ฟุ่บ!
ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงโซฟาตัวสีดำราคาแพงด้วยอารมณ์หงุดหงิดเต็มพิกัด อีกสามวันเขาต้องเข้าพิธีแต่งงานกับยัยเด็กเหลือขอนั่นจริงๆ แล้วสินะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน
แต่งงาน…
คำนี้หลอนอยู่ในหัวจนไม่เป็นอันทำอะไร ขนาดนอนยังนอนไม่หลับเพราะมัวแต่คิดเรื่องนี้ พ่อเขาคิดอะไรอยู่
คำสาบาน?
ไม่แต่งงานครอบครัวจะมีอันเป็นไป?
สำหรับเขาแม่งโคตรไร้สาระเลยสิ้นดี แต่ถ้าไม่ยอมแต่งงานกับยัยเด็กเหลือขอนั่น พ่อก็จะไม่ยอมโอนคาสิโนให้เป็นของเขา ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังจะโดนตัดออกจากกองมรดกอีกต่างหาก
ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา” เขาขยับริมฝีปากบอกเจ้าของเสียงเคาะประตูอย่างห้วนๆ ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก เขาไม่ได้หันไปมองว่าใครเข้ามา แต่ฟังน้ำเสียงที่ทักทายก็พอเดาได้
“กูเห็นมึงไม่ตอบไลน์ ก็เลยมาหาที่นี่” ไรอันพูด พลางหย่อนตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามคิรัน
“ทะเลาะกับเมีย?”
“โดนไล่ออกมา”
“เหอะ! ถ้าไม่ทะเลาะกับเมียพวกมึงก็คงไม่เห็นกูอยู่ในสายตา” เขาพูดอย่างตัดพ้อ แต่จริงๆ ไม่ได้คิดอะไร ตั้งแต่พวกมันมีเมียเป็นตัวเป็นตนก็หายหัวไปในรูกี
“ดีเหมือนกัน ไม่เห็นหน้ามึงตั้งอาทิตย์นึงแล้ว”
“สัส”
“มีเหล้าไหม”
“ไปหามาแดกเอาเอง” น้ำเสียงเย็นชาไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่คราวนี้มันปนด้วยความรำคาญอย่างชัดเจน
ไรอันยกยิ้มอย่างไม่สนใจนัก แต่แอบสังเกตท่าทางของเพื่อนสนิทวันนี้ดูแปลกไป ปกติไม่หน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนี้ หลังจากมองสังเกตสักพักจึงตัดสินใจขยับริมฝีปากถาม
“เป็นไรวะ”
“หงุดหงิดนิดหน่อย”
“หงุดหงิดกู?”
“ถ้าจะมากวนตีนกูก็ไสหัวกลับไป กูไม่มีอารมณ์จะเล่นกับมึง” เห็นไรอันเป็นหมอที่ดูนิ่งขรึมแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วนี่แหละ คือตัวตนของมันเวลาอยู่กับเพื่อน สรุปแล้วการมาของมันทำให้เขาหงุดหงิดหนักกว่าเดิม “อีกสามวันกูจะแต่งงาน”
“ห๊ะ!!” คุณหมอหนุ่มอุทานดังลั่นห้องทำงานของเพื่อนสนิทอย่างแทบไม่เชื่อหู เสือผู้หญิงอย่างคิรันนะเหรอกำลังจะแต่งงานในอีกสามวัน
บ้าไปแล้ว…
“เออ มึงฟังไม่ผิดหรอก”
“มึงไปทำใครท้องมาวะ”
คิรันตวัดสายตามองไรอันอย่างไม่สบอารมณ์
“ตั้งแต่มึงมีเมียดูพูดมากขึ้นเยอะดีเนอะ”
“เมียกูเป็นคนช่างพูด”
“มึงก็เลยช่างพูดเหมือนเมีย?”
ไรอันไหวไหล่เบาๆ ก่อนจะขยับริมฝีปากถามในสิ่งที่สงสัย
“แล้วสรุปมึงจะแต่งงานกับใคร”
“ลูกสาวเพื่อนพ่อกู”
“เพื่อนพ่อมึง…อ้าวก็พ่อกูนิ” สิ่งที่ไรอันพูดทำให้คนที่หงุดหงิดอยู่ถึงกับถอดถอนหายใจออกมาหนักๆ ด้วยความเอือมระอา
“ลูกสาวลุงนวคุณ เพื่อนพ่อกูตั้งแต่สมัยไหนไม่รู้ ไม่รู้ว่าพ่อมึงรู้จักไหม”
“น่าจะไม่ ไม่เคยได้ยินพ่อกูบอกว่ามีเพื่อนชื่อนี้” คราวนี้ไรอันตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น “ทำไมจู่ๆ มึงจะได้แต่งงานวะ”
“พ่อกูกับลุงนวคุณสาบานอะไรกันไว้ก็ไม่รู้ ถึงขั้นใช้เลือดประดับบนกระดาษ กูต้องแต่งงานตอนลูกสาวเขาอายุยี่สิบปี ถ้าไม่แต่งครอบครัวจะทำอะไรไม่ขึ้น ถึงขั้นล้มละลายอะไรทำนองนั้น ซึ่งกูมองว่าไร้สาระ”
รุ่นพ่อแต่งงานกับแม่เพื่อไม่ให้เกิดสงคราม
รุ่นลูกแต่งงานเพื่อลบล้างคำสาบาน เจริญพร….
“ไม่เชื่อก็อย่าลบลู่ ของแบบนี้เรามองไม่เห็นด้วยตา”
คิรันถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบปลายกระบอกไว้ในปากแล้วใช้ไฟแช็คลนจนควันสีเทาคลุ้งกระจายปนกลิ่นเหม็นฉุน
“สรุปมึงต้องแต่ง?”
“ไม่แต่งพ่อกูก็ไม่ยอมโอนคาสิโนนี้ให้เป็นของกู แถมยังจะตัดกูออกจากกองมรดก”
“กูว่ารอบนี้ลุงคิระเอาจริง”
“กูไม่อยากแต่งงาน ต่อให้แค่หนึ่งปีก็ตาม” เขายังไม่พร้อมผูกมัดตัวเองไว้กับใครไม่ว่าสถานะไหน ชีวิตชายโสดตอนนี้กำลังจะเปลี่ยนไปเป็น…สามีของยัยเด็กเหลือขอ
“แต่งงานหนึ่งปีเหรอวะ กูว่าไม่นานนะ”
“สำหรับกูแม่งโคตรนาน”
“เอาน่าแต่งๆ ไปเหอะ คิดซะว่าซ้อมมีเมีย” ไรอันพูด สายตาพลางมองเพื่อนสนิทที่ยังคงมีสีหน้าไม่สบอารมณ์เช่นเคย “แต่ระวังจะตกหลุมรักเมียชั่วคราว จนมึงไม่อยากแต่งงานกับใครอีกเลยก็ได้”
ประโยคนั้นทำเอาคิรันเลื่อนสายตามามองไรอันทันที ก่อนจะดึงกลับไปมองอย่างอื่นพลางอัดนิโคตินในก้านบุหรี่เข้ามาเต็มปอด ยิ่งฟังไรอันพูดยิ่งหงุดหงิด สิ่งที่มันพูดไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด ไม่มีทาง…
“พูดแล้วก็อยากเห็นหน้าตาเจ้าสาวของมึง ไม่รู้ว่าเป็นฝันร้ายของเธอรึเปล่าที่มาเจอคนอย่างมึง”
“ฝันร้ายของกูมากกว่า”
“ยังไงวะ”
“ยัยนั่นทั้งขี้เหร่ ฟันก็เหยินแถมยังอ้วนเหมือนโอ่ง ถึงตอนเข้าหอเตียงกูคงหัก” แค่ลองจินตนาการช่วงเวลาเข้าเรือนหอกับยัยเด็กเหลือขอนั่นก็ขนลุกซู่แล้ว เขายกบุหรี่ขึ้นมาดูดตรงปลายกระบอกอีกครั้ง ปล่อยให้นิโคตินช่วยทำให้อารมณ์หงุดหงิดที่ก่อเกิดขึ้นมาบรรเทาลง
ณ ร้านอาหาร
นาเนียร์กลับมาถึงร้านอาหารหลังจากส่งอาหารเสร็จ ร่างบางเดินเข้าไปภายในร้านพลางถอดแมสก์ลายคิตตี้ออก ดวงตากลมโตคู่สวยมองเจ้าของร้านแล้วยื่นเงินที่ได้รับมาให้
“ค่าอาหารค่ะเจ้”
“ทำไมเขาให้แกเยอะจัง ไปส่งอาหารหรือไปรับงานเสริมมาด้วยล่ะ” เจ้าของร้านรับเงินมาพร้อมกับพูดแดกดันนาเนียร์เหมือนเคย สายตาที่มองหญิงสาวดูไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ที่รับนาเนียร์เข้าทำงานก็เพราะสามีเอ็นดู
“หนูไม่ได้รับงานเสริมค่ะเจ้” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพอย่างแก้ต่างให้ตัวเอง ภรรยาเจ้าสัวไม่ชอบหน้าเธอตั้งแต่ไหนแต่ไร พาลพูดเสียๆ หายๆ ให้อยู่บ่อยครั้ง ที่ทนก็เพราะที่นี่ให้เงินเดือนเยอะ บางวันเธอต้องแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจปล่อยผ่านทั้งที่ลึกๆ รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย
“เดี๋ยว”
นาเนียร์ที่กำลังเดินออกไปหยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเรียกเมื่อครู่แล้วขานรับตามมารยาท
“คะเจ้”
“พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ”
หัวใจดวงน้อยหล่นวูบเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ทะ…ทำไมคะ”
“ช่วงนี้เศรษฐกิจที่ร้านไม่ค่อยดี ร้านเลยมีนโยบายต้องลดจำนวนพนักงานลง แต่เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ เจ้าสัวใจดีให้เงินเดือนเดือนนี้เธอเต็มจำนวน พร้อมกับโบนัสเล็กๆ น้อยๆ”
“…” เธอพูดอะไรไม่ออก ประโยคนั้นของภรรยาเจ้าของร้านไม่ต่างอะไรจากการ ‘ไล่ออกทางอ้อม’ เธอรู้ดีว่าภรรยาเจ้าสัวไม่ชอบเพราะคิดว่าเจ้าสัวชอบเธอ ในร้านเธอโดนใช้งานหนักกว่าพนักงานคนอื่นทั้งที่เงินเดือนเท่าเดิม
ภรรยาเจ้าสัวบอกว่าเศรษฐกิจไม่ดี จริงๆ ฟังดูเหมือนเป็นข้ออ้างในการไล่เธอออกมากกว่า ร้านอาหารนี้ลูกค้าเยอะตลอดไม่เว้นแม้กระทั่งวันธรรมดา เธอมองไปรอบๆ ร้านที่แน่นทุกโต๊ะ
นี่หรือเศรษฐกิจไมีดี…
“วันนี้ขอบใจมากนะ ฉันให้เธอกลับก่อนเวลาเลิกงานได้”
“เจ้คะ…” ริมฝีปากสีระเรื่อเอ่ยเรียกภรรยาเจ้าสัวเสียงแผ่วเบา “หนูทำอะไรผิดเหรอคะ ทำไมถึงไล่หนูออก”
“ฉันบอกเธอชัดเจนแล้วนะ ไม่ได้ไล่ออก แค่ต้องการลดจำนวนพนักงานลง” ภรรยาเจ้าสัวเอียงคอมามองนาเนียร์เพียงนิดแล้วตอบเสียงเรียบ ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี
นาเนียร์แทบอยากร้องไห้ออกมาตอนนี้ ลูกค้ากลุ่มนึงที่เพิ่งเดินเข้ามาก็ชนไหล่เล็กเต็มๆ ราวกับเธอเป็นธาตุอากาศ แม้กระทั่งคำขอโทษยังไม่ได้รับ จนต้องเป็นฝ่ายพาตัวเองออกไปจากตรงนี้
‘ยัยอ้วนฟินเหยิน’ คนที่เขาเคยประกาศกล่าวว่าเกลียดนักเกลียดหนา ตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่เขา ‘รักมาก’ ที่สุดอดีตที่ผ่านมาเขาไม่สามารถกลับไปแก้ไขมันได้ เขาให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องเสียใจ และผิดหวังในตัวเขาอีกครั้งเด็ดขาด กว่านาเนียร์จะยื่นโอกาสให้อีกครั้งไม่ง่ายเลย เขาจะไม่ทำโอกาสนั้นหลุดมืออีกไปแล้ว…หัวใจแกร่งเต้นดังโครมครามในยามมองคนตรงหน้าในชุดเจ้าสาวอีกครั้ง มือหนาที่ประสานไว้ด้านหน้าบีบเข้าหากันแน่น ดวงตาคมเข้มคลอเคล้าด้วยคราบน้ำตาเธอสวย… สวยจนไม่อาจละสายตาไปไหนเลยในขณะที่นาเนียร์เดินเข้าไปหาคิรันบนเวที โดยมีคิระเดินส่งตัวเข้าพิธีแต่งงาน มือเล็กเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ใบหน้าสวยหวานฉายชัดถึงความประหม่าปนตื่นเต้นนี่เป็นการแต่งงานแบบเปิดเผย ไม่ใช่แบบลับๆ อย่างตอนนั้น แขกเหรื่อมากมายต่างเข้ามาร่วมเป็นสักขีพยาน มีทั้งเพื่อนสนิทตัวเอง เพื่อนสนิทคิรันที่มาพร้อมภรรยาและลูกๆ คนรู้จักฝั่งพ่อแม่คิรัน และอีกมากมายที่เธอก็ไม่คุ้หน้า“นวคุณกับพิมพ์ดาวต้องดีใจมากแน่ๆ” คิระเอ่ยขึ้น ขณะเดินส่งตัวนาเนียร์“ขอบคุณคุณลุงนะคะ ที่ดูแลหนูเป็นอย่างดี”“เรียกพ่อได้แล้ว”คิระย
วันรับปริญญาเสียงหัวเราะของนักศึกษาดังระงมทั่วลานกว้างหน้าตึกปรีคลาสสิคในมหาวิทยาลัยชั้นนำใจกลางเมือง ต้นไม้สูงตระหง่านรายรอบพื้นที่เปิดโล่งที่เต็มไปด้วยชุดครุยสีดำพริ้วไหว และหมวกทรงสี่เหลี่ยมที่บางคนวางไว้บนหัว บางคนถอดออกมากอดถ่ายรูป สะท้อนแสงแดดยามสายที่สดใสแต่ไม่ร้อนจนเกินไปท่ามกลางผู้คนจอแจ มีหญิงสาวร่างโปร่งในชุดครุยปริญญาเอกออกแบบเฉพาะของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่เย็บขลิบด้วยเส้นด้ายทองละเอียดบนพื้นดำสนิท ยืนอยู่ใต้ต้นราชพฤกษ์ที่กำลังออกดอกเหลืองสด เธอคือ ‘นาเนียร์’ หญิงสาวที่เคยผ่านเรื่องราวหนักหนาทั้งกับความรัก ครอบครัว และชีวิต จนวันนี้ เธอก้าวมายืนอย่างเต็มภาคภูมิในฐานะ ‘บัณฑิต’ คนหนึ่งเสียงกดชัตเตอร์ดังรัวเป็นจังหวะ พร้อมเสียงกรี๊ดเบาๆ จากผู้หญิงคนหนึ่ง“นาเนียร์หันมาทางนี้หน่อย!” เสียงของเกรซ เพื่อนสาวสุดแซ่บที่สวมชุดเดรสสีพีชยาวกรุยกราย ถือกล้องราคาแพงจ่อไปยังเพื่อนสนิท“ขอช็อตยิ้มละลายใจหน่อยสิบัณฑิตป้ายแดง”“ขนาดนั้นเลยเหรอ” นาเนียร์หัวเราะพลางยิ้มให้กล้อง ก้าวเท้ามากอดเพื่อนแน่นๆ “ขอบคุณที่มานะ”“วันสำคัญของเพื่อนไม่มาได้ไง”ก่อนที่นาเนียร์จะพูดอะไรต่อ มือใหญ่และอบอุ่นค
ห้องนอนเพนท์เฮาส์ในย่านทองหล่อยังคงเงียบสงบ ยามเช้าแสงแดดอ่อนลอดผ้าม่านสีขาวนวลเข้ามาปะทะกับร่างบางที่นอนซุกอยู่บนแผงอกของผู้ชายคนเดิมนาเนียร์ขยับตัวเบาๆ ซุกหน้าลงกับอกเขาอีกครั้ง อ้อมแขนของคิรันตวัดรั้งแน่นขึ้นทั้งที่ยังหลับ ดวงตาของเขาแม้ปิดสนิท แต่การตอบสนองทุกสัมผัสของเธอช่างแม่นยำ“ขยับอีกที พี่ไม่รับประกันว่าหนูจะได้ลุกไปกินข้าวเช้านะ”เสียงทุ้มงัวเงียแต่มากด้วยอำนาจทำให้เธอหัวเราะเบาๆ “พี่คิรันอะ…”“เรียกชื่อพี่แบบนี้…” เขาขยับขึ้นมาคร่อมร่างเธอไว้ ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงใกล้จนปลายจมูกแตะกัน “ระวังโดนเอาอีกรอบนะ”“คนหื่น” เธอพูดแล้วรีบพลิกตัวหนีเขาทันทีคิรันจับข้อเท้าเธอไว้แล้วลากกลับมาหาอย่างง่ายดาย ราวกับล่อลูกแมวกลับเข้ากรง “หึ คิดจะหนี?”“หนูจะรีบไปทำอาหารเช้าให้ไงคะ”“กินหนูเป็นอาหารเช้าได้ไหม?”“พอเลยย”“งั้นขอนอนกอดหนูอีกสิบนาทีได้ไหม?”“แค่กอดนะคะ”“ค้าบบ” เขาลากเสียงยาวๆ ก่อนจะพลิกตัวนอนกอดนาเนียร์ดีๆ ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้าที่ฝนเพิ่งหยุดตกไปช่วงเช้ามืดหลายวันต่อมาหลังจากคิรันเคลียร์งานเสร็จสรรพ ทั้งคู่ก็มีเวลาว่างร่วมกัน คิรันพานาเนียร์ไปคาเฟ่ริมแม่น้ำชื่อว่า ‘Verand
เสียงคลื่นซัดสาดเบาๆ สัมผัสฝ่าเท้าเปล่าของนาเนียร์ ขณะที่เธอเดินอยู่บนผืนทรายละเอียด ริมทะเลยามเย็นในช่วงปลายฝนต้นหนาว ท้องฟ้าแต่งแต้มด้วยสีส้มอมชมพู ตัดกับเส้นขอบฟ้าของน้ำทะเลที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีเมื่อดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า“หนูชอบเวลาที่ได้อยู่กับพี่คิรันสองคนจัง”“งั้นหนูก็อย่าทิ้งพี่ไปไหนสิ”“หนูกลัวพี่คิรันทิ้งหนูมากกว่า”“อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สิ” กว่าเขาจะทำให้นาเนียร์กลับมาเชื่อใจอีกครั้งไม่ง่ายเลย แล้วทำไมเขาต้องปล่อยเธอไปอีกครั้งด้วยล่ะ “พี่รักหนูมากขนาดนี้ จะทิ้งลงได้ยังไง”นาเนียร์หน้าแดงจัด ก่อนจะหยุดเดินแล้วหันหน้าหนีไปทางทะเล คิรันยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน ขยับเข้าไปยืนด้านหลังพร้อมกับสวมกอดจากข้างหลัง อ้อมแขนเขากว้างและอบอุ่น มีกลิ่นน้ำหอมจากเขาที่เธอจำได้อย่างแม่นยำ ราวกับมันกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว“ขอบคุณนะคะที่พาหนูมาเที่ยว”“อะไรที่ทำให้หนูมีความสุข พี่พร้อมทำ” ส่วนอะไรที่ทำให้เธอไม่มีความสุข…เขาพร้อมทำลายมันนาเนียร์รู้สึกหัวใจเต้นแรงจนอยากแอบเอามือทุบตัวเองเบาๆ เพื่อระบายความเขิน แต่ไม่ทันจะได้ทำ เขาก็จับมือนั้นไปแนบไว้ที่หน้าอกของเขา“รู้ไหมว่าตอนนี้หัวใจพี่
เอแคลร์โยนกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงลงเตียงนอนอย่างไม่ไยดี ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงขอบเตียงด้วยสีหน้าแดงก่ำจากโทสะ มือเรียวสวยจิกขอบเตียงแน่นจนชา แววตาฉายความเคียดแค้นอย่างเปิดเผยเธอสะอื้นแรงๆ อย่างไม่แคร์ว่ามาสคาร่าจะเลอะเป็นคราบดำ สะบัดรองเท้าส้นสูงราคาเหยียบแสนออกจากเท้าอย่างหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบหยิบขวดไวน์มาเปิดมันด้วยแรงโทสะ ฝาจุกกระเด็นไปกระทบกำแพงดัง ปึก! ราวกับระบายความคั่งแค้นในอก“แกเป็นใคร! กล้าดียืนข้างคิรันแทนฉัน!” เอแคลร์พูดกับตัวเองเสียงลอดไรฟันเธอเคยได้ทุกอย่างของคิรัน แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับพรากเขาไปจากเธอ และคิรันก็โง่เลือกยัยหน้าใสนั่นแทนผู้หญิงอย่างเธอที่เหมาะสมมากกว่าเอแคลร์ยกไวน์ขึ้นดื่มอึกใหญ่จนเลอะขอบปาก แล้วตะโกนลั่นห้องอย่างไร้สติ“คิดว่าแกจะชนะฉันหรือไง!? คิดว่าได้คิรันไปแล้วจะอยู่อย่างมีสุขเหรอ!? ฝันไปเถอะ!” เธอจะทำให้นังนั่นเสียทุกอย่างรวมถึงคิรัน มือเรียวจับขวดไวน์แน่นราวกับอยากทำให้มันละเอียดคามือเช่นเดียวกับใครบางคน…ยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวด ภาพในวันวานของเธอและคิรันไหลพรั่งพรูเข้ามาในหัว ราวกับกำลังตอกย้ำว่าเธอไม่มีสิทธิ์กลับไปยืนจุดนั้นได้อีกแล้วเธอพลาดที่ป
วันต่อมาติ๊ง…นาเนียร์ที่กำลังนั่งเขี่ยโทรศัพท์เหลือบไปเห็นข้อความจากเกรซที่ส่งเข้ามา ก่อนจะกดเข้าไปอ่านอย่างรวดเร็วเกรซ : เห็นข่าวนี้ยังเกรซ : ส่งรูปภาพนิ้วเรียวสวยกดเข้าไปดูรูปที่เกรซแคปหน้าจอส่งมาให้ เธอตั้งใจอ่านก่อนจะรู้สึกใจสั่นไหว เพราะสิ่งที่เกรซส่งมาเป็นเรื่องของตัวเองซึ่งกำลังติดเทรนทวิตเตอร์ข้อความจากแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์เจ้าหนึ่ง พร้อมแคปชันยาวเหยียดที่เขียนด้วยถ้อยคำประชดประชัน ถากถาง และเจือความสะใจ‘สะใภ้ตระกูล ก. อัปเกรดตัวเองโดยใช้ร่างกายเพื่อไต่เต้าขึ้นมาเป็นคนของลูกชายคนโตจากตระกูลผู้ทรงอิทธิพลอย่าง ค. วงในกระซิบมาว่าป้าชีเพิ่งโดนจับสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานจากคดีค้ายาเสพติดและอีกมากมาย แต่นางกลับไม่เคยสลด แต่ไม่แปลกเพราะมีคนบอกว่านางใจแตกมีผัวตั้งแต่อายุ20’ แม้จะไม่มีชื่อเธอเต็มๆ แต่ภาพเบลอหน้าที่แนบมากับข้อความนั้น คือรูปเธอจากมุมด้านข้างในงานเลี้ยงที่ไปกับคิรันตั้งแต่หลายเดือนก่อน มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มสั่น หัวใจบีบรัดแน่นจนน้ำตาคลอขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเกรซ : ตอนแรกฉันว่าจะปล่อยผ่านแล้ว แต่รู้สึกว่าคนในรูปเหมือนแกก็เลยส่งมาให้ดูเกรซ : มีคนจงใจเล่นงานแกแน่ๆนาเนียร์