Masukหลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จ เกวรินก็อ้อนให้ว่าที่คู่หมั้นไปร้านคาเฟ่ดัง ตกเย็นก็แวะซื้อขนมเข้าห้องเล็กน้อย และด้วยความเพลียจากการเดินทางเมื่อวาน บวกกับการเที่ยวเล่นในวันนี้ ระหว่างทางที่ขับกลับคอนโด เด็กสาวจึงผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย กว่าจะตื่นอีกทีก็เป็นตอนที่ภากรอุ้มเธอขึ้นมานอนบนเตียงนุ่มแล้ว
“อื้อ~…เฮียภีมขา นอนเป็นเพื่อนหนูหน่อย” เธอปรือตามองคนตัวโตที่กำลังห่มผ้าให้ ดึงข้อมือหนาเต็มไปด้วยเส้นเอ็นของเขาเอาไว้อย่างออดอ้อน
“เฮียต้องไปเคลียร์งาน” ภากรตอบเสียงเบา ลูบผมนุ่มของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน
“ไหนบอกวันนี้ไม่ทำงานไงคะ”
“อย่าดื้อสิเกี๊ยว”
“แต่ว่า...”
“ถ้าไม่ให้ทำงานคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าได้อยู่ห้องคนเดียวนะ จะเอาแบบนั้นไหม”
“ไม่เอาค่ะ” เกวรินตอบกลับไปทันควัน ยู่ปากน้อยๆ อย่างเสียดาย อยากให้เขานอนเฝ้าเหมือนสมัยเรียนประถมต้น แต่ก็เข้าใจว่าเขามีภาระหน้าที่ของตัวเองที่ต้องจัดการ
เธอไม่ดื้อแล้ว
เธออยากเป็นเด็กดีของเฮีย...
“งั้นฝันดีนะครับ ค่ำๆ เดี๋ยวปลุกไปอาบน้ำกินข้าว”
“อื้อ...สู้ๆ นะคะเฮียภีมคนเก่งของหนู” เธอคลี่ยิ้มหวานส่งไปให้ก่อนจะปิดปากหาววอดแล้วปิดเปลือกตาลงช้าๆ ภากรเห็นแบบนั้นหัวใจแกร่งก็อ่อนยวบ แทบตัดใจเดินออกจากห้องไม่ลง
“อืม เฮียไปแล้วนะ”
ลูบผมนุ่มต่ออีกครู่หนึ่ง ร่างสูงก็หรี่ไฟลงแล้วเดินออกจากห้องไป พร้อมปิดประตูให้อย่างเบามือ ปล่อยให้เด็กสาวนอนพักแล้วกลับไปเคลียร์งานที่ต้องทำต่อด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่นัก
ตกดึกภากรก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง รอบนี้เกวรินงอแงไม่อยากลุกจากที่นอน สุดท้ายเขาจึงอุ้มเธอออกมาจากห้องในท่าเจ้าสาวพามาที่โต๊ะทานข้าว พอนั่งลง เห็นเด็กสาวยิ้มแฉ่งตาใสแจ๋วส่งมาให้ถึงรู้ว่าตกหลุมพรางเด็กเจ้าเล่ห์เข้าให้แล้ว
“หลอกให้เฮียอุ้มเหรอ?”
“ไม่ได้หลอก...ก็เฮียเป็นคนอุ้มหนูเอง หนูจะหลอกได้ยังไงคะ”
“แสบนักนะ”
มุมปากหยักโค้งขึ้นน้อยๆ พลางส่ายหัวไปมาอย่างอ่อนใจกับสารพัดแผนการของเธอ
“พรุ่งนี้เฮียไม่ได้เข้าออฟฟิศใช่ไหมคะ”
“อืม...แค่ช่วงเช้านะ บ่ายๆ ต้องเข้าประชุม”
“ถ้าเฮียไม่ว่าง เฮียไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนหนูก็ได้นะคะ หนูโตแล้ว หนูอยู่คนเดียวได้”
“ก่อนหน้านี้ใครบอกว่าอยากให้อยู่เป็นเพื่อน”
“ไม่มี๊...เฮียต้องหูฝาดแน่ๆ เลยค่ะ”
“หึ...ไม่ต้องคิดมากหรอก รีบกินได้แล้วจะได้อาบน้ำนอน” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ขณะที่มือก็ตักของโปรดใส่จานให้เธอไม่หยุด
“เราคุยกันเหมือนคนรักเลยนะคะ เฮียว่าไหม”
ริมฝีปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มแพรวพราว เอาแขนเท้าโต๊ะประสานนิ้วเท้าคางมองเขาด้วยสายตาระยิบระยับ
“ไม่เหมือน”
มือหนาที่ถือช้อนส้อมอยู่ชะงักไปจังหวะหนึ่ง แววตามีประกายวูบไหวพาดผ่านทว่าเธอไม่ทันสังเกตเห็น
“ชิ...เฮียปากแข็ง”
“ไม่ได้ปากแข็ง”
“แข็ง”
“ไม่แข็ง”
“แข็งสิคะ แข็งทุกครั้งเลยด้วย”
ทั้งคู่เถียงกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร ทว่ารูปประโยคสนทนาในตอนท้ายมันฟังดูกำกวมเสียจนภากรเผลอคิดไปไกล แต่เด็กสาวกลับไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ใบหน้าจึงฉายแววบึ้งตึงเล็กน้อย เขาคิดจะดุเธอก็ดุไม่ลงเพราะเธอยังไร้เดียงสาเกินไป เลยกระแอมออกมาเบาๆ แก้เก้อแล้วเร่งทานอาหารต่อ
“ดึกแล้วนะเกี๊ยว จะเถียงต่ออีกนานไหม” เขาเอ่ยเสียงเข้ม เกวรินเลยไม่ได้ดื้อรั้นจะเอาชนะเขาอีก แต่ปากก็แอบบ่นขมุบขมิบเบาๆ
“ดุเก่งจริ๊ง...”
“เกี๊ยว”
“ขา~”
“ได้ยินนะ”
“อุ้ย...แหะๆ” เกวรินหัวเราะแห้ง เห็นสายตาพิฆาตจากว่าที่คู่หมั้นเลยรีบตักกุ้งตัวโตใส่จานให้เขาอย่างเอาใจ
“แล้วเรื่องคีย์การ์ด คุยกับนิติหรือยัง”
“คุยแล้วค่ะ พรุ่งนี้ก็เข้าไปเอาได้เลย”
อีกครั้งที่เธอโกหกหน้าตาย ด้านหลังแอบไขว้นิ้วเอาไว้ จะบอกได้ยังไงว่าเธอแค่สร้างเรื่องเพราะอยากมานอนที่นี่ ถึงแม้ก่อนหน้าเขาจะจับโป๊ะเธอได้ว่าวางแผนเอาไว้ แต่ก็อายเกินกว่าจะพูดออกไปตรงๆ อยู่ดีว่าคีย์การ์ดยังคงปลอดภัยในกระเป๋าเงินของเธอ
“งั้นก็ไม่ต้องค้างที่นี่แล้วสิ” เขาเลิกคิ้วน้อยๆ หันมามองคนตัวเล็ก อยากรู้เหลือเกินว่าเด็กเจ้าแผนการจะสรรหาวิธีอะไรมาค้างห้องเขาอีก
“อื้อ...พรุ่งนี้ก็น่าจะกลับเลยค่ะ” คำตอบของเธอเป็นสิ่งที่ภากรไม่ได้คาดคิดมาก่อน แววตาของเขาหม่นลงอย่างนึกเสียดาย ทว่าใบหน้าก็ยังคงความเรียบนิ่งอยู่เหมือนเดิม ราวกับไม่รู้สึกอะไรว่าเธอจะอยู่หรือจะไป
“อืม...” ไม่รู้ทำไม ตอนนี้เขากินข้าวไม่ค่อยลงแล้ว ร่างสูงจึงหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเอาจานของตัวเองไปเก็บในครัวโดยไม่เอ่ยปากอะไรอีก
“อ้าว อิ่มแล้วเหรอคะเฮีย”
“อิ่มแล้ว ถ้ากินเสร็จฝากเก็บด้วยนะ ไม่ต้องล้าง พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวแม่บ้านเข้ามาจัดการให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ จานนิดเดียวเอง หนูล้างได้”
เธอส่งยิ้มให้เขา แล้วตักข้าวในจานเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างอารมณ์ดี ในขณะที่อีกคนเริ่มจะหัวเสียขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะปกติเกวรินจะงอแงนอนค้างห้องเขาให้ได้ ไม่รู้ทำไมตอนนี้ถึงได้ยอมว่าง่ายขึ้นมา
“อืม ตามใจ”
สิ้นเสียง ภากรก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ในขณะที่ร่างอวบอิ่มยังคงนั่งยิ้มกริ่มอยู่บนโต๊ะอาหารคนเดียวอย่างมีความสุข ไม่นานก็กลับเข้าไปในห้องนอนของตน
“คิกๆ เฮียงอนแล้วน่ารักจัง...”
1 เดือนต่อมา...“อื้ออ...เฮียอย่าแกล้ง” เสียงหวานครางแผ่วเมื่อคนเจ้าเล่ห์ขยับตัวลงมาแทรกกลางระหว่างขาทั้งสองของเธอ ก่อนจะตวัดลิ้นเลียกลีบอวบอูมเปียกเยิ้มด้านล่างไม่หยุดหลายวันมานี้ พออาการเหม็นกลิ่นและเหม็นขี้หน้าสามีของเธอเริ่มหายไป เขาก็คลอเคลียและหาเรื่องหื่นใส่เธอไม่หยุดหย่อนตอนนี้เธอก็เพิ่งจะตื่น แต่คนหื่นก็เริ่มอีกแล้ว!แผล็บ จ๊วบบบ“อืมมม เฮียไม่ได้แกล้ง...เฮียอยากกินเมีย”“ซี้ดดด เฮียขา...อึก พะ พอแล้ว”เพราะไม่ได้มีอะไรกันนาน หรือเพราะเธอกำลังตั้งท้องอยู่ก็ไม่รู้แน่ชัด ทว่าที่เธอรู้สึกได้ก็คือ ตอนนี้อารมณ์ของเธอจุดติดง่ายกว่าเดิมเสียอีก“นะครับ ขอกินหน่อยนะ เฮียไม่ได้กระแทกหนูมานานแล้ว” เขาเอ่ยเสียงพร่า ก่อนจะก้มลงตวัดลิ้นระรัวตรงเม็ดเล็กสีหวานอย่างหนักจนร่างอวบอิ่มสั่นสะท้าน ครางเสียงหวานอย่างสุดจะกลั้น“อ๊าส์ ฮะ เฮีย...แต่หนูกลัวว่า...”“เฮียสัญญาว่าจะทำเบาๆ เฮียถามหมอมาแล้ว เราสองคนมีอะไรกันตอนหนูท้องได้”เพราะกลัวว่าเธอจะหาข้ออ้างไม่ให้เธอจับกิน คนหื่นและคลั่งรักเมียอย่างเขาจึงไปหาข้อมูลเตรียมพร้อมมาอย่างดี มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาต่อลูกในท้องอย่างแน่นอน“ซี้ดด...แน่นะคะ..
ปัจจุบัน...“เกี๊ยวครับ หนูอยู่ไหน?” ภากรเดินตามหาภรรยาตัวน้อยให้วุ่น ทั้งนอกบ้านและในบ้าน แต่กลับไม่เจอร่างอวบอิ่มของเธอสักที“โอ๊ยย~ เฮียเลิกตามมาสักทีได้ไหมคะ”เสียงหวานของภรรยาสาวบ่นกระปอดกระแปดอย่างคนเหนื่อยใจ แต่งงานกันมาตั้งสองปีแล้ว แต่ไม่มีวันไหนที่เขาจะไม่ตามติดเธอราวกับเงาเลยสักครั้ง“ไม่พูดแบบนี้สิครับ เฮียเป็นห่วงหนูกับลูกนะ” เขาเอ่ยเสียงอ่อน ค่อยๆ เดินเข้าสวมกอดภรรยาที่กำลังยืนเทนมใส่แก้วอยู่ในห้องครัวจากทางด้านหลัง ก่อนจะหอมแก้มนิ่มไปมาอย่างหลงใหล ทั้งยังลูบหน้าท้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยของเธออย่างทะนุถนอมที่สุดเท่าที่จะทำได้“เฮียเลิกมากอด เลิกมาใกล้หนูได้ไหม มันเหม็นเนี่ย!” คุณแม่ท้องอ่อนกระฟัดกระเฟียด ขืนตัวออกจากอ้อมกอดอุ่นของเขาอย่างนึกหงุดหงิด ทั้งยังยกมือขึ้นมาบีบจมูกเอาไว้เพราะกลิ่นตัวเขามันเหม็นมากจริงๆ“แต่เฮียเพิ่งอาบมาเองนะครับ ไม่ได้ฉีดน้ำหอมด้วย...” เขาเอ่ยเสียงเบา ใบหน้าหล่อเหลาตอนนี้ดูแล้วไม่ต่างจากหมาหงอยเลยสักนิดตั้งแต่รู้ว่าเกวรินตั้งครรภ์เขาก็วางมือเรื่องงานที่บริษัทชั่วคราว และมาคอยดูแลเธอทุกฝีก้าวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ซึ่งทุกอย่างก็กำลังไปได้ดี จนกระ
“หึ คิดว่าแอบหอมแก้มลูกสาวน้าในบ้านตั้งหลายครั้งจะปิดบังน้าได้เหรอ?” มุมปากเขากระตุกขึ้นน้อยๆ มองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีแข็งขึง“ผมขอโทษครับ”“ไม่ต้องขอโทษอะไรหรอก...น้าก็พอจะมองออกว่าภีมดีกับลูกสาวน้าไม่น้อย คอยดูแลตัวแสบอยู่ตลอดตั้งแต่ยังเด็กๆ” เขาเองก็ไม่ใช่คนใจบอดตามืดมัวถึงขนาดจะกีดขวางทั้งคู่ เด็กหนุ่มคนนี้คอยแวะเวียนมาหาลูกสาวของเขาไม่ขาดแม้จะไปทำงานอยู่ไกลก็ตาม ทั้งยังคอยเอาใจใส่ลูกสาวของเขาเป็นอย่างดี ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงให้ระคายหูเลยสักครั้ง“แต่ว่าน้ากังวลอยู่เรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าภีมพอจะช่วยน้าได้หรือเปล่า...”“ถ้าผมพอช่วยได้ ผมก็ยินดีช่วยเต็มที่ครับ” ภากรเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เมื่อเขาได้ฟังดังนั้นก็ยกยิ้มขึ้นน้อยๆ พร้อมพยักหน้าอย่างพอใจ“ดี…น้าไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่ถ้าภีมยังรักยังชอบลูกสาวของน้าอยู่ก็อยากให้ยัยหนูเรียนจบก่อนค่อยคบกัน ตอนนี้เกี๊ยวยังเด็ก ยังต้องโฟกัสกับการเรียนอีกมาก…” แม้เขาจะเคยคุยกับทางบ้านของภากรไปแล้วว่าถ้าเกวรินเรียนจบถึงจะให้แต่งงานกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องถามความต้องการและความสมัครใจของทั้งคู่ด้วยเมื่อเห็นเด็กทั้งสองมีใจให้กันแบบนี
4 ปีก่อน...“หึ...เด็กดื้อ หลับปุ๋ยเชียวนะ” ภากรมองใบหน้าหวานของเด็กสาวที่กำลังหลับพริ้มคาโต๊ะหนังสือแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ช่วงนี้เขาไม่ได้เจอเธอบ่อยนักเพราะเพิ่งจะเริ่มรับช่วงต่อบริษัทจากพ่อของเขา จึงต้องจัดการกับอะไรหลายๆ อย่างให้ลงตัว กว่าจะกลับจากทำงานก็ดึกดื่นจนบางครั้งกลับเช้าเลยก็มีแต่ไม่จะทำงานหนักแค่ไหน อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งเขาก็จะหาเวลากลับมาหาเธอจนได้...“คิดถึงเกี๊ยวชะมัดเลย...”คนตัวโตเอ่ยเสียงนุ่ม ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปใกล้ทีละน้อย ก่อนจะกดจมูกโด่งลงบนแก้มเนียนนุ่มของเด็กสาวเบาๆ อย่างแสนคิดถึงฟอดดด“อื้ออ~” เกวรินครางในลำคอน้อยๆ อย่างหงุดหงิดใจกับการถูกอะไรก็ไม่รู้มารบกวน เธอหันไปหน้าไปอีกด้านหลีกหนีสัมผัสเมื่อครู่ โดยไม่ได้รับรู้เลยว่าใครบางคนแอบขโมยหอมแก้มเธอตอนหลับมาหลายครั้งหลายคราแล้ว...ฟอดดด“อื้ออ...อย่ากวน”คนตัวเล็กขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะยกมือขยี้ตาน้อยๆ แล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อหาสาเหตุว่าใครมารบกวนฝันหวานของเธอ“อ้าว เฮียกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของคนที่คิดถึงมาหลายวัน เกวรินก็ฉีกยิ้มร่าอย่างดีใจ เอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงสดใส หายง่วงไปเลยในพริ
“หึ แสดงว่าเมื่อคืนไม่เข็ด?”“ปะ เปล่าค่ะ หนูแค่ชมเฮียเฉยๆ ...แหม ก็คุณสามีของหนูแซ่บจริงๆ นี่นา” เกวรินยิ้มร่าอย่างคนอารมณ์ดีในที่สุดเธอก็ได้เรียกเฮียว่าสามีจริงๆ แล้ว...มีความสุขจัง~“งั้นเหรอครับคุณภรรยา แซ่บขนาดนั้นเชียว?” ภากรถามยิ้มๆ รู้สึกหัวใจพองโตไม่น้อยเมื่อได้ยินคำว่าสามีจากปากของเด็กสาว“งื้อออ~ เรียกแบบนี้มันเขินเกินไปอะ เฮียอย่าแซวหนูได้ไหม”เกวรินยกมือขึ้นมากุมใบหน้าแดงก่ำของตัวเองอย่างเขินอาย ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะจากเขาก็ยิ่งรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า“แต่งก็แต่งแล้ว...เขินทำไมหื้ม”เสียงทุ้มเอ่ยถาม ขณะที่ดึงมือนุ่มนิ่มออกแล้วพรมจูบแก้มเนียนของคนรักอย่างทะนุถนอม“เขินเพราะเฮียทำแบบนี้นี่แหละ” เกวรินเถียงเสียงอ้อมแอ้มพร้อมหันหน้าหนีไปอีกทาง“ไม่อยากให้เฮียมอนิ่งคิสเหรอครับ ปกติอ้อนจูบเฮียทุกเช้าไม่ใช่หรือไง” ว่าแล้วร่างหนาก็ขยับตัวนั่งพิงหัวเตียง ก่อนจะดึงร่างนุ่มนิ่มของเด็กสาวขึ้นมานั่งบนตักแกร่งแล้วกอดเอวเอาไว้หลวมๆ“ก็อยากค่ะ...แต่มันเขินง่ะ...” เธอหลุบตาต่ำไม่กล้าสบตากับคุณสามีสุดหล่อ ยังรู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำอยู่เลยตอนที่เขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า ‘คุณภรรยา’ฮื
ตกดึก...“เพลียจัง~” เกวรินโอดครวญอย่างเหนื่อยล้า เพราะกว่าทุกอย่างจะจบลงก็ปาไปดึกดื่น วันนี้แม้จะเป็นวันที่พิเศษและมีความสุขมากๆ แต่ก็เหนื่อยมากไม่แพ้กันเลยเมื่อเข้ามาในห้องนอนซึ่งจัดแต่งอย่างสวยงาม ทั้งยังมีกลีบกุหลาบชมพูโปรยเอาไว้เป็นรูปหัวใจขนาดใหญ่บนเตียงขาวสะอาดตา เกวรินเห็นแล้วก็ยิ่งอยากทิ้งตัวลงนอนมากกว่าเดิม“งื้อออ ที่นอนจ๋า~”“ไปอาบน้ำก่อน จะได้มานอนสบายตัว”เสียงทุ้มของภากรเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง เขาเดินเข้ามาสวมกอดคนตัวเล็กเอาไว้หลวมๆ แล้วโน้มใบหน้าลงหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ ก่อนหน้านี้ต้องคอยรับเครื่องดื่มจากคนโน้นที คนนี้ที จนสติเริ่มถดถอย แต่ยังไงคืนนี้เขาก็ไม่ปล่อยให้จบด้วยการนอนกอดกันบนเตียงเฉยๆ แน่“เฮีย...อื้ออ เบาๆ หน่อย” เกวรินเอ่ยเสียงสั่นเมื่อคนตัวโตเริ่มเลื่อนมือมาขย้ำเต้าใหญ่ด้านหน้าอย่างเมามันงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้เธอเปลี่ยนเป็นชุดเกาะอกสีขาวเรียบๆ ด้านล่างเป็นกระโปรงสั้นฟูฟ่องผูกโบขนาดใหญ่สีเดียวกันไว้ด้านหลัง ผมก็มัดรวบเป็นลอนหางม้า แต่งหน้าสีโทนชมพูอ่อนดูน่ารักน่าเอ็นดู“วันนี้เกี๊ยวสวยมากเลยรู้ไหม?”คนตัวโตเอ่ยเสียงแหบพร่าข้างใบหูเล็ก ก่อนจะกระตุกโบด้านหลังออก แล้วร







