สายลมแห่งยามรุ่งอรุณพัดโชยมาปะทะร่าง อิจิ และ ฮารุ ที่ยืนอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ แสงแรกของดวงอาทิตย์สาดส่องลงมายังทิวทัศน์เบื้องหน้า เผยให้เห็นยอดเขาไฟที่สูงเสียดฟ้า มันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าดิบชื้นที่พวกเขาเพิ่งฝ่าฟันออกมา หมอกจางๆ ลอยปกคลุมรอบฐานของภูเขาไฟราวกับผ้าห่มสีขาว กลิ่นกำมะถันจางๆ ลอยมาตามลมเป็นสัญญาณเตือนถึงพลังงานที่ไม่สงบนิ่งที่อยู่ภายใน
“นั่นแหละ… ยอดเขาไฟ” ฮารุพึมพำ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล “มันดูน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะอิจิ” อิจิพยักหน้า สีหน้าของเขาเคร่งเครียด “ใช่… พลังงานมืดมิดที่แผ่ออกมาจากที่นั่นมันมหาศาลมาก ‘ผู้ตื่น’ กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาในไม่ช้า” ผ้ายันต์แห่งความจริงที่ผนึกอยู่ในฝ่ามือของฮารุเรืองแสงจางๆ เป็นการยืนยันถึงความรู้สึกของอิจิ พวกเขามีเวลาเพียงสองราตรีเท่านั้นก่อนที่ ดวงจันทร์สีเลือด จะปรากฏขึ้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พันธนาการของ ‘ผู้ตื่น’ จะอ่อนแอที่สุด “เราต้องไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด” อิจิกล่าว “และเราต้องหารหัสลับแห่งบรรพกาลให้เจอด้วย” “รหัสลับนั่น… มันอยู่ที่ไหนกันนะ?” ฮารุถาม “จิตวิญญาณแห่งต้นไม้บอกแค่ว่ามันอยู่ในผืนป่าแห่งนี้ แต่ไม่ได้บอกตำแหน่งที่ชัดเจนเลย” “บางที… ผ้ายันต์อาจจะบอกเราได้” อิจิเสนอ เขากุมมือของฮารุเบาๆ รอยสักผ้ายันต์บนฝ่ามือของเธอเรืองแสงตอบสนองต่อการสัมผัส “ลองหลับตาแล้วเชื่อมโยงกับพลังของผ้ายันต์ดูสิฮารุ” อิจิแนะนำ “บางทีมันอาจจะเผยอะไรบางอย่างให้เธอเห็น” ฮารุพยักหน้า เธอหลับตาลงและรวบรวมสมาธิ พลังแห่งชีวิตที่เพิ่งฟื้นตัวมาเล็กน้อยไหลเวียนเข้าสู่ผ้ายันต์ในฝ่ามือของเธอ ภาพบางอย่างเริ่มฉายเข้ามาในหัวของเธอ… ภาพของหินแกะสลักโบราณที่ซ่อนอยู่ใต้เถาวัลย์ ภาพของลำธารเล็กๆ ที่ไหลผ่านก้อนหินที่มีรอยจารึก และภาพของรูปปั้นสัตว์ในตำนานที่ดวงตาเปล่งประกาย “ฉันเห็นบางอย่าง…” ฮารุพึมพำ “มันเป็นรอยจารึกบนก้อนหิน… แล้วก็มีรูปปั้นสัตว์… เหมือนเสือ… แต่มันมีปีก” “เสือมีปีกงั้นหรือ?” อิจิขมวดคิ้ว “นั่นอาจจะเป็นสัตว์ในตำนานโบราณที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์” “แล้วรอยจารึกนั่นล่ะ เธออ่านมันได้ไหม?” อิจิถาม ฮารุพยายามเพ่งสมาธิไปที่ภาพนั้นอีกครั้ง “มันเป็นภาษาเก่าแก่มาก… แต่ฉันรู้สึกเหมือนอ่านออก… ‘เมื่อแสงแรกจับยอดหิน… เสียงคำรามจะปลุกรหัส…’” “ยอดหิน… เสียงคำราม…” อิจิครุ่นคิด “ดูเหมือนว่าเราจะต้องไปที่เนินเขาใกล้ๆ เพื่อหารอยจารึกนั้น” พวกเขาออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังป่าที่อยู่บริเวณเชิงเขาไฟ การฟื้นฟูบาดแผลของอิจิด้วยพลังของฮารุทำให้เขาเคลื่อนไหวได้คล่องตัวขึ้นมาก แม้จะยังไม่เต็มร้อย แต่ก็ดีกว่าเมื่อคืนมาก ฮารุเองก็รู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อยจากการได้เชื่อมโยงกับพลังของผ้ายันต์ ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงบริเวณที่ฮารุเห็นในนิมิต มันเป็นเนินเขาเล็กๆ ที่มีก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดหินนั้นมีรอยจารึกที่สึกกร่อนไปตามกาลเวลา ปกคลุมไปด้วยมอสส์และเถาวัลย์หนาแน่น “เจอแล้ว!” ฮารุพูดขึ้นด้วยความดีใจ เธอรีบเดินเข้าไปใกล้ก้อนหิน อิจิพยายามมองหารูปปั้นเสือมีปีก แต่ก็ไม่พบสิ่งใด “แล้วเสือมีปีกนั่นล่ะฮารุ? มันอยู่ที่ไหน?” ฮารุเดินวนรอบก้อนหิน เธอใช้มือปัดป่ายเถาวัลย์และมอสส์ออกอย่างระมัดระวัง และในที่สุดเธอก็พบกับสิ่งที่ตามหา… มันคือรูปปั้นเสือมีปีกขนาดเล็กที่ถูกซ่อนอยู่ใต้เถาวัลย์หนาแน่น ดวงตาของมันทำจากอัญมณีสีแดงทับทิม แต่ไม่ได้เปล่งประกายใดๆ “เจอแล้วอิจิ! นี่ไงเสือมีปีก!” ฮารุพูดขึ้น “เมื่อแสงแรกจับยอดหิน… เสียงคำรามจะปลุกรหัส…” อิจิท่องบทจารึกที่ฮารุอ่านได้ “แสงแรก… ดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้น และแสงก็สาดส่องมาที่ยอดหินนี้แล้ว” “แล้วเสียงคำรามล่ะ?” ฮารุถาม ทันใดนั้นเอง! พื้นดินรอบๆ พวกเขาก็พลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงคำรามกึกก้องที่มาจากยอดเขาไฟดังก้องไปทั่วป่า เสียงนั้นไม่ได้มาจากปีศาจ แต่เป็นเสียงที่คุ้นเคย… เสียงของ ‘ผู้ตื่น’ ที่กำลังจะถูกปลดปล่อย! “โครมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!” เสียงคำรามนั้นรุนแรงจนทำให้รูปปั้นเสือมีปีกในมือของฮารุสั่นสะท้าน และทันใดนั้นเอง! ดวงตาของรูปปั้นเสือมีปีกก็พลันเปล่งประกายสีแดงก่ำเจิดจ้า! แสงนั้นพุ่งตรงไปยังรอยจารึกบนก้อนหินขนาดใหญ่ และรอยจารึกนั้นก็เริ่มเรืองแสงสีทองอร่าม “รหัสกำลังจะปรากฏแล้ว!” อิจิพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น รอยจารึกบนก้อนหินค่อยๆ เผยให้เห็นตัวอักษรโบราณที่สลับซับซ้อน ตัวอักษรเหล่านั้นเคลื่อนไหวและเรียงตัวกันเป็นวลีที่ฮารุอ่านออกได้ทันที “‘พลังแห่งชีวิต… ความบริสุทธิ์คือแก่นแท้… สังเคราะห์แสงแห่งจิตวิญญาณ… จงรวมเป็นหนึ่ง… กับผู้ปกป้องแห่งบรรพกาล…’” ฮารุอ่านออกเสียง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสับสน “มันหมายความว่ายังไงนะอิจิ?” “พลังแห่งชีวิต… ก็คือพลังของเธอ” อิจิพึมพำ “ความบริสุทธิ์คือแก่นแท้… หมายถึงจิตใจของเธอ… แต่สังเคราะห์แสงแห่งจิตวิญญาณ… และรวมเป็นหนึ่งกับผู้ปกป้องแห่งบรรพกาล… นั่นหมายถึงอะไร?” ขณะที่พวกเขากำลังครุ่นคิดหาความหมายของรหัสลับ ทันใดนั้นเอง! แผ่นดินก็พลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงกว่าเดิม เสียงคำรามจากยอดเขาไฟดังกึกก้องติดต่อกันไม่ขาดสาย และควันสีดำทะมึนก็พวยพุ่งขึ้นมาจากปากปล่องภูเขาไฟอย่างรุนแรง “ไม่นะ! มันกำลังจะมาแล้ว!” อิจิพูดขึ้น “ระวัง! ผู้บุกรุกแห่งแสงสว่าง!” เสียงคำรามกึกก้องดังก้องไปทั่วป่า ไม่ใช่เสียงของ ‘ผู้ตื่น’ แต่เป็นเสียงที่คุ้นเคย… เสียงของ เงาปีศาจ! ทันใดนั้นเอง! เงาปีศาจขนาดยักษ์สามตัวก็พุ่งทะลุม่านหมอกออกมาจากป่าลึก พวกมันคือปีศาจตัวเดียวกับที่พวกเขาเคยเผชิญหน้าในวิหารกลางทะเลทราย พวกมันมีรูปร่างคล้ายสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ ลำตัวเต็มไปด้วยเกล็ดหินสีดำสนิท ดวงตาเรืองแสงสีแดงก่ำราวกับถ่านเพลิง ออร่าสีดำมืดแผ่ออกมาจากร่างของพวกมันจนอากาศรอบข้างหนาวเย็นยะเยือก “พวกมันตามเรามาถึงที่นี่ได้ยังไง?!” ฮารุอุทานด้วยความตกใจ “พวกมันคงรู้สึกถึงพลังของผ้ายันต์… และคงรู้ว่าเรากำลังตามหารหัสลับ” อิจิตอบ เขาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ ดาบของเขาเปล่งประกายสีเงินจางๆ “ส่งผ้ายันต์แห่งความจริงมาให้ข้า! แล้วพวกเจ้าจะมีชีวิตรอด!” เงาปีศาจตัวหนึ่งคำราม มันพุ่งเข้าใส่พวกเขาด้วยความเร็วเหนือแสง “ไม่มีทาง!” อิจิคำรามตอบ เขาพุ่งเข้าปะทะกับเงาปีศาจอย่างไม่ลังเล ดาบของเขาฟาดฟันเข้าใส่ร่างของปีศาจอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เสียงโลหะเสียดสีกันดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ อิจิใช้ความคล่องตัวและเทคนิคการใช้ดาบในการหลบหลีกและสวนกลับ แต่เงาปีศาจทั้งสามตัวก็แข็งแกร่งและรวดเร็วเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้เพียงลำพัง “เจ้ามนุษย์ต่ำต้อย! เจ้าไม่สามารถต่อสู้กับเราได้ถึงสามตัวหรอก!” เงาปีศาจตัวหนึ่งคำราม มันใช้กรงเล็บแหลมคมฟาดเข้าใส่ดาบของอิจิจนเกิดประกายไฟ ในขณะที่อิจิกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ฮารุก็พยายามทำความเข้าใจรหัสลับที่ซับซ้อนนั้น เธอรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเข้าใจก่อนที่จะเผชิญหน้ากับ ‘ผู้ตื่น’ “พลังแห่งชีวิต… ความบริสุทธิ์คือแก่นแท้… สังเคราะห์แสงแห่งจิตวิญญาณ… จงรวมเป็นหนึ่ง… กับผู้ปกป้องแห่งบรรพกาล…” ฮารุพึมพำ เธอเพ่งมองไปที่รอยสักผ้ายันต์บนฝ่ามือของเธอ มันเปล่งประกายสีรุ้งจางๆ ทันใดนั้นเอง! ภาพในหัวของฮารุก็เปลี่ยนไป มันไม่ใช่ภาพของหินแกะสลักอีกต่อไป แต่มันคือภาพของตัวเธอเอง… ภาพที่เธอกำลังหลับตาลง รวบรวมพลังแห่งชีวิตทั้งหมดที่มี และเชื่อมโยงกับบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่… ภาพของจิตวิญญาณแห่งป่า… วิญญาณของต้นไม้โบราณที่พวกเขาเพิ่งจากมา… และภาพของนักรบโบราณที่หลับใหลอยู่ใต้ดิน “ฉันเข้าใจแล้ว!” ฮารุร้องขึ้น “สังเคราะห์แสงแห่งจิตวิญญาณ… มันไม่ใช่แค่พลังของฉัน แต่มันคือการเชื่อมโยงพลังของฉันเข้ากับจิตวิญญาณของผู้ปกป้อง! ผู้ปกป้องแห่งบรรพกาล!” เธอรีบลืมตาขึ้น “อิจิ! ฉันรู้แล้วว่าจะทำยังไงกับรหัสลับนี่!” อิจิได้ยินเสียงของฮารุ แต่เขาก็ถูกเงาปีศาจโจมตีอย่างหนักจนไม่สามารถตอบสนองได้ บาดแผลของเขาเปิดออกอีกครั้ง เลือดไหลซึมออกมาจากกลางหลัง “ฮารุ! เธอต้องรีบแล้ว!” อิจิตะโกนบอก เขาพยายามสร้างระยะห่างจากปีศาจ ฮารุรู้ว่าเธอต้องทำอะไร เธอวางมือลงบนก้อนหินที่มีรอยจารึก เธอกล่าวคำร่ายคาถาที่เธอรู้สึกว่าถูกต้องที่สุดตามความเข้าใจของเธอ “ดวงจิตแห่งชีวิต พลังแห่งธรรมชาติ ผู้ปกป้องแห่งบรรพกาล… จงตอบรับเสียงเรียกของข้า… จงผนึกรวมเป็นหนึ่งกับข้า… เพื่อสร้างแสงสว่างที่จะขับไล่ความมืด!” ทันใดนั้นเอง! แสงสีเขียวมรกตที่บริสุทธิ์ก็พวยพุ่งออกมาจากก้อนหินที่มีรอยจารึก แสงนั้นสว่างจ้ากว่าแสงใดๆ ที่เคยเห็นมา มันพุ่งตรงเข้าสู่ร่างของฮารุ แสงนั้นไม่ได้หายไป แต่กลับผสานรวมเข้ากับแสงสีม่วงอ่อนๆ จากผ้ายันต์บนฝ่ามือของเธอ ทำให้ร่างของฮารุเปล่งประกายเจิดจ้าด้วยแสงสีรุ้งที่ผสมผสานกันระหว่างสีเขียวมรกตและสีม่วงอ่อน “อ๊ากกกกกก! นี่มันพลังอะไรกัน?!” เงาปีศาจทั้งสามตัวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อแสงนั้นแผ่ออกไปกระทบตัวพวกมัน ออร่าสีดำมืดที่เคยปกคลุมร่างของเงาปีศาจเริ่มสั่นไหวและจางหายไป แสงสีเขียวมรกตที่เปล่งประกายจากร่างของฮารุไม่ได้ทำลายล้าง แต่กลับทำให้พลังของปีศาจอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด “อิจิ! ตอนนี้แหละ!” ฮารุร้องบอก อิจิไม่รอช้า เขาพุ่งเข้าใส่เงาปีศาจตัวที่ใกล้ที่สุดด้วยความเร็วเต็มที่ ดาบของเขาเปล่งประกายสีเงินเจิดจ้าด้วยพลังที่เพิ่งได้รับการฟื้นฟูจากฮารุ “ผนึกอสูร! ดาบสะบั้นเงา!” อิจิคำรามลั่น เขารวบรวมพลังทั้งหมดที่ปลายดาบ พุ่งตรงไปยังกลางหน้าอกของเงาปีศาจ ฉัวะ! คมดาบของอิจิปักลึกเข้าไปในกลางหน้าอกของเงาปีศาจ แสงสีแดงก่ำจากร่างของมันพลันจางหายไปในชั่วพริบตา ร่างของมันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ก่อนที่จะสลายกลายเป็นละอองสีดำมืดปลิวหายไปในอากาศช้าๆ เงาปีศาจอีกสองตัวที่เหลือเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พวกมันไม่คิดว่ามนุษย์จะสามารถทำลายปีศาจในระดับของพวกมันได้ “เป็นไปไม่ได้! พวกแกมัน…” เงาปีศาจตัวหนึ่งคำรามด้วยความโกรธแค้น มันพุ่งเข้าใส่ฮารุด้วยความเร็วเต็มที่ แต่ฮารุไม่ยอมให้มันเข้าใกล้เธอได้ เธอใช้ฝ่ามือที่เปล่งประกายแสงสีรุ้งชี้ไปที่เงาปีศาจ “ผนึกแห่งบรรพกาล! จงผูกมัดปีศาจ!” ฮารุร่ายคาถาอีกครั้ง แสงสีเขียวมรกตและสีม่วงอ่อนจากร่างของฮารุพุ่งตรงไปยังเงาปีศาจ แสงนั้นกลายเป็นโซ่ตรวนพลังงานที่พันธนาการร่างของปีศาจไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม เงาปีศาจกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของมันเริ่มสลายกลายเป็นละอองสีดำมืดปลิวหายไปในอากาศอย่างช้าๆ เหลือเงาปีศาจเพียงตัวเดียว มันยืนนิ่งงันด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าที่จะพุ่งเข้าใส่พวกเขาอีกแล้ว มันรู้สึกถึงพลังอำนาจที่ไม่อาจหยั่งถึงที่แผ่ออกมาจากฮารุ “ข้า… ข้าจะถอยทัพ… แต่พวกเจ้าจะไม่มีวันหยุด ‘ผู้ตื่น’ ได้หรอก!” เงาปีศาจคำราม มันพุ่งตัวเข้าไปในเงามืดของป่าและหายลับไปอย่างรวดเร็ว เมื่อปีศาจจากไป แสงสีรุ้งจากร่างของฮารุก็เลือนหายไป เธอทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง หอบหายใจอย่างหนัก รอยสักผ้ายันต์บนฝ่ามือของเธอยังคงเรืองแสงจางๆ แต่ก็ไม่ได้สว่างจ้าเหมือนเมื่อครู่ “ฮารุ! เธอเป็นอะไรไหม?!” อิจิรีบเข้าไปหาเธอ เขาสัมผัสไปที่บาดแผลของเขา มันหายสนิทแล้ว! “ฉัน… ฉันไม่เป็นไร…” ฮารุตอบเสียงแผ่ว “แต่ฉันรู้สึกเหนื่อยมาก… เหมือนพลังทั้งหมดถูกใช้ไปอีกแล้ว” อิจิพยักหน้า เขารู้ดีว่าฮารุใช้พลังไปมากแค่ไหนในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่พวกเขาก็ได้มาซึ่งรหัสลับแห่งบรรพกาลแล้ว และพลังของฮารุก็แข็งแกร่งขึ้นมาก “เราทำได้แล้วฮารุ… เราได้รหัสลับมาแล้ว” อิจิพูดขึ้น “และพลังของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นมาก… เธอสามารถผนึกปีศาจได้แล้ว” “แต่ฉันก็ยังไม่รู้ว่าเราจะต้องเสียสละอะไรไป…” ฮารุพึมพำ “จิตวิญญาณแห่งต้นไม้บอกว่าเราจะต้องเสียสละบางสิ่งบางอย่าง” “ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม… เราจะเผชิญหน้ากับมันไปด้วยกัน” อิจิกล่าว เขากุมมือของฮารุแน่น พวกเขาใช้เวลาพักฟื้นอยู่ตรงนั้นอีกพักใหญ่ ก่อนที่จะออกเดินทางอีกครั้ง สู่ยอดเขาไฟที่ ‘ผู้ตื่น’ กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์ ท้องฟ้าเริ่มมืดลงอีกครั้ง ดวงจันทร์เริ่มปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า แต่ในคืนนี้… มันไม่ใช่ดวงจันทร์สีเงินนวลเหมือนเคย แต่เป็นดวงจันทร์ที่เปล่งแสงสีแดงฉาน… ดวงจันทร์สีเลือด! “ไม่นะ… มันมาแล้ว!” อิจิพึมพำ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ “เราต้องรีบแล้วอิจิ!” ฮารุกล่าว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พวกเขาเร่งฝีเท้าขึ้น มุ่งหน้าสู่ยอดเขาไฟที่เต็มไปด้วยพลังงานมืดมิดและเสียงคำรามที่ดังก้องกังวาน การต่อสู้ครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว… การต่อสู้ที่จะตัดสินชะตากรรมของโลกใบนี้!ปดปีผ่านไปนับจากเหตุการณ์บน เกาะแห่งม่านหมอก โลกยังคงสงบสุขภายใต้การดูแลของ อิจิ และ ฮารุ พวกเขายังคงทำหน้าที่ผู้พิทักษ์แห่งสมดุลอย่างเงียบๆ ฮารุในวัย 26 ปี กลายเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาชุมชนให้กับเมืองหลวง เธอใช้ความเข้าใจในธรรมชาติของผู้คนและความผูกพันกับผืนดินในการช่วยฟื้นฟูหมู่บ้านและส่งเสริมการศึกษา อิจิในวัย 30 ปี ยังคงเป็นองครักษ์เงาที่แข็งแกร่งและรอบคอบ แต่บทบาทของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากผู้ปกป้องส่วนตัวของฮารุ เขากลายเป็นผู้ดูแลความมั่นคงของเมือง คอยสืบสวนเหตุการณ์แปลกประหลาดที่อาจคุกคามความสงบสุขของประชาชน ผ้ายันต์แห่งความจริงที่เคยเป็นกุญแจสำคัญในการผจญภัยครั้งก่อนๆ บัดนี้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในหอคอยแห่งปัญญาของเมืองหลวง เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้และความจริงที่ไม่มีวันถูกลืมแม้โลกจะสงบสุข แต่ภายในใจของอิจิกลับมีความรู้สึกบางอย่างค้างคามาตลอด เขาไม่เคยลืมคำพูดของ ‘ผู้ตื่น’ ที่ว่า “ข้าจะกลับมา!” และความรู้สึกของเขาบอกว่าความสงบสุขนี้อาจเป็นเพียงม่านบังตา“อิจิ นายยังคงกังวลเรื่องนั้นอยู่หรือเปล่า?” ฮารุถามในขณะที่พวกเขากำลังเดินเล่นในสวนของวังหลวง แสงจันทร์สาดส่องลงมาต้องใบ
สองปีผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝัน อิจิ และ ฮารุ กลับมาใช้ชีวิตที่เงียบสงบในเมืองหลวงของสยามประเทศ เมืองที่เคยถูกม่านหมอกแห่งการลืมเลือนปกคลุม บัดนี้กลับมาคึกคักและสดใสกว่าเดิม ผู้คนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน แม้บาดแผลจากอดีตจะยังคงอยู่ แต่พวกเขาก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันและสร้างอนาคตที่ดีกว่า ฮารุในวัย 18 ปี เติบโตเป็นหญิงสาวที่งดงามและเปี่ยมด้วยจิตใจที่เมตตา เธอทุ่มเทเวลาให้กับการสอนหนังสือเด็กๆ ในหมู่บ้านที่เคยถูกทำลาย และช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา แม้พลังแห่งชีวิตจะหายไปจนหมดสิ้น แต่จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์และเข้มแข็งของเธอกลับเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม อิจิยังคงเป็นองครักษ์เงาของเธอ คอยปกป้องเธอจากห่างๆ และเฝ้ามองการเติบโตของเธอด้วยความภาคภูมิใจ เขารู้สึกถึงความสงบสุขที่แท้จริงที่เขาไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน“อาจารย์ฮารุ! วันนี้จะเล่านิทานเรื่องอะไรให้ฟังคะ?!” เสียงใสๆ ของเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งดังขึ้น เด็กๆ หลายคนมารวมตัวกันรอบๆ ฮารุ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังฮารุยิ้มอ่อนโยน “วันนี้อาจารย์จะเล่าเรื่องของ ผู้กล
แสงแรกของอรุณรุ่งสาดส่องเข้ามาในศาลเจ้าโบราณที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบของป่า อิจิ และ ฮารุ ยืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ใบหน้าของพวกเขามีร่องรอยความเหนื่อยล้าจากการผจญภัยที่ยาวนาน แต่ดวงตาของทั้งคู่ยังคงฉายแววความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว หลังจากการเดินทางผ่าน เมืองแห่งความทรงจำ และการเผชิญหน้ากับ ‘ผู้พิทักษ์’ ที่ถูกควบคุมโดย ‘ผู้ตื่น’ พวกเขาได้รับรู้ถึงแผนการอันชั่วร้ายของ ‘ผู้ตื่น’ ที่ต้องการจะลบเลือนความทรงจำของมนุษย์เกี่ยวกับอดีตทั้งหมด เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ที่มันคือผู้ปกครองสูงสุด“เราจะทำลาย ‘คำสาปแห่งการลืมเลือน’ ได้ยังไงอิจิ?” ฮารุถาม น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา เธอวางผ้ายันต์แห่งความจริงลงบนฝ่ามือ มันเป็นเพียงแผ่นผ้าเก่าๆ ธรรมดาๆ ไม่มีแสงเรืองรองใดๆ เหลืออยู่แล้วอิจิหยิบผ้ายันต์ขึ้นมาดูอย่างพินิจพิเคราะห์ “ไคบอกว่าพลังของเธอที่เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณแห่งความทรงจำที่แท้จริงคือกุญแจ… และการทำลายคำสาปนี้จะต้องแลกด้วยพลังแห่งชีวิตของเธอทั้งหมด”“ฉันรู้… และฉันก็พร้อมที่จะเสียสละมัน” ฮารุกล่าว ดวงตาของเธอฉายแววแน่วแน่ “ฉันจะไม่ยอมให้ความจริงถูกบิดเบือนไปตลอดก
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือยอดเขาไฟอัคคีแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานยาม ดวงจันทร์สีเลือด โคจรขึ้นมาเต็มดวง แสงสีโลหิตอาบไล้ทิวทัศน์รอบข้างให้ดูน่าขนลุกยิ่งกว่าเดิม เสียงคำรามกึกก้องจากปากปล่องภูเขาไฟดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน ราวกับเสียงหายใจอันหนักหน่วงของอสูรร้ายที่กำลังจะตื่นจากการหลับใหลที่ยาวนานนับพันปี กลิ่นกำมะถันและกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ยิ่งสร้างความกดดันอันหนักอึ้งให้แก่ อิจิ และ ฮารุ ที่กำลังปีนป่ายขึ้นสู่ยอดเขา“อีกนิดเดียวอิจิ! เราจะไปถึงแล้ว!” ฮารุตะโกนบอก เสียงของเธอสั่นเครือจากความเหนื่อยล้าและความหวาดกลัว แต่ดวงตาของเธอยังคงเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ผ้ายันต์แห่งความจริงที่สถิตอยู่ในฝ่ามือของเธอเรืองแสงสีรุ้งอ่อนๆ ตอบรับกับพลังงานมหาศาลของดวงจันทร์สีเลือด“ฉันรู้ฮารุ… ฉันสัมผัสได้ถึงมัน” อิจิตอบ เขาปีนป่ายก้อนหินที่แหลมคมอย่างรวดเร็ว แม้ร่างกายจะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ แต่จิตใจของเขามุ่งมั่นกว่าครั้งไหนๆ ดาบในมือของเขาเปล่งประกายสีเงินจางๆ พร้อมรับมือกับทุกสิ่งลมพายุโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นบนยอดเขา เสียงกรีดร้องโหยหวนคล้ายเสียงวิญญาณดังมาจากปากปล่องภูเขาไฟที่กำลังคุกรุ่น ลาวาสีแดงฉา
สายลมแห่งยามรุ่งอรุณพัดโชยมาปะทะร่าง อิจิ และ ฮารุ ที่ยืนอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ แสงแรกของดวงอาทิตย์สาดส่องลงมายังทิวทัศน์เบื้องหน้า เผยให้เห็นยอดเขาไฟที่สูงเสียดฟ้า มันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าดิบชื้นที่พวกเขาเพิ่งฝ่าฟันออกมา หมอกจางๆ ลอยปกคลุมรอบฐานของภูเขาไฟราวกับผ้าห่มสีขาว กลิ่นกำมะถันจางๆ ลอยมาตามลมเป็นสัญญาณเตือนถึงพลังงานที่ไม่สงบนิ่งที่อยู่ภายใน“นั่นแหละ… ยอดเขาไฟ” ฮารุพึมพำ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล “มันดูน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะอิจิ”อิจิพยักหน้า สีหน้าของเขาเคร่งเครียด “ใช่… พลังงานมืดมิดที่แผ่ออกมาจากที่นั่นมันมหาศาลมาก ‘ผู้ตื่น’ กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาในไม่ช้า”ผ้ายันต์แห่งความจริงที่ผนึกอยู่ในฝ่ามือของฮารุเรืองแสงจางๆ เป็นการยืนยันถึงความรู้สึกของอิจิ พวกเขามีเวลาเพียงสองราตรีเท่านั้นก่อนที่ ดวงจันทร์สีเลือด จะปรากฏขึ้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พันธนาการของ ‘ผู้ตื่น’ จะอ่อนแอที่สุด“เราต้องไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด” อิจิกล่าว “และเราต้องหารหัสลับแห่งบรรพกาลให้เจอด้วย”“รหัสลับนั่น… มันอยู่ที่ไหนกันนะ?” ฮารุถาม “จิตวิญญาณแห่งต้นไม้บอกแค่ว่ามันอยู่ในผืนป่าแห่งนี้
คืนเดือนมืดปกคลุมผืนป่าดิบชื้นทางตอนเหนือของสยามประเทศ แสงจันทร์แทบไม่สามารถส่องผ่านม่านไม้หนาทึบลงมาได้ มีเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องระงม และเสียงลมกระโชกแรงที่พัดกิ่งไม้ใบหญ้าให้เสียดสีกันเป็นระยะ ราวกับเสียงกระซิบกระซาบจากวิญญาณแห่งป่า อิจิและฮารุยังคงก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ร่างกายของอิจิอ่อนล้าจากบาดแผลที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ ส่วนฮารุก็ดูซีดเซียวจากการใช้พลังแห่งชีวิตครั้งล่าสุด แต่ดวงตาของทั้งคู่ยังคงฉายแววความมุ่งมั่นที่จะค้นหาผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่ปรากฏในนิมิตของฮารุ“อากาศที่นี่มันแปลกๆ นะอิจิ” ฮารุพึมพำ น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา “มันเย็นยะเยือกกว่าที่ควรจะเป็น… เหมือนมีบางอย่างกำลังจับจ้องเราอยู่”“ใช่… ฉันก็รู้สึกได้” อิจิตอบ เขากระชับดาบในมือแน่นขึ้น “พลังงานที่นี่ไม่ใช่พลังงานของปีศาจ แต่มันเป็นพลังที่เก่าแก่กว่านั้น… ลึกซึ้งกว่านั้น”ตามนิมิตของฮารุ ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายถูกซ่อนอยู่ใต้ต้นไม้โบราณที่สูงเสียดฟ้าในป่าลึกแห่งนี้ ต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมไปทั่วบริเวณ และมีแสงสีม่วงเข้มเปล่งออกมาจากรากของมัน“เรามาถูกทางแล้วใช่ไหมอิจิ?” ฮารุถาม“ฉันหวังว่าอย่างนั้นฮารุ” อิจ