ตืด...ตืด...
เสียงนาฬิกาปลุกดังก้อง ทำให้นิรมลที่นอนอยู่บนเตียงดึงผ้าห่มมาคลุมโปง เพื่อให้ไม่ได้ยินเสียงดังที่รบกวนการนอน พร้อมกับเอื้อมมือมาปิดนาฬิกาปลุกที่ตอนนี้บอกเวลาหกนาฬิกา
นิรมลคงจะนอนต่ออย่างมีความสุขหากไม่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หญิงสาวถึงกับร้องออกมาด้วยความหงุดหงิดที่การนอนของเธอถูกรบกวน
“โว้ย...คนจะหลับจะนอน”
แต่เสียงโทรศัพท์ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง...ไม่ยอมหยุดสักที หญิงสาวหันไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู เบอร์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือเบอร์โทรศัพท์ของหัวหน้างาน
“เฮ้ย!”
หญิงสาวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ตั้งสติด้วยการเปิดดูโทรศัพท์อีกครั้ง คราวนี้เสียงโทรศัพท์ทางไลน์ดังขึ้นมาแทน เธอรับโทรศัพท์ทันที
‘ผมโทรศัพท์หาคุณตั้งหลายสายแล้ว นี่ตื่นหรือยัง’
“อะ...เอ่อ...หัวหน้ามีอะไรคะ ฉันกำลังจะไปทำงานแล้วค่ะ”
น้ำเสียงทางฝั่งโน้นไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักเมื่อได้ยินคำถามนี้ เสียงของเขาค่อนข้างเคร่งเครียด ในขณะที่นิรมลยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทำไมหัวหน้าถึงไม่พอใจเช่นนี้
‘คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า วันนี้มีประชุมตอนเก้าโมงเช้า เดี๋ยวผมกำลังจะออกจากบ้านละ คุณไปเตรียมเอกสารการประชุมให้พร้อมก็แล้วกัน ผมจะได้อ่านก่อนเริ่มประชุม แค่นี้แหละ”
นิรมลยังคงงง...จับต้นชนปลายไม่ถูก หญิงสาวเปิดโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อดูปฏิทิน แล้วเธอก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นว่าวันนี้วันที่เท่าไร
“วันนี้มีประชุม...”
หญิงสาวพึมพำ เปิดไลน์ดูอีกครั้งเพื่อดูให้แน่ใจ ทีแรกเธอคิดว่าวันนี้เป็นวันหยุด วันที่จะได้นอนพักผ่อนอย่างสบายใจ
วันนี้คือวันที่ 1 เดือนสิงหาคม...
นิรมลขับรถยนต์มาจอดที่ลานจอดรถ อยู่ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ระหว่างลานจอดรถกับตึกบริษัทไม่มีหลังคากันแดดกันฝน หญิงสาวหันไปมองด้านหลัง ไม่มีร่มอยู่ในรถยนต์เลยแม้แต่คันเดียว เธอคว้ากระเป๋าได้ก็รีบวิ่งเข้ามาในบริษัท ทำให้แม่บ้านคนหนึ่งที่ยืนอยู่บริเวณนั้นถามด้วยความเป็นห่วง
“จะรีบวิ่งไปไหนคะ...เพิ่งจะแปดโมงเช้าเอง ตัวคุณ นิวเปียกหมดแล้ว”
หญิงสาวก้มมองตัวเอง วันนี้เธอใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กระโปรงสีดำ เธอรีบกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปข้างบนโดยไม่ได้สนใจสภาพตัวเองจะเป็นอย่างไร
“นิวขอโทษด้วยนะคะพี่ วันนี้มีประชุมตอนเก้าโมงเช้าค่ะ ต้องรีบไปเตรียมเอกสารให้หัวหน้า ขอตัวขึ้นไปก่อนนะคะ”
ติ๊ง...
เสียงลิฟต์ดังขึ้น หญิงสาวรีบเข้าไปเพื่อขึ้นไปทำงาน เธอมองกระจกในลิฟต์เพื่อดูความเรียบร้อยของตัวเอง กระจกสะท้อนให้เห็นผู้หญิงร่างเล็ก ผิวสีน้ำผึ้ง ผมยาวประบ่า ตัดผมหน้าม้า โชคดีที่เสื้อของเธอเปียกเพียงเล็กน้อย
เมื่อมาถึงห้องทำงาน นิรมลก็รีบวิ่งไปที่โต๊ะทำงานที่อยู่ตรงประตูด้านหน้า เธอหาเอกสารที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน หยิบมาอ่านทบทวนความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนที่จะถือเอกสารเดินเข้าไปในห้องประชุม จัดการวางเอกสารและเตรียมน้ำดื่มสำหรับการประชุมไว้พร้อม
เสียงประตูเปิดออก หญิงสาวหันหน้าไปมอง หัวหน้างานของเธอเดินเข้ามา
“คุณนิรมล เอกสารพร้อมหรือยัง ไหนเอาเอกสารมาดูซิ”
หญิงสาวหยิบเอกสารมาพร้อมกับนั่งอธิบายให้หัวหน้าฟังจนเข้าใจเป็นอันดี เขาโบกมือเป็นการอนุญาตให้นิรมลไปได้ เพื่อที่จะได้นั่งอ่านเอกสารทบทวนรายละเอียดอีกครั้งในห้องประชุม
จนกระทั่งถึงเวลาประชุม แทนที่จะเสร็จได้โดยเร็ว กลับกลายเป็นว่าประชุมครั้งนี้ยืดเยื้อกว่าที่คิด หญิงสาวต้องอยู่ในห้องประชุมตลอดทั้งวัน และสรุปประชุมได้ว่าต่อไปแผนกการขายจะต้องกระตุ้นยอดขายให้มากกว่านี้
หญิงสาวออกมาจากห้องประชุมด้วยความเหนื่อยล้า เธอเดินกลับมาที่ห้องทำงาน เห็นคนอื่นๆ ในแผนกพากันทยอยออกจากห้องทำงาน
“นิว มีงานด่วนวางอยู่บนโต๊ะนะ พี่กลับบ้านก่อน”
หญิงสาวหันหน้าไปมอง เดินไปดูแฟ้มงานบนโต๊ะ ถอนหายใจเมื่ออ่านโน้ตที่เขียนแปะไว้
‘ของานภายในวันพรุ่งนี้ สิบโมงเช้า’
หญิงสาวมีสีหน้าเบื่อหน่าย หันมองในห้องทำงานที่ไม่มีใครอยู่แล้วถอนหายใจยาว เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พิมพ์ข้อความหาใครคนหนึ่ง แต่ไม่มีการตอบกลับมา เธอมองไปรอบๆ ตัวแล้วเดินออกไปด้านนอกห้องเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ
ในระหว่างเดินไปเข้าห้องน้ำ หญิงสาวได้พบกับพนักงานคนอื่นๆ ที่กำลังจะกลับบ้าน นิรมลพบเจอใครคนหนึ่ง เธอยิ้มดีใจก่อนร้องทักทายแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ชมพู จะกลับบ้านแล้วเหรอ”
“อ้าว วันนี้แกมาทำงานด้วยเหรอนิว ฉันทักไลน์หาแกก็ไม่ตอบ”
“ฉันเพิ่งเลิกประชุมน่ะ ตอนที่ชมพูทักไลน์มากำลังประชุมอยู่ จะตอบข้อความได้ยังไง”
ชมพูนุทไม่พูดอะไรต่อ เธอก้มมองนาฬิกาข้อมือ เห็นว่าเลยเวลานัดแล้วจึงรีบตัดบทกับเพื่อนตรงหน้า
“งั้นฉันไปก่อนนะแก มีธุระต้องรีบไป วันหลังค่อยคุยกัน”
ชมพูนุทเดินจากไป นิรมลมองตามหลังเพื่อนสาวคนสวย เธอเดินเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวจนเรียบร้อย เดินกลับมาห้องทำงาน คราวนี้มีเสียงข้อความทางไลน์ดังขึ้น
‘จิ๋ว...เลิกประชุมแล้วเหรอ’
‘ใช่ บีอยู่ไหนล่ะ เย็นนี้นัดกันไปกินข้าวที่ร้านเดิมใช่ไหม’
ทางด้านโน้นส่งสติกเกอร์ตกใจ ราวกับว่าเพิ่งนึกได้ว่ามีนัดกับเธอ
‘บีลืมไปเลย...ขอโทษน้า วันนี้บีกลับบ้านเร็วเพราะแม่โทรศัพท์ตามให้รีบกลับ ที่บ้านก๊อกน้ำรั่ว เพิ่งซ่อมเสร็จเมื่อกี้นี้เอง ก่อนหน้าจิ๋วจะทักมาเนี่ย’
นิรมลถอนหายใจ นึกน้อยใจอีกฝ่ายที่ไม่ทักถามหรือบอกเล่าเธอเลยสักนิด แต่นั่นแหละ เขาก็เป็นของเขาแบบนี้มานานแล้ว หญิงสาวได้แต่พิมพ์ข้อความตอบกลับไปตามปกติ
‘ถ้างั้นบีไปพักเถอะ เดี๋ยวจิ๋วก็กำลังจะกลับคอนโดฯ เหมือนกัน’
นิรมลวางโทรศัพท์ลง มีแต่คนไม่ว่างทั้งนั้น ยังไม่ทันที่เธอจะทำอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น หญิงสาวรับสาย
‘จิ๋ว...ไม่งอนน้า วันพรุ่งนี้บีสัญญาเลยว่าจะพาจิ๋วไปกินข้าวด้วยแน่นอน’
นิรมลถอนหายใจยาว ถึงจะน้อยใจแค่ไหนก็ตาม เธอพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด แต่น้ำเสียงที่พูดออกมาเป็นเสียงเครือ
“พรุ่งนี้เดี๋ยวบีก็ลืมอีก น้องเล็กไปเรียนพิเศษหรือเปล่าล่ะ เอาไว้ถ้าบีว่างๆ ค่อยนัดกันก็ได้”
‘บีสัญญาจริงๆ หรือจิ๋วจะออกไปตอนกลางวันไหม’
นิรมลส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะอธิบายต่อ
“ตอนกลางวันไม่ได้หรอกบี เดี๋ยวค่อยนัดกันดีกว่า แค่นี้แหละ...จิ๋วจะกลับคอนโดฯ แล้ว”
‘จิ๋ว...’
“จิ๋วจะกลับคอนโดฯ แล้วจริงๆ วางสายก่อนนะ...บาย”
นิรมลวางสายโทรศัพท์ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น เก็บของเตรียมปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ระหว่างที่กำลังจะปิดโปรแกรมเฟซบุ๊ก เธอเห็นรูปที่น้องสาวถ่ายกับเพื่อนๆ ก็นึกอยากจะคุยด้วย จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ปลายสายรับโทรศัพท์ หญิงสาวทักถามต่อด้วยความดีใจ
“ทำอะไรอยู่นัท กินข้าวหรือยัง”
‘ยังเลยพี่นิว นี่นัทกำลังอ่านหนังสืออยู่บนห้องน่ะ ว่าแต่...พี่นิวเลิกงานหรือยังคะ กลับห้องแล้วเหรอ’
นิรมลแอบถอนหายใจเพียงนิดเดียว นรีนันท์พอเดาได้ว่าพี่สาวน่าจะมีเรื่องอะไรอย่างแน่นอน ปกติไม่เคยโทร. หาเธอเวลาแบบนี้นี่นา เธอถามพี่สาวต่อด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วง
‘พี่นิวเป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่า...พี่มีปัญหาอะไรเรื่องงานไหม ถึงนัทจะช่วยอะไรพี่ไม่ได้มาก แต่ก็เป็นที่ระบายให้พี่ได้เสมอนะ’
นิรมลกำลังจะเล่าให้นรีนันท์ฟัง แต่ทางโน้นกลับมีเสียงเคาะประตู ตามด้วยเสียงตะโกนของแม่ดังขึ้น
“นัทมากินข้าวได้แล้วลูก พ่อรออยู่”
ทางด้านปลายสายที่ได้ยินเสียงกลับหยุดชะงัก ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ถ้าอย่างนั้นนัทไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวพี่เก็บของกลับบ้านก่อน”
นิรมลวางสายโทรศัพท์ เก็บของกลับคอนโดฯ เธอถือแฟ้มงานกลับบ้านไปด้วย ระหว่างทางหญิงสาวหวนนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา…เรื่องราวในวัยเด็กของเธอที่จังหวัดนครปฐม
เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันจันทร์ ทั้งนิรมลและนรีนันท์ต้องกลับไปทำงานที่บริษัทตามปกติ ทั้งสองคนขับรถยนต์ออกจากบ้านที่นครปฐมตั้งแต่ตีห้า เพราะต้องแวะคอนโดฯ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยนิรมลขับรถยนต์มาเรื่อยๆ บนท้องถนนเวลานั้นยังมีรถยนต์ไม่มากนัก หญิงสาวขับรถยนต์มาแบบสบายๆ จนกระทั่งเริ่มจะเข้าเขตกรุงเทพฯ นรีนันท์เริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ“พี่นิว นัทว่ารถคันนี้ขับตามเรามาตั้งแต่ที่นครปฐมแล้วนะ รถคนรู้จักหรือเปล่าพี่นิว”นรีนันท์ชี้ให้ดูพร้อมกับบอกเลขทะเบียนรถ เป็นรถยนต์สีขาวคันเล็ก นิรมลได้แต่ชำเลืองมอง“ไม่รู้จักหรอก รถทะเบียนกรุงเทพฯ นี่นา เขาอาจจะต้องมาทำงานที่นี่เหมือนเราก็ได้ อย่าคิดมากไปหน่อยเลยนัท”ถึงจะได้รับคำตอบแบบนั้น แต่นรีนันท์ยังคงขมวดคิ้ว มองด้วยความสงสัย และต้องการทดสอบบางอย่าง เพื่อจะได้รู้ว่ามันถูกหรือผิดกันแน่“ถ้าอย่างนั้น พี่นิวลองชะลอรถดูสิคะ ดูซิว่าเขาจะขับรถแซงเราหรือเปล่า หรือจะตามมา”นิรมลตอนแรกจะไม่ทำตามเพราะไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่นรีนันท์กลับพูดคะยั้นคะยออีกครั้ง“พี่นิวจะได้รู้ไงคะว่าใครพูดถูกหรือผิด หรือบางทีนั
“อ้าว! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ กำลังจะไปไหนเหรอ?”“ฉันแวะมาหาลูกค้าน่ะ งานเสริมของฉันเอง ตอนนี้เสร็จธุระแล้ว บังเอิญมาเจอกับเธอที่นี่แหละนิว”นิรมลมองหน้าเพื่อนด้วยความดีใจ จนลืมนึกอะไรบางอย่างไป หญิงสาวหลุดปากชักชวนเพื่อนตรงหน้าไปเที่ยวที่บ้าน“ถ้าอย่างนั้นไปบ้านนิวสิชมพู เผื่อว่าจะได้นอนค้างด้วยกัน”นิรมลขับรถยนต์นำหน้ารถของชมพูนุท จนกระทั่งมาถึงหน้าบ้านของเธอ ชมพูนุทที่เพิ่งมาบ้านของนิรมลครั้งแรกได้แต่เงยหน้ามองบ้านเก่าๆ ที่อยู่ตรงหน้าด้วยอาการนิ่งสงบ“มีใครอยู่บ้านหรือเปล่า นัทล่ะ”“นัทไม่อยู่บ้านหรอก บอกว่าจะไปหาเพื่อนเขาน่ะ ชมพูเข้าบ้านก่อน”ชมพูนุทเดินมานั่งที่โซฟา นิรมลเดินมาหยิบน้ำเปล่าให้เพื่อน เธอวางแก้วน้ำพร้อมทั้งขนม ชวนคุยต่อด้วยความตื่นเต้นที่เจอเพื่อน“แล้วเดี๋ยวชมพูจะไปไหนต่อหรือเปล่า จะหาโรงแรมนอนค้าง หรือว่าจะกลับกรุงเทพฯ เลย”“ฉันว่าจะกลับกรุงเทพฯ เลย เย็นนี้มีธุระน่ะ คงอยู่นานไม่ได้หรอก”“ถ้าอย่างนั้นอยู่กินข้าวกลางวันก่อนไหม แม่นิวทำกับข้าวไว้เยอะเลย”ชมพูนุทยังคงส่ายหน้าป
นิรมลเดินกลับขึ้นมาข้างบนห้องนอน ส่วนน้องสาวแยกไปเข้าห้องนอนแล้วเช่นกัน เธอนั่งที่โต๊ะทำงาน มองของทั้งสองชิ้นที่หยิบมาจากบ้านย่าของภูดิศ แล้วหวนนึกถึงคำพูดของแม่ที่พูดเหมือนรู้ว่าพวกเธอทั้งสองคนคิดจะทำอะไร‘เมื่อช่วงสองสามวันที่ผ่านมา แม่ฝันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฝันว่าลูกทั้งสองคนโดนสุนัขวิ่งไล่กัด ถ้าคิดจะทำอะไรที่มันจะเสี่ยงอันตรายอยู่ละก็...เลิกเสียเถอะนะ’นิรมลมองของตรงหน้าแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เธอพูดพึมพำกับตัวเอง“นิวถอยไม่ได้หรอก ก้าวขาเข้ามาแล้ว”นิรมลพูด มองสมุดบันทึกตรงหน้าออกมาดู ในหน้าแรกแค่อ่านก็น่าสนใจเสียแล้ววันที่ 1 เดือนพฤษภาคม...ฉันขอพ่อแม่มาทำงานที่กรุงเทพฯ เพราะฉันไม่อยากจมปลักอยู่ที่บ้านเกิด จังหวัดเล็กๆ แค่นั้น ไม่ว่าจะทำอะไรคนก็คงรู้กันไปหมด วันนี้ฤกษ์ดี เป็นวันที่ฉันได้เปิดตัวบริษัทเสียที หลังจากที่เก็บเงินมาได้สักระยะ ถึงจะเป็นการเริ่มต้นจากเล็กๆ แต่สักวันมันจะต้องยิ่งใหญ่แน่นอน ฉันเชื่อแบบนั้น
นิรมลเดินออกมาเข้าห้องน้ำด้านนอก หญิงสาวมองไปรอบตัว ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น เธอหันหลังเดินกลับไปที่ตู้เก็บของด้านหน้า แต่เมื่อมองและค้นหาสิ่งของก็ไม่พบอะไรผิดปกติ มีเพียงรูปถ่ายและของใช้ทั่วไปวางอยู่เท่านั้นนิรมลเกือบจะเดินออกไปจากตรงนั้นแล้ว หากหญิงสาวไม่ได้ยินเสียงคล้ายๆ กับเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านในตู้นั้น เธอขยับตามเสียงแล้วเปิดตู้นั้นออกดูทันทีแอ๊ด...ของในตู้ร่วงหล่นลงมาตามประตูตู้ที่เปิด มีทั้งกระดาษเอสี่ที่ใช้แล้ว กล่องกระดาษที่มีของอยู่ในนั้น นิรมลหยิบกล่องกระดาษมาดูก็เห็นเป็นฮาร์ดดิสก์ หญิงสาวเห็นมีข้อความเขียนไว้บนกล่อง‘ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด’นั่นทำให้นิรมลหยิบมาดูแล้วรีบเอาใส่กระเป๋าของตัวเอง จากนั้นหญิงสาวรีบเก็บของที่หล่นลงมากลับไปใส่ไว้ในตู้เหมือนเดิม ระหว่างที่กำลังเก็บของพวกนั้นเข้าตู้ ก็มีสมุดเล่มหนึ่งตกลงมาตรงหน้าของเธอ เปิดโชว์ให้เห็นข้อความด้านในสมุด จนนิรมลร้องอุทานออกมา“นี่มันสมุดบันทึกนี่นา”นิรมลกำลังจะเปิดสมุดนั้นออกอ่าน เพราะอยากรู้ว่าสมุดบันทึก
เช้าวันเสาร์ นิรมลลุกขึ้นมาใส่บาตรตั้งแต่เช้า ตั้งจิตอธิษฐานนึกถึงพิษณุ วิญญาณที่กำลังต้องการความช่วยเหลือจากเธออยู่นิวไม่รู้ว่าที่ตามสืบอยู่จะมาถูกทางหรือเปล่า แต่จะพยายามค้นหาความจริงให้ได้โดยเร็วที่สุดนะคะหลังจากใส่บาตรเสร็จเรียบร้อย นิรมลเดินกลับขึ้นมาข้างบนห้อง พบว่าห้องเงียบราวกับว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ หญิงสาวจึงเดินไปเคาะประตูห้องนอนของนรีนันท์ และเมื่อบิดลูกบิดประตูก็พบว่าไม่ได้ล็อก เธอจึงเปิดเข้าไป เจอน้องสาวยังคงนอนอยู่บนเตียง“นัท ตื่นเถอะ จะได้กลับบ้านนครปฐมกัน”นรีนันท์ขยับตัว ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ อยากจะนอนหลับต่อเพราะเมื่อคืนเธอเอางานกลับมานั่งทำต่อจนดึกดื่น จึงได้แต่พลิกตัวหนีพี่สาว หันไปอีกทางด้วยความง่วง“อ้าว...นัทลุกขึ้นสิ ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว”“นัทไม่ไปไม่ได้เหรอ นัทง่วง...พี่นิวกลับไปคนเดียวเถอะ”“นัท...นัท”นิรมลเขย่าตัวอีกครั้ง แล้วก็หยุดชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเธอเดินออกมาเข้าห้องน้ำก็ยังเห็นน้องสาวนั่งทำงานอยู่ด้านนอก หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ เดินออกมาด้านนอ
หลังจากวางสายนิรมลไปแล้ว นรีนันท์ยืนรออยู่ที่ป้ายรถเมล์ หญิงสาวมองรถและผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา เกิดความคิดหนึ่งแวบขึ้นมานั่งรออยู่ตรงนี้เสียเวลาเปล่า ลองเข้าไปในซอยดีกว่านรีนันท์เดินเข้ามาในซอยสิบหก เธอมองซ้ายมองขวาเพราะไม่รู้เส้นทาง และคอยมองหาว่าร้านอาหารที่ชมพูนุทไปอยู่ตรงไหน หญิงสาวเดินเข้ามาเรื่อยๆ จนเกือบสุดซอยทีเดียวจึงได้พบกับสถานที่ตามต้องการ“ร้านหรูเหมือนกันนะเนี่ย”นรีนันท์พูดกับตัวเอง เธอมองเข้าไปในร้านเห็นมีลูกค้าอยู่เพียงสองสามโต๊ะ และหนึ่งในนั้นก็มีชมพูนุทนั่งอยู่ด้วย เธอนั่งหันหน้าออกมาข้างนอก เพื่อนร่วมโต๊ะของชมพูนุทเป็นผู้ชาย น่าจะอายุมากแล้ว แต่เธอเห็นหน้าไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร ได้แต่ยืนมองอยู่ด้านนอก“เชิญด้านในได้เลยนะคะ ในร้านมีที่นั่งว่างอยู่ค่ะ”พนักงานของร้านออกมาต้อนรับนรีนันท์ หญิงสาวเห็นเป็นโอกาสจึงรีบบอกพนักงาน“ฉันขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหมคะ แล้วก็จะขอสั่งอาหารกลับบ้านค่ะ”“ได้ค่ะ ห้องน้ำอยู่ทางด้านหลัง เชิญทางนี้ได้เลยค่ะ”พนักงานเตรียมเปิดประตูร้านให้นร