ปดปีผ่านไปนับจากเหตุการณ์บน เกาะแห่งม่านหมอก โลกยังคงสงบสุขภายใต้การดูแลของ อิจิ และ ฮารุ พวกเขายังคงทำหน้าที่ผู้พิทักษ์แห่งสมดุลอย่างเงียบๆ ฮารุในวัย 26 ปี กลายเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาชุมชนให้กับเมืองหลวง เธอใช้ความเข้าใจในธรรมชาติของผู้คนและความผูกพันกับผืนดินในการช่วยฟื้นฟูหมู่บ้านและส่งเสริมการศึกษา อิจิในวัย 30 ปี ยังคงเป็นองครักษ์เงาที่แข็งแกร่งและรอบคอบ แต่บทบาทของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากผู้ปกป้องส่วนตัวของฮารุ เขากลายเป็นผู้ดูแลความมั่นคงของเมือง คอยสืบสวนเหตุการณ์แปลกประหลาดที่อาจคุกคามความสงบสุขของประชาชน ผ้ายันต์แห่งความจริงที่เคยเป็นกุญแจสำคัญในการผจญภัยครั้งก่อนๆ บัดนี้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในหอคอยแห่งปัญญาของเมืองหลวง เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้และความจริงที่ไม่มีวันถูกลืม
แม้โลกจะสงบสุข แต่ภายในใจของอิจิกลับมีความรู้สึกบางอย่างค้างคามาตลอด เขาไม่เคยลืมคำพูดของ ‘ผู้ตื่น’ ที่ว่า “ข้าจะกลับมา!” และความรู้สึกของเขาบอกว่าความสงบสุขนี้อาจเป็นเพียงม่านบังตา “อิจิ นายยังคงกังวลเรื่องนั้นอยู่หรือเปล่า?” ฮารุถามในขณะที่พวกเขากำลังเดินเล่นในสวนของวังหลวง แสงจันทร์สาดส่องลงมาต้องใบหน้าของเธอ ทำให้เธอดูสง่างามและเปี่ยมด้วยความเข้าใจ อิจิถอนหายใจ “ฉันไม่รู้สิฮารุ… มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ฉันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นในเงามืด” “บางทีมันอาจจะเป็นแค่ความหวาดระแวงของนายก็ได้นะ” ฮารุกล่าว “โลกเราสงบสุขมานานแล้ว” “แต่ความสงบสุขมันก็ไม่ได้อยู่ตลอดไปหรอกฮารุ” อิจิตอบ “ยิ่งเราสงบสุขนานเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่ามันแปลก” ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน จู่ๆ พื้นดินใต้เท้าของพวกเขาก็พลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง! ไม่ใช่การสั่นสะเทือนแบบแผ่นดินไหว แต่เป็นความรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ลึกลงไปใต้พิภพกำลังเคลื่อนไหว เสียงกรีดร้องของผู้คนดังขึ้นมาจากทั่วเมืองหลวง “เกิดอะไรขึ้น?!” ฮารุอุทาน อิจิรีบดึงดาบออกจากฝัก “นี่ไม่ใช่แผ่นดินไหว! มันเป็นพลังงานมืดมิด!” ทันใดนั้น! ท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม คล้ายกับการผสมผสานระหว่างสีดำและความมืด และแสงสีเขียวมรกตที่ดูคล้ายพลังงานบางอย่างก็เริ่มพุ่งลงมาจากท้องฟ้า สาดส่องไปยังจุดต่างๆ ทั่วเมืองหลวง แสงนั้นไม่ได้ทำลายล้าง แต่กลับทำให้สิ่งต่างๆ บิดเบี้ยวผิดรูปไป ราวกับกำลังบิดเบือนมิติ “มันกำลังทำอะไรกับเมืองนี้?!” ฮารุถามด้วยความตกใจ “มันกำลังเปิดประตูมิติ! มิติที่ซ้อนทับ!” อิจิคำราม สีหน้าของเขาเคร่งเครียด “ฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานของ ‘ผู้ตื่น’!” จากนั้นไม่นาน ร่างของ ชายชราผู้หนึ่ง ที่สวมเสื้อคลุมสีดำมิดชิดก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศเหนือเมืองหลวง แสงสีเขียวมรกตที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าดูเหมือนจะควบคุมโดยชายชราผู้นี้ เขายกมือขึ้น และเมืองหลวงทั้งเมืองก็พลันบิดเบี้ยวไปราวกับถูกวาดใหม่ อาคารบ้านเรือนพับงอ ถนนคดเคี้ยว ผู้คนเดินกันสับสนราวกับอยู่ในฝันร้าย “ในที่สุด… มิติที่ซ้อนทับก็ปรากฏขึ้น!” ชายชรากล่าว เสียงของเขาดังก้องไปทั่วเมืองหลวง แต่กลับฟังดูราบเรียบและไร้อารมณ์ “ถึงเวลาแล้ว… ที่ ‘ผู้ตื่น’ จะกลับมาอย่างสมบูรณ์… และสร้างโลกใบใหม่… โลกที่ปราศจากความจริง…” “ใครคือแก? แกคือใครกันแน่?!” อิจิคำราม เขาพุ่งตัวขึ้นไปยังท้องฟ้า หมายจะโจมตีชายชราผู้นั้น แต่ก่อนที่เขาจะเข้าใกล้! ชายชราก็พลันดีดนิ้วเพียงครั้งเดียว และร่างของอิจิก็พลันบิดเบี้ยวไปราวกับถูกแรงมหาศาลบีบอัด เขาถูกผลักกระเด็นลงมายังพื้นดินอย่างรุนแรง “อิจิ!” ฮารุร้องลั่น เธอรีบวิ่งเข้าไปหาเขา “ฉันไม่เป็นไร… แต่พลังของมันมหาศาลมาก…” อิจิพูดขึ้น เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง “อย่าคิดที่จะขัดขวางข้า… ผู้ไร้ซึ่งพลัง…” ชายชรากล่าว น้ำเสียงของเขาดูถูกเหยียดหยาม “ข้าคือ ‘ผู้บงการ’… ผู้ที่จะนำทาง ‘ผู้ตื่น’ กลับมาอย่างสมบูรณ์…” “ผู้บงการ!” อิจิพึมพำ “ตอนนี้… เจ้าจะได้เห็นพลังที่แท้จริงของ ‘ผู้ตื่น’!” ผู้บงการคำราม เขายกมือขึ้น และแสงสีม่วงดำขนาดมหึมาก็พลันพวยพุ่งขึ้นมาจากใต้พื้นดินใจกลางเมืองหลวง! แสงนั้นพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า และก่อตัวเป็นร่างของ ‘ผู้ตื่น’ ที่สมบูรณ์แบบกว่าครั้งก่อนๆ มันไม่ได้มีเพียงร่างที่ใหญ่โต แต่ดวงตาของมันเปล่งประกายสีม่วงดำที่ทรงอำนาจจนแทบหยุดหายใจ ออร่าแห่งความมืดมิดที่แผ่ออกมาจากร่างของมันนั้นหนักอึ้งและน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าที่เคย “ในที่สุด… ข้าก็กลับมาอย่างสมบูรณ์!” ‘ผู้ตื่น’ คำราม เสียงของมันดังก้องไปทั่วโลก ราวกับกำลังประกาศชัยชนะ ผู้คนในเมืองหลวงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว พวกเขาวิ่งหนีอย่างสับสนอลหม่าน แต่ทว่ามิติที่บิดเบี้ยวรอบตัวก็ทำให้พวกเขาหลงทางและติดอยู่ในความสับสน “เราต้องหยุดมันให้ได้อิจิ!” ฮารุกล่าว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว แม้จะรู้สึกหวาดกลัวถึงขีดสุด “แต่เราจะทำยังไง? มันแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก และเราก็ไม่มีผ้ายันต์แห่งความจริงอยู่กับตัวแล้ว” อิจิพูดขึ้น เขาพยายามหาทางต่อสู้ “ฮ่าๆๆๆ! ไม่มีทางที่พวกเจ้าจะหยุดข้าได้!” ‘ผู้ตื่น’ คำราม มันยกมือขึ้น และเมืองหลวงทั้งเมืองก็พลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับกำลังจะพังทลายลง เส้นทางสู่ความหวังที่ซ่อนเร้น ขณะที่ ‘ผู้ตื่น’ กำลังสร้างความวุ่นวาย ผู้บงการ ก็หันมาจ้องมองอิจิและฮารุด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า “พวกเจ้าคือผู้ขัดขวาง… ผู้ที่ควรจะถูกลืมเลือนไปพร้อมกับความจริง…” ผู้บงการกล่าว “ข้าขอเชื้อเชิญพวกเจ้า… สู่โลกแห่งความมืดมิดอันนิรันดร์…” เขายกมือขึ้น และพลังงานสีเขียวมรกตก็พุ่งเข้าพันธนาการร่างของอิจิและฮารุไว้แน่น ราวกับโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น พวกเขาถูกดึงขึ้นไปในอากาศอย่างช้าๆ “อิจิ!” ฮารุร้องลั่น “เจ้าจะพาเราไปที่ไหน?!” อิจิคำราม “ไปยังที่ที่เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่แท้จริง… ความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังโลกที่เจ้าเห็น…” ผู้บงการตอบ “ยินดีต้อนรับสู่… ‘โลกแห่งความบิดเบือน’…” ทันใดนั้น! พื้นที่รอบตัวของอิจิและฮารุก็พลันบิดเบี้ยวไปอย่างรุนแรง ภาพของเมืองหลวงหายไปในชั่วพริบตา และพวกเขาก็ถูกดึงเข้าไปในอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยแสงสีม่วงเข้มและภาพบิดเบี้ยวราวกับภาพลวงตา เมื่อภาพต่างๆ หยุดนิ่ง อิจิและฮารุก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลาง โลกที่แปลกประหลาด มันไม่ใช่โลกที่พวกเขาเคยรู้จักอีกต่อไป ท้องฟ้าเป็นสีม่วงเข้ม พื้นดินเป็นสีเทาหม่น อาคารบ้านเรือนที่เคยเป็นของเมืองหลวง บัดนี้กลับถูกสร้างขึ้นใหม่ในรูปแบบที่บิดเบี้ยวและไร้ทิศทาง ผู้คนเดินกันไปมาอย่างเชื่องช้า ดวงตาว่างเปล่า ไร้แวว และพวกเขากำลังพูดคุยกันด้วยภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ “นี่มัน… โลกอะไรกัน?” ฮารุพึมพำ “โลกแห่งความบิดเบือน… ที่ผู้บงการพูดถึง” อิจิตอบ เขาพยายามขยับตัว แต่โซ่ตรวนพลังงานก็ยังคงพันธนาการเขาไว้อย่างแน่นหนา “ที่นี่… คือโลกที่ ‘ผู้ตื่น’ สร้างขึ้น… โลกที่ความจริงถูกบิดเบือน… และความมืดมิดครอบงำ…” เสียงของผู้บงการดังก้องขึ้นมาจากเบื้องบน “และพวกเจ้า… จะเป็นส่วนหนึ่งของมัน… ตลอดไป!” อิจิพยายามใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อสลายโซ่ตรวนพลังงาน แต่ก็ไม่เป็นผล พลังของ ผู้บงการ นั้นมหาศาลเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้เพียงลำพัง “ไร้ประโยชน์!” ผู้บงการหัวเราะเยาะเย้ย “ข้าคือผู้ควบคุมมิติ… เจ้าไม่มีทางหลุดพ้นจากพันธนาการของข้าได้หรอก!” ทันใดนั้น! แสงสีเงินจางๆ ก็พลันเรืองรองขึ้นจากกลางหน้าอกของฮารุ แสงนั้นส่องสว่างออกมาจาก ผ้ายันต์แห่งความจริง ที่ถูกเก็บรักษาไว้ในหอคอยแห่งปัญญาของเมืองหลวง แสงนั้นไม่ได้หายไป แต่มันกลับเชื่อมโยงกับจิตใจของฮารุ! “อะไรกัน?!” ฮารุอุทาน “เจ้ายังคงผูกพันกับมันงั้นรึ?!” ผู้บงการคำรามด้วยความประหลาดใจ “เป็นไปไม่ได้! พลังแห่งความจริงได้หายไปจากเจ้าแล้ว!” “ผ้ายันต์แห่งความจริง… ไม่เคยหายไปจากฉันเลย!” ฮารุกล่าว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แสงสีเงินจากผ้ายันต์ที่เชื่อมโยงกับเธอเริ่มส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนโซ่ตรวนพลังงานที่พันธนาการเธออยู่เริ่มสั่นคลอน “จงเชื่อมโยงกับความทรงจำที่แท้จริง… ฮารุ… ความจริงคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด…” เสียงกระซิบของจิตวิญญาณแห่งต้นไม้โบราณดังก้องในหัวของฮารุ ฮารุหลับตาลง เธอรวบรวมสมาธิทั้งหมดที่มี เธอจินตนาการถึงความทรงจำที่บริสุทธิ์ของโลกใบนี้… ความทรงจำแห่งแสงสว่าง… ความทรงจำแห่งความรัก… และความทรงจำแห่งความจริงที่ไม่มีวันถูกบิดเบือน แสงสีเงินจากผ้ายันต์แห่งความจริงพุ่งทะลุโซ่ตรวนพลังงานที่พันธนาการฮารุไว้ แสงนั้นไม่ได้ทำลายล้าง แต่มันกลับแทรกซึมเข้าไปในโซ่ตรวน ทำให้โซ่ตรวนนั้นแตกสลายไปในชั่วพริบตา “เป็นไปไม่ได้! เจ้า… เจ้าปลดปล่อยตัวเองได้อย่างไร?!” ผู้บงการคำรามด้วยความตกใจ “ผ้ายันต์แห่งความจริง… ไม่ใช่แค่แผ่นผ้า… แต่มันคือสัญลักษณ์ของความจริงที่อยู่ในจิตใจของฉัน!” ฮารุกล่าว เธอหันมามองอิจิที่ยังคงถูกพันธนาการอยู่ “อิจิ! เชื่อมโยงกับฉัน!” อิจิพยักหน้า เขารวบรวมสมาธิ และเชื่อมโยงจิตใจของเขากับฮารุ ทันใดนั้น! แสงสีเงินจากฮารุก็พลันพุ่งตรงเข้าพันธนาการอิจิ และโซ่ตรวนพลังงานที่พันธนาการเขาก็พลันแตกสลายไปเช่นกัน “อ๊ากกกกกก!” ผู้บงการกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อพลังของมันถูกทำลาย “แกจะไม่มีทางทำลายความจริงได้หรอก!” อิจิคำราม เขาชักดาบขึ้นพร้อมรบ “เจ้ามนุษย์! เจ้าไม่สามารถต่อสู้กับข้าได้หรอก!” ผู้บงการคำราม มันยกมือขึ้น และพลังงานมืดมิดจำนวนมากก็พุ่งเข้าใส่พวกเขา แต่ฮารุไม่ยอมให้มันเข้าใกล้เธอได้ เธอใช้ผ้ายันต์แห่งความจริงในมือของเธอชี้ไปที่ผู้บงการ และแสงสีเงินบริสุทธิ์ก็พุ่งเข้าใส่ร่างของมัน แสงนั้นไม่ได้ทำลายล้าง แต่กลับทำให้ร่างของผู้บงการสั่นสะท้านอย่างรุนแรง “เป็นไปไม่ได้! นี่มัน… พลังแห่งความจริงที่สมบูรณ์!” ผู้บงการคำราม ดวงตาของมันเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว “เจ้า… เจ้าได้ผสานรวมกับผ้ายันต์แห่งความจริงแล้วงั้นรึ?!” “ผ้ายันต์แห่งความจริง… ไม่ใช่แค่พลัง… แต่มันคือสัญลักษณ์ของทุกสิ่งที่ฉันเชื่อ!” ฮารุกล่าว “และความจริงจะไม่มีวันถูกบิดเบือน!” แสงสีเงินจากฮารุพุ่งเข้าสู่ร่างของผู้บงการอย่างรุนแรง และร่างของผู้บงการก็เริ่มสลายกลายเป็นละอองสีดำมืดปลิวหายไปในอากาศช้าๆ “อ๊ากกกกกก! ข้า… ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้! ‘ผู้ตื่น’ จะกลับมา! และโลกใบนี้… จะตกอยู่ในความมืดมิด!” ผู้บงการกรีดร้องเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างของมันจะหายไปอย่างสมบูรณ์ เมื่อผู้บงการหายไป โลกแห่งความบิดเบี้ยวที่พวกเขาอยู่ก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แสงสีม่วงเข้มบนท้องฟ้าเริ่มจางหายไป อาคารบ้านเรือนที่บิดเบี้ยวเริ่มกลับคืนสู่สภาพเดิม และผู้คนที่เคยเดินอย่างไร้ชีวิตชีวาก็เริ่มกลับมามีสติ “เราต้องรีบออกไปจากที่นี่!” อิจิพูดขึ้น “โลกนี้กำลังจะกลับคืนสู่สภาพเดิม!” ฮารุพยักหน้า เธอวางมือลงบนพื้น และใช้พลังแห่งความจริงที่เพิ่งได้รับมาเชื่อมโยงกับโลกแห่งความบิดเบี้ยว เธอรู้สึกถึงพลังงานมหาศาลที่กำลังไหลเวียนอยู่ใต้พิภพ พลังงานที่กำลังปรับสมดุลและนำความจริงกลับคืนมา “ฉันรู้แล้วว่าจะไปทางไหน!” ฮารุกล่าว เธอจูงมืออิจิ และพวกเขาก็วิ่งฝ่ามิติที่กำลังบิดเบี้ยวกลับคืนสู่โลกเดิม บทสรุปแห่งการเริ่มต้นครั้งใหม่ เมื่อภาพต่างๆ หยุดนิ่ง อิจิและฮารุก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางเมืองหลวงที่กลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว ผู้คนมองหน้ากันด้วยความสับสน แต่ในดวงตาของพวกเขาก็มีความทรงจำที่กำลังหวนคืนมาอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงกลับมาเป็นสีฟ้าสดใส ดวงอาทิตย์สาดส่องลงมาอบอุ่นผิว และความเงียบสงบก็กลับคืนมาอีกครั้ง “เราทำสำเร็จแล้วอิจิ…” ฮารุพึมพำ “เราหยุดมันได้อีกครั้ง” “ใช่… แต่ฉันรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเราหรอกฮารุ” อิจิกล่าว เขามองไปยังทิศที่ ‘ผู้ตื่น’ เพิ่งปรากฏตัวขึ้นและถูก ‘ผู้บงการ’ พาตัวไป “นายหมายความว่ายังไง?” ฮารุถาม “ผ้ายันต์แห่งความจริงที่อยู่ในตัวเธอตอนนี้… มันไม่ใช่แค่ผ้ายันต์แห่งความจริงแล้วฮารุ… แต่มันคือแหล่งกำเนิดพลังงานที่สมบูรณ์” อิจิกล่าว “และฉันรู้สึกได้ว่า ‘ผู้ตื่น’ ไม่ได้ถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์… มันแค่ถูกพาตัวไปที่ไหนสักแห่ง… เพื่อรอเวลาที่จะกลับมาอีกครั้ง” ฮารุหลับตาลง เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานมหาศาลที่อยู่ในตัวเธอ… พลังแห่งความจริงที่บริสุทธิ์และไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าพลังแห่งชีวิตที่เธอเคยมีมาก่อนมากนัก “แล้วเราจะต้องทำยังไงต่อไป?” ฮารุถาม “เราจะต้องเตรียมพร้อมฮารุ… เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่แท้จริง” อิจิกล่าว “และคราวนี้… เราจะไม่ปล่อยให้มันหนีไปได้อีก” ผู้คนในเมืองหลวงเริ่มฟื้นตัวจากอาการสับสน พวกเขามองอิจิและฮารุด้วยความรู้สึกขอบคุณและชื่นชมอีกครั้ง เสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังกึกก้องไปทั่ว อิจิและฮารุมองหน้ากัน พวกเขายิ้มให้กัน พวกเขารู้ว่าเส้นทางข้างหน้ายังคงไม่แน่นอน และอาจจะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอีกมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว พวกเขาได้เรียนรู้ว่าพลังที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่พลังวิเศษ หรืออาวุธที่แข็งแกร่ง แต่อยู่ที่จิตใจที่เข้มแข็ง ความมุ่งมั่น และความผูกพันอันบริสุทธิ์ระหว่างกัน และที่สำคัญที่สุด… พวกเขาได้เรียนรู้ว่า ความจริง คือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องปกป้องเอาไว้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ผ้ายันต์แห่งความจริงที่สถิตอยู่ในตัวฮารุเปล่งประกายแสงสีรุ้งอ่อนๆ เป็นสัญญาณแห่งความหวัง… สัญญาณว่าโลกใบนี้ยังมีผู้พิทักษ์… และสัญญาณว่าตำนานแห่งผู้กล้าหาญทั้งสองจะยังคงถูกเล่าขานไปอีกนานแสนนาน… ตราบเท่าที่ความจริงยังคงอยู่ปดปีผ่านไปนับจากเหตุการณ์บน เกาะแห่งม่านหมอก โลกยังคงสงบสุขภายใต้การดูแลของ อิจิ และ ฮารุ พวกเขายังคงทำหน้าที่ผู้พิทักษ์แห่งสมดุลอย่างเงียบๆ ฮารุในวัย 26 ปี กลายเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาชุมชนให้กับเมืองหลวง เธอใช้ความเข้าใจในธรรมชาติของผู้คนและความผูกพันกับผืนดินในการช่วยฟื้นฟูหมู่บ้านและส่งเสริมการศึกษา อิจิในวัย 30 ปี ยังคงเป็นองครักษ์เงาที่แข็งแกร่งและรอบคอบ แต่บทบาทของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากผู้ปกป้องส่วนตัวของฮารุ เขากลายเป็นผู้ดูแลความมั่นคงของเมือง คอยสืบสวนเหตุการณ์แปลกประหลาดที่อาจคุกคามความสงบสุขของประชาชน ผ้ายันต์แห่งความจริงที่เคยเป็นกุญแจสำคัญในการผจญภัยครั้งก่อนๆ บัดนี้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในหอคอยแห่งปัญญาของเมืองหลวง เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้และความจริงที่ไม่มีวันถูกลืมแม้โลกจะสงบสุข แต่ภายในใจของอิจิกลับมีความรู้สึกบางอย่างค้างคามาตลอด เขาไม่เคยลืมคำพูดของ ‘ผู้ตื่น’ ที่ว่า “ข้าจะกลับมา!” และความรู้สึกของเขาบอกว่าความสงบสุขนี้อาจเป็นเพียงม่านบังตา“อิจิ นายยังคงกังวลเรื่องนั้นอยู่หรือเปล่า?” ฮารุถามในขณะที่พวกเขากำลังเดินเล่นในสวนของวังหลวง แสงจันทร์สาดส่องลงมาต้องใบ
สองปีผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝัน อิจิ และ ฮารุ กลับมาใช้ชีวิตที่เงียบสงบในเมืองหลวงของสยามประเทศ เมืองที่เคยถูกม่านหมอกแห่งการลืมเลือนปกคลุม บัดนี้กลับมาคึกคักและสดใสกว่าเดิม ผู้คนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน แม้บาดแผลจากอดีตจะยังคงอยู่ แต่พวกเขาก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันและสร้างอนาคตที่ดีกว่า ฮารุในวัย 18 ปี เติบโตเป็นหญิงสาวที่งดงามและเปี่ยมด้วยจิตใจที่เมตตา เธอทุ่มเทเวลาให้กับการสอนหนังสือเด็กๆ ในหมู่บ้านที่เคยถูกทำลาย และช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา แม้พลังแห่งชีวิตจะหายไปจนหมดสิ้น แต่จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์และเข้มแข็งของเธอกลับเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม อิจิยังคงเป็นองครักษ์เงาของเธอ คอยปกป้องเธอจากห่างๆ และเฝ้ามองการเติบโตของเธอด้วยความภาคภูมิใจ เขารู้สึกถึงความสงบสุขที่แท้จริงที่เขาไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน“อาจารย์ฮารุ! วันนี้จะเล่านิทานเรื่องอะไรให้ฟังคะ?!” เสียงใสๆ ของเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งดังขึ้น เด็กๆ หลายคนมารวมตัวกันรอบๆ ฮารุ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังฮารุยิ้มอ่อนโยน “วันนี้อาจารย์จะเล่าเรื่องของ ผู้กล
แสงแรกของอรุณรุ่งสาดส่องเข้ามาในศาลเจ้าโบราณที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบของป่า อิจิ และ ฮารุ ยืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ใบหน้าของพวกเขามีร่องรอยความเหนื่อยล้าจากการผจญภัยที่ยาวนาน แต่ดวงตาของทั้งคู่ยังคงฉายแววความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว หลังจากการเดินทางผ่าน เมืองแห่งความทรงจำ และการเผชิญหน้ากับ ‘ผู้พิทักษ์’ ที่ถูกควบคุมโดย ‘ผู้ตื่น’ พวกเขาได้รับรู้ถึงแผนการอันชั่วร้ายของ ‘ผู้ตื่น’ ที่ต้องการจะลบเลือนความทรงจำของมนุษย์เกี่ยวกับอดีตทั้งหมด เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ที่มันคือผู้ปกครองสูงสุด“เราจะทำลาย ‘คำสาปแห่งการลืมเลือน’ ได้ยังไงอิจิ?” ฮารุถาม น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา เธอวางผ้ายันต์แห่งความจริงลงบนฝ่ามือ มันเป็นเพียงแผ่นผ้าเก่าๆ ธรรมดาๆ ไม่มีแสงเรืองรองใดๆ เหลืออยู่แล้วอิจิหยิบผ้ายันต์ขึ้นมาดูอย่างพินิจพิเคราะห์ “ไคบอกว่าพลังของเธอที่เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณแห่งความทรงจำที่แท้จริงคือกุญแจ… และการทำลายคำสาปนี้จะต้องแลกด้วยพลังแห่งชีวิตของเธอทั้งหมด”“ฉันรู้… และฉันก็พร้อมที่จะเสียสละมัน” ฮารุกล่าว ดวงตาของเธอฉายแววแน่วแน่ “ฉันจะไม่ยอมให้ความจริงถูกบิดเบือนไปตลอดก
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือยอดเขาไฟอัคคีแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานยาม ดวงจันทร์สีเลือด โคจรขึ้นมาเต็มดวง แสงสีโลหิตอาบไล้ทิวทัศน์รอบข้างให้ดูน่าขนลุกยิ่งกว่าเดิม เสียงคำรามกึกก้องจากปากปล่องภูเขาไฟดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน ราวกับเสียงหายใจอันหนักหน่วงของอสูรร้ายที่กำลังจะตื่นจากการหลับใหลที่ยาวนานนับพันปี กลิ่นกำมะถันและกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ยิ่งสร้างความกดดันอันหนักอึ้งให้แก่ อิจิ และ ฮารุ ที่กำลังปีนป่ายขึ้นสู่ยอดเขา“อีกนิดเดียวอิจิ! เราจะไปถึงแล้ว!” ฮารุตะโกนบอก เสียงของเธอสั่นเครือจากความเหนื่อยล้าและความหวาดกลัว แต่ดวงตาของเธอยังคงเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ผ้ายันต์แห่งความจริงที่สถิตอยู่ในฝ่ามือของเธอเรืองแสงสีรุ้งอ่อนๆ ตอบรับกับพลังงานมหาศาลของดวงจันทร์สีเลือด“ฉันรู้ฮารุ… ฉันสัมผัสได้ถึงมัน” อิจิตอบ เขาปีนป่ายก้อนหินที่แหลมคมอย่างรวดเร็ว แม้ร่างกายจะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ แต่จิตใจของเขามุ่งมั่นกว่าครั้งไหนๆ ดาบในมือของเขาเปล่งประกายสีเงินจางๆ พร้อมรับมือกับทุกสิ่งลมพายุโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นบนยอดเขา เสียงกรีดร้องโหยหวนคล้ายเสียงวิญญาณดังมาจากปากปล่องภูเขาไฟที่กำลังคุกรุ่น ลาวาสีแดงฉา
สายลมแห่งยามรุ่งอรุณพัดโชยมาปะทะร่าง อิจิ และ ฮารุ ที่ยืนอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ แสงแรกของดวงอาทิตย์สาดส่องลงมายังทิวทัศน์เบื้องหน้า เผยให้เห็นยอดเขาไฟที่สูงเสียดฟ้า มันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าดิบชื้นที่พวกเขาเพิ่งฝ่าฟันออกมา หมอกจางๆ ลอยปกคลุมรอบฐานของภูเขาไฟราวกับผ้าห่มสีขาว กลิ่นกำมะถันจางๆ ลอยมาตามลมเป็นสัญญาณเตือนถึงพลังงานที่ไม่สงบนิ่งที่อยู่ภายใน“นั่นแหละ… ยอดเขาไฟ” ฮารุพึมพำ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล “มันดูน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะอิจิ”อิจิพยักหน้า สีหน้าของเขาเคร่งเครียด “ใช่… พลังงานมืดมิดที่แผ่ออกมาจากที่นั่นมันมหาศาลมาก ‘ผู้ตื่น’ กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาในไม่ช้า”ผ้ายันต์แห่งความจริงที่ผนึกอยู่ในฝ่ามือของฮารุเรืองแสงจางๆ เป็นการยืนยันถึงความรู้สึกของอิจิ พวกเขามีเวลาเพียงสองราตรีเท่านั้นก่อนที่ ดวงจันทร์สีเลือด จะปรากฏขึ้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พันธนาการของ ‘ผู้ตื่น’ จะอ่อนแอที่สุด“เราต้องไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด” อิจิกล่าว “และเราต้องหารหัสลับแห่งบรรพกาลให้เจอด้วย”“รหัสลับนั่น… มันอยู่ที่ไหนกันนะ?” ฮารุถาม “จิตวิญญาณแห่งต้นไม้บอกแค่ว่ามันอยู่ในผืนป่าแห่งนี้
คืนเดือนมืดปกคลุมผืนป่าดิบชื้นทางตอนเหนือของสยามประเทศ แสงจันทร์แทบไม่สามารถส่องผ่านม่านไม้หนาทึบลงมาได้ มีเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องระงม และเสียงลมกระโชกแรงที่พัดกิ่งไม้ใบหญ้าให้เสียดสีกันเป็นระยะ ราวกับเสียงกระซิบกระซาบจากวิญญาณแห่งป่า อิจิและฮารุยังคงก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ร่างกายของอิจิอ่อนล้าจากบาดแผลที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ ส่วนฮารุก็ดูซีดเซียวจากการใช้พลังแห่งชีวิตครั้งล่าสุด แต่ดวงตาของทั้งคู่ยังคงฉายแววความมุ่งมั่นที่จะค้นหาผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่ปรากฏในนิมิตของฮารุ“อากาศที่นี่มันแปลกๆ นะอิจิ” ฮารุพึมพำ น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา “มันเย็นยะเยือกกว่าที่ควรจะเป็น… เหมือนมีบางอย่างกำลังจับจ้องเราอยู่”“ใช่… ฉันก็รู้สึกได้” อิจิตอบ เขากระชับดาบในมือแน่นขึ้น “พลังงานที่นี่ไม่ใช่พลังงานของปีศาจ แต่มันเป็นพลังที่เก่าแก่กว่านั้น… ลึกซึ้งกว่านั้น”ตามนิมิตของฮารุ ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายถูกซ่อนอยู่ใต้ต้นไม้โบราณที่สูงเสียดฟ้าในป่าลึกแห่งนี้ ต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมไปทั่วบริเวณ และมีแสงสีม่วงเข้มเปล่งออกมาจากรากของมัน“เรามาถูกทางแล้วใช่ไหมอิจิ?” ฮารุถาม“ฉันหวังว่าอย่างนั้นฮารุ” อิจ