LOGINเดิมพันรักครั้งที่ 6
1/3
“ใจดีแบบนี้กับทุกคนไหมนะ” เกียร์นี่น๊า....
“มินนี่ก็เหมือนเกียร์” เขามุ่นคิ้ว อาจจะจำคำพูดของตัวเองไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เกียร์เคยบอกฉันนี่นาว่าเขาพูดจ่าน่ารักกับคนที่ชอบ ฉันเองก็ทำตัวใจดีเรื่องนี้กับคนที่ชอบเหมือนกัน “กินขนมไห“มินนี่ เปลี่ยนเรื่องเก่งที่หนึ่งเลย” เกียร์พูดแล้วก็ฉวยโอกาสจุ๊บแก้มฉันหนึ่งที
“มาเร็ว ติวหนังสือก่อนนะ” ฉันบอกเกียร์เพราะว่าถ้ามัวแต่เล่นกันแบบนี้ก็คงจะไม่ได้ติวพอดี เราสองคนนั่งที่พื้นแล้วก็เอาโต๊ะเล็กมาวาง ตอนที่ฉันเอาไอแพดกับชีทออกมาเกียร์เดินไปเข้าห้องน้ำก่อน ประมาณสามนาทีเขาก็เดินกลับมา “เกียร์ มานั่งตรงนี้ทำไม”
ฉันว่าเขาเพราะเกียร์ไม่ยอมไปนั่งตรงข้ามแถมยังมานั่งซ้อนหลังฉันอีก
“อยากนั่งใกล้มินนี่จะได้มีกำลังใจอ่านหนังสือ” เขานี่มันจริง ๆ เลยน๊า ตอนนี้ฉันเหมือนนั่งอยู่บนตักเกียร์แต่ก็ไม่เชิงหรอก เขาซ้อนหลังฉันคล้ายกับการกอดแล้วก็เกยคางอยู่บนไหล่ ทุกลมหายใจของเขาเป่าลดต้นคอฉันจนขนลุกไปหมดเลย
“มินนี่ไม่ถนัดนะคะ” ฉันเอียงหน้าไปบอกแต่ตอนนั้นก็ยิ่งทำให้เราอยู่ในท่าทางที่หมิ่นเหม่ขึ้นไปอีก เกียร์ทำฉันเขินจนจะระเบิดเลยก็ว่าได้นะ ฮือ...มินนี่ต้องตายแน่ ๆ
“เดี๋ยวก็ชินค่ะ” เขาบอกเสียงเบา ฉันกระพริบตาถี่ ๆ ก่อนจะหันกลับมาทางตรงแล้วนับหนึ่งถึงสิบในใจ “มาสิ มินนี่จะติววิชาไหนให้ก่อน”
“เรามีGen Ed สองตัวที่เหมือนกัน แต่ว่าของอาจารย์สิริรัตน์มินนี่เคยเรียนกับเขาสองครั้งแล้วในวิชาเอก พอจะจับทางได้แล้วว่าเขาออกข้อสอบแบบไหนก็เลยเกร็งข้อสอบมาให้” ฉันกดเข้าแอพฯ จดแล้วก็เปิดหน้าเกร็งข้อสอบขึ้นมา “ตัดเกรดอิงเกณฑ์นะ แต่เอฟตัดที่สี่สิบ มิดเทอมสามสิบห้า ปลายภาคสามสิบห้า รายงานกลุ่มยี่สิบ แล้วก็ควิซสองครั้งสิบคะแนน เกียร์มีเท่าไหร่แล้ว”
“พ้นเอฟแล้วครับ” เกียร์ตอบมามือของเขาก็วางอยู่บนมือซ้ายฉันข้างหนึ่ง “ตอนนี้มีประมาณห้าสิบเจ็ด เกียร์ทำมิดเทอมไม่ค่อยดีแต่ควิซได้เต็ม แล้วก็รายงายเกียร์ได้ประมาณสิบแปด”
“อวดเหรอคะ” ฉันแซว “มิดเทอมไม่ดีแบบไหนได้ห้าสิบเจ็ดเนี้ย”
“แล้วมิดเทอมมินนี่ทำแบบไหนถึงได้เต็มล่ะ” เกียร์ยอกย้อนฉัน แต่ตอนอาจารย์ประกาศคะแนน อาจารย์มักจะประกาศใน G****e Classroom ซึ่งมันจะเห็นคะแนนของทุกคนในคลาสเลยไง
“มินนี่ตั้งใจอ่านหนังสือไงคะ” ฉันตอบไป “อาจารย์มักจะออกเป็นข้อกานะ เจ็ดสิบข้อสามสิบห้าคะแนน มินนี่เกร็ง ๆ มาแล้ว แต่ไม่ได้ทำช้อยส์เกียร์ลองอ่านแล้วก็ดูว่าข้อไหนตอบประมาณไหน”
“ครับอาจารย์” ฉันส่ายหัวไปมาเบา ๆ “ถ้าเกียร์ได้เกินครึ่งมินนี่ให้อะไร หืม”
“อะไรอ่า มินนี่ต้องให้รางวัลด้วยเหรอ” เกียร์พยักหน้า “แล้วเกียร์อยากได้อะไรคะ”
“อยากได้มินนี่” เขากระซิบเสียงเบา ตอนนั้นแก้มทั้งสองข้างของฉันก็เหมือนจะระเบิดออกมาเลย
“บ้า” ฉันพูดเสียงเบา “มาเร็วตั้งใจทำก่อน ทำถูกค่อยว่ากัน”
เกียร์ยอมหยุดแกล้งฉันแล้วฉันก็อธิบายเนื้อหาบางจุดที่เขาไม่เข้าใจให้ก่อน ซึ่งเท่าที่คุยกันมาในเรื่องเรียนฉันก็พอจะดูออกนะว่าเกียร์ค่อนข้างเป็นคนฉลาดและหัวดี ฉันอธิบายนิดหน่อยก็เข้าใจแล้ว เกรดเกียร์ก็ดีพอควรนะ วิชาที่เป็นภาษาอังกฤษเขาก็เข้าใจได้ดีด้วย
ฉันว่าเขาแค่อาจจะไม่มีเวลาในการทบทวนเพราะต้องทำงานมากกว่า หรือไม่เขาก็ก็อาจจะเป็นคนที่ขี้เกียจทบทวน แต่ก็นั่นแหละเขาหัวดีมากนะเกียร์น่ะ
เกียร์ยังนั่งซ้อนฉันในท่านี้และเกยคางไว้บนไหล่ฉันตอนอ่านไป ทำข้อสอบไป ตอนแรกมันก็ออกจะจักจี้นะแต่พอนานไปมันก็ชิน แล้วฉันก็รู้สึกว่ามันดีมาก
“เก่งมาเลย เกียร์ตอบถูกตั้งหกสิบห้าเต็มเจ็ดสิบนะ” ฉันชมตอนที่เห็นว่าเกียร์ทำข้อสอบที่ฉันเกร็งไว้ได้ถูกเกือบหมดเลย เขาจะติดปัญหาตรงบางข้อที่ไม่เข้าใจเท่านั้น บางข้อเขาก็อาจจะสับสนไป แต่โดยรวมฉันสามารถการันตีได้ว่าเกียร์เป็นคนหัวดี “เกียร์หลอกมินนี่มาติวหรือเปล่าคะ”
“ใช่ไหมนะ” เกียร์แกล้งว่า “แต่เกียร์ว่าเกียร์ได้ครูดีมากกว่า”
“แกล้งยอสิไม่ว่า” ฉันส่ายหัว เกียร์วางปากกาลงแล้วก็เอาทั้งสองข้างกอดที่เอวฉันแถมยังแอบจุ๊บต้นคอฉันอีก “เกียร์ เดี๋ยวมินนี่ให้จ่ายค่าหอมนะ”
“จ่ายรายครั้งหรือแบบเหมา ๆ ดีคะ หืม” เกียร์นี่น๊าคารมดีจนสาวหลังแน่นอนลาะฉันว่า ฉันเอียงหน้าไปหาเขาเกียร์ก็จุ๊บปวกฉันอีกที “หน้างอแล้ว มา เกียร์ให้จุ๊บคืน”
“ไม่เอาหรอก” ฉันสั่นหัว สองแขนแกร่งของเขายังกอดฉันไว้อยู่
ฉันไม่ได้อึดอัดกับการกระทำนี้อาจจะเพราะฉันชอบเกียร์อยู่ก่อนแล้วล่ะมั้ง ปกติแล้วคนเราหากมีคนที่แอบชอบ แอบรักแล้วได้ลองคุยกันก็จะถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท ในความคิดฉัน
ประเภทที่หนึ่ง ตอนแอบชอบก็จะมักแอบมอง แอบส่องเขา อยากคุยอยากรู้จัก แต่พอได้รู้จักแล้วทัศนคติไม่ตรงกัน หรือไม่ชอบอะไรบางอย่างของอีกฝ่ายก็จะชอบน้อยลง หรือเลิกชอบไปเลย
ประการที่สอง ตอนแอบชอบก็มักแอบมองเขา แอบส่อง แอมยิ้มมีความสุข แต่พอได้รู้จักหลายมุมแล้วก็ยิ่งชอบไปใหญ่ ทัศนคติดี ความชอบคล้ายกัน ยิ่งรู้จักยิ่งชอบเพิ่มขึ้น
ฉันว่าฉันเป็นแบบที่สองนะ ก่อนหน้านี้ฉันแอบชอบเกียร์ ก็จะแอบมองแอบส่องเขาบ้าง เวลาเดินสวนกันฉันก็จะเก็บอาการเอาไว้ ฉันไม่เคยจินตนาการถึงความสัมพันธ์ของฉันกับเขาที่เกิดขึ้นเพราะคิดว่าเขาคงชอบสาวแซ่บ ๆ เผ็ด ๆ มากกว่าแกงจืดแบบฉันนะ แฮะ ๆ
พอได้คุยกันแล้วก็กลายเป็นว่าฉันชอบเขามากขึ้นกว่าเดิมอีก ชอบความคิดของเขา ชอบความพยายาม ความขยันของเขา ฉันคิดว่าเขาเก่งมากนะที่ทำงานเลี้ยงตัวเองได้
ฉันไม่ได้ Romanticize นะ ฉันคิดว่าเลือกได้เกียร์คงไม่ได้อยากจะทำงานในขณะที่เพื่อนคนอื่นได้ใช้ชีวิตวัยรุ่น นอนตื่นสาย ไปเที่ยวไปโน่นนี่ได้โดยไม่มีข้อจำกัดทางการเงิน แต่ฉันชื่นชมเขาในฐานะที่อายุเท่ากันแต่เกียร์พึ่งพิงตัวเองได้แล้ว ใช้ชีวิตคนเดียวได้
ในขณะที่ฉันยังไม่รู้เลยว่าถ้าไม่มีพ่อกับแม่จะเป็นยังไง ฉันไม่รู้วิธีหาเงินใช้ด้วยซ้ำ แม้แต่อาบน้ำก็ยังต้องมีคนคอยช่วยเลย ฉันเหมือนสัตว์เลี้ยงในกรง ในขณะที่เกียร์เหมือนสัตว์ป่ามากประสบการและรู้วิธีเอาตัวรอด ส่วนฉันทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แม้แต่รถสาธารณะนอกจากแท็กซี่แล้วฉันก็ขึ้นไม่เป็นเลย
“มินนี่ตัวนุ่มนิ่มจังเลยนะ” เกียร์พูดกับฉันระหว่างที่คนตัวโตเอาแต่กอดกัน “กอดแน่นแล้วกลัวจะบุบเลย กระดูกจะหักไหมนี่”
“เว่อร์ละ” ฉันส่ายหัวก่อนจะเอื้อมมือไปเอาถึงขนมที่วางอยู่บนเก้าอี้ลงมา “วันนี้มินนี่ทำชิฟฟ่อนมะพร้าวใบเตย กับฝอยทองมาด้วยแหละ เกียร์อยากกินไหม”
“ไหน ป้อนเกียร์หน่อยสิ”
“อ้อนเก่งจริงเลยเจ้าลูกหมา” ฉันแซวเล่นหรอก เกียร์เหมือนลูกหมาชอบพันแข้งพันขาและอ้อนกินขนมเลย ฉันเคยเลี้ยงหมานะ เลี้ยงสองตัวช่วงประถมกับมัธยม พอน้องเสียไปฉันก็ไม่ได้เลี้ยงอีกเลย ตัวแรกของฉันเป็นซามอยด์ ส่วนอีกตัวเป็นปอมเมอเรเนียน
“เกียร์เป็นหมาของมินนี่คนเดียวพอ” ฉันยู่ปากส่ายหัวกับคำพูดน่ารักของเขาก่อนจะเอาขนมออกมาให้เกียร์ทาน ผู้ชายคนนี้ยังป้อนให้ฉันอ้อนอีก
เกียร์เก่งนะ เขาน่ะรู้วิธีจะพูดยังไงให้ผู้หญิงชอบเขา รู้วิธีจะทำยังไงให้ผู้หญิงหลงคารม ส่วนฉันทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาอันตราย เป็นเหมือนไฟแต่ฉันก็ยิงจะบินเข้าไปหา ฉันเหมือนแมงเม่าที่กำลังหลงแสงไฟ
“อร่อยไหมคะ” ฉันถามตอนที่เอาชิฟฟ่อนมะพร้าวใบเตยเข้าปากเกียร์
“มาก มินนี่ทำอะไรก็อร่อย” เขาชมฉัน ฉันยิ้มเพราะเกียร์ชมแบบนี้ทุกครั้งเลย ตั้งแต่ครั้งแรกที่เอาคุกกี้ไปให้ จนหลายวันที่อยู่โรงพยาบาลก็ตามที “เกียร์คงอ้วนเป็นหมู”
“แล้วที่บอกว่าจะเอารางวัล อยากได้อะไรคะ” ฉันถามไปอีกเพราะว่าสัญญาแล้วนี่นาว่าจะให้
“ถ้าเกียร์ขอมินนี่จะให้ได้หรือเปล่า” ฉันเลิกคิ้ว เอียงหน้าไปมองจนชัดถนัดตา ฉันเอี้ยวตัวมาเลยเพราะเกียร์ไม่ยอมไปนั่งตรงข้ามกันน่ะสิ
“แล้วเกียร์ขออะไรล่ะ” ฉันมุ่นคิ้ว ฉันไม่รู้เลยว่าคำขอของเกียร์จะเป็นอะไร ฉันเผลอมองริมฝีปากเกียร์แป๊บหนึ่งก่อนจะเหลือบขึ้นไปมองตาเขา “เป็นสิ่งของหรืออะไรคะ”
“ไม่ใช่สิ่งของ” ฉันยังรอเขาพูดต่อ
“งั้นอะไรเอ่ย ถ้ามินนี่ให้ได้ก็จะให้ค่ะ” ฉันพูดจริงนะ ถ้าเป็นสิ่งที่ฉันให้ได้ฉันก็ให้อยู่แล้วไม่ปฏิเสธหรอก “บอกมาเร็วสิ บอกช้ามินนี่ไม่ให้น๊า”
“มินนี่เป็นแฟนเกียร์ได้ไหมครับ” คำถามกึ่งคำขอของเขาทำเอาฉันนิ่งไป ภายในหัวใจก็เต้นแรงจนแทบทะลุอกออกมา ฉันมองเกียร์ค้างเอาไว้ เกียร์ก็มองฉัน แน่นอนว่าฉันชอบเขามากขึ้นกว่าเมื่อก่อนแต่มันก็เป็นการตัดสินใจที่ใหญ่หลวงมากเหมือนกัน “ได้ไหมครับ”
“มินนี่ขอคิดก่อนได้ไหม” ฉันไม่ได้อยากปฏิเสธเกียร์ ฉันชอบเขาและเคยคิดถึงเรื่องนี้ตอนเราเริ่มคุยกัน แต่ว่านะฉันก็มีพันธะที่มองไม่เห็นจากเปรมด้วย แม้ว่าฉันจะไม่ชอบเปรมและไม่อยากเป็นแฟนก็ตาม ฉันแค่กังวลน่ะว่าถ้าเกิดตกลงไปแล้วมันจะมีผลกระทบอะไรตามมาไหม
“งั้นมินนี่จะให้คำตอบเกียร์ได้เมื่อไหร่” เขาเขี่ยนิ้วฉัน แววตาเขาดูออดอ้อนนิดหน่อย เกียร์ชอบมินนี่มากนะ “เกียร์ปวดใจเวลาที่ไอ้เปรมมันแสดงความเป็นเจ้าของมินนี่ เกียร์อยากเป็นแฟนตัวจริง”
“สอบเสร็จ มินนี่ให้คำตอบเกียร์นะ อีกอาทิตย์เดียว”
เดิมพันรักครั้งที่ 173/3“เออมินนี่ เปรมมันคบกับแก้วตาอยู่เหรอ” ไอถามฉัน ไอรู้จักเปรมอยู่แล้ว ส่วนแก้วตาเขาก็รู้จักฉันเพราะอย่างที่บอกว่าเราเป็นเพื่อนที่สนิทกันก่อนจะมาเป็นแฟน ดังนั้นไอก็เป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนที่รู้เรื่องแก้วตา ซึ่งคนที่รู้ก็จะมีเจต ไอ ลิตา แล้วก็จีจี้ ซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันตอนมัธยมสี่คนนี้เป็นเพื่อนกลุ่มฉันและไม่มีทางที่จะหลุดปากพูดเรื่องแก้วตาอยู่แล้ว“ทำไมถึงถามแบบนั้นเหรอ” ฉันถามกลับคืนเพราะสองคนนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีทางโคจรมาคบกันได้หรอก ถึงแก้วตาจะชอบเปรมมานานแล้วแต่ไม่ได้หมายความว่าเปรมจะชอบเธอ เปรมเจ้ายศเจ้าอย่าง และเขารู้อยู่แล้วว่าแก้วตาเป็นลูกเมียน้อยพ่อฉัน“ก็วันก่อนที่ผับ เราเห็นว่าสองคนนั้นไปด้วยกันแล้วก็นัวพอสมควร”“มิกกี้ไปไหม” ไอสั่นหัวเบา ๆ แทนการตอบว่าไม่ไปกลับมา “มินนี่ก็ไม่รู้สิ ตั้งแต่ออกจากบ้านมาก็ไม่ได้คุยกับเปรมเลย มินนี่บล็อกเปมไปแล้วด้วย”“ถ้าคบกันนี่ว้าวเลยนะ คนอย่างไอ้เปรมอะ”“ว้าวมากเลยล่ะ ตั้งแต่เด็กเปรมแทบไม่เคยมองเห็นแก้วตาด้วยซ้ำต่อให้แก้วตาจะยืนตรงหน้าก็เถอะ” มันไม่ใช่คำพูดที่สะใจอะไรหรอก แต่ฉันอิงจากที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนโต
เดิมพันรักครั้งที่ 172/3“น้องมินนี่” ฉันยิ้มให้พี่จ๋า เพื่อนของพี่เรย์ เธอวนรถมาจอดด้านหน้าพอดี วันนี้ฉันจะไปมหาลัยกับเธอเพราะว่าเธอจะทำธุระแถวนั้นพี่เรย์เลยฝากพี่จ๋าไปส่งฉัน “ยังจะไปกับพี่อยู่ไหมจ๊ะ แฟนมารับแล้วนี่”“ไปค่ะ” ฉันตอบพี่จ๋าไปอย่างไม่สนใจเกียร์ พี่จ๋าฟอลไอจีฉัน ย่อมรู้อยู่แล้วว่าแฟนฉันเป็นใคร“ไม่ไปกับแฟนแล้วเหรอ”“ไม่ค่ะ ไปกับพี่จ๋าดีกว่า” ฉันเดินวนไปขึ้นรถพี่จ๋าแล้วทำเหมือนเกียร์ไม่มีตัวตน และเกียร์ก็ดูไม่ดันทุลังเท่าไหร่ เขาคงรู้งว่าควรจะปฏิบัติตัวยังไงในเวลานี้พี่จ๋าเป็นเพื่อนตอนเรียนป.ตรีใบที่สองของพี่เรมี่ แต่เธอเด็กกว่าพี่เรย์ประมาณสี่ปีนะ แก่กว่าฉันสองปี ตอนพี่ชายฉันกลับมาเมืองไทยแล้วก็เลยหาอะไรทำด้วยการเรียนปริญญาตรีอีกใบเพื่อประชดพ่อน่ะ เพราะถึงแม้ตอนนั้นมิกกี้จะเข้าเตรียมทหารไปแล้วแต่พ่อก็หวังให้พี่เรย์เรียนตำรวจอยู่ดีพี่ชายฉันจบปริญญาโทไปแล้วแต่ก็ยังมาเรียนปริญญาตรีอีกใบที่เป็นบริหาร ทำให้เพื่อนที่เรียนที่ไทยของเขาจะเด็กกว่าอย่างพี่เตอร์ พี่ไปร์ท พี่ชมพู พี่พลอย พี่จูน แต่ทุกคนแก่กว่าฉันนิดหน่อยเอง ปีนี้พี่จ๋าก็อายุยี่สิบสี่ ส่วนพี่เรย์ก็อายุยี่สิแปดแล้ว ฉ
เดิมพันรักครั้งที่ 171/3“เธอปล่อยมินนี่ไว้บ้านคนเดียว แทบไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันเลยมินนี่พยายามคิดว่าเธอทำงานแต่สุดท้ายเธอก็มาทำแบบนี้” ฉันเกือบจะมีน้ำตาออกมาแล้ว “ถ้าเธอไม่ทำตัวแบบนั้นมินนี่ก็คงไม่เช็กเธอหรอกเกียร์ รู้ไหมว่าการอยู่แบบระแวงมันอึดอัดนะ”“มินนี่เคยเชื่อใจเกียร์กว่านี้ เคยเข้าใจเกียร์กว่านี้ แต่ถ้าเธอจะอึดอัดขนาดนั้นจะไปจากที่นี่ก็ได้นะมินนี่” เขาไล่ฉันเหรอ เขาไล่ฉันใช่ไหม......ฉันไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจที่อยู่กับเขานะ แต่อึดอัดใจที่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มากกว่า ซึ่งฉันอยากให้เกียร์บอก หรือคุยกับฉันให้เข้าใจ ไม่ใช่แก้ปัญหาโดยการให้ฉันไปที่อื่นฉันมองตามแผ่นหลังเกียร์ที่เดินผ่านไปหลังจากพูดจบ เขาดูหงุดหงิดและงุ่นง่านใจ ส่วนฉันก็รู้สึกหน่วงแบบบอกไม่ถูก อาจจะเพราะฉันไม่คิดมั้งว่าเกียร์จะพูดกับฉันอย่างนี้เขาหายไปในห้องน้ำเข้าใจว่าอาจจะไปอาบน้ำก็ได้ ส่วนฉันก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดมาสองสามชุดและชุดนักศึกษาเพื่อจะต้องใส่เรียนพรุ่งนี้ด้วยจะหาว่าฉันเล่นใหญ่ก็ได้นะ แต่เข้าใจความรู้สึกของการใช้อำนาจในการเป็นเจ้าของพื้นที่ไหม เกียร์ไล่ฉันแบบนี้ได้ กล้าพูดแบบนี้ได้เพราะเขาเป
เดิมพันรักครั้งที่ 163/3“พี่เขายังหามือกลองไม่ได้เลย อีกอย่างช่วงนี้ลูกค้าก็คิวแน่นมากอีก”“ค่ะ” ฉันตอบรับสั้น ๆ แล้วไม่ได้หันไปมองเขา“งอนเหรอ เกียร์ถามมาทั้งที่ก็รู้อยู่”“เปล่าหรอก ร้านคนเยอะนี่ รีบไปดูเถอะ” ฉันมีความน้อยใจปนอยู่ และหวังว่าเกียร์จะรับรู้ถึงความรู้สึกของฉัน แต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ว่าเขาออกไปตอนไหนเพราะฉันไม่ได้หันหลังไปมอง แต่ว่ารู้อีกทีเสียงรถก็ดังซึ่งบ่งบอกว่าเขาออกไปแล้วฉันถอนหายใจก่อนจะเดินไปเอากู๊ฟฟี่มาอาบน้ำ ช่วงนี้ฉันรู้สึกว่าฉันกับเกียร์เหินห่างกันเกินไป เราไม่ค่อยได้ใช้เวลาด้วยกันเลย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นฉันก็พยายามบอกตัวเองไม่ให้ระแวงนะ ฉันรักเกียร์แล้วก็ไม่อยากให้เราต้องมามีปญหากันเพราะความน้อยอกน้อยใจของฉันหรอก“หวาน เดี๋ยวหวานแวะส่งมินนี่ที่ร้านเกียร์ก็ได้นะ เกียร์บอกมินนี่ว่าอยู่ร้านหวานจะได้ไม่ต้องเลยไปส่งมินนี่ที่บ้าน” ฉันบอกน้ำหวานในวันถัดมาซึ่งเป็นวันที่เราต้องนัดกันทำวิจัย ฉันไปทำงานกับหวานเสร็จแล้วหวานก็อาสามาส่ง แต่หอหวานมันอยู่ก่อนถึงบ้านฉันน่ะ แต่ร้านเกียร์อยู่ถึงหอหวาน“งั้นก็ได้ เราก็ขี้เกียจยูเทิร์น” ฉันพยักหน้ารับให้กับเพื่อนก่อนที่น้ำหวา
เดิมพันรักครั้งที่ 162/3“คุณแม่เคยเห็นแม่หนูตอนสาว ๆ ด้วยเหรอคะ”“ตอนสาว ๆ เคยเห็นแต่ในรูปจ้ะ” คุณแม่ว่าแล้วก็ยิ้มเหมือนเคย ส่วนคุณพ่อดูจะไม่ได้อยากจะร่วมวงสนทนากับเราเท่าไหร่นัก “ตัวจริงได้มาเจอครั้งแรกก็ตอนพ่อเกียร์ย้ายกลับมาประจำที่กรุงเทพล่ะจ้ะ เจอกันที่งานเลี้ยงรุ่นเตรียมทหาร ตอนที่จัดเมื่อก่อนพ่อเขาไม่ได้มาเพราะไปประจำการอยู่ต่างจังหวัด”ตอนนั้นฉันอยากถามว่าแม่เกียร์นะว่าเคยเห็นรูปแม่ฉันตอนสาว ๆ จากไหนแต่ก็ไม่ได้ถามเพราะอาหารมาเสิร์ฟพอดีน่ะเราสี่คนทานข้าวแล้วก็พูดคุยกันไป ฉันคิดว่าเขาน่าจะรู้สึกโอเคกับพ่อแม่เขามากแล้ว ดูไม่ค่อยต่อต้านเท่าช่วงแรกที่กลับมาคุยกัน อาจจะเป็นเพราะว่าพ่อกับแม่เกียร์แสดงออกให้เห็นถึงความอ่อนโยนและเข้าอกเข้าใจลูกมากขึ้น ดูจากมุมมองเขาน่ะนะเราจะอยู่มัลดีฟส์กันประมาณสี่คืนห้าวัน เป็นทริปที่ฉันอยู่แล้วมีความสุขมาก เราไปดำน้ำ ไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ฉันเองก็เห็นว่าเกียร์มีความสุขมากเลยล่ะ ฉันได้ทำผมให้แม่เกียร์ ได้พูดคุยกระชับความสนิทสนมขึ้นมาอีก ท่านใจดีและน่ารักกับฉันมากเลย“คุณแม่เห็นเกียร์ไหมคะ วันที่สามฉันออกมาเดินตามหาเกียร์เพราะหลังจากไปดำน้ำมาแล้วฉั
เดิมพันรักครั้งที่ 161/3Minnie Pharita Talk“เป็นอะไร หน้าบูดหน้าบึ้ง” ฉันถามเกียร์ตอนที่เขายกข้าวต้มมาให้บนห้อง ฉันไม่สบายเพราะเมื่อวานไปเล่นน้ำมาแล้วก็แช่น้ำในอ่างเกือบชั่วโมง แถมยังนอนทั้งที่แอร์ในห้องยังฉ่ำ แล้วก็เกียร์รังแกฉันจนเกือบตีสาม ฉันหลับไม่เต็มตื่นก็เลยป่วยเช้านี้ฉันตื่นมาแล้วก็เห็นว่าเกียร์ดูอารมณ์ไม่ค่อยดี ฉันคิดว่าเขาจะหายหงุดหงิดเรื่องเมื่อวานแล้วซะอีกนะ เพราะเมื่อคืนก็เธอคะเธอขาทั้งคืนไปแล้ว“ยังไม่หายงอนอีกหรือไงล่ะ” ฉันบ่น ๆ ใส่ ทั้งที่คนที่งอนหนักกว่ามันคือฉันนะ ฉันก็ยังคิดว่าตัวเองหายงอนแล้วเลยเพราะถ้าไม่หายเกียร์ก็คงพยายามจะง้อฉันต่อ ฉันอาจจะตายได้เพราะการง้อของเขา“ใช่” เกียร์ตอบสั้น ๆ “เธอจะทิ้งเกียร์อะมินนี่”“ทิ้งอะไร เดินลงจากเตียงจะไม่ไหวเลย” ฉันว่าด้วยน้ำเสียงติดแหบหน่อย ๆ เพราะมันเจ็บคอแล้วก็ปวดตัวไปหมด ฉันไม่อยากจะกินข้าวด้วยซ้ำแต่ก็ต้องฝืนเพื่อให้ตัวเองมีแรง ไม่อย่างนั้นมะรืนอาจจะไม่ได้ไปมัลดีฟส์น่ะ ฉันอยากจะไปมัลดีฟส์จริง ๆ นะ“เธอจะทิ้งเกียร์กับลูก” เขาย้ำ ส่วนฉันก็มุ่นคิ้วมอง“อะไรเธอ พูดอะไร” ฉันถามแล้วก็ถอนหายใจเบา ๆ“เธอกินข้าวนะจะได้มีแรง นอ







