คิระช็อกหนักและยังปะติดปะต่อเรื่องราวหลังจากนั้นไม่ถูก ประตูห้องก็เปิดออกตามด้วยร่างสูงใหญ่ของภามม์ที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับผ้าขนหนูผืนใหญ่พันเอวไม่พอยังมัดกล้ามที่เต็มไปด้วยหยดน้ำทั่วกายนั่นอีกนี่มันเรื่องบ้าอะไรอีกวะเนี่ย!!“นายตื่นแล้วเหรอ” ภามม์ถามพลางยกยิ้มมุมปาก“คะ คุณ! คุณเข้ามาได้ยังไงอะ”“ก็ห้องฉัน” ภามม์ตอบแค่นั้นก็ก้าวเข้าหาคิระเห็นถึงความไม่ปลอดภัยก็กระโดดผลุงขึ้นที่นอนคว้าผ้าห่มมาพันตัวสีหน้าตื่นตระหนกก่อนถามต่อ “แล้วคุณทำอะไรผมอะ!”“ฉันเหรอทำอะไรนาย” ภามม์ถามกลับ“ก็คุณน่ะสิ คุณทำอะไรผมรึเปล่า” คิระแค่นเสียงดุสู้เสือแต่เสือหนุ่มไม่ตอบคำถามให้คลายใจ เขากระตุกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ขณะง่วนอยู่กับผ้าขนหนูผืนเล็กที่กำลังเช็ดผมเปียกหมาดๆ ให้ตัวเองครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่ตู้เปิดเลือกๆ ได้ผ้าขนหนูผืนใหม่ที่พับอยู่ริมหนึ่งของตู้ กับเสื้อยืดแขนกุดกางเกงขาสั้นมาหนึ่งชุดแล้วโยนลงบนที่นอนต่อหน้าคิระทันที“ไปอาบน้ำไป”“แต่ผม” คิระอ้ำอึ้ง มองภามม์สลับกับเสื้อผ้ากับผ้าขนหนูที่ภามม์โยนให้ ไม่ทันได้พูดต่อ ภามม์ก็แทรกขึ้น“ไม่อาบเหรอ”“เอ่อ... ผม” คิระอ้ำอึ้งรอบสองภามม์ถอนใจ เขวี้ยงผ้าขนหนู
คิระตัดสินใจจากมาแบบเงียบๆ ไม่ให้ทั้งสามรู้ว่าเขารู้แล้ว ในเมื่อลุงตฤณมีหนี้สินกับภามม์มากมายขนาดนี้ เขาก็ต้องชดใช้หนี้บุญคุณครั้งนี้แทนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้งั้นก็ได้...ถ้าหากจะทำให้ลุงกับป้าไม่เดือดร้อนและมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เขาก็จะทำ...จะทำให้คุ้มค่าเงิน ให้คุ้มกับการดูแลเอาใจใส่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาในที่สุดคิระก็ถอยออกมาจากครอบครัวของลุงกับป้าอย่างเงียบๆ และเดินโซซัดโซเซไปอย่างไร้ทิศทาง...หลังจากทะเลาะกันจนบ้านเกือบพัง สองสามีภรรยาก็แยกย้าย ตฤณโมโหเมียที่เข้าข้างลูกชายคนเดียว ในขณะที่เขาก็โมโหตัวเองที่สร้างเรื่องราวทั้งหมดเพราะไอ้ผีพนันนี่ตัวเดียว!ตฤณรู้ทั้งรู้ว่าการพนันเป็นสิ่งไม่ดี แต่เขาหยุดมันไม่ได้และไม่รู้จะหยุดได้อย่างไร มันทำให้ชีวิตของเขาพังและครอบครัวต้องเดือดร้อนไม่พอยังทำให้เจ้านายมีปัญหาอีก“โธ่เว้ย!!”ห้าทุ่มแล้ว...คิระยังเดินเตร็ดเตร่ไปมาอยู่ภายในสวนสาธารณะริมน้ำไม่ไกลจากสกายพาเลซ เพื่อรอเวลาให้ภามม์กลับมา เขาอยากคุยกับภามม์ให้รู้เรื่องว่าจะให้เขาทำอะไรต่อไป ไม่ว่างานอะไรคิระก็ไม่เกี่ยง หากว่ามันจะทำให้ภามม์พอใจไม่ใช้อิทธิพลข่มขู่ลุงกับป้า หลังจากได้ยินคำพูดของ
“คุณจะมาโทษผมไม่ได้ในเมื่อเป็นความผิดของคุณเองที่ไม่บอกล่วงหน้าอะ” คิระลอยหน้าลอยตาตอบเด็กหนุ่มทำใจดีสู้เสือแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ เพราะทันทีที่พูดจบ ภามม์ก็กำหมัดซัดใส่กำแพงครู่หนึ่งจึงหัวเราะออกมา แต่คิระมองว่ามันช่างเป็นเสียงหัวเราะที่ขมขื่นเสียนี่กระไร มันทำให้เขานึกกลัวนิดๆ เข้าแล้ว“เอาล่ะ นายกลับไปได้ละ” “จะให้ผมไปไหนอะ” “ไปไหนก็ไป”“เอ้า! ไปไหนก็ไปคือให้ผมกลับบ้านใช่ปะ” คิระถามกลับไม่ใช่ว่ากวนแต่เขาเริ่มสับสน ไม่เข้าใจอารมณ์ภามม์ว่าความหมายของเขาคือให้กลับไปที่คอนโดหรือที่ไหนกันแน่“ไปไหนก็ได้ หรือไปตายเลยก็ไป!” ภามม์ไล่ไม่ไว้หน้า เห็นสีหน้าเหวอของคิระ เขาก็ถอนใจก่อนตอบ “เอาเป็นว่าตอนนี้ นายไปให้พ้นหน้าฉัน ก่อนที่ฉันจะต่อยนาย”ภามม์ชี้นิ้วไปที่ประตูด้วยความหงุดหงิด คิระงันไป นึกว่าจะถูกต่อย แต่ภามม์ที่ตอนนี้สงบลงบ้างแล้วสะบัดมือไล่“ฉันบอกให้ออกไปไง!”“ไม่ฮะ”“จะเอาอะไรอีก”“คุณต่อยมาเลย”“อะไรนะ”“บอกให้ต่อยมาไง ผมพร้อม” คิระว่าจบก็หลับตาพลางสูดลมหายใจลึกก่อนจะยื่นแก้มให้แล้วพูดต่อ “ต่อยมาเลย คุณจะได้หายโกรธที่ผมทำตัวไม่สมค่าเงินสามล้านของค
“ก็... เราสองคนเหมือนพี่น้องกันมากกว่าไง”ภามม์หยุดคำพูดเท่านั้นเพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อารยาจึงหันมาคุยกับภัทรที่เริ่มนั่งไม่ติดแทน“ดูพี่ภัทรไม่ค่อยสบายเลยนะคะ เป็นอะไรรึเปล่าคะ”ภัทรส่ายหน้าหวือ หลบตาพ่อที่มองอยู่ก่อนตอบ “น่าจะมึนไวน์นิดหน่อยน่ะครับ”ขณะเดียวกันภามม์ที่คอยดูหน้าจอโทรศัพท์เป็นระยะ ก็รู้สึกขัดใจจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดัง เขาก็รีบกดรับแล้วลุกขึ้นก้าวฉับๆ ไปที่ประตูทันที“จะไปไหน เจ้าภามม์” ภูมิถามเสียงเข้มภามม์ชะงักหันมาที่โต๊ะแล้วตอบเต็มปากเต็มคำ “ไปรับเมีย”“เมียเเหรอ?”คราวนี้ทั้งภูมิ ภัทร์ และอารยาถามขึ้นมาพร้อมกัน ไม่ทันที่ภามม์จะได้ตอบ ประตูห้องก็เปิดออก ภามม์หันไปมองก็ถึงกับตะลึงเพราะคนที่เข้ามานั่นล่ะ!“ขอโทษฮะ พอดีผมหาห้องไม่เจอก็เลยมาช้า”คิระค้อมหัวคำนับอย่างนอบน้อม มีแต่ภามม์เท่านั้นที่หุบยิ้มด้วยขัดใจกับสภาพของคิระที่ขัดกับความรู้สึกของเขาอย่างแรงชายหนุ่มรุดเข้าประชิด คว้าข้อมือคิระบีบแน่นแล้วกระซิบเสียงเขียวทันที “ทำไมฉันให้เงินไปซื้อเสื้อผ้าแล้วออกมาเป็นแบบนี้”“อ้าว! ก็ คุณบอกให้ผมใช้เงินให้เต็มที่เท่าที่อยากใช้ไง เนี่ย ผมก็เต็มที่ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม
คิระเดินไปได้พักหนึ่งก็เจอเข้ากับร้านที่หมายตา มันตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านผ้าแบรนด์หรูนั่นเอง คิระมองตัวเองในกระจกหน้าร้านแล้วอดชื่นชมตัวเองไม่ได้ คนอะไรน่ารักจริงอย่างที่เขาว่า แต่ต่อจากนี้เขาจะเลิกน่ารักแล้วล่ะเด็กหนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แต่พอนึกถึงหน้าคนชมสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นปุเลี่ยนแทน เฮ้ย... ไม่ได้ๆ อย่าเคลิ้ม... คิระหมายมาดกับตัวเองในใจว่านอกจากต้องการให้ภามม์ผิดหวังแล้ว สิ่งที่เขาต้องการหนักหน่วงนั่นก็คือความสะใจนั่นเอง... บรรยากาศบนโต๊ะอาหารในห้องวีวีไอพียามนี้สุดอึมครึม เพราะเจ้าของงานมีสีหน้าขึงขังตลอดเวลาด้วยลูกชายคนเล็กที่ยังมาไม่ถึง ทั้งที่ปกติภามม์เป็นคนตรงต่อเวลา แต่นี่อาจเพราะเป็นสิ่งที่ภามม์ไม่ต้องการจึงทำแบบนี้ผู้เป็นพ่อเริ่มนั่งไม่ติดด้วยแขกที่มารออยู่เป็นคนระดับลูกสาวเจ้าสัวรวยที่ทางที่เขาไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นซ้ำรอยเคสเดิมอีก ภูมิจิบไวน์ จิบแล้วจิบอีกด้วยความร้อนใจ แต่ภามม์ก็ยังไม่มา ครั้นจะให้เลขาโทรตามอีกฝ่ายก็ไม่รับสาย ทำให้เขาเดือดปุดๆ ในใจ ไอ้ลูกบ้า!อุตส่าห์จะหาผู้หญิงดีๆ ให้
“ไม่เข้าใจอะ ผมไม่ใช่ผู้หญิงรับผิดชอบสายพันธุ์ของคุณไมได้หรอก”ภามม์หัวเราะลั่นก่อนเอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากคิระที่ไม่ทันตั้งตัวจึงหงายหลังลงบนเตียง ภามม์ก็ล้มตัวลงทาบทับทันทีก่อนกระซิบข้างหูคิระอย่างย่ามใจ “ฉันก็ไม่ได้ต้องการแม่พันธุ์” “แล้วคุณทำแบบนี้ทำไม!” “ก็...” ภามม์ยักไหล่แต่สีหน้ายิ้มสะใจ “แค่ต้องการตัวนายเฉยๆ” “ห๊ะ! ไม่! ไม่นะ!”คิระดิ้นขลุกขลักอยู่ด้านใต้ร่างภามม์ที่กักเขาไว้ด้วยกล้ามแขนแข็งแรงทั้งสอง แต่ภามม์ไม่เพียงโน้มหน้าลงมากลับฉกวูบที่ริมฝีปากคิระอย่างจาบจ้วง ครู่หนึ่งจึงคลายออก “อื้ม... หวานเหมือนเดิม” ภามม์เย้า สีหน้าสมใจ ก่อนจะพูดต่อที่ค้างไว้ “ฉันชอบ” “ทุเรศ!”คิระสะบัดหน้าไปอีกทาง แต่ถูกฝ่ามือขวาของภามม์บีบแก้มแล้วบิดมาตรงหน้าด้วยสีหน้าพึงพอใจก่อนจะจับแก้มคิระให้หันกลับมา“สินค้าดี หน้าตาหมดจดดี” ภามม์ว่าจบก็แหวกคอเสื้อเขิ้ตคิระออกคิระปัดมือแต่ถูกภามม์ดึงไว้แล้วสำรวจอย่างจาบจ้วง พอสาสมใจจึงคลายมือ คราวนี้เด็กหนุ่มถอนหายใจโล่งอกก่อนจะเม้มปากแน่น เมื่อภามม์โน้มหน้าลงมาอีก“ทำไม นึกว่าจะจูบอีกเหรอ”“แหวะ ปากเสี