ตืด...ตืด...
เสียงนาฬิกาปลุกดังก้อง ทำให้นิรมลที่นอนอยู่บนเตียงดึงผ้าห่มมาคลุมโปง เพื่อให้ไม่ได้ยินเสียงดังที่รบกวนการนอน พร้อมกับเอื้อมมือมาปิดนาฬิกาปลุกที่ตอนนี้บอกเวลาหกนาฬิกา
นิรมลคงจะนอนต่ออย่างมีความสุขหากไม่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หญิงสาวถึงกับร้องออกมาด้วยความหงุดหงิดที่การนอนของเธอถูกรบกวน
“โว้ย...คนจะหลับจะนอน”
แต่เสียงโทรศัพท์ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง...ไม่ยอมหยุดสักที หญิงสาวหันไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู เบอร์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือเบอร์โทรศัพท์ของหัวหน้างาน
“เฮ้ย!”
หญิงสาวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ตั้งสติด้วยการเปิดดูโทรศัพท์อีกครั้ง คราวนี้เสียงโทรศัพท์ทางไลน์ดังขึ้นมาแทน เธอรับโทรศัพท์ทันที
‘ผมโทรศัพท์หาคุณตั้งหลายสายแล้ว นี่ตื่นหรือยัง’
“อะ...เอ่อ...หัวหน้ามีอะไรคะ ฉันกำลังจะไปทำงานแล้วค่ะ”
น้ำเสียงทางฝั่งโน้นไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักเมื่อได้ยินคำถามนี้ เสียงของเขาค่อนข้างเคร่งเครียด ในขณะที่นิรมลยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทำไมหัวหน้าถึงไม่พอใจเช่นนี้
‘คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า วันนี้มีประชุมตอนเก้าโมงเช้า เดี๋ยวผมกำลังจะออกจากบ้านละ คุณไปเตรียมเอกสารการประชุมให้พร้อมก็แล้วกัน ผมจะได้อ่านก่อนเริ่มประชุม แค่นี้แหละ”
นิรมลยังคงงง...จับต้นชนปลายไม่ถูก หญิงสาวเปิดโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อดูปฏิทิน แล้วเธอก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นว่าวันนี้วันที่เท่าไร
“วันนี้มีประชุม...”
หญิงสาวพึมพำ เปิดไลน์ดูอีกครั้งเพื่อดูให้แน่ใจ ทีแรกเธอคิดว่าวันนี้เป็นวันหยุด วันที่จะได้นอนพักผ่อนอย่างสบายใจ
วันนี้คือวันที่ 1 เดือนสิงหาคม...
นิรมลขับรถยนต์มาจอดที่ลานจอดรถ อยู่ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ระหว่างลานจอดรถกับตึกบริษัทไม่มีหลังคากันแดดกันฝน หญิงสาวหันไปมองด้านหลัง ไม่มีร่มอยู่ในรถยนต์เลยแม้แต่คันเดียว เธอคว้ากระเป๋าได้ก็รีบวิ่งเข้ามาในบริษัท ทำให้แม่บ้านคนหนึ่งที่ยืนอยู่บริเวณนั้นถามด้วยความเป็นห่วง
“จะรีบวิ่งไปไหนคะ...เพิ่งจะแปดโมงเช้าเอง ตัวคุณ นิวเปียกหมดแล้ว”
หญิงสาวก้มมองตัวเอง วันนี้เธอใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กระโปรงสีดำ เธอรีบกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปข้างบนโดยไม่ได้สนใจสภาพตัวเองจะเป็นอย่างไร
“นิวขอโทษด้วยนะคะพี่ วันนี้มีประชุมตอนเก้าโมงเช้าค่ะ ต้องรีบไปเตรียมเอกสารให้หัวหน้า ขอตัวขึ้นไปก่อนนะคะ”
ติ๊ง...
เสียงลิฟต์ดังขึ้น หญิงสาวรีบเข้าไปเพื่อขึ้นไปทำงาน เธอมองกระจกในลิฟต์เพื่อดูความเรียบร้อยของตัวเอง กระจกสะท้อนให้เห็นผู้หญิงร่างเล็ก ผิวสีน้ำผึ้ง ผมยาวประบ่า ตัดผมหน้าม้า โชคดีที่เสื้อของเธอเปียกเพียงเล็กน้อย
เมื่อมาถึงห้องทำงาน นิรมลก็รีบวิ่งไปที่โต๊ะทำงานที่อยู่ตรงประตูด้านหน้า เธอหาเอกสารที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน หยิบมาอ่านทบทวนความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนที่จะถือเอกสารเดินเข้าไปในห้องประชุม จัดการวางเอกสารและเตรียมน้ำดื่มสำหรับการประชุมไว้พร้อม
เสียงประตูเปิดออก หญิงสาวหันหน้าไปมอง หัวหน้างานของเธอเดินเข้ามา
“คุณนิรมล เอกสารพร้อมหรือยัง ไหนเอาเอกสารมาดูซิ”
หญิงสาวหยิบเอกสารมาพร้อมกับนั่งอธิบายให้หัวหน้าฟังจนเข้าใจเป็นอันดี เขาโบกมือเป็นการอนุญาตให้นิรมลไปได้ เพื่อที่จะได้นั่งอ่านเอกสารทบทวนรายละเอียดอีกครั้งในห้องประชุม
จนกระทั่งถึงเวลาประชุม แทนที่จะเสร็จได้โดยเร็ว กลับกลายเป็นว่าประชุมครั้งนี้ยืดเยื้อกว่าที่คิด หญิงสาวต้องอยู่ในห้องประชุมตลอดทั้งวัน และสรุปประชุมได้ว่าต่อไปแผนกการขายจะต้องกระตุ้นยอดขายให้มากกว่านี้
หญิงสาวออกมาจากห้องประชุมด้วยความเหนื่อยล้า เธอเดินกลับมาที่ห้องทำงาน เห็นคนอื่นๆ ในแผนกพากันทยอยออกจากห้องทำงาน
“นิว มีงานด่วนวางอยู่บนโต๊ะนะ พี่กลับบ้านก่อน”
หญิงสาวหันหน้าไปมอง เดินไปดูแฟ้มงานบนโต๊ะ ถอนหายใจเมื่ออ่านโน้ตที่เขียนแปะไว้
‘ของานภายในวันพรุ่งนี้ สิบโมงเช้า’
หญิงสาวมีสีหน้าเบื่อหน่าย หันมองในห้องทำงานที่ไม่มีใครอยู่แล้วถอนหายใจยาว เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พิมพ์ข้อความหาใครคนหนึ่ง แต่ไม่มีการตอบกลับมา เธอมองไปรอบๆ ตัวแล้วเดินออกไปด้านนอกห้องเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ
ในระหว่างเดินไปเข้าห้องน้ำ หญิงสาวได้พบกับพนักงานคนอื่นๆ ที่กำลังจะกลับบ้าน นิรมลพบเจอใครคนหนึ่ง เธอยิ้มดีใจก่อนร้องทักทายแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ชมพู จะกลับบ้านแล้วเหรอ”
“อ้าว วันนี้แกมาทำงานด้วยเหรอนิว ฉันทักไลน์หาแกก็ไม่ตอบ”
“ฉันเพิ่งเลิกประชุมน่ะ ตอนที่ชมพูทักไลน์มากำลังประชุมอยู่ จะตอบข้อความได้ยังไง”
ชมพูนุทไม่พูดอะไรต่อ เธอก้มมองนาฬิกาข้อมือ เห็นว่าเลยเวลานัดแล้วจึงรีบตัดบทกับเพื่อนตรงหน้า
“งั้นฉันไปก่อนนะแก มีธุระต้องรีบไป วันหลังค่อยคุยกัน”
ชมพูนุทเดินจากไป นิรมลมองตามหลังเพื่อนสาวคนสวย เธอเดินเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวจนเรียบร้อย เดินกลับมาห้องทำงาน คราวนี้มีเสียงข้อความทางไลน์ดังขึ้น
‘จิ๋ว...เลิกประชุมแล้วเหรอ’
‘ใช่ บีอยู่ไหนล่ะ เย็นนี้นัดกันไปกินข้าวที่ร้านเดิมใช่ไหม’
ทางด้านโน้นส่งสติกเกอร์ตกใจ ราวกับว่าเพิ่งนึกได้ว่ามีนัดกับเธอ
‘บีลืมไปเลย...ขอโทษน้า วันนี้บีกลับบ้านเร็วเพราะแม่โทรศัพท์ตามให้รีบกลับ ที่บ้านก๊อกน้ำรั่ว เพิ่งซ่อมเสร็จเมื่อกี้นี้เอง ก่อนหน้าจิ๋วจะทักมาเนี่ย’
นิรมลถอนหายใจ นึกน้อยใจอีกฝ่ายที่ไม่ทักถามหรือบอกเล่าเธอเลยสักนิด แต่นั่นแหละ เขาก็เป็นของเขาแบบนี้มานานแล้ว หญิงสาวได้แต่พิมพ์ข้อความตอบกลับไปตามปกติ
‘ถ้างั้นบีไปพักเถอะ เดี๋ยวจิ๋วก็กำลังจะกลับคอนโดฯ เหมือนกัน’
นิรมลวางโทรศัพท์ลง มีแต่คนไม่ว่างทั้งนั้น ยังไม่ทันที่เธอจะทำอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น หญิงสาวรับสาย
‘จิ๋ว...ไม่งอนน้า วันพรุ่งนี้บีสัญญาเลยว่าจะพาจิ๋วไปกินข้าวด้วยแน่นอน’
นิรมลถอนหายใจยาว ถึงจะน้อยใจแค่ไหนก็ตาม เธอพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด แต่น้ำเสียงที่พูดออกมาเป็นเสียงเครือ
“พรุ่งนี้เดี๋ยวบีก็ลืมอีก น้องเล็กไปเรียนพิเศษหรือเปล่าล่ะ เอาไว้ถ้าบีว่างๆ ค่อยนัดกันก็ได้”
‘บีสัญญาจริงๆ หรือจิ๋วจะออกไปตอนกลางวันไหม’
นิรมลส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะอธิบายต่อ
“ตอนกลางวันไม่ได้หรอกบี เดี๋ยวค่อยนัดกันดีกว่า แค่นี้แหละ...จิ๋วจะกลับคอนโดฯ แล้ว”
‘จิ๋ว...’
“จิ๋วจะกลับคอนโดฯ แล้วจริงๆ วางสายก่อนนะ...บาย”
นิรมลวางสายโทรศัพท์ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น เก็บของเตรียมปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ระหว่างที่กำลังจะปิดโปรแกรมเฟซบุ๊ก เธอเห็นรูปที่น้องสาวถ่ายกับเพื่อนๆ ก็นึกอยากจะคุยด้วย จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ปลายสายรับโทรศัพท์ หญิงสาวทักถามต่อด้วยความดีใจ
“ทำอะไรอยู่นัท กินข้าวหรือยัง”
‘ยังเลยพี่นิว นี่นัทกำลังอ่านหนังสืออยู่บนห้องน่ะ ว่าแต่...พี่นิวเลิกงานหรือยังคะ กลับห้องแล้วเหรอ’
นิรมลแอบถอนหายใจเพียงนิดเดียว นรีนันท์พอเดาได้ว่าพี่สาวน่าจะมีเรื่องอะไรอย่างแน่นอน ปกติไม่เคยโทร. หาเธอเวลาแบบนี้นี่นา เธอถามพี่สาวต่อด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วง
‘พี่นิวเป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่า...พี่มีปัญหาอะไรเรื่องงานไหม ถึงนัทจะช่วยอะไรพี่ไม่ได้มาก แต่ก็เป็นที่ระบายให้พี่ได้เสมอนะ’
นิรมลกำลังจะเล่าให้นรีนันท์ฟัง แต่ทางโน้นกลับมีเสียงเคาะประตู ตามด้วยเสียงตะโกนของแม่ดังขึ้น
“นัทมากินข้าวได้แล้วลูก พ่อรออยู่”
ทางด้านปลายสายที่ได้ยินเสียงกลับหยุดชะงัก ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ถ้าอย่างนั้นนัทไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวพี่เก็บของกลับบ้านก่อน”
นิรมลวางสายโทรศัพท์ เก็บของกลับคอนโดฯ เธอถือแฟ้มงานกลับบ้านไปด้วย ระหว่างทางหญิงสาวหวนนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา…เรื่องราวในวัยเด็กของเธอที่จังหวัดนครปฐม
เช้าวันรุ่งขึ้น นิรมลไปทำงานตามปกติ โดยไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่บริษัทบ้าง หญิงสาวหยิบแฟ้มสรุปงานเมื่อวานที่ไปพบลูกค้ามาเพื่อจะรายงานหัวหน้า ขณะเดียวกันเพื่อนที่นั่งทำงานโต๊ะข้างๆ ก็เดินเข้ามาพอดี เธอรีบวางกระเป๋าแล้วเดินไปหานิรมลเพื่อจะสนทนาถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้“นิว...เมื่อวานเธอไม่อยู่...”“นิวมาหรือยัง?”เสียงดังมาจากข้างหลัง ทุกคนหันหน้าไปมองตามเสียง เพื่อนคนที่กำลังจะเล่าเรื่องหยุดชะงักและถอยห่างจากนิรมลเมื่อเห็นสีหน้าคนถามที่ดูเคร่งเครียด“เมื่อวานผลเป็นยังไงบ้าง เดี๋ยวคุณเข้าไปสรุปให้ผมฟังที แล้วก็เตรียมข้อมูลและเข้าประชุมกับบอร์ดบริหารกับผมด้วย”“ได้ค่ะ”นิรมลรับคำแล้วรีบถือแฟ้มงานตามเข้าไปในห้องหัวหน้า เพื่อรายงานผลงานเมื่อวานนี้ และออกมาเตรียมเอกสารการประชุมด้วยความเคร่งเครียด จนเพื่อนคนที่จะเล่าเรื่องบางอย่างให้ฟังได้แต่นั่งมองห่างๆ จนหญิงสาวรู้สึกได้ว่ามีคนมอง“เมื่อเช้านี้พี่จะเล่าอะไรให้ฟังหรือเปล่าคะ หัวหน้ามาพอดีเลยไม่ได้คุยกันต่อ”“ไม่มีอะไรหรอก นิวรีบทำงานเหอะ อีกห้านาทีต้องเข้าประชุมแล้ว เดี๋ยวเตรียมเอกสารไม่ทัน”นิรมลพยักหน้าให้“งั้นค่อยคุยกันนะคะ”นิรม
“ดีใจไหมลูก หนูได้น้องสาวนะ”พ่อของนิรมลพาไปดูน้องที่ห้องทารกแรกเกิด เด็กหญิงนิรมลชะเง้อมองผ่านกระจก ในตอนนั้นเธออายุเพียงสิบสองปี ในความคิดของเด็กๆ เธอคิดว่าน้องสาวเสมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต สามารถเล่นได้ จับแต่งตัวได้หลังจากนั้นไม่กี่วัน แม่ของเธอออกจากโรงพยาบาล ส่วนพ่อไปทำนาคนเดียว แม่หยุดพักเพียงสองสามวันก็ออกไปทำนาช่วยพ่ออีกแรง พาน้องสาวไปเลี้ยงที่ทุ่งนาด้วย จัดการผูกเปลไว้ที่ต้นไม้ แล้วตัวเองไปยืนหลังขดหลังแข็งทำนากลางแดดร้อนๆ ส่วนเด็กหญิงนิรมลต้องไปโรงเรียน เมื่อเลิกเรียนหรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เธอจะช่วยแม่เลี้ยงน้องสาวเมื่อเวลาพ่อแม่ไปทำนา หรือเวลาที่แม่ต้องทำงานบ้าน เธอรักน้องสาวมากเพราะช่วยแม่เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยเด็กหญิงนิรมลเห็นพ่อแม่ทำงานหนักแทบทุกวัน ไม่มีวันหยุดเลย นั่นทำให้เธอวางเป้าหมายในชีวิตไว้ทันที‘ฉันจะเรียนหนังสือให้เก่ง จะได้ทำงานดีๆ มีเงินเดือนสูงๆ เลี้ยงดูพ่อแม่เอง จะได้ไม่ต้องทำงานหนักอย่างทุกวันนี้’เวลาผ่านไป นิรมลเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจ เธอได้รับการติดต่อจากบริษัทขายอาหารเสริมที่เธอไปฝึกงาน และหญิงสาวได้เข้าทำงานที่นี่ เธอตั้ง
ตืด...ตืด...เสียงนาฬิกาปลุกดังก้อง ทำให้นิรมลที่นอนอยู่บนเตียงดึงผ้าห่มมาคลุมโปง เพื่อให้ไม่ได้ยินเสียงดังที่รบกวนการนอน พร้อมกับเอื้อมมือมาปิดนาฬิกาปลุกที่ตอนนี้บอกเวลาหกนาฬิกานิรมลคงจะนอนต่ออย่างมีความสุขหากไม่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หญิงสาวถึงกับร้องออกมาด้วยความหงุดหงิดที่การนอนของเธอถูกรบกวน“โว้ย...คนจะหลับจะนอน”แต่เสียงโทรศัพท์ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง...ไม่ยอมหยุดสักที หญิงสาวหันไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู เบอร์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือเบอร์โทรศัพท์ของหัวหน้างาน“เฮ้ย!”หญิงสาวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ตั้งสติด้วยการเปิดดูโทรศัพท์อีกครั้ง คราวนี้เสียงโทรศัพท์ทางไลน์ดังขึ้นมาแทน เธอรับโทรศัพท์ทันที‘ผมโทรศัพท์หาคุณตั้งหลายสายแล้ว นี่ตื่นหรือยัง’“อะ...เอ่อ...หัวหน้ามีอะไรคะ ฉันกำลังจะไปทำงานแล้วค่ะ”น้ำเสียงทางฝั่งโน้นไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักเมื่อได้ยินคำถามนี้ เสียงของเขาค่อนข้างเคร่งเครียด ในขณะที่นิรมลยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทำไมหัวหน้าถึงไม่พอใจเช่นนี้‘คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า วันนี้มีประชุมตอนเก้าโมงเช้า เดี๋ยวผมกำลังจะออกจากบ้านละ คุณไปเตรียมเอกสารการประชุมให้พร้อมก็แล้วกัน ผมจะได้อ่า
วันที่ 31 เดือนตุลาคม...รถยนต์คันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว บนถนนที่กำลังออกนอกจังหวัดกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดนครปฐม มีรถยนต์ผ่านมาบ้างเพียงสามสี่คัน ภายในรถยนต์คันนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งเป็นผู้ขับ เธอสวมแว่นตาดำขับรถมาจนถึงสี่แยกแห่งหนึ่ง สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเหลืองมาเป็นสีแดงภายในพริบตาหญิงสาวเงยหน้ามองเห็นไฟจราจรเปลี่ยน เท้าเหยียบเบรกรถยนต์ แต่...เบรกกลับไม่ยอมทำงานอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้หญิงสาวบนรถเริ่มมีสีหน้าตื่นตระหนก เธอกรีดร้องเสียงดังลั่นเมื่อเห็นว่ารถไม่ยอมหยุด“กรี๊ดดด!!!”โครม!!!รถยนต์ของหญิงสาวพุ่งชนกับรถอีกคันหนึ่ง เศษกระจกแตกกระจายเกลื่อนกลางสี่แยก รวมถึงชิ้นส่วนอื่นๆ ที่กระจัดกระจาย เสียงคนกรีดร้องจากริมถนนและรถยนต์คันอื่นที่จอดติดสัญญาณไฟแดงอยู่แถวนั้น เพียงครู่เดียวก็มีพลเมืองดีโทรศัพท์เรียกหน่วยกู้ภัยและตำรวจทันทีที่เกิดอุบัติเหตุน่าแปลก...ที่รถยนต์ของฝ่ายหลังถึงจะพังยับเยิน แต่คนขับรถที่เป็นผู้ชายกลับไม่เป็นอะไรเลย แค่ฟกช้ำจากการถูกกระแทกเพียงเล็กน้อยกลับกัน...หญิงสาวในรถยนต์อีกคัน ร่างกายกระแทกกับพวงมาลัยรถ เศษกระจกบาดตามตัวของเธอผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น มีชิ้นหน