอกแห่งการลืมเลือนปกคลุม บัดนี้กลับมาคึกคักและสดใสกว่าเดิม ผู้คนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน แม้บาดแผลจากอดีตจะยังคงอยู่ แต่พวกเขาก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันและสร้างอนาคตที่ดีกว่า ฮารุในวัย 18 ปี เติบโตเป็นหญิงสาวที่งดงามและเปี่ยมด้วยจิตใจที่เมตตา เธอทุ่มเทเวลาให้กับการสอนหนังสือเด็กๆ ในหมู่บ้านที่เคยถูกทำลาย และช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา แม้พลังแห่งชีวิตจะหายไปจนหมดสิ้น แต่จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์และเข้มแข็งของเธอกลับเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม อิจิยังคงเป็นองครักษ์เงาของเธอ คอยปกป้องเธอจากห่างๆ และเฝ้ามองการเติบโตของเธอด้วยความภาคภูมิใจ เขารู้สึกถึงความสงบสุขที่แท้จริงที่เขาไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน“อาจารย์ฮารุ! วันนี้จะเล่านิทานเรื่องอะไรให้ฟังคะ?!” เสียงใสๆ ของเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งดังขึ้น เด็กๆ หลายคนมารวมตัวกันรอบๆ ฮารุ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังฮารุยิ้มอ่อนโยน “วันนี้อาจารย์จะเล่าเรื่องของ ผู้กล
แสงแรกของอรุณรุ่งสาดส่องเข้ามาในศาลเจ้าโบราณที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบของป่า อิจิ และ ฮารุ ยืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ใบหน้าของพวกเขามีร่องรอยความเหนื่อยล้าจากการผจญภัยที่ยาวนาน แต่ดวงตาของทั้งคู่ยังคงฉายแววความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว หลังจากการเดินทางผ่าน เมืองแห่งความทรงจำ และการเผชิญหน้ากับ ‘ผู้พิทักษ์’ ที่ถูกควบคุมโดย ‘ผู้ตื่น’ พวกเขาได้รับรู้ถึงแผนการอันชั่วร้ายของ ‘ผู้ตื่น’ ที่ต้องการจะลบเลือนความทรงจำของมนุษย์เกี่ยวกับอดีตทั้งหมด เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ที่มันคือผู้ปกครองสูงสุด“เราจะทำลาย ‘คำสาปแห่งการลืมเลือน’ ได้ยังไงอิจิ?” ฮารุถาม น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา เธอวางผ้ายันต์แห่งความจริงลงบนฝ่ามือ มันเป็นเพียงแผ่นผ้าเก่าๆ ธรรมดาๆ ไม่มีแสงเรืองรองใดๆ เหลืออยู่แล้วอิจิหยิบผ้ายันต์ขึ้นมาดูอย่างพินิจพิเคราะห์ “ไคบอกว่าพลังของเธอที่เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณแห่งความทรงจำที่แท้จริงคือกุญแจ… และการทำลายคำสาปนี้จะต้องแลกด้วยพลังแห่งชีวิตของเธอทั้งหมด”“ฉันรู้… และฉันก็พร้อมที่จะเสียสละมัน” ฮารุกล่าว ดวงตาของเธอฉายแววแน่วแน่ “ฉันจะไม่ยอมให้ความจริงถูกบิดเบือนไปตลอดก
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือยอดเขาไฟอัคคีแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานยาม ดวงจันทร์สีเลือด โคจรขึ้นมาเต็มดวง แสงสีโลหิตอาบไล้ทิวทัศน์รอบข้างให้ดูน่าขนลุกยิ่งกว่าเดิม เสียงคำรามกึกก้องจากปากปล่องภูเขาไฟดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน ราวกับเสียงหายใจอันหนักหน่วงของอสูรร้ายที่กำลังจะตื่นจากการหลับใหลที่ยาวนานนับพันปี กลิ่นกำมะถันและกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ยิ่งสร้างความกดดันอันหนักอึ้งให้แก่ อิจิ และ ฮารุ ที่กำลังปีนป่ายขึ้นสู่ยอดเขา“อีกนิดเดียวอิจิ! เราจะไปถึงแล้ว!” ฮารุตะโกนบอก เสียงของเธอสั่นเครือจากความเหนื่อยล้าและความหวาดกลัว แต่ดวงตาของเธอยังคงเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ผ้ายันต์แห่งความจริงที่สถิตอยู่ในฝ่ามือของเธอเรืองแสงสีรุ้งอ่อนๆ ตอบรับกับพลังงานมหาศาลของดวงจันทร์สีเลือด“ฉันรู้ฮารุ… ฉันสัมผัสได้ถึงมัน” อิจิตอบ เขาปีนป่ายก้อนหินที่แหลมคมอย่างรวดเร็ว แม้ร่างกายจะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ แต่จิตใจของเขามุ่งมั่นกว่าครั้งไหนๆ ดาบในมือของเขาเปล่งประกายสีเงินจางๆ พร้อมรับมือกับทุกสิ่งลมพายุโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นบนยอดเขา เสียงกรีดร้องโหยหวนคล้ายเสียงวิญญาณดังมาจากปากปล่องภูเขาไฟที่กำลังคุกรุ่น ลาวาสีแดงฉา
สายลมแห่งยามรุ่งอรุณพัดโชยมาปะทะร่าง อิจิ และ ฮารุ ที่ยืนอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ แสงแรกของดวงอาทิตย์สาดส่องลงมายังทิวทัศน์เบื้องหน้า เผยให้เห็นยอดเขาไฟที่สูงเสียดฟ้า มันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าดิบชื้นที่พวกเขาเพิ่งฝ่าฟันออกมา หมอกจางๆ ลอยปกคลุมรอบฐานของภูเขาไฟราวกับผ้าห่มสีขาว กลิ่นกำมะถันจางๆ ลอยมาตามลมเป็นสัญญาณเตือนถึงพลังงานที่ไม่สงบนิ่งที่อยู่ภายใน“นั่นแหละ… ยอดเขาไฟ” ฮารุพึมพำ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล “มันดูน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะอิจิ”อิจิพยักหน้า สีหน้าของเขาเคร่งเครียด “ใช่… พลังงานมืดมิดที่แผ่ออกมาจากที่นั่นมันมหาศาลมาก ‘ผู้ตื่น’ กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาในไม่ช้า”ผ้ายันต์แห่งความจริงที่ผนึกอยู่ในฝ่ามือของฮารุเรืองแสงจางๆ เป็นการยืนยันถึงความรู้สึกของอิจิ พวกเขามีเวลาเพียงสองราตรีเท่านั้นก่อนที่ ดวงจันทร์สีเลือด จะปรากฏขึ้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พันธนาการของ ‘ผู้ตื่น’ จะอ่อนแอที่สุด“เราต้องไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด” อิจิกล่าว “และเราต้องหารหัสลับแห่งบรรพกาลให้เจอด้วย”“รหัสลับนั่น… มันอยู่ที่ไหนกันนะ?” ฮารุถาม “จิตวิญญาณแห่งต้นไม้บอกแค่ว่ามันอยู่ในผืนป่าแห่งนี้
คืนเดือนมืดปกคลุมผืนป่าดิบชื้นทางตอนเหนือของสยามประเทศ แสงจันทร์แทบไม่สามารถส่องผ่านม่านไม้หนาทึบลงมาได้ มีเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องระงม และเสียงลมกระโชกแรงที่พัดกิ่งไม้ใบหญ้าให้เสียดสีกันเป็นระยะ ราวกับเสียงกระซิบกระซาบจากวิญญาณแห่งป่า อิจิและฮารุยังคงก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ร่างกายของอิจิอ่อนล้าจากบาดแผลที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ ส่วนฮารุก็ดูซีดเซียวจากการใช้พลังแห่งชีวิตครั้งล่าสุด แต่ดวงตาของทั้งคู่ยังคงฉายแววความมุ่งมั่นที่จะค้นหาผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่ปรากฏในนิมิตของฮารุ“อากาศที่นี่มันแปลกๆ นะอิจิ” ฮารุพึมพำ น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา “มันเย็นยะเยือกกว่าที่ควรจะเป็น… เหมือนมีบางอย่างกำลังจับจ้องเราอยู่”“ใช่… ฉันก็รู้สึกได้” อิจิตอบ เขากระชับดาบในมือแน่นขึ้น “พลังงานที่นี่ไม่ใช่พลังงานของปีศาจ แต่มันเป็นพลังที่เก่าแก่กว่านั้น… ลึกซึ้งกว่านั้น”ตามนิมิตของฮารุ ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายถูกซ่อนอยู่ใต้ต้นไม้โบราณที่สูงเสียดฟ้าในป่าลึกแห่งนี้ ต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมไปทั่วบริเวณ และมีแสงสีม่วงเข้มเปล่งออกมาจากรากของมัน“เรามาถูกทางแล้วใช่ไหมอิจิ?” ฮารุถาม“ฉันหวังว่าอย่างนั้นฮารุ” อิจ