เธอบอกเหมือนว่าผมไม่รู้เรื่องพวกนี้ โอเค.ผมยังเวอร์จิ้น แต่ไม่ได้ไม่ประสีประสาเรื่องพวกนี้เสียหน่อย เสียงหวานเอ่ยขึ้นแล้วยื่นมือมาจับท่อนเอ็นของผมรูดมันเบาๆ มือนุ่มรูดสาวลำเอ็นอวบ ทำให้น้องชายของผมแข็งโด่ขึ้นมาอีกครั้งทั้งที่เพิ่งปลดปล่อยไป ไม่อาจถอนสายตาไปจากมือที่กำลังสาวลำเอ็นจนปลายหัวบากมีน้ำใสๆ ผุดออกมา “ซี๊ดดดด” ผมครางและหายใจแรง แล้วเธอก็ผละมือจากลำเอ็นของผม ขยับตัวไปนอนส่งสายตาหวานเยิ้มยั่วยวน “ถุงยาง” “อ่อ” ผมหมุนตัวไปหยิบซองถุงยางที่เตรียมไว้ คาบซองฟรอยในปากแล้วตามขึ้นเตียง เวลานี้เธอไม่อิดออดเหมือนครั้งแรก ผมอยากเอาเธอมาตั้งนาน ชื่อของพี่สาวสุดยั่วคือ ‘ใบเฟิร์น’ ผมรู้จักเธอมานาน จะว่าเธอน่ารักใสๆ ก็ไม่ใช่ ผมแอบเห็นเธอไปไหนมาไหนกับผู้ชายหลายครั้ง โอเค. ผมรู้มันไม่ใช่เรื่องของผม แต่ผมก็หวังว่าสักวันจะเป็นวันที่ผมได้อยู่กับเธอแบบนี้ การเรียนผมไม่ได้ห่วยนัก แต่ถ้าเทียบกับพี่ไนท์ที่อายุมากกว่าผมสามปีแล้ว แน่นอนมันห่วยมาก และมันนำความกลัดกลุ้มมาสู่พ่อกับแม่ เอาจริงๆ การให้ใบเฟิร์นมาติวให้ผมเ
“เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ” เสียงแหบพร่าเอ่ยถาม ลมหายใจผ่าวร้อนรินรดแก้มที่แดงเรื่อ หญิงสาวกัดริมฝีปากแล้วสบตากับชายหนุ่มตรงหน้าก่อนเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ไม่..ไม่เปลี่ยนใจค่ะ..อะ..อ๊า..” เพียงได้ยินคำตอบรับ ลำเอ็นร้อนแข็งขันก็ทิ่มพรวดเข้าไปในร่องรักที่เปียกชุ่ม ความคับแน่นที่ได้รับทำเอาชายหนุ่มขมวดคิ้วหลุดครางเสียงต่ำในลำคอ เขาก้มมองคนตัวเล็กที่ถูกเขาตรึงไว้บนที่นอนหนานุ่มของห้องพักสุดหรูในโรงแรมห้าดาว “ครั้งแรก?” เขาถาม หญิงสาวพูดไม่ออก ดวงตากลมสวยมีหยาดน้ำใสๆ เอ่อคลอ คนตัวโตโน้มหน้าลงตวัดลิ้นที่หางตาของหญิงสาวพร้อมกับโยกเอวบดคลึงเพิ่มความเสียวซ่าน “โทษที ผมไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยน” ดวงตากลมโตสบตากับดวงตาคมปลาบของเขา ขณะที่เขาถอนลำเอ็นออกจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลับเข้ามาใหม่จนร่างกายเธอสั่นไหว ท่อนเอ็นอวบใหญ่กระแทกไปถึงผนังอ่อนนุ่มด้านในสุด มือใหญ่เคล้นคลึงหน้าอกคู่สวย ความเสียวซ่านแทนที่ความเจ็บแปลบที่ได้รับ ร่างอวบอิ่มบิดเร่าด้วยความทรมานและสุขสม “อึก อึก...บอส..บอสค่ะ...” “เ
“ได้”“คะ?” เธอคิดว่าตัวเองฟังผิดจึงจ้องหน้าเขา หวังให้เขาพูดอีกครั้ง“ผมบอกว่าตกลง” เขาพยักหน้าแล้วพูด “ผมเปิดห้องไว้....ผมจะออกไปก่อนอีกสิบนาทีคุณตามไปแล้วกัน” เขาพูดจบก็เดินไปทางอื่น พูดคุยทักทายกับคนอื่นๆอีกเล็กน้อยโดยไม่ได้หันมามองเธอเลยสักนิด แวบแรกเธอเกิดลังเลขึ้นมา วันนี้ไม่ใช่วันเกิดเธอ แค่มุกงี่เง่าที่อยากได้ผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น แต่เขาก็รับมุกด้วย ความไม่มีตัวตนของเธอทำให้ไม่ต้องล่ำลาใครก่อนออกจากงานเลี้ยงที่ทุกคนยังสนุกกันสุดเหวี่ยง เธอเข้าห้องน้ำ นั่งทำใจอยู่ครู่หนึ่ง ดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือแล้วตัดสินใจเดินไปที่ลิฟต์ กดชั้นที่ต้องการและเดินไปที่ห้องที่ห้องเขาบอกไว้เคาะประตูแล้วก็ถอยออกมาครึ่งก้าว นี่เธอทำอะไรอยู่ ถ้าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว หรือหลอกให้เธอมาเจอใครก็ไม่รู้จะทำยังไงดี เท้าที่สวมรองเท้าส้นสูงกำลังจะถอยออกไปที่ละน้อย ประตูบานนั้นก็เปิดออกมาก่อน“คุณมาช้าไปสามนาที”“เอ่อ...ขอโทษค่ะ” กฤติกาอดกลัวขึ้นมาไม่ได้ แต่เขายืนรอและจ้องมองเหมือนให้เธอตัดสินใจ ซึ่งสุดท้ายแล้ว เธอก็ก้าวเข้าไปด้านในนั้นแหละ เขาก็กลายเป็นของขวัญให้เธอจริงๆ แต่ไม่ใช่ของขวัญวันเกิดที่เธอก
เพราะใช้ชีวิตคนเดียวจนชิน ได้เวลาเลิกงานแล้วแต่เธอไม่รีบร้อนออกจากบริษัท ก็ไม่รู้จะรีบกลับไปทำไมนี่นะ รถก็ติด เธอมักนั่งเล่นในที่ทำงานต่ออีกหน่อย กว่าจะเก็บกระเป๋าออกจากที่ทำงานก็มักจะหลังหกโมงเย็นไปแล้ว แต่วันนี้กฤติกาอยู่พิมพ์รายงานการประชุมจนเย็นค่ำ เธออ่านตรวจทานอีกรอบแล้วจึงปริ้ตเอกสารใส่แฟ้มให้เรียบร้อย หยิบกระเป๋าสะพายขึ้นคล้องไหล่แล้วถือเอกสารไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานของพี่ศศิถ้า...ถ้าเธอไม่อยู่แล้วจะมีใครคิดถึงเธอบ้างไหมนะกฤติกาได้แต่ยิ้มเศร้าให้ตัวเอง เธอแพ้แล้ว อย่างที่พ่อพูดไว้จริงๆ เธอไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตที่กรุงเทพเลยสักนิด ดวงตาคู่สวยกวาดสายตามองรอบๆ อีกครั้งแล้วเดินออกมาจากห้องทำงาน ทว่าร่างของเธอก็ปะทะเข้ากับแผ่นอกกำยำที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้า“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ!” กฤติกาเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ต้องเบิกตากลมโตกว้างแล้วเผลอเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างลืมตัว“คุณไรอัน”ประธานหนุ่มเห็นคนตัวเล็กถอยหลังเตรียมตั้งท่าจะหนีก็รีบยื่นมือไปโอบเอวบางมาแนบชิดกับร่างกำยำของตนอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนหญิงสาวไม่ทันตั้งหลัก ร่างเล็กเข้าไปซุกซบในอกของเขาแล้ว“ได้เจอตัวสักที”“คะ?” ดวงตากลมกะพริบตาปริบๆ
“อยากสัมผัสผมเหรอ” เขายิ้มยั่วแล้วจับมือเธอวางบนหน้าอกของเขา “ได้...ได้ไหมคะ” เธอถามอย่างขลาดกลัวแทนคำตอบ เขาปล่อยมือเธอแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแล้วถอดออก เผยแผงอกกำยำและกล้ามท้องเป็นมัดสวย เธอยื่นมือวางบนแผ่นอกตรงตำแหน่งหัวใจรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนใต้ฝ่ามือ แล้วเงยหน้าสบตากับดวงตาสีน้ำตาลสวยที่เวลาราวกับมีลูกไฟโหมไหม้อยู่ในนั้นสิ่งที่เธอต้องการสัมผัสคือหัวใจของเขางเสียงครางต่ำในลำคอทำให้มือนุ่มชะงักไป เขายื่นหน้าไปจูบปากเธออีกครั้ง ความเป็นชายอัดแน่นดุนดันตุงเป้ากางเกง เขาอุ้มหญิงสาวขึ้นอย่างง่ายดายพาเธอไปที่เตียงนอนขนาดคิงส์ไซด์ เธอยกสะโพกขึ้นเพื่อให้เขาถอดกระโปรงออกไปพ้นเรียวขา ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นอีกครั้ง ริมฝีปากของบอสหนุ่มผละจากกลีบปากสาวแล้วพรมจูบลำคอจนเกิดรอยแดง ร่างเล็กกระสับกระส่ายไปมาด้วยความต้องการที่เอ่อล้น ไรอันปลดตะขอชุดชั้นในของเธอออกด้วยมือข้างเดียว แล้วอ้าปากครอบครองยอดอกที่ชูชันท้าทายสายตา เขากดริมฝีปากลงบนผิวอ่อนนุ่มและหอมกรุ่น“อึก...คุณไรอัน...” กฤติกาครางกระเส่าเมื่อยอดอกถูกเขาดูดกลืนด้วยริมฝีปากหยักสวย เขาดูดแรงขึ้นสลับกับใช้ลิ้นตวัดไล้เล
หญิงสาวผวาเฮือกเมื่อลิ้นของเขาแตะที่กลีบเนื้อหยอกล้อกลีบดอกไม้ที่เบ่งบาน ลิ้นร้อนโลมเลียทำเอาร่างกายเธอสั่นระริก เขาจับต้นขาของเธอให้แยกออกกว้าง ละเลงลิ้นไปตามกลีบเนื้อกระตุ้นจุดเสียว กระสันที่ซ่อนอยู่ภายใน มือเรียวเล็กเผลอกดศีรษะของเขา หยาดน้ำหวานหลั่งออกมามาก ไรอันกอบกุมแท่งเอ็นของตัวเองขณะรัวลิ้นใส่กลีบสวาท เสียงหอบหายใจสลับกับเสียงครวญครางทำให้เร่งรัวลิ้นเพื่อกระตุ้นให้เธอไปถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง “อร๊ายยยย” กฤติกาหวีดร้องออกมาอีกครั้ง เธอแทบนับไม่ได้แล้วว่าถูกเขาทำให้เสร็จสมไปกี่รอบ เขาขบเม้มกลีบเนื้อเธอเบาๆ แล้วยันกายขึ้น จ้องมองใบหน้าที่เขินอาย “ผมชอบอยู่ในตัวคุณ” เขาพูดพลาง “คุณเป็นธรรมชาติแบบนี้ล่ะยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว” เขาหยิบหมอนมารองใต้สะโพกทำให้เนินเนื้อโชว์เด่นอยู่เบื้องหน้า เขาประคองท่อนเอ็นที่แข็งขึงทั้งที่ปลดน้ำรักไปเมื่อครู่ค่อยๆกดหัวบากในร่องเสียว ริมฝีปากของเธอสั่นระริก ความเป็นชายใหญ่โตของเขาผลุบหายไปในกายสาว โพรงอ่อนนุ่มบีบรัดจนเขาครางอย่างพอใจ “คุณต้องเลิกคิดว่าทำให้อีกฝ่ายไม่มีความสุข” เขาพูดแล้วเริ่มขยั
ร่างเล็กออกมาจากห้องน้ำ ได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ทำให้เธอแทบกลั้นหายใจ กลัวจะเผลอส่งเสียงออกไปแล้วทำให้บอสของเธอต้องลำบากใจ “ก็ได้ รออยู่ด้านล่างนั้นแหละผมกำลังจะลงไปแล้ว” ไรอันพูดด้วยน้ำเสียงปกติแต่คนทั่วไปอาจฟังดูเย็นชา เขาปรายตามองคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอยู่มุมห้องแล้วพยักหน้าเป็นเชิงเรียกให้เธอเดินเข้ามาใกล้ๆ เขาพูดคุยอีกสองสามคำแล้วก็วางปิดโทรศัพท์ “ช่วยติดกระดุมให้ผมหน่อย” “ค่ะ” กฤติกาเดินเข้าไปใกล้แล้วยื่นมือไปติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้เรียบร้อย ตามด้วยเนคไท และเพราะตัวเธอเตี้ยกว่าเขามากทำให้ต้องเขย่งปลายเท้าขึ้น “ผมมีนัด” เขาพูดแล้วยกมือขึ้นลูบผมยาวนุ่มมือเบาๆ ทำไมเขากลายเป็นคนแบบนี้ไปได้นะ เห็นยัยดาวลูกไก่อะไรนี่ที่ไร อยากจับอยากจูบไปเสียทุกครั้งที่เจอ นับวัน ยิ่งควบคุมความต้องการได้ยากขึ้นทุกที “ค่ะ” เธอได้แต่ยิ้มให้เขา ซึ่งก็คงไม่มีอะไรให้เธอทำได้มากไปกว่ายิ้ม “เก็บกระเป๋าคุณสิ เราลงไปพร้อมกัน” กฤติกาส่ายหน้าไปมาเร็วๆจนผมที่รวบเป็นหางม้าส่ายไปมา ไรอันขมวดคิ้วไม่ค่อยพอใจนัก แต่เธอยังยืนยั
เสียงประตูห้องเปิดออกรบกวนสมาธิของประธานหนุ่ม เขาเงยหน้าขึ้นมองเห็นร่างสุดเซ็กซี่ของไลลาเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม เลขาหน้าห้องวิ่งตามมาติดๆ “ไรอันขา ไลลามารับไปกินมื้อเที่ยงค่ะ” “ขอโทษค่ะ ดิฉันห้ามไม่ทันจริงๆ” “ช่างเถอะ” เขาโบกมือไปมาคล้ายไม่ใส่ใจ เขาไม่ได้โง่และรู้ว่าไลลาต้องการสิ่งใด และเขาก็รำคาญผู้หญิงที่ตามตื้อเขาแบบนี้ด้วย “ไรอันขา ไลลาจองโต๊ะสำหรับมื้อเที่ยงไว้แล้ว เราไปกินข้าวกันค่ะ” ไลลาเดินมาหมายจะนั่งที่ตักของไรอัน แต่ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นก่อนทำเอาดาราสาวหน้าเจือนไปทันที “คุณวิไลช่วยสืบประวัติพนักงานที่ลาออกไปแล้วได้ไหมครับ” “คะ?” เลขาหน้าห้องแปลกใจกับคำสั่งของท่านประธานแต่ก็พยักหน้ารับ “ได้ค่ะ ไม่มีปัญหาค่ะ” “ดีครับ ผมอยากรู้ทุกเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อกฤติกา....ได้เรื่องยังไงโทรรายงานผมได้ทันที” เขาบอกชื่อนามสกุลของยัยเวอร์จิ้นไป เลขาคนเก่งฟังครั้งเดียวก็จำได้ ผงกศีรษะรับคำสั่งแล้วหมุนตัวเดินออกไป ดาราสาวอ้าปากค้างที่เห็นประธานหนุ่มไม่สนใจเธอสักนิด ร่างสูงกำลังจะก้าวออกไปแต่ชะงัก
เธอบอกเหมือนว่าผมไม่รู้เรื่องพวกนี้ โอเค.ผมยังเวอร์จิ้น แต่ไม่ได้ไม่ประสีประสาเรื่องพวกนี้เสียหน่อย เสียงหวานเอ่ยขึ้นแล้วยื่นมือมาจับท่อนเอ็นของผมรูดมันเบาๆ มือนุ่มรูดสาวลำเอ็นอวบ ทำให้น้องชายของผมแข็งโด่ขึ้นมาอีกครั้งทั้งที่เพิ่งปลดปล่อยไป ไม่อาจถอนสายตาไปจากมือที่กำลังสาวลำเอ็นจนปลายหัวบากมีน้ำใสๆ ผุดออกมา “ซี๊ดดดด” ผมครางและหายใจแรง แล้วเธอก็ผละมือจากลำเอ็นของผม ขยับตัวไปนอนส่งสายตาหวานเยิ้มยั่วยวน “ถุงยาง” “อ่อ” ผมหมุนตัวไปหยิบซองถุงยางที่เตรียมไว้ คาบซองฟรอยในปากแล้วตามขึ้นเตียง เวลานี้เธอไม่อิดออดเหมือนครั้งแรก ผมอยากเอาเธอมาตั้งนาน ชื่อของพี่สาวสุดยั่วคือ ‘ใบเฟิร์น’ ผมรู้จักเธอมานาน จะว่าเธอน่ารักใสๆ ก็ไม่ใช่ ผมแอบเห็นเธอไปไหนมาไหนกับผู้ชายหลายครั้ง โอเค. ผมรู้มันไม่ใช่เรื่องของผม แต่ผมก็หวังว่าสักวันจะเป็นวันที่ผมได้อยู่กับเธอแบบนี้ การเรียนผมไม่ได้ห่วยนัก แต่ถ้าเทียบกับพี่ไนท์ที่อายุมากกว่าผมสามปีแล้ว แน่นอนมันห่วยมาก และมันนำความกลัดกลุ้มมาสู่พ่อกับแม่ เอาจริงๆ การให้ใบเฟิร์นมาติวให้ผมเ
“ก็ผมรู้ไงว่าพี่มีแฟน มีแฟนก็ต้องมีประสบการณ์แล้ว แล้วที่สำคัญ พี่เชื่อใจว่าพี่ใบเฟิร์นจะไม่เอาเรื่องของผมไปพูดกับคนอื่น”“นายเชื่อใจกันขนาดนั้นเลยเหรอ?”“หรือพี่จะพูดกับแฟนพี่ว่ามีอะไรกับผม”“ไอ้เด็กบ้า!” ฉันหยิบหมอนอิงมาตีเขา ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์เบียร์หรือเพราะได้คุยกันเลยสบายใจขึ้น“ก็พี่ไม่ยอมคุยกับผมดีๆเองนี่” เขาหยิบหมอนไปจากมือเรียวเล็ก “ว่าไงล่ะ แค่มีเซ็กส์กัน ไม่ได้ผูกพันกันเสียหน่อย”ก่อนคบกับพี่กันตธีร์ ฉันก็เคยมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นมาบ้าง แต่พอมีแฟนก็มีพี่เขาคนเดียว ก็รู้นะว่ามันไม่ถูกต้อง แต่...เด็กหนุ่มที่ยังเวอร์จิ้นมาน่าลองนี่น่า“แน่ใจนะว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับของเรา”“แน่นอนฮะ”แววตาจริงจังของเขาทำให้ฉันใจอ่อนยวบ ขยับตัวหันไปเผชิญหน้ากับเขา ยกกระป๋องขึ้นดื่มจนหมดแล้วส่งกระป๋องเปล่าให้เขา จากนั้นก็ยกมือแตะที่กระดุมเสื้อด้านหน้าแล้วถามเขาว่า“นายอยากแกะกระดุมเองหรือให้พี่แกะให้”“ผม...แกะเองได้ไหม”วันนี้ฉันสวมเดรสกระโปรงยาวเหนือเข่า ด้านหน้าเป็นกระดุมเรียงกันห้าเม็ด ฉันยืดตัวขึ้นให้เขายื่นมือมาแกะกระดุมได้ถนัด รู้สึกถึงลมหายใจติดขัดของเขาแล้วกลับทำให้รู้สึกดี นาย
คราวนี้ทั้งสองไปถึงจุดสุขยอดพร้อมกัน ทั้งสองจูบปากแลกลิ้นแล้วค่อยๆ ยกสะโพกออกจากลำเอ็น น้ำมนต์ถึงกับทิ้งตัวนอนแผ่หลาบนเตียง อัคคีจัดการตัวเองเสร็จแล้วก็เอนตัวลงนอนเคียงข้าง ใช้นิ้ววนไล้ยอดอกของเธอเล่น“พรุ่งนี้วันเกิดมึง กูเลยมาหา” น้ำมนต์พูดหลังจากที่ปรับลมหายใจได้ปกติแล้ว“มึงมาเป็นของขวัญวันเกิดให้กูเลยสิเนี้ย”“ไม่ชอบหรือไง”“ชอบสิ” เขายิ้มแล้วจูบปากสวยก่อนจะพูดบ้าง“กูก็มีเรื่องจะบอกมึง คือกูได้ย้ายไปประจำสาขาที่กรุงเทพแล้ว”“เมื่อไหร่”“เดือนหน้า” อัคคียิ้มกริ่ม “กูก็ตั้งใจจะบอกมึงในวันเกิดกู”สองหนุ่มสามมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา ไม่รู้ว่าใครเซอร์ไพรสใครก่อน แต่ที่แน่ๆ คืนนี้อัคคีจัดหนักเพราะห่างเมียมานาน น้ำมนต์ครางจนคอแห้งเลยทีเดียว.จบ เล่นกับไฟเรื่อง ไม่ใช่เพื่อนเล่น“ผมทำได้แล้ว พี่เฟิร์นจะไม่ทำตามสัญญาเหรอ” ฉันมองหน้าเด็กหนุ่มที่จ้องมองราวกับฉันเป็นขนมหวาน ชื่อของเขาคือ ‘เดย์’ วันนี้เขาอายุสิบแปดปีแล้ว และกำลังทวงสัญญากับฉัน “พี่ใบเฟิร์น” น้ำเสียงที่เขาเรียกชื่อฉันมันทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ฉันเห็นนายเดย์ตั้งแต่อายุส
“อื้ม! มีต้มแซ่บกระดูกอ่อนเป็นพยานไง” อัคคีทำหน้าจริงจัง “กูชอบมึง ชอบเวลาอยู่กับมึง ชอบที่มึงเป็นตัวเองแบบนี้ด้วย” “มาพูดแบบนี้ก็เขินแย่” น้ำมนต์อายจึงเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินอาหารของตัวเอง “กินเยอะๆ” อัคคีใช้ส้อมจิ้มเสื้อร้องไห้วางใส่จานของน้ำมนต์ “จะได้มีแรง” “แรง? แรงอะไร” “มาถึงนี่แล้วก็ขึ้นห้องกูไง” “ไอ้ลามก” “มึงก็เอาของใช้เสื้อผ้าของมึงมาไว้ห้องกูบ้างก็ได้” อัคคีกลับมาพูดเหมือนเดิม “กูก็เอาเสื้อผ้าของกูไว้ห้องมึงไง” “เอางั้นก็ได้”“หรือไม่ก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน” “บ้าสิ พ่อแม่รู้ได้ด่าตาย” “พ่อแม่มึงน่ารักจะตาย ตอนนั้นกูไปบ้านมึงยังทำกับข้าวให้กูกิน เรียกกูลูกทุกคำเลย” “พ่อแม่กูเรียกเพื่อนกูว่าลูกทุกคน” “ก็อีกหน่อยก็เป็นลูกเขยไง” “มึงนี่...” “กูจริงจังแล้วก็จริงใจด้วย” เขายิ้ม “สาบานต่อหน้าตำหอยแครงเลย” “อย่าพูดเล่น” น้ำมนต์ทำตาดุใส่ “กูไม่อยากเล่นกับไฟ” “มึงก็เป็นน้ำ น้ำก็คู่กับไฟ” เขาพูดไ
หน้าตึกคณะ “ไม่ต้องมารับก็ได้” น้ำมนต์บ่นจ้องหน้าคนที่ยืนรออยู่หน้าคณะ เพื่อนคนอื่นๆของน้ำมนต์ต่างพากันหัวเราะคิกคัก พวกเขาเห็นทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน พอรู้ว่าตกลงเป็นแฟนกันก็อดหยอกล้อกันไม่ได้ “ก็เป็นแฟนไงถึงต้องมารับ” เพื่อนคนอื่นแซวแล้วแกล้งผลักไหล่น้ำมนต์ให้เข้าไปใกล้อัคคี “ไปเถอะๆ พวกเราจะกลับแล้วเหมือนกัน” “อื้ม” อัคคีส่งยิ้มให้เพื่อนของน้ำมนต์แล้วหันมาสบตากับ...เอ่อ..แฟนหมาดๆ ของตัวเอง “ทำไมไม่อยากให้มารับ หรือกลัวคนอื่นรู้ว่าเราคบกัน หรือว่าแอบมีใครอีก” “ละเทอะน่า” น้ำมนต์ส่ายหน้าไปมา “ก็เรียนคนละคณะอยู่คนละฟากเลย เลิกเรียนก็ไม่ตรงกัน ไหนจะมีกิจกรรมอีก ไม่ต้องมาเทียวรับเทียวส่งก็ได้ คุยกันเหมือนเดิมนั้นแหละ อีกอย่างกูขับรถมา มึงจะขับรถตามกูอีกเหรอ” “งั้นคราวหน้ากูขับรถไปรับมึงมาเรียนดีไหม แล้วตอนกลับกูก็จะได้ไปส่งมึงไง” “ไอ้ไฟ กูไม่ได้เป็นง่อย” บ่นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ “มึงเองก็งานเยอะนี่ ปีสามแล้ว แล้ว...ตอนดึกมึงก็มาหากูอยู่แล้วนี่” ท้ายประโยคเสียงแผ่วเบาแถมแก้มยังแดงเรื่อ
น้ำมนต์ก็อธิบายไม่ถูก แค่รู้สึกแปลกๆ ปกติอัคคีมาห้องเธอไม่กี่ครั้ง ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันแต่เรียนคนละคณะ ก็เจอกันน้อยลง เพียงแค่ยังคุยเล่นผ่านไลน์หรือทักไปที่เฟซบุ๊คอยู่เสมอ แล้วเธอก็เจ็บทุกครั้งที่เห็นมันลงรูปคู่กับแฟน“เป็นไรไปอยู่ดีๆก็เงียบ”“เปล่า” น้ำมนต์ส่ายหน้า “แล้วมึงล่ะเป็นยังไง คราวนี้ง้อแฟนด้วยอะไร”อัคคีหน้าตึงขึ้นมาทันที “ทำไมกูต้องง้อเขาด้วย”“ทุกทีมึงง้อเขานี่” น้ำมนต์ทำหน้าเบื่อหน่อย “ซื้อกระเป๋าถือให้ รองเท้าใหม่ นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ น้ำหอม เครื่องสำอาง...”“พอๆ มึงไม่ต้องรื้อฟื้นแล้ว” อัคคีกุมขมับ นี่เขาเป็นบ้าไปจริงๆ ทำไมต้องทุมเทให้ผู้หญิงที่ไม่ได้จริงใจกับเขาขนาดนี้“ดูมึงซื้อให้กูดิ แคนตาลูป แตงโม แก้วมังกร มะม่วงดอง ฝรั่งแช่บ๊วย”“แล้วมึงอยากได้อะไร กูซื้อให้ก็ได้”“แล้วมึงจะมาซื้อของให้กูทำไม วันเกิดกูก็เลยมาแล้วด้วย”“อ้าว...ทำไมมึงไม่บอกกู”“แล้วทำไมกูต้องบอกมึง” น้ำมนต์เบ้ปากใส่ “เพื่อนกันลืมวันเกิดกันก็ไม่ตายหรอก”“เป็นเพื่อนกันยิ่งต้องห้ามลืมวันเกิด” อัคคีรู้สึกผิดไม่น้อย “วันเกิดกู มึงยังจำได้”‘เพราะเป็นคนสำคัญไง’แต่น้ำมนต์ไม่ได้พูดอย่างที่คิ
“ไอ้ไฟ” “พอเห็นหน้ากูยิ้มไม่ออกเลยหรือไง” “มึงมาทำอะไรที่นี่” น้ำมนต์กดเสียงให้เบาลงเกรงว่าจะไปรบกวนคนอื่น แต่เธออยู่ในซอกด้านในแทบไม่มีใครเดินผ่านมา “คนมาห้องสมุดให้มาทำอะไรล่ะ” อัคคีถามยิ้มๆ เริ่มอารมณ์ดีขึ้นที่เห็นใบหน้าหวานแดงระเรื่อ ท่าทางเขินอายอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารักยังไงไม่รู้ น้ำมนต์ไม่รู้จะทำหน้ายังไง หลังจากเรื่องคืนนั้น ก็ไม่เคยคุยเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอีก หรือจะว่าไปเธอก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไร มันก็คงเป็นแค่เซ็กส์เท่านั้น ซึ่ง...เวลานั้นอาจ...ต่อให้ไม่ใช่เธอ เขาก็คงมีอะไรกับใครก็ได้ “มีอะไรหรือเปล่า” อัคคีถามอย่างเป็นห่วง แล้วก้มหน้ากระซิบที่ข้างหู “ยังเจ็บอยู่ไหม” “ถามอะไรของมึง” น้ำมนต์ขึงตาใส่ แต่ไม่อาจสะกดไม่ให้ตัวเองหน้าแดง ถึงจะพูดออกมาไม่หมดแต่ก็เข้าใจได้ว่าอัคคีหมายถึงเรื่องอะไร “ก็กูเป็นห่วงนี่”เขาพูดไปตามที่คิด ถึงจะผ่านมาหลายวัน แต่พอนึกถึงคืนนั้น ที่เขาจับร่างอวบอิ่มกินหลายรอบ ตอนเช้าตื่นมาเห็นสภาพอ่อนเพลียจนน่าสงสาร จากเดิมที่คิดว่าจะ
อัคคีครางอย่างพอใจที่รู้ว่าเพื่อนสาวเสร็จคาลำเอ็นไปแล้ว เขาเปลี่ยนท่าจับเรียวขาลงจากบ่า เรียวขางามรัดเอวไว้ เขาเร่งจังหวะกระแทกสุดๆ น้ำมนต์เด้งเอวรับ เธอเพิ่งเสร็จไปและถูกเขากระหน่ำจวนจะเสร็จไปอีกรอบ ร่องเสียวขมิบบีบรัดแก่นกายที่ผลุบเข้าออกสร้างความเสียวซ่าน เสียงครางของคนสองคนดังผสานกัน มือใหญ่บีบเคล้นหน้าอกอวบอิ่ม ลีลาการกระแทกลำทำให้น้ำมนต์สะบัดหน้าไปมา ร่องรักปล่อยน้ำเสียวออกมามาก ความรู้สึกคับตึงหายไปหมดสิ้น เหลือแต่ความเสียวที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง“ไฟ...จะ...จะเสร็จอีกแล้ว”“เสร็จพร้อมกัน กูจะแตกแล้ว อ๊ะ ...”“อร๊ายยย” น้ำมนต์แอ่นกายขึ้นเกร็งกระตุกปับๆๆๆๆเขาโหมแรงเด้าเนินเนื้อไม่ยั้ง บดขยี้โหนกเนื้อที่เปียกชุ่มคราบน้ำรักที่แยกไม่ออกว่าของใคร ก่อนที่จะน้ำแตก เขาชักลำเอ็นออกจากร่องเสียวแล้วใช้มือชักลำเอ็นต่อจนน้ำรักขาวขุ่นพุ่งออกมาเปื้อนเปรอะหน้าท้องของน้ำมนต์ น้ำรักอุ่นร้อนทำให้เธอปรือตาขึ้นมอง เห็นอัคคีแหงนหน้าคำรามอย่างสุขสมขณะที่เธอหอบหายใจจนตัวโยน เขาปรับลมหายใจครู่หนึ่งแล้วโน้มหน้าลงจูบหน้าผากของเธอก่อนจะดึงร่างเปลือยเปล่าเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แต่มือไม้ที่เปะที่หน้าอกและ
อัคคีเรียกเพื่อนเพราะเห็นว่าเงียบไป เขายันตัวขึ้นก้มมองจึงรู้ว่าน้ำมนต์หลับไปแล้ว เอื้อมมือข้ามร่างเล็กไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะเพื่อดูเวลาซึ่งก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว เขาวางโทรศัพท์ลงที่เดิม ก้มมองคนที่นอนเบียดอยู่จึงพบสายตาของเพื่อนสนิทจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว“กูทำมึงตื่นเหรอ” น้ำมนต์สบตากับอัคคี นี่มันคงคิดว่าแฟนเก่าจะส่งข้อความมาหาละมั้งถึงได้วางโทรศัพท์ไว้ห่างมือไม่ได้ เธออ้าปากเหมือนจะพูดแต่เปลี่ยนใจ ขยับตัวนอนหงายแล้วยกมือขึ้นคล้องคออัคคีไว้ เหนี่ยวตัวให้มันก้มลงมาหา แล้วยื่นริมฝีปากไปประกบกับริมฝีปากหยักสวยของชายหนุ่มอัคคีทำตาปริบๆ แต่แรงขบเม้มที่ริมฝีปากทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป น้ำมนต์ผละริมฝีปากอุ่นแล้วพูดเบาๆ“...มึง...โสดแล้วนี่...ก็ทำแบบนี้ได้ใช่ไหม...”ในห้องที่มีเพียงแสงสว่างจากหน้าจอโทรทัศน์ แต่ก็ยังทำให้เห็นแก้มนวลแดงปลั่ง ท่าทีเขินอายดูน่ารักและน่าแทะเล็ม สายตารอคอยทำให้เขาตัดสินใจได้ในทันที“อืม กูโสดแล้ว”ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาโพรงปากของหญิงสาว หัวใจของน้ำมนต์เต้นแรงเมื่อมือใหญ่เลื่อนเสื้อนอนของเธอขึ้นเพื่อลูบไล้หน้าอกอวบอิ่มที่ไร้บราเซียปกปิด เสียงครางหวานห