พรึ่บ! เหวินฉู่พูดไม่ทันจบเขาก็ทรุดฮวบลงกับพื้น ดวงตาเขาเปลี่ยนจากขาวเป็นแดง ธาตุไฟเขากำลังจะแตก...มะ...ไม่ทันแล้ว
“คุณชายสาม!!!” เมิ่งเฉียวต้องตกใจอย่างมาก นางรีบเข้าพยุงเหวินฉู่ “ให้ข้าเรียก...”
“ไม่ต้อง” เหวินฉู่เสียงแหบแห้ง ตัวเขาร้อนเป็นไฟ
“เฉียวเฉี่ยว เจ้ากำลังจะออกเรือน คงได้รับตำราปรนนิบัติสามีแล้ว...” เมิ่งเฉียวผงะเล็กน้อย แต่ข้อมือเล็กกลับถูกมือใหญ่คว้าไว้
“เราไปที่เตียงกัน เรื่องนี้เจ้าต้องรับผิดชอบข้า เร็วเข้า! ข้าไม่มีเวลาแล้ว ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้า ข้าก็อาจจะตายได้”
“ตะ..ตาย!!!” แน่นอนว่าเมิ่งเฉียวสับสนไปหมดแล้ว แต่ดูจากอาการของเขาแล้ว เหวินฉู่ตอนนี้ไม่เหมือนว่าเขาจะพูดหยอกล้อนางเล่น
เหวินฉู่ถูกพยุงไปที่เตียง “เจ้าใช้มือกับปาก ก็พอ...” เหวินฉู่รั้งเชือกผูกเอวกางเกงออก
“ดูดมันไว้ในปากเจ้า เร็วเข้า” มือหนึ่งเขาจับท่อนเนื้ออันใหญ่ไว้ อีกมือก็กดศีรษะเมิ่งเฉียวลง
“เจ้าทำตามที่ได้อ่านในตำรา” ปากเล็กๆ
“บำรุงร่างกายฮูหยินสามให้ดีๆ หลังจากนี้ฮูหยินต้องดื่มยาต้มนี้เป็นประจำ คงจะสามารถให้นางยังคงอยู่ต่อไปได้สักอย่างน้อยครึ่งปีหรือถ้าโชคดีก็อาจจะถึงหนึ่งปีขอรับ” หมอเอ่ยกับนายท่านจางและฮูหยินจาง ก่อนจะขอตัวจากไป“เขียนจดหมายส่งไปให้เหวินฉู่ เขาควรได้รู้เรื่องนี้และรีบรุดกลับมาให้เฉียวเฉี่ยวได้เห็นหน้าเป็นครั้งสุดท้าย” ฮูหยินจางพยักหน้าพร้อมซับน้ำตา ในวันนี้มีทั้งเรื่องยินดีและเรื่องไม่นายินดี นางได้หลานเพิ่มมาอีกสองคนแต่กำลังจะเสียสะใภ้เล็กไปแม้จะรู้ว่าการเสียสะใภ้ไปหนึ่งคนในสังคมนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร บุตรชายนางยังหนุ่มแน่นสามารถแต่งสะใภ้คนใหม่เข้าจวนได้ก็ตาม แต่สิบเดือนมานี้ เฉียวเฉี่ยวจัดว่าเป็นสะใภ้ที่ดีและน่ารักคนหนึ่ง แถมยังเป็นแม่ที่มีหัวอกความเป็นแม่เต็มเปี่ยมแม้การเลือกชีวิตครั้งนี้เฉียวเฉี่ยวจะไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจยามเวลาความเป็นความตายว่าจะรักษาใครไว้ นายท่านจางกลับเลือกหลานๆ ทั้งสองไว้ทางด้านเหวินฉู่กับซิงซิง ทันทีที่ทั้งสองเดินทางออกพ้นประตูเมือง เหวินฉู่ก็ดึงร่างบางขึ้นสู่หลังม้าเขาควบม้าห่างประตูเมืองและกำแพงเมืองไปอย
“ฮูหยินน้อยสามอย่าโมโหนะเจ้าค่ะ ไม่ดีต่อครรภ์” ดั่งเป็นระฆังเตือนสติ ตอนนี้นางตั้งครรภ์ ทายาทของเขา ให้เขาต้องจากไปอย่างไรเขาก็ต้องกลับมา ไม่กลับมาหานางก็ต้องกลับมาหาทายาทของเขา ซึ่งเรื่องนี้เฉียวเฉี่ยวประเมิน เหวินฉู่สูงเกินไปเฉียวเฉี่ยวตัดสินใจไปหาเหวินฉู่ในที่สุด ตลอดเดือนมานี้นางอยู่อย่างสงบ วันๆ นางแถบไม่เห็นเขาเลย จะได้เจอกันอีกทีก็ยามหัวค่ำที่เขาต้องการสมสู่กับนาง ต้องการหรือเปล่าตอนนี้นางไม่เชื่อมั่นในตัวเองเสียแล้ว มีตรงไหนบ้างที่นางไม่ดีกับเขา นางตามใจเขาทุกอย่าง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นางเผลอตื่นมาตอนกลางดึก ทำให้นางรู้ว่าเขาไม่เคยนอนอยู่ข้างกายนางเลย เขาไปนอนที่ไหนกันซึ่งเรื่องนี้นางก็ไม่กล้าจะเอ่ยถามเขา แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวมาโดยตลอด เขาหลงใหลสาวใช้ห้องข้างของเขามากเลยเหรอไร
นางเปลี่ยนจากตื่นสายมาตื่นตอนเช้าทำงานเยี่ยงบ่าวทั้งงานหนักงานเบาไม่ปริปากบ่นสักคำ ยามกลางดึกสงัดเหวินฉู่เมื่อบำเรอดูแลฮูหยินน้อยเสร็จสมหลับใหลไปแล้ว เขาก็จะใช้ประตูเชื่อมเข้ามาในห้องสาวใช้ห้องข้างซิงซิง ก็แสนทรหด นางไม่ขัดขืนต่อความต้องการชายหนุ่มเลยสักนิด เขาต้องการให้นางทำอะไรนางก็กระทำให้อย่างไม่มีข้อแม้ซี๊ดดดด เหวินฉู่ ครางกระเซ่าเมื่อช่วงล่างของเขากำลังถูกซิงซิงใช้ปากดูดเคล้น เสียงจ๊วบจ๊าบ เนื่องจากคืนนี้ซิงซิงมีฤดู เหวินฉู่จึงไม่อาจทำอะไรนางได้ แต่เขาก็ยังต้องการใกล้ชิดนางมากกว่าแค่นอนกอดในแต่ละคืนสภาพสถานการณ์ในเรือนฉู่เป็นแบบนี้คืนแล้วคืนเล่า แม้เหวินฉู่จะไม่พอใจที่ซิงซิง ต้องทำงานหนักเยี่ยงบ่าวในตอนกลางวัน แต่ทว่าซิงซิงช่างดื้อนัก เขาสั่งห้ามนางก็ไม่ยอมฟัง เขาจึงจำใจต้องยินยอม แต่ก็เก็บความรู้สึกเคลือบแคลงไว้เช่นกันเฉียวเฉี่ยว ที่เคยรู้มาก่อนหน้านี้ว่าเหวินฉู่มีสาวใช้ห้องข้าง ซึ่งนางพยายามให้บ่าวสาวทั้งสองที่ติดตามนางมาไปสืบว่าเป็นผู้ใดบ่าวสาวทั้งสองทั้งๆ ที่รู้ว่าผู้นั้นคือใคร แต่พวกนางกลับให้คำตอบไปว่า “พวกบ่าวยังสืบหาไม่ได้เ
“ท่านต้องการอะไร!!” ซิงซิงใช้แรงกายอันน้อยนิดขัดขืนเขา ทั้งปัดมือเขาออกจากการลูบไล้ที่หยาบกระด้าง“ลองเดาดูสิ” ริมฝีปากทั้งสองบดเบียดกันอย่างบ้าคลั่ง ความรุนแรงที่เหวินฉู่กระทำกับซิงซิง สร้างความเจ็บปวดกายทรมานใจให้กับซิงซิงเป็นอย่างมากริมฝีปากทรมานนางยังไม่พอ ฝ่ามือกำยำยังกระทำชำเราเรือนกายอันบอบบางไม่หยุดหย่อน เขากระชากชุดสาวใช้ประจำเรือนจนขาดไม่เป็นชิ้นดี ซิงซิงก่นด่าเขาไม่หยุดเมื่อปากนางได้รับอิสระ แต่เพราะเสียงที่ไม่เป็นมงคลเหวินฉู่ไม่ชอบฟังเขากำจัดเสียงนั้นด้วยการอุดปากนางด้วยปากและลิ้นของเขาในทันทีเฮ่อเฮ่อ ลมหายใจหอบกระชั้นของทั้งสองเมื่อสายตาเว้นระยะห่างให้ช่องอากาศได้ผ่าน ดวงตาชายหนุ่มกวาดมองไปทั่วร่างบางใต้แสงสลัว เมื่อครู่เขาคงรุนแรงกับนางจริงๆ สินะ หลายๆ ตำแหน่งตามร่างกายนางมีรอยถลอกที่เกิดจากการเสียดสีของชิ้นผ้าที่เขากระชากออกไปอย่างบ้าคลั่งฝ่ามือหยาบกระด้างไล้สัมผัสผิวเนียนตั้งแต่แก้มไล่มาถึงลำคอเรียวเล็ก มีส่วนไหนของนางที่เขาไม่เคยแตะต้องอีกเหรอ แน่นอนย่อมไม่มีเขาสัมผัสแล้วทุกตารางนิ้วแต่เท่าไหร่ก็ไม
“ฮูหยินน้อยสามยินดีด้วยเจ้าค่ะ” พวกนางทำความเคารพและกล่าวยินดีอย่างพร้อมเพรียงได้น่าดูชมนักเสียงฉอเลาะประจบประแจงกล่าวชื่นชมยินดีหัวเราะต่อกระซิกระหว่างนายสาวกับบ่าวทั้งสองแน่นอนว่าต้องดังไปถึงห้องข้างที่มีสาวใช้ผู้ที่ถูกเก็บไว้อย่างช่วยไม่ได้นอกจากดวงตาที่แดงก่ำเพราะน้ำตาที่คลอหน่วยตาแล้ว เสียงสะอื้นสักนิดก็ไม่มีเล็ดรอดออกมาให้แม้แต่ตัวเองจะได้ยิน“คุณชายสาม” บ่าวสาวทั้งสองทำความเคารพต่อเหวินฉู่ที่กลับเข้าห้องหอมาในที่สุด บนชุดเจ้าบ่าวคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นสุรา เหวินฉู่ที่อยู่ในค่ายทหารมาถึงสี่ปี แม้จะดื่มหนักมาแค่ไหนเขาก็ไม่มีอาการเมามายเลยสักนิด จะมีเพียงสีหน้าและดวงตาที่แดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เท่านั้นพรึ่บ! ชายหนุ่มไม่รั้งรอให้เสียเวลาเขากระชากชุดเจ้าบ่าวสีแดงออกจากเรือนกายไปในทันที เฉียวเฉี่ยวมองชายหนุ่มด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง แก้มเนียนสาวแดงปลั่ง เมื่อได้เห็นรูปร่างเปลือยของสามีของตนจนเต็มตาไร้อาภรณ์เป็นครั้งแรก แม้ก่อนนี้นางจะได้เข้าถึงจุดลี้ลับของชายหนุ่มมาแล้วเมื่อดวงตาไล่ลงไปตามท่อนขาด้านในที่ขาวเนียน เขาช่างมีผิว
ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่นางยังเป็นหวานหว่าน ตอนนั้นนางจะรู้สึกอย่างไรกัน คงไม่เสียใจใช่หรือไม่ เพราะหวานหว่านถูกอบรมสั่งสอนมาแล้วว่า ต่อไปนางต้องปรนนิบัติดูแลฮูหยินน้อยสาม เพราะนั่นก็เป็นหน้าที่ของสาวใช้ห้องข้างด้วย แบ่งเบาภาระฮูหยินในการดูแลคุณชายสามแต่ทว่าตอนนี้นางคือซิงซิง ซิงซิงคือหญิงสาวที่ไม่จำเป็นต้องแบกรับตำแหน่งสาวใช้ห้องข้าง แต่นางต้องแบกรับความรู้สึกที่กำลังจะสูญเสียชายผู้เป็นที่รักซิงซิง นางยอมรับกับตัวเองอยู่เงียบๆ ว่า นางเจ็บปวดกับข่าวนี้ หัวใจของนางแตกสลายแล้วจริงๆ ก่อนนี้มันเป็นเพียงรอยร้าวที่ทั้งชีวิตนี้ไม่อาจประสานกลับมาเหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ทว่าตอนนี้รอยร้าวนั้นได้ปริแตกทำหัวใจนางสลายแล้วจริงๆ“อาฉู่” ซิงซิงพยายามเก็บความรู้สึกที่หัวใจแตกสลายไว้ “ปล่อยข้าไปเถอะ ตอนนี้ข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้วนอกจากชีวิตของข้า”“ซิงซิง เจ้ายังมีข้า นับจากนี้ข้าจะดูแลเจ้าไปตลอดชีวิตข้า ข้ารักเจ้า เจ้าคือผู้ที่ข้ารัก”ฮาฮา ในตอนนั้นที่นางได้ยินคำรักของผู้ชายคนนี้ นางทำได้เพียงหัวเราะทั้งน้ำตา ความรักของเขาที่มีต่อ