พิจิกานอนดูทีวีจนกระทั่งบ่าย นานมากแล้วที่หญิงสาวไม่ได้นอนพักแบบนี้ เพราะในแต่ละวันนอกจากจะเปิดร้านที่ห้างสรรพสินค้าแล้วเธอยังขายของผ่านช่องทางออนไลน์และช่วยมารดาขายของในตอนเช้าอีกด้วย
ครอบครัวเธอมีกันแค่สองคน ญาติคนอื่นๆ ก็อยู่ต่างจังหวัดกันหมด ส่วนผู้เป็นบิดานั้น หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเพราะมารดาไม่เคยพูดถึง แม้ตอนเด็กๆ เธอจะพยายามถามแต่ก็ไม่ได้คำตอบ พอโตมาก็เข้าใจอะไรมากขึ้นจึงเลิกถามเพราะคิดว่าถ้ามารดาอยากให้เธอรู้ท่านก็คงจะบอกเอง
ขณะกำลังนอนดูรายการทีวีเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงฝนตก หญิงสาวเดินไปดูบริเวณด้านนอกตอนนี้ฝนกำลังตกลงมาอย่างหนัก ทั้งที่เมื่อเช้าท้องฟ้ายังคงแจ่มใส เสียงฝนบวกกับเสียงคลื่นจากทะเลก็ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายไปอีกแบบ แต่ก็แอบเสียดายเพราะถ้าเป็นแบบนี้เธอคงอดไปดูพระอาทิตย์ตกดินแน่ๆ
พิจิกาเหลือเวลาอยู่ที่นี่อีกแค่คืนเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้เช้าเธอต้องออกจากที่พักก่อนเที่ยง เพื่อขึ้นเรือก่อนจะนั่งรถตู้กลับเริ่มงานต่อในวันรุ่งขึ้น โอกาสที่จะได้มาเที่ยวแบบไม่เสียเงินแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ
ขณะนั่งมองสายฝนกระทบกับพื้นน้ำก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูบ้านพัก หญิงสาวรีบเดินมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็รีบเปิดประตูต้อนรับ
“เปียกมากไหม”
“ไม่ครับ พอดียืมร่มของทางรีสอร์ตมาครับ” พีราวัชรเบี่ยงตัวเข้ามาในบ้าน จากนั้นก็สลัดผมที่เปียกเพียงนิดให้เข้าที่
พิจิกาได้แต่แอบมองเพราะไม่ว่าเขาจะขยับหรือทำอะไรท่าทางของเขามันก็ดูดีไปหมด ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเขาทำบุญด้วยอะไรพระเจ้าถึงได้มอบความหล่อมาให้อย่างมากมายแบบนี้ เมื่อคืนก็คิดว่าเป็นเพราะตัวเองเมาเลยเห็นใครก็หล่อไปหมด แต่ตอนนี้เธอมีสติเต็มร้อย
“จ้องผมแบบนั้นคิดอะไรอยู่หรือเปล่าผิง”
“คิดสิคะ”
“คิดอะไร ไหนบอกมาสิ” ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้จนเธอได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงออกมาจากตัวเขา
“คิดว่าพรุ่งนี้คุณจะเป็นหวัดหรือเปล่า นั่งก่อนค่ะ เดี๋ยวผิงเอาผ้าเช็ดตัวมาให้นะคะ”
“ผมหัวแข็งจะตายแค่ละอองฝนแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ”
“แต่ก็ควรจะเช็ดผมให้แห้งนะคะ” พิจิการีบเดินไปเอาผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาส่งให้ก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงโซฟาด้านตรงข้าม
“ผมนึกว่าคุณจะเช็ดให้เสียอีก”
“เสียใจค่ะ ผิงไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนโยนขนาดนั้น” เธอพูดจบก็ก้มหน้าเล่นมือถือต่อ
พีราวัชรเช็ดผมเสร็จก็เอาผ้าพาดไว้ตรงพนักโซฟาก่อนจะลุกไปนั่งเบียดกับพิจิกาที่โซฟาอีกตัว
“นี่คุณ ที่นั่งมีตั้งเยอะตั้งแยะ มานั่งเบียดกันทำไมคะ”
“นั่งคนเดียวมันเหงานี่ครับ”
“ขี้เหงาขนาดนี้มาเที่ยวคนเดียวได้ยังไงคะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถาม
“ผมก็แค่อยากหลบมาพักผ่อน”
“อยากพักผ่อนแล้วมาหาผิงทำไมคะ น่าจะนอนซุกตัวใต้ผ้าห่มอุ่นๆ นะคะ”
“มันอุ่นไม่พอนี่ครับ ก็เลยต้องมาหาความอบอุ่นจากคุณ” คนฉวยโอกาสอุ้มคนตัวเล็กว่าขึ้นมานั่งบนตักเกยคางลงบนไหล่เล็ก สองมือกอดเอวคอดไว้หลวมๆ
พิจิกาเองก็รู้สึกอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา หญิงสาวทิ้งตัวลงพิงกับแผงอกกว้าง ตามองออกไปข้างนอกห้องที่สายฝนยังคงโปรยปรายไม่หยุด ในใจแอบคิดว่าถ้าคนที่อยู่กับเธอตอนนี้เป็นปรัชญาก็คงจะมีความสุขมาก แต่มันคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว
“ฝนไม่น่าตกเลยนะคะ”
“ครับ เราเลยไม่ได้ไปดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันเลย น่าเสียดายเหมือนนะครับ คุณอยู่ต่ออีกวันไม่ได้เหรอ”
“ฉันต้องกลับไปทำงานค่ะ”
“คุณทำงานอะไรเหรอถึงได้มาเที่ยววัยธรรมดา”
“ฉันเป็นแม่ค้าค่ะ คุณล่ะคะ”
“ผมก็ทำงานบริษัทครับ” พีราวัชรรู้สึกผิดนิดหน่อยที่โกหกเธอไปแบบนั้น แต่เขาก็มีเหตุผลของตัวเอง เพราะที่ผ่านมามีหลายคนที่พยายามหาเข้าหาเขาเพื่อผลประโยชน์ ชายหนุ่มจึงต้องระวังตัวไว้ก่อน
“ลาพักร้อนเหรอคะ ถึงได้มาเที่ยววันหยุดแบบนี้” เพราะถ้าเขาไม่ลาพักร้อนก็คงเป็นระดับผู้บริการ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นอย่างแรกเพราะเขาดูอายุน้อยเกินกว่าจะทำงานระดับสูงแบบนั้น
“ประมาณนั้นครับ ปกติคุณมาเที่ยวคนเดียวแบบนี้บ่อยไหมครับ”
“ไม่หรอกค่ะ แม่ค้าอย่างผิงไม่อยากปิดร้านหรอกนะคะเพราะผิดก็เท่ากับเราขาดรายได้”
ชายหนุ่มเข้าใจเป็นอย่างดีเพราะอาชีพของเขาก็ไม่ต่างอะไรอาชีพของเธอเลย ถ้าเขาไม่เปิดห้างนั่นก็หมายความว่ารายได้ของเขาจะหายไปทั้งที่รายจ่ายยังคงมีเท่าเดิม
“คุณไม่คิดจะทำงานบริษัทบ้างเหรอครับ ผมว่าแบบนั้นรายได้มันมีเข้ามาสม่ำเสมอนะครับ”
“คิดสิคะ หลังเรียนจบฉันหางานเป็นเดือน ยื่นใบสมัครไปทั่วเลยค่ะ แต่ไม่มีที่ไหน”
“ผมถามได้ไหมว่าคุณเรียนจบอะไรมา”
“จบเลขาค่ะ แต่ผิงจบแค่ปวส.เวลาไปสมัครงานวุฒิก็เลยจะต่ำกว่าคนอื่น”
“ผมว่าเพราะคุณสวยเกินไปหรือเปล่าถึงทำให้ได้งาน”
“มีด้วยเหรอคะ”
“ครับ ผมเคยได้ยินมาบางครั้งคนที่รับเข้าทำงานก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องชู้สาวระหว่างเจ้านายกับเลขาก็เป็นได้นะครับ”
“น่าคิดเหมือนกันค่ะ ถ้าผิงมีโอกาสไปสมัครงานอีกครั้งจะกรอกข้อมูลว่าแต่งงานแล้วดีไหมคะ”
“คุณพูดเหมือนมาอยากจะเป็นแม่ค้าแล้ว”
“ก็แค่พูดเผื่อไว้ค่ะ อาชีพค้าขายมันเป็นงานอิสระ คนอื่นอาจมองว่างานไม่ต้องใช้ความรู้อะไร แต่มีไม่กี่คนหรอกค่ะที่รู้ว่าในแต่ละวันเราเจออะไรบ้าง”
“อยากเล่าให้ผมฟังไหม”
“อย่าเลยค่ะ ผิงไม่อยากคุณเครียดตาม คุณอย่าลืมนะคะว่าตัวเองมาพักผ่อน”
“คุณก็มาพักผ่อนเหมือนกัน ถ้าไม่อยากเล่าเรื่องงานก็เล่าเรื่องผู้ชายที่หักหลังคุณให้ผมฟังได้ไหมล่ะ”
“คิดว่าคุณลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะคะ”
“ผมยังไม่แก่นะจะได้ลืมอะไรง่ายๆ”
“ผิงก็ไม่ได้ว่าคุณแก่สักหน่อย”
“แบบไหนที่เรียกว่าแก่ละครับ”
“ก็สัก 60 ไงคะ วัยเกษียณพอดี”
“ผมยังห่างกับคำนั้นเยอะครับ ทำไมผมรู้สึกว่าคุณพยายามเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากเล่าเหรอ บางครั้งได้เล่าออกมาก็จะดีขึ้นนะครับ คุณจะได้กลับไปเริ่มงานได้อย่างสบายใจ ทิ้งความทุกข์ไว้ที่นี่”
พิจิกายิ้มกับคำพูดของชายหนุ่ม ที่บังเอิญไปเหมือนกับคำพูดของมารดาที่บอกให้เธอทิ้งความทุกข์ไว้ที่ทะเล แล้วกลับไปเป็นพิจิกาที่สดใสเหมือนเดิม
เพราะกำลังอยากระบายเรื่องที่อัดอั้นมานานหญิงสาวเลยตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังเพราะตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะระบายความรู้สึกนี้ให้ใครฟังเหมือนกัน
เรื่องราวทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงตอนนี้พิจิกาและพีราวัชรก็แต่งงานกันได้หลายเดือนแล้ว คุณกิ่งแก้วที่ลาไปคลอดลูกก็ยังไม่กลับมาทำงานทำให้สองสามีภรรยามีเวลาหวานด้วยกันทั้งที่บ้านและที่ทำงาน “ไม่น่าเชื่อนะคะว่าเราจะได้แต่งงานกัน” “ถ้าคืนนั้นผมไม่มาส่งผิงที่นี่ ผมคงเสียดายไปจนตาย” “ผิงไม่คิดเลยนะคะว่าความเมาจะทำให้ผิงได้สามีที่หล่อแบบนี้” “ผิงรู้ไหม ว่าผมแอบมองผิงตั้งแต่ผิงออกไปเต้นแล้ว” “เหรอคะ” “ครับ ผิงสวยสะดุดตาผมมาก ผมดีใจมากแค่ไหนรู้ไหมที่ผิงเดินกลับมาดื่มต่อที่บาร์” “แล้วคุณคิดจะมาส่งผิงแล้วกลับหรือคิดอย่างอื่น” “ผมสารภาพเลยครับว่าผมคิดไม่ซื่อกับผิงตั้งแต่ต้น ผมเคยเจอผู้หญิงในบาร์แล้วเราก็ไปต่อกันจากนั้นทุกอย่างก็จบภายในคืนเดียว ผมแทบไม่รู้ชื่อพวกเธอด้วยซ้ำ แต่พอเจอผิง ผมกลับลืมไม่ลง” “เพราะอะไรคะ จะว่าเพราะหน้าตาก็ไม่น่าจะใช่เพราะคนสวยกว่าผิงมีเยอะไปหมด” “ผมเองก็หาเหตุผลไม่ได้ ผมรู้แค่ต้องเป็นผิง ผมรู้แค
เริ่มงานวันแรกหลังจากหยุดยาว พิจิกาไม่ค่อยมีสมาธิทำงานเท่าไหร่เพราะเย็นนี้เธอจะต้องเข้าไปทานอาหารเย็นที่บ้านของพีราวัชร แม้จะเคยเจอบิดามารดาของเขาแล้ว แต่ครั้งนี้มันต่างจากครั้งที่แล้ว เพราะเขาจะพาเธอเข้าไปในฐานะคนรักไม่ใช่ผู้ช่วยเลขาอย่างครั้งก่อน“ผิง มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”“นิดหน่อยค่ะพี่กิ่ง”“เล่าให้พี่ฟังได้นะ”“ผิงก็อยากเล่าค่ะ แต่เรื่องนี้ผิงบอกใครไม่ได้จริงๆ ค่ะ เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับผิงคนเดียว”“คงเป็นเรื่องสำคัญมากใช่ไหม”“ค่ะพี่กิ่ง”“พี่ไม่รู้นะว่าเรื่องไร เอาเป็นว่าพี่ให้กำลังใจผิงก็แล้วกันนะ ใช้สติให้มาก พี่ว่าปัญหาทุกอย่างจะผ่านได้ด้วยดี”“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง พี่กิ่งจะกลับเลยก็ได้นะคะเดี๋ยวตรงนี้ผิงทำต่อเองค่ะ”“แล้วผิงไม่รีบกลับบ้านเหรอวันนี้เจ้านายไม่อยู่น่าจะรีบกลับนะ”“กลับตอนนี้รถเมล์แน่นค่ะพี่กิ่ง ผิงรออีกนิดดีกว่าค่ะ”“งั้นพี่ไปก่อนนะ”“ค่ะพี่กิ่ง”พอเลขารุ่นพี่กลับไปแล้วพิจิกาก็จัดการงานตรงหน้าต่ออย่างไม่เร่งรีบเพราะพีราวัชรเพิ่งลงจากเครื่องเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน กว่าเขาจะขับรถมาถึงที่นี่ก็คงอีกนานเมื่อทำงานตรงหน้าเสร็จแล้วหญิงสาวก็เข้าห้องน้ำสำรวจความเรีย
เกือบสิบโมงเช้าของวันใหม่สองหนุ่มสาวก็ยังคงนอนกอดกันอยู่บนเตียงกว้าง ความสุขที่มีร่วมกันมันมากมายราวกับเป็นความฝัน พิจิกาตื่นตั้งนานแล้วแต่เธอยังไม่อยากขยับออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของเขา เธอเงยมองใบหน้าหล่อที่ตอนเช้าไรหนวดเขียวเริ่มเห็นชัดเจนและมันเพิ่มเสน่ห์ในตัวเขาได้เป็นอย่างดี หญิงสาวไล้มือไปตามสันกรามอย่างแผ่วเบา และคิดว่าถ้าเขาเอาใบหน้านี้ซุกไซร้ไปตามลำตัวเธอมันจะจั๊กจี้หรือเสียวซ่านมากแค่ไหน เธอสำรวจใบหน้าของเขานานไปหน่อยตอนนี้เจ้าตัวก็เลยและทำให้คนที่แอบมองต้องรีบหลบตา“แอบมองแบบนี้คิดอะไรอยู่”“ผิงไม่ค่อยได้เห็นเวลาหน้าคุณพีร์มีหนวดเลย ปกติคุณพีร์โกนทุกวันเหรอคะ”“ครับ ผมต้องโกนทุกเข้า”“อยู่ที่นี่กับผิงไม่โกนได้ไหมคะ ผิงชอบนะคะ มันเซ็กซี่ดีค่ะ”“ผมไม่อยากให้มันทิ่มผิงเวลาที่ผมจูบผิงนี่ครับ”“นิดหน่อยเองไม่เป็นไรหรอกค่ะ นะคะ”“ก็ได้ครับแล้วถ้าเจ็บอย่ามาบ่นก็แล้วกัน”“แล้วผิงเคยบ่นให้คุณพีร์ฟังไหมล่ะคะ”“ไม่เลย ผิงไม่เคยบ่นว่าเจ็บ ผมไม่รู้เพราะผิงไม่เจ็บหรือเพราะผิงทนเพื่อผม”“ถ้าบอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ถูกหรอกค่ะ ผิงเจ็บแต่มันไม่มากถึงขั้นทนไม่ไหว คุณพีร์ทำให้ผิง
ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในสภาพเปลือยเปลา พีราวัชรขึ้นมาคร่อมทับตัวหญิงสาว เขามองหน้าเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ก่อนบดจูบลงบนริมฝปากบางอยางดูดดื่ม มือหนาทั้งสองข้างคลึงเคลาสองปทุมอวบอิ่มอย่างมันมือ ปลายนิ้วสะกิดยอดปทุมถันปลุกเร้าจนเสียงหวานครางระงม“อื้อ....”จูบจนพอใจเขาก็ลากไล้ความเปียกชื้นไปตามซอกคอหอมกรุ่น ขบเม้มดูดดึงไปตามแรงอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูง ผิวเนียนนุ่มขึ้นรอยแดงไปทั้งทุกจุดที่ปากร้อนเลื่อนผ่าน ลากไล้มาจนถึงร่องปทุมอวบอิ่ม ลิ้นร้อนลากปัดป่ายบนยอดสีสวย ก่อนจะส่งปากร้อนครอบครองด้วยความเสน่ห์หาหญิงสาวได้แต่ดิ้นพล่านเสียงหวานครางเพื่อระบายความเสียว เขาหยอกเย้าดูดกินจนอิ่มหนำก็เลื่อนตัวลงไปเรื่อยๆ จนหยุดกลางขาเรียวทั้งสองข้าง เธอชันเข่าขึ้นอย่างรู้งานไม่นานความสุขก็แตกกระจายเข้าสู่กายของพิจิกา หญิงสาวหอบสะท้านก่อนจะถูกเขาโน้มกายลงหาตัวเธอนอนคว่ำไปกับที่นอน ขณะที่ท่อนเอ็นของเขายังคงกระตุกอยู่ในกายเธออย่างยาวนาน ปากร้อนพรมจูบลงบนแผ่นหลังอย่างหลงใหล“ผมไม่เคยเจอใครที่สุดยอดเหมือนคุณมาก่อน ที่รัก ผมรักคุณนะผิง”“ผิงก็รักคุณพีร์ค่ะ”พิจิกายิ้มอย่างมีความสุข เมื่อชายหนุ่มถอด
เป็นครั้งแรกที่พี่จิกต้องนั่งเครื่องคนเดียวข้ามประเทศแต่พอลงจากเครื่องก็ได้เจอกับพีราวัชรที่รออยู่ตรงจุดรับกระเป๋า“บังเอิญจังเลยนะครับที่ได้เจอกันที่นี่”“ค่ะ บังเอิญมาก ว่าแต่จะบังเอิญพักที่เดียวกันด้วยไหมคะ” พิจิกาถามก่อนที่ทั้งสองจะเดินตามกันไปยังรถของโรงแรมที่จอดอยู่เที่ยวบินที่พวกเขาโดยสารมาเป็นเที่ยวบินที่ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิดึกที่สุดพอมาถึงสิงคโปร์และเข้าที่พักก็เกือบจะตีหนึ่ง โรงแรมที่ชายหนุ่มพาเธอมาพักเป็นโรงแรมหรูห้าดาวที่อยู่บริเวณอ่าวมารีนา สามารถมองเห็นวิวยามค่ำคืนรวมถึงแลนด์มาร์คสำคัญอย่างสิงคโปร์ฟลายเออร์ได้อีกด้วย“สวยจังค่ะคุณพีร์ ผิงไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาพักโรงแรมหรูแบบนี้” พิจิกตื่นเต้นกับภาพความสวยตรงหน้า“ถ้าผิงชอบเราจะมากันทุกวันหยุด”“ไม่เอาหรอกค่ะ ราคาห้องมันคงแพงมาก”“แพงแค่ไหนผมก็ยอมจ่ายถ้าผิงชอบ” พีราวัชรเดินมาสวมกอดเธอด้านหลัง“ค่ะผิงชอบ แต่ถ้ามาบ่อยๆ ผิงกลัวว่าคุณพีร์จะหมดตัวเสียก่อน”“ถ้าผมหมดตัวผิงยังจะรักผมไหม”“รักสิค่ะ ผิงไม่ได้รักคุณพี่ที่เงิน”“ผมรู้ ผมถึงได้รักผิงมากยังไงล่ะ”“วิวสวยมากเลยนะคะ เหมือนอยู่บนสวรรค์”“เคยเห็นเหรอครับว่าสวรรค์เป
หลังจากเคลียร์เอกสารทุกอย่างเสร็จแล้วพีราวัชรก็เรียกกิ่งแก้วและพิจิกาเข้ามาในห้องทำงาน“นั่งก่อนทั้งสองคนนั่นแหละ”“ขอบคุณค่ะ/ ขอบคุณค่ะ” เลขาและผู้ช่วยเลขาพูดพร้อมกันก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะของรองประธาน“ผมอย่างจะถามคุณกิ่งว่าผ่านมาสองเดือนแล้วพิจิกาทำงานเป็นยังไงบ้าง”“น้องผิงทำงานเรียบร้อยดีค่ะ เรียนรู้ได้เร็วมากค่ะ”“แล้วคุณมั่นใจไหมว่าถ้าคุณหยุดงานไปหกเดือนงานทุกอย่างจะไม่มีปัญหาอะไร”“กิ่งมั่นใจค่ะ ที่ผ่านมาน้องผิงไม่เคยทำงานพลาดเลย เธอรอบคอบและมีไหวพริบมากกว่ากิ่งด้วยซ้ำ”“ถ้าอย่างนั้นช่วงที่คุณลางานผมคงไม่ต้องหาใครมาเพิ่มใช่ไหม”“ผิงคิดว่าไหวไหม” กิ่งแก้วหันมาถามผู้ช่วย“คิดว่าไหวค่ะพี่กิ่ง”“ถ้าไหวก็ดี เอาล่ะเรื่องงานผ่านไปแล้ว ทีนี้ก็มาถึงเรื่องวันหยุดยาว”“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณพีร์”“ผมอยากให้คุณกิ่งช่วยดูให้หน่อยว่าหลังวันหยุดผมต้องไปเจอลูกค้าหรือไปตรวจงานที่สาขาไหนหรือเปล่า”“สักครู่นะคะ” กิ่งแก้วเปิดตารางงานของเจ้านายขึ้นมาดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบเขาอีกครั้ง“คุณพีร์ต้องไปร่วมงานเปิดสาขาใหม่คู่ค้าที่สิงคโปร์ค่ะ”“เดี๋ยวผมจัดการจองตั๋วเองนะ”“ได้ค่ะ ครั้งนี้คุณพีร์จะใ