จุดที่รถพลิกคว่ำอยู่ไม่ไกล แต่ตัวรถไถลจนไปชนกับขอบสนามและถึงแม้สนามค่อนข้างจะเซฟตี้พอสมควร แต่ก็ใช่ว่าจะไม่น่ากลัว เมื่อทั้งหมดวิ่งมาถึงตัวรถที่มีควันพวยพุ่งออกจากกระโปรงหน้ารถ กลับพบว่าเพลิงกำลังพยายามออกมาจากซากเครื่องยนต์อย่างทุลักทุเล
“เพลิง!” เฟียร์แทบจะวิ่งเข้าไปหาด้วยอาการตื่นตระหนก ถึงจะรู้ว่าชุดที่ร่างสูงใส่ค่อนข้างเซฟตี้มากแค่ไหนแต่นั่นก็ทำให้เธออดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี โชคดีว่าสนาม Fire Speed Racetrack ค่อนข้างมีความพร้อม ทีมงานแพทย์สนามเข้ามายังจุดเกิดเหตุและดูแลผู้แข่งขันที่บาดเจ็บทั้งสองคันอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นอะไร โอเคดี” เพลิงบอกกับทีมแพทย์ที่เข้าไปดูแล
“แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร” เฟียร์มองดูอาการของอีกฝ่ายด้วยความห่วง พร้อมกับย้ำกับทีมแพทย์ให้ตรวจเช็กร่างกายให้เขาอย่างถี่ถ้วน
“แค่มึนหัวนิดหน่อย” เพลิงตอบ
“เดี๋ยวต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลนะครับ เพราะต้องสแกนสมองหากพบอาการผิดปกติจะได้ดูอาการได้ทัน” แพทย์สนามบอก
ซึ่งมันก็จริง ต่อให้ร่างกายไม่มีแผลบาดเจ็บใด ๆ ก็ตามที แต่การที่รถพลิกคว่ำหลายตลบขนาดนั้นก็อาจส่งผลกระทบกระเทือนถึงสมองก็เป็นได้ ดังนั้นอย่างไรต้องส่งไปตรวจร่างกายอย่างถี่ถ้วนที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
“งั้นรีบไปโรงพยาบาลเลย” ไฟเดินมาดูด้วยความเป็นห่วง แต่ก็รู้สึกโล่งอกที่เพลิงไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่คิด
@โรงพยาบาล
“เป็นไงบ้างวะ” พายุเดินเข้ามาถามไถ่คนที่นอนอยู่บนเตียงพร้อมกับมองสำรวจอาการของอีกฝ่าย แต่พอเห็นว่าเพื่อนไม่ได้เป็นอะไรมากก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“จะเป็นเหี้ยไร กูยังไม่ตาย” เพลิงตอบเหมือนไม่ได้ใส่ใจอาการของตัวเองเท่าไรนัก แต่ที่ยังต้องนอนอยู่อีกหนึ่งคืน เพราะทางคณะแพทย์ขอประเมินดูอาการอีกครั้งในตอนเช้า
“อืม อย่างที่คนพูดกันไม่มีผิด คนเหี้ย ๆ มักจะตายยาก” พายุเดินเข้ามาตบบ่าคนป่วยที่นอนอยู่
“ควXเถอะ” เพลิงส่ายหน้าให้กับความกวนตีนของพายุ ก่อนที่เขาจะถามถึงบากิคู่แข่งของตัวเองด้วยสีหน้าซีเรียส
“แล้วไอ้บากิ?”
“ไม่ได้เป็นอะไรมากเหมือนกัน น่าจะน้อยกว่ามึงด้วยซ้ำมั้ง”
“อืม”
“เออ แต่มันฝากคนมาบอกรอบหน้ามันจะเจอกับกูให้ได้” สีหน้าพายุเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
“ไอ้นี่แปลก เหมือนมันจะพุ่งเป้ามาที่มึงตลอด” เพลิงเอ่ยออกมาอย่างสงสัย
“เออ กูก็คิดงั้น สายตาที่แม่งมองกูเหมือนโกรธแค้นกูมาสิบชาติ กูไปทำอะไรให้มันแค้นตอนไหน กูก็ยังไม่เข้าใจ” พายุเองก็ยังสงสัยไม่ต่างกัน
แต่ถึงแบบนั้น เรื่องที่เขาไม่พอใจมากกว่าในตอนนี้คือมันกลายมาเป็นแฟนของยูกิ อดีตคนรักของเขา
ซึ่งเป็นเรื่องที่เขายอมไม่ได้
ที่ผ่านมา พายุเองก็ไม่เคยพูดหรือเล่าเรื่องที่เขาทำเลวกับยูกิให้เพื่อนฟังด้วยเช่นกัน เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่น่าพูดสักเท่าไหร่
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกันอยู่ เป็นเฟียร์ที่เปิดประตูเข้ามาภายในห้องผู้ป่วยพอดี เธอเพิ่งกลับเข้ามาหลังจากออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดเรซควีนเป็นเสื้อยืดธรรมดาที่หาซื้อจากร้านค้าด้านล่าง เพราะขืนต้องใส่ชุดเซ็กซี่แบบนั้นอยู่โรงพยาบาลคงไม่เหมาะ
“อ้าวแล้วไฟล่ะ ไม่มากับนายเหรอ” เฟียร์เอ่ยทักพายุที่ยืนอยู่คนเดียวเพราะไม่เห็นไฟมาด้วย ก่อนที่เธอจะหันไปสบตากับเพลิงที่นั่งอยู่บนเตียง เขาเอาแต่มองร่างเล็กด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“มันจะมาทำไม” พายุเอ่ยลอย ๆ แต่ทำหน้าตาเหมือนรู้อะไรมา
“อ้าว”
“มันกำลังปลอบขวัญเมียมันอยู่เว้ย”
“ปลอบ?” เพลิงเลิกคิ้วถาม “ปลอบอะไรวะ”
“ก็เมียมันคิดว่าคนที่รถคว่ำเป็นรถของไอ้ไฟอะดิ กูเห็นมีอาร้องไห้โฮปานใจจะขาด สงสัยไอ้ไฟได้มันง้อเมียสำเร็จก็คราวนี้” พายุเล่าตามที่เขาเห็นมา
“หึ” เพลิงถึงกับส่ายหัวอย่างเอือม ๆ “สัสห่วงเมียมากกว่าหวงเพื่อนซะอีกไอ้เพื่อนเชี่ย” เขาบ่นแบบไม่ได้จริงจังอะไร เพราะรู้ดีว่าตัวเองก็ใช่จะเจ็บหนักอะไรมากมาย ไฟคงรู้อาการเขาดีอยู่แล้วจากแพทย์ประจำสนาม
“เออ งั้นมึงไม่เป็นอะไรแล้วกูกลับก่อนละกัน” พายุตบบ่าเพลิงเบา ๆ ส่วนเพลิงกลับแกล้งทำท่าราวกับเจ็บบ่าขึ้นมาจริง ๆ ทำเอาเฟียร์ตกใจทำตาดุใส่พายุแล้วเข้าไปดูเพลิงในทันที
“มึงไม่เห็นเหรอว่ามันเจ็บ”
“ไม่เห็นว่ะ เห็นแต่คนตอแหลอ้อนเมีย” พายุยักไหล่พูดติดตลกแซวเพลิงกับเฟียร์ ก่อนจะเดินถอยหลังออกไปที่ประตู พลางยกมือแบขึ้น
“งั้นกูไม่อยู่เป็นก้างขวางคอมึงสองคนละ ไปหาสาว ๆ ในสต๊อกของกูดีกว่า ไปละบาย”
@ผับ “ละสายตาออกจากมีอาบ้างก็ได้ ทำงานไม่เป็นสุขแล้วมั้ง คงเหมือนมีเจ้ากรรมนายเวรมามองอยู่ตลอดเวลา” เฟียร์ทนมองเห็นไฟมองตามมีอาที่กำลังทำงานอยู่ภายในผับอย่างไม่ละสายตา อดที่จะแซวทีเล่นทีจริงด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ “กูผัว ไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวร” ไฟปฏิเสธเสียงแข็ง หันไปมองเฟียร์ที่ยักคิ้วกวนเข้าใส่ เขาเลยทำหน้ายักษ์ใส่เธอไปทีหนึ่งส่วนที่ไฟต้องคอยมองตามมีอาแฟนสาวบ่อย ๆ ก็เพราะกลัวว่าเธอจะโดนลูกค้าคนอื่นลวนลาม แต่ครั้นจะห้ามเธอไม่ให้ทำงานพิเศษก็ไม่ได้อีกเหมือนกันเพราะเธอไม่ยอม “ก็ที่ทำตัวอยู่นี่ ไม่เหมือนเจ้ากรรมนายเวรเลยเนอะ” เฟียร์ไม่เลิกแขวะ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นเพลิงที่เพิ่งเดินเข้าสมทบกับเพื่อน ๆ ในกลุ่ม “สัสพายุ มึงไปอดอยากมาจากไหนวะกระดกไม่พักเลยสัส” เพลิงที่เพิ่งเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วยเอ่ยทักพายุขึ้นอย่างแปลกใจ เพราะตั้งแต่เขาเดินเข้ามา เห็นพายุยกแก้วเหล้ากระดกขึ้นดื่มติดต่อกันไม่พัก บวกกับสีหน้าเคร่งขรึมราวกับกำลังมีเรื่องเครียดอะไรบางอย่าง พฤติกรรมของเขาที่มักจะทำตัวระรื่นตลอดเวลาดูแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด “เออว่ะ นาน ๆ จะเห็นมันเงียบจริงจังสักครั้ง” เฟียร์เองก็เพิ่งจะเห็
เมื่อขับรถมาถึงตำแหน่งจอดพักรถก่อนจะก้าวเท้าออกด้วยสีหน้าของคนที่เพิ่งเคยแพ้เป็นครั้งแรก ตอนนี้เขาไม่สนใจเสียงโห่ร้องบนอัฒจันทร์หรือแม้แต่สายตาของทีมของเขาเลยสักนิด เขาเอาแต่จ้องมองใบบากิด้วยแววตาเคืองขุ่น ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินเข้าหากันเพื่อรับของเดิมพันที่ตกลงกันเอาไว้ “จัดการเอาเงินให้มัน” พายุเอ่ยบอกทีมงานของเขาที่วิ่งเข้ามา “กูไม่ได้ต้องการเงิน” บากิโพล่งสวนออกมาอย่างคนทันควัน จนพายุชะงักแปลกใจไปเล็กน้อย ทั้งสองสายตายังคงมองจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร “แล้วมึงต้องการอะไร” “ยูกิ” “…” “กูต้องการให้มึงอยู่ห่างจากยูกิ อย่ายุ่งกับเธออีก” บากิเอ่ยเสียงด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะที่เขาตั้งใจมาชนะพายุในวันนี้ให้ได้ ก็เพื่อใช้สิ่งนี้ต่อรองให้น้องสาวของเขาจะได้ไม่ต้องมีคนอย่างพายุตามรังควาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพายุเข้าใจผิดไปแล้วว่ายูกิเป็นแฟนกับเขา ยิ่งทำให้บากิมั่นใจว่าพายุไม่อยู่เฉยเป็นแน่ “หึ ดูท่าผู้หญิงคนนี้ มึงจะหวงมากสินะ” พายุแค่นหัวเราะออกมาในลำคอ พร้อมกับทำท่าทางตลกขำขันในคำพูดของบากิ แต่ทว่ากลับสวนทางกับความรู้สึกภายในใจของเขาที่รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “เ
ยูกิที่นั่งฟังเพื่อนสาวสองคนพูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ แต่ทว่าสายตากลับชะเง้อมองหาบากิพี่ชายของเธอ เพราะวันนี้เป็นการแข่งระหว่างพายุและบากิ เธอถึงได้มาที่นี่และในตอนนั้นเอง “กรี๊ด พายุลงสนามแล้ว” “แพรวพราวสุด ๆ ไปเลย” เฟมี่และนีน่าพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นพายุเดินออกมาหลังจากที่เข้าไปด้านในกับไฟที่แข่งชนะเสร็จ“และก็เฟรนลี่อะไรได้ขนาดนั้น” นีน่าเอ่ยออกมาอีกครั้ง เมื่อเห็นพายุดินมาโบกไม้จับมือกับสาว ๆ บนอัฒจันทร์อย่างเป็นกันเอง แต่ในสายตาของยูกิที่นั่งนิ่งเงียบมองเหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้า เธอมองว่าเขากำลังหว่านเสน่ห์จนน่าหมั่นไส้ เธอเห็นพายุกำลังโบกไม้โบกมือส่งจูบใหกับบรรดาสาว ๆ ที่ส่งเสียงคอยเชียร์เขาอยู่ทั้งที่ขอบสนามและบนอัฒจันทร์ “แต่เอ๊ะ นั่นใช่พี่บากิหรือเปล่า” เสียงของเฟมี่ทำเอายูกิที่เบนสายตาหนีไปทางอื่นหันขวับกลับไปมองยังจุดสตาร์ทรถแข่ง เมื่อยูกิเห็นพี่ชายเดินเข้ามายังรถแข่งของตัวเอง หัวใจดวงเล็กก็พลันเต้นแรงเพราะกลัวว่าพี่ชายจะเกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง ที่สำคัญเมื่อรู้ว่าพี่ชายต้องแข่งกับคนอย่างพายุแล้ว เธอกลัวใจของเขาเอามาก ๆพายุคนนี้ไม่ใช่คนเดิมอย่างที่เธอเคยรู้จักด้วย
การแข่งขัน@สนามแข่ง “ตั้งแต่หน้าทางเข้าสนามหนุ่ม ๆ รุมเข้าหาไม่หยุดเลยนะ” เฟมี่เอ่ยแซวยูกิขึ้น ในขณะที่ทั้งสามกำลังเดินขึ้นมาบนอัฒจันทร์เพื่อหาที่นั่ง เพราะตั้งแต่ลงจากรถยูกิก็เป็นเป้าสายตาของเหล่าบรรดานักศึกษาหนุ่มด้วยเพราะยูกิไม่เคยมาที่นี่“ก็เพื่อนเราสวยขนาดนี้ ถ้าพี่ชายไม่หวงป่านนี้คนมารุมขายขนมจีบกันเยอะมากแน่ ๆ” นีน่าเองก็เอ่ยชมเพื่อน ในเมื่อเป็นอย่างที่เธอพูดจริง ๆ ยูกิเป็นคนที่สวยมากคนหนึ่งทั้งมีผิวที่ขาวสมกับเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น ยิ่งเธอไม่เคยมาที่แบบนี้ด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งเป็นที่สนใจของเหล่าบรรดาหนุ่ม ๆ ที่ก็เคยเห็นเธอเป็นครั้งแรกเช่นกัน ในที่สุดทั้งสามก็ได้ที่นั่ง เฟมี่นีน่าตั้งใจให้ยูกินั่งติดกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว และเมื่อเขาได้เห็นยูกิก็ชะงักมองตาค้างไม่กะพริบตา ยูกิที่ทนต่อรังสีสายตาคมข้าง ๆ ไม่ไหว เธอจึงหันไปมองเพียงนิดให้ชายข้างกายได้รู้ตัวว่าเขานั้นจ้องมองเธอมากจนเกินไปแล้ว “ขะ ขอโทษครับ” ชายหนุ่มก้มหน้ายิ้มอายพร้อมกับเอ่ยสั้น ๆ ก่อนจะหันไปกระซิบกระซาบพูดคุยกับเพื่อนชายอีกคนที่นั่งข้าง ๆ ให้หันให้หันมามองยังยูกิ “สวยมากเลยว่ะ” สองหนุ่มด้านข้างจ้องมองมาที่
“ฉันเจ็บนะ!” พายุบีบแขนฉันแรงขึ้น แววตาของเขาก็ดุดันขึ้นเช่นกัน ตอนนี้เขาน่ากลัวมาก ราวกับเป็นคนละคนกับที่ฉันเคยรู้จัก ไม่สิ ฉันไม่รู้จักคนอย่างเขาเลยสักนิด ฉันไม่เคยรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าเราจะเคยคบกันแต่นั่นมันก็เป็นเรื่องหลอกลวง สิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งหมด ติ๊ง เสียงลิฟต์ที่เคลื่อนตัวถึงและประตูเปิดออกทำให้ฉันหลุดออกจากความคิดที่เผลอนึกถึงเรื่องอดีตที่ไม่น่าจดจำ “จิ๊ ไปได้ละ ก่อนที่ฉันจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้” พายุปล่อยแขนฉันออกจากการจับกุมของเขา ก่อนจะเบนหน้าหนีไปอีกทางด้วยอาการหัวเสียและหงุดหงิดสุด ๆ ส่วนฉันที่ได้อิสระก็รีบเข้าไปในลิฟต์และกดชั้นที่จะไปพร้อมกับกดปิดลิฟต์ทันที “เป็นบ้าไปแล้วหรือไง” ฉันมองแผ่นหลังกว้างของคนด้านนอกพึมพำออกมาในขณะที่ประตูลิฟต์ค่อย ๆ ปิด ฟู่ว... เมื่อลิฟต์ปิดลงสนิทฉันก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก…หลายวันต่อมา...@มหาลัยKSB “เฮ้อ เลิกเรียนสักที ง่วงไม่ไหวตาจะปิดอยู่แล้ว” นีน่าดีดตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรงหลังจากที่อาจารย์กล่าวเลิกคลาสเรียนก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป “นั่นดิ ยิ่งเรียนทำไมยิ่งไม่เข้าสมอง” เฟมี่เองก็เช่นกั
“เราโอเคแน่นะ?” อีกครั้งที่ความเป็นห่วงของพี่ชายถูกส่งออกมาด้วยแววตาและน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนน้องสาวที่อ่อนแออย่างฉันอยากจะลุกขึ้นมาเข้มแข็งด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องมีพี่ชายคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ คิดได้ดังนั้นฉันเดินเข้าไปใกล้และจับที่แขนพี่บากิเบา ๆ ส่งสายตาบ่งบอกว่าฉันโอเคดี “น้องไม่เป็นไร ไม่ได้สนใจเรื่องในอดีตอีกแล้วค่ะ” น้ำเสียงที่หนักแน่นและแววตาจริงจังของฉันทำพี่บากิมองฉันนิ่ง “พี่ไม่อยากให้มันกลับมาวุ่นวายกับน้องอีก ไอ้พายุมันเลวเกินกว่าที่น้องสาวของพี่จะอยู่ใกล้” “เขาเจอน้องก็จริง แต่เขาคิดว่าน้องกับพี่เป็นแฟนกัน คงไม่กล้ามาวุ่นวายอะไรกับน้องมากหรอกค่ะ” “ดี ให้มันเข้าใจไปแบบนั้น ที่เหลือพี่จัดการเอง” พี่บากิเอ่ยเสียงเรียบ “แต่ถ้ามันทำอะไรเราอีกพี่ไม่ปล่อยมันไว้แน่ ว่าแต่น้องเถอะรีบกลับไปได้แล้วเดี๋ยวจะดึก” ว่าแล้วพี่ชายก็วนมาไล่ให้ฉันรีบกลับบ้านจนได้ “งั้นยูกิขอไปเก็บเสื้อผ้ามาเฝ้าพี่คืนนี้ก่อนนะคะ” ฉันเปลี่ยนเรื่องทันทีเพราะถ้าขืนยังคุยเรื่องนี้ต่อไปทั้งคืนก็ไม่จบแน่ “ไม่ต้องเฝ้าหรอก นี่ก็มืดแล้วกว่าจะไปกว่าจะมามันอันตราย พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากอยู่คนเดียวได้ เรารีบ