ตืด...ตืด...
เสียงนาฬิกาปลุกดังก้อง ทำให้นิรมลที่นอนอยู่บนเตียงดึงผ้าห่มมาคลุมโปง เพื่อให้ไม่ได้ยินเสียงดังที่รบกวนการนอน พร้อมกับเอื้อมมือมาปิดนาฬิกาปลุกที่ตอนนี้บอกเวลาหกนาฬิกา
นิรมลคงจะนอนต่ออย่างมีความสุขหากไม่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หญิงสาวถึงกับร้องออกมาด้วยความหงุดหงิดที่การนอนของเธอถูกรบกวน
“โว้ย...คนจะหลับจะนอน”
แต่เสียงโทรศัพท์ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง...ไม่ยอมหยุดสักที หญิงสาวหันไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู เบอร์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือเบอร์โทรศัพท์ของหัวหน้างาน
“เฮ้ย!”
หญิงสาวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ตั้งสติด้วยการเปิดดูโทรศัพท์อีกครั้ง คราวนี้เสียงโทรศัพท์ทางไลน์ดังขึ้นมาแทน เธอรับโทรศัพท์ทันที
‘ผมโทรศัพท์หาคุณตั้งหลายสายแล้ว นี่ตื่นหรือยัง’
“อะ...เอ่อ...หัวหน้ามีอะไรคะ ฉันกำลังจะไปทำงานแล้วค่ะ”
น้ำเสียงทางฝั่งโน้นไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักเมื่อได้ยินคำถามนี้ เสียงของเขาค่อนข้างเคร่งเครียด ในขณะที่นิรมลยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทำไมหัวหน้าถึงไม่พอใจเช่นนี้
‘คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า วันนี้มีประชุมตอนเก้าโมงเช้า เดี๋ยวผมกำลังจะออกจากบ้านละ คุณไปเตรียมเอกสารการประชุมให้พร้อมก็แล้วกัน ผมจะได้อ่านก่อนเริ่มประชุม แค่นี้แหละ”
นิรมลยังคงงง...จับต้นชนปลายไม่ถูก หญิงสาวเปิดโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อดูปฏิทิน แล้วเธอก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นว่าวันนี้วันที่เท่าไร
“วันนี้มีประชุม...”
หญิงสาวพึมพำ เปิดไลน์ดูอีกครั้งเพื่อดูให้แน่ใจ ทีแรกเธอคิดว่าวันนี้เป็นวันหยุด วันที่จะได้นอนพักผ่อนอย่างสบายใจ
วันนี้คือวันที่ 1 เดือนสิงหาคม...
นิรมลขับรถยนต์มาจอดที่ลานจอดรถ อยู่ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ระหว่างลานจอดรถกับตึกบริษัทไม่มีหลังคากันแดดกันฝน หญิงสาวหันไปมองด้านหลัง ไม่มีร่มอยู่ในรถยนต์เลยแม้แต่คันเดียว เธอคว้ากระเป๋าได้ก็รีบวิ่งเข้ามาในบริษัท ทำให้แม่บ้านคนหนึ่งที่ยืนอยู่บริเวณนั้นถามด้วยความเป็นห่วง
“จะรีบวิ่งไปไหนคะ...เพิ่งจะแปดโมงเช้าเอง ตัวคุณ นิวเปียกหมดแล้ว”
หญิงสาวก้มมองตัวเอง วันนี้เธอใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กระโปรงสีดำ เธอรีบกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปข้างบนโดยไม่ได้สนใจสภาพตัวเองจะเป็นอย่างไร
“นิวขอโทษด้วยนะคะพี่ วันนี้มีประชุมตอนเก้าโมงเช้าค่ะ ต้องรีบไปเตรียมเอกสารให้หัวหน้า ขอตัวขึ้นไปก่อนนะคะ”
ติ๊ง...
เสียงลิฟต์ดังขึ้น หญิงสาวรีบเข้าไปเพื่อขึ้นไปทำงาน เธอมองกระจกในลิฟต์เพื่อดูความเรียบร้อยของตัวเอง กระจกสะท้อนให้เห็นผู้หญิงร่างเล็ก ผิวสีน้ำผึ้ง ผมยาวประบ่า ตัดผมหน้าม้า โชคดีที่เสื้อของเธอเปียกเพียงเล็กน้อย
เมื่อมาถึงห้องทำงาน นิรมลก็รีบวิ่งไปที่โต๊ะทำงานที่อยู่ตรงประตูด้านหน้า เธอหาเอกสารที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน หยิบมาอ่านทบทวนความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนที่จะถือเอกสารเดินเข้าไปในห้องประชุม จัดการวางเอกสารและเตรียมน้ำดื่มสำหรับการประชุมไว้พร้อม
เสียงประตูเปิดออก หญิงสาวหันหน้าไปมอง หัวหน้างานของเธอเดินเข้ามา
“คุณนิรมล เอกสารพร้อมหรือยัง ไหนเอาเอกสารมาดูซิ”
หญิงสาวหยิบเอกสารมาพร้อมกับนั่งอธิบายให้หัวหน้าฟังจนเข้าใจเป็นอันดี เขาโบกมือเป็นการอนุญาตให้นิรมลไปได้ เพื่อที่จะได้นั่งอ่านเอกสารทบทวนรายละเอียดอีกครั้งในห้องประชุม
จนกระทั่งถึงเวลาประชุม แทนที่จะเสร็จได้โดยเร็ว กลับกลายเป็นว่าประชุมครั้งนี้ยืดเยื้อกว่าที่คิด หญิงสาวต้องอยู่ในห้องประชุมตลอดทั้งวัน และสรุปประชุมได้ว่าต่อไปแผนกการขายจะต้องกระตุ้นยอดขายให้มากกว่านี้
หญิงสาวออกมาจากห้องประชุมด้วยความเหนื่อยล้า เธอเดินกลับมาที่ห้องทำงาน เห็นคนอื่นๆ ในแผนกพากันทยอยออกจากห้องทำงาน
“นิว มีงานด่วนวางอยู่บนโต๊ะนะ พี่กลับบ้านก่อน”
หญิงสาวหันหน้าไปมอง เดินไปดูแฟ้มงานบนโต๊ะ ถอนหายใจเมื่ออ่านโน้ตที่เขียนแปะไว้
‘ของานภายในวันพรุ่งนี้ สิบโมงเช้า’
หญิงสาวมีสีหน้าเบื่อหน่าย หันมองในห้องทำงานที่ไม่มีใครอยู่แล้วถอนหายใจยาว เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พิมพ์ข้อความหาใครคนหนึ่ง แต่ไม่มีการตอบกลับมา เธอมองไปรอบๆ ตัวแล้วเดินออกไปด้านนอกห้องเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ
ในระหว่างเดินไปเข้าห้องน้ำ หญิงสาวได้พบกับพนักงานคนอื่นๆ ที่กำลังจะกลับบ้าน นิรมลพบเจอใครคนหนึ่ง เธอยิ้มดีใจก่อนร้องทักทายแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ชมพู จะกลับบ้านแล้วเหรอ”
“อ้าว วันนี้แกมาทำงานด้วยเหรอนิว ฉันทักไลน์หาแกก็ไม่ตอบ”
“ฉันเพิ่งเลิกประชุมน่ะ ตอนที่ชมพูทักไลน์มากำลังประชุมอยู่ จะตอบข้อความได้ยังไง”
ชมพูนุทไม่พูดอะไรต่อ เธอก้มมองนาฬิกาข้อมือ เห็นว่าเลยเวลานัดแล้วจึงรีบตัดบทกับเพื่อนตรงหน้า
“งั้นฉันไปก่อนนะแก มีธุระต้องรีบไป วันหลังค่อยคุยกัน”
ชมพูนุทเดินจากไป นิรมลมองตามหลังเพื่อนสาวคนสวย เธอเดินเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวจนเรียบร้อย เดินกลับมาห้องทำงาน คราวนี้มีเสียงข้อความทางไลน์ดังขึ้น
‘จิ๋ว...เลิกประชุมแล้วเหรอ’
‘ใช่ บีอยู่ไหนล่ะ เย็นนี้นัดกันไปกินข้าวที่ร้านเดิมใช่ไหม’
ทางด้านโน้นส่งสติกเกอร์ตกใจ ราวกับว่าเพิ่งนึกได้ว่ามีนัดกับเธอ
‘บีลืมไปเลย...ขอโทษน้า วันนี้บีกลับบ้านเร็วเพราะแม่โทรศัพท์ตามให้รีบกลับ ที่บ้านก๊อกน้ำรั่ว เพิ่งซ่อมเสร็จเมื่อกี้นี้เอง ก่อนหน้าจิ๋วจะทักมาเนี่ย’
นิรมลถอนหายใจ นึกน้อยใจอีกฝ่ายที่ไม่ทักถามหรือบอกเล่าเธอเลยสักนิด แต่นั่นแหละ เขาก็เป็นของเขาแบบนี้มานานแล้ว หญิงสาวได้แต่พิมพ์ข้อความตอบกลับไปตามปกติ
‘ถ้างั้นบีไปพักเถอะ เดี๋ยวจิ๋วก็กำลังจะกลับคอนโดฯ เหมือนกัน’
นิรมลวางโทรศัพท์ลง มีแต่คนไม่ว่างทั้งนั้น ยังไม่ทันที่เธอจะทำอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น หญิงสาวรับสาย
‘จิ๋ว...ไม่งอนน้า วันพรุ่งนี้บีสัญญาเลยว่าจะพาจิ๋วไปกินข้าวด้วยแน่นอน’
นิรมลถอนหายใจยาว ถึงจะน้อยใจแค่ไหนก็ตาม เธอพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด แต่น้ำเสียงที่พูดออกมาเป็นเสียงเครือ
“พรุ่งนี้เดี๋ยวบีก็ลืมอีก น้องเล็กไปเรียนพิเศษหรือเปล่าล่ะ เอาไว้ถ้าบีว่างๆ ค่อยนัดกันก็ได้”
‘บีสัญญาจริงๆ หรือจิ๋วจะออกไปตอนกลางวันไหม’
นิรมลส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะอธิบายต่อ
“ตอนกลางวันไม่ได้หรอกบี เดี๋ยวค่อยนัดกันดีกว่า แค่นี้แหละ...จิ๋วจะกลับคอนโดฯ แล้ว”
‘จิ๋ว...’
“จิ๋วจะกลับคอนโดฯ แล้วจริงๆ วางสายก่อนนะ...บาย”
นิรมลวางสายโทรศัพท์ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น เก็บของเตรียมปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ระหว่างที่กำลังจะปิดโปรแกรมเฟซบุ๊ก เธอเห็นรูปที่น้องสาวถ่ายกับเพื่อนๆ ก็นึกอยากจะคุยด้วย จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ปลายสายรับโทรศัพท์ หญิงสาวทักถามต่อด้วยความดีใจ
“ทำอะไรอยู่นัท กินข้าวหรือยัง”
‘ยังเลยพี่นิว นี่นัทกำลังอ่านหนังสืออยู่บนห้องน่ะ ว่าแต่...พี่นิวเลิกงานหรือยังคะ กลับห้องแล้วเหรอ’
นิรมลแอบถอนหายใจเพียงนิดเดียว นรีนันท์พอเดาได้ว่าพี่สาวน่าจะมีเรื่องอะไรอย่างแน่นอน ปกติไม่เคยโทร. หาเธอเวลาแบบนี้นี่นา เธอถามพี่สาวต่อด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วง
‘พี่นิวเป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่า...พี่มีปัญหาอะไรเรื่องงานไหม ถึงนัทจะช่วยอะไรพี่ไม่ได้มาก แต่ก็เป็นที่ระบายให้พี่ได้เสมอนะ’
นิรมลกำลังจะเล่าให้นรีนันท์ฟัง แต่ทางโน้นกลับมีเสียงเคาะประตู ตามด้วยเสียงตะโกนของแม่ดังขึ้น
“นัทมากินข้าวได้แล้วลูก พ่อรออยู่”
ทางด้านปลายสายที่ได้ยินเสียงกลับหยุดชะงัก ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ถ้าอย่างนั้นนัทไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวพี่เก็บของกลับบ้านก่อน”
นิรมลวางสายโทรศัพท์ เก็บของกลับคอนโดฯ เธอถือแฟ้มงานกลับบ้านไปด้วย ระหว่างทางหญิงสาวหวนนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา…เรื่องราวในวัยเด็กของเธอที่จังหวัดนครปฐม
หลังจากวันนั้น ธันวาก็ฝันซ้ำๆ แบบเดิมติดต่อกันถึงเจ็ดวัน ในแต่ละครั้งเขาจะพูดบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมรับปากกรกฎ จนกระทั่งในคืนที่เจ็ด เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่มียังคงฝันซ้ำๆ เช่นนี้ รู้สึกเอะใจ คิดว่าน้องชายน่าจะต้องการให้เขาไปจัดการเรื่องที่กรุงเทพฯ และเริ่มมั่นใจว่าน่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับน้องชาย“พี่ช่วยมาดูแลห้องพักให้ผมที พี่จะขายหรือจะทำอะไรก็แล้วแต่พี่เลยครับ”ธันวาเดินเข้ามาหากรกฎที่ยืนมองเขาด้วยแววตาที่อาลัยอาวรณ์ เขาคิดว่าน้องชายมีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากจะพูด“กฎมีอะไรจะบอกกับพี่หรือเปล่า นี่พี่ฝันเรื่องเดิมๆ แบบนี้ติดกันเจ็ดวันแล้วนะ”กรกฎยิ้ม แต่ใบหน้าของเขายังคงเศร้าหมองอยู่“ผมอยากให้พี่ไปกรุงเทพฯ จัดการเรื่องทรัพย์สินของผมครับ ถ้าพี่ไปที่โน่น คุณนิรมลจะช่วยจัดการเรื่องให้พี่เอง ผมขอร้องนะครับ”ธันวานิ่งเงียบ ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาคิดวนเวียนอยู่ว่าควรจะไปดีไหม จนไม่ได้สังเกตว่ากรกฎกลับค่อยๆ ถอยห่างออกไปจากเขา กระทั่งได้ยินเสียงกรกฎดังแว่วมาจากที่ไกล“พี่ไปกรุงเทพฯ ให้ได้นะครับ ผมหมดเวลาแล้ว”ธันวาสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขานึกเอ
นิรมลและทีมทำงานที่จังหวัดกาญจนบุรีเพียงสองสัปดาห์ พวกเขาก็ได้ผลงานเกินเป้าหมายที่วางไว้ ลูกค้าที่ไปนำเสนอสินค้าพากันซื้อจนสินค้าที่เอาไปไม่เพียงพอ“ผมคุยกับทางท่านประธานแล้ว ท่านบอกว่าทีมเราทำงานกันได้ดีมาก และอนุญาตให้พวกเราหยุดพักผ่อนกันได้ ถ้าใครไม่มีงานด่วนก็กลับไปทำงานวันจันทร์ หรือจะอยู่เที่ยวแถวนี้ก่อนก็ได้นะ”“ไชโย!”ทุกคนร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ โดยเฉพาะชมพูนุทที่หันมาคุยกับนิรมลและเอกภพ“วันพรุ่งนี้ได้กลับบ้านแล้ว”นิรมลนิ่งเงียบ ได้แต่ยิ้มอย่างเดียว ส่วนเอกภพเขาหันไปพูดกับทุกคน“ผมว่าพวกเรามาเก็บของกันดีกว่า วันพรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางตั้งแต่เช้า ดีไหมครับหัวหน้า ดีไหมนิว ชมพู”ทุกคนพยักหน้าเห็นดีด้วย โดยเฉพาะนิรมลที่ไม่ได้พยักหน้าเฉยๆ แต่กลับดึงมือชมพูนุทให้ขึ้นไปข้างบนด้วยกัน“ไปเถอะชมพู ของแกเยอะด้วย กว่าจะเก็บเสื้อผ้า เก็บเครื่องสำอางต่างๆ ของแกอีก”............................................เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนตื่นกันตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ และทยอยขนกร
หลังจากที่ชมพูนุทและหัวหน้าขึ้นรถตู้ออกไปแล้ว นิรมลกดโทรศัพท์หาใครคนหนึ่ง“พวกเขาไปแล้ว พี่กล้ามารับนิวกับหนึ่งได้เลยค่ะ”เพียงครู่เดียว รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งก็วิ่งมา มันเป็นรถกระบะสีดำมีแคปให้นั่ง เอกภพมองรถแล้วพยักหน้าบอกกับนิรมลให้เข้าไปนั่งที่แคปด้านหลังจะดีกว่า“อำเภอสังขละบุรีนี่ไกลไหมคะพี่กล้า”“ไปอีกประมาณห้าสิบกิโลเมตร หรืออาจจะไปไกลกว่านั้นเพราะต้องไปแนวตะเข็บชายแดน ถ้ายังไงคุณลองเปิด GPS ด้วยก็ได้ จะได้รู้ว่าเราหลงกันหรือเปล่าด้วย”เอกภพที่นั่งด้านหน้าคู่กับคนขับรถจึงต้องเป็นคนที่เปิด GPS เพื่อช่วยเพชรกล้าดูทางตามที่อยู่ตามที่หญิงสาวจดมา“ตอนนี้หาบ้านเลขที่ตามสมุดนี่ไม่เจอเลยนิว เอายังไงดีครับ”เอกภพถามแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ดู ในขณะที่รถยนต์จอดติดไฟแดงอยู่ เพชรกล้าขมวดคิ้ว เขากำลังนั่งนึกถึงสถานที่ที่กำลังจะไปว่าควรจะไปที่ไหนดี“ถ้าอย่างนั้น สถานที่ที่ง่ายที่สุด หาง่ายที่สุด น้องลองเลือกสถานที่เป็นที่ว่าการอำเภอสังขละบุรีก่อนก็ได้ ตอนนี้ไปให้ถึงก่อน แล้วค่อยว่ากันเรื่องบ้านเลขที่นี้ว่ามันมีไหมดีกว่านะน้องนิว”
หลังจากกลับมาจากตลาดนัดมาบ้านเช่าชั่วคราว นิรมลที่กำลังเดินเข้าบ้านก็ถูกดึงมือเสียก่อน เธอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นเอกภพที่เป็นคนดึงมือเธอไว้“มาคุยกันก่อนสิจิ๋ว”เอกภพเดินนำหน้าเธอ เขาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน หน้าเอกภพคิ้วขมวดมุ่นราวกับมีเรื่องให้คิด ใบหน้าที่เคยอารมณ์ดีหรือยิ้มหัวเราะให้เธอกลับกลายเป็นใบหน้าที่ดูจริงจัง ทำให้นิรมลคิดว่าเขาคงจะเครียดหรือคิดเรื่องอะไรอยู่“บีมีอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าตาดูจริงจัง จิ๋วทำอะไรผิดหรือเปล่า”“ผู้ชายคนที่คุยด้วยที่ตลาดคือใครเหรอ ทำไมถึงดูสนิทสนมกันจัง”เอกภพถาม หน้าตาดูจริงจัง นิรมลเกือบถอนหายใจ แต่เมื่อเห็นสายตาของเขาที่มองมาแบบต้องการคำตอบ เธอจึงรีบอธิบาย“เขาคือพี่เพชรกล้า สามีของแก้วตาไง คือว่า...จิ๋วมีเรื่องที่จะขอความช่วยเหลือน่ะ”“ทำไมต้องขอความช่วยเหลือด้วยล่ะ ทำไมมีอะไรไม่เห็นจะเล่าเรื่องให้บีฟังบ้างเลย”นิรมลแอบถอนหายใจไม่ให้เอกภพเห็น หญิงสาวเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เขาฟังตั้งแต่ต้นเท่าที่เธอจำได้ รวมทั้งเรื่องราวที่เธอมีสัมผัสพิเศษ แต่เอกภพที่ฟังแล้วกลับยิ่งคิ้วขมวดมากขึ้น เมื่
เช้าวันรุ่งขึ้น นิรมลเดินออกมาจากห้องพัก พอดีกับที่รติมา แฟนของกรกฎเปิดประตูออกมาจากห้องข้างๆ เช่นกัน นิรมลทักทายอีกฝ่ายทันที“สวัสดีค่ะคุณรติ เมื่อคืนเข้ามาพักที่นี่เหรอคะ นิวไม่รู้เลยว่าคุณมา”“ค่ะ รติเข้ามาที่นี่ก็เที่ยงคืนแล้ว รติมาเก็บของ ตั้งใจจะไปพักที่บ้านแม่ค่ะ”รติมาพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง นิรมลเดินมาหาอีกฝ่ายเพื่อจะมาปลอบใจ เธอมองอีกฝ่ายถือของเต็มทั้งสองมือจึงอาสาช่วยเหลือ“ถ้าอย่างนั้นนิวช่วยนะคะ กล่องที่วางหน้าห้องนั่นก็ด้วยใช่ไหม”“ขอบคุณค่ะคุณนิว”รติมายิ้มให้ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณ นิรมลยกกล่องกระดาษขึ้นมา ไม่หนักสักเท่าไรหรอก พอถือไหวในระหว่างที่กำลังลงลิฟต์ นิรมลก็ชวนอีกฝ่ายคุยถึงเรื่องของกรกฎ“ว่าแต่ทำไมคุณรติไม่อยู่ห้องนี้ต่อล่ะคะ ทำไมย้ายออกไป?”“บ้านแม่อยู่ใกล้ที่ทำงานรติมากกว่าค่ะ อีกอย่างรติก็รู้สึกผิดกับกฎมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แล้วก็...”รติมาพูดแล้วหยุดชะงัก เธอลังเลว่าควรจะเล่าดีหรือไม่ นิรมลที่กำลังฟังอยู่จึงซักถามให้อีกฝ่ายเล่าต่อ“ยังไงต่อเหรอคะคุณรติ”“เมื่อคืน
เมื่อเข้าห้องพักได้ นิรมลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครโทร. มาหา แต่ปรากฏว่าหน้าจอโทรศัพท์ไม่มีข้อความหรือสัญญาณสายเรียกเข้าขึ้นมาเลย ทำให้หญิงสาวยืนงงอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างแต่ภาพที่เห็น...ทำเอานิรมลมือไม้อ่อนจนโทรศัพท์แทบจะหลุดจากมือ ตรงบริเวณประตูห้อง เธอเห็นวิญญาณของกรกฎยืนมองเธออยู่ แต่เขาไม่ได้เข้ามาใกล้มากกว่านี้วิญญาณกรกฎยิ้มให้นิรมล เขาไม่ได้มาหาในสภาพที่น่ากลัวอีก และในวันนี้เขามาบอกรายละเอียดในการตามหาพี่ชายให้หญิงสาวรับรู้ และขอให้เธอช่วยทำอะไรบางอย่างในสิ่งที่เขาไม่สามารถทำเองได้แล้ว“พี่ชายของผมอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาทำงานอะไร แล้วจะยอมมาดูแลห้องพักให้ผมหรือเปล่า แล้วก็...ผมอยากขอให้ช่วยสืบเรื่องแฟนผมด้วยว่าเธอจงใจหรือตั้งใจทำร้ายผมหรือเปล่า”นิรมลนิ่งเงียบฟังข้อมูลที่กรกฎบอก คิ้วขมวดและนึกอะไรบางอย่าง เธอถามเขาก่อนที่กรกฎจะพูดออกมา“ถ้าอย่างนั้นต้องคิดเรื่องการตามหาพี่ชายของคุณก่อนก็แล้วกัน พี่ชายคุณชื่ออะไรคะ แล้วที่บอกว่าอยู่จังหวัดกาญจนบุรีนี่อยู่ตรงไหน จังหวัดนี้มันไม่ใช