ภูวริษแยกกับฉัตรญาดาที่หน้าร้านอาหารจากนั้นเขาก็โทรศัพท์นัดให้ภคชนท์ออกมาเจอที่ร้านของกษิเดช ชายหนุ่มเล่าเรื่องที่คุยกับฉัตรญาดาให้เพื่อนฟังมันยิ่งสร้างความสับสนให้กับภคชนท์เอามากๆ
“ตลอดหนึ่งปีที่ฉันอยู่ในสถานพินิจฉันคิดมาตลอดว่าคนที่เขียนจดหมายมาให้กำลังใจฉันคือรวี” ภคชนท์รู้สึกผิดหวังอีกครั้งเพราะเขาคิดมาตลอดว่าถึงแม้ฉัตรรวีจะขาดการติดต่อไปแต่อย่างน้อยในช่วงหนึ่งเธอก็ยังไม่ลืมเขา
“นายคิดไหมว่าคุณญาดาจะโกหก” ภูวริษถามเพื่อนเพราะเขาไม่เคยรู้จักทั้งฉัตรรวีและฉัตรญาดาแบบสนิทสนมมาก่อน
“ญาดาจะโกหกทำไมล่ะ ในเมื่อเธอไม่รู้ว่ากำลังคุยอยู่กับใครนายรู้ไหมภู ถ้าไม่มีจดหมายพวกนั้นฉันก็คงท้อและทิ้งการเรียนไปแล้ว”
“ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้นายจะเอายังไงต่อล่ะ ฉันว่าคนที่นายรู้สึกดีด้วยอาจจะเป็นคุณญาดานะ นายบอกฉันเองนี่ว่าเวลาออกไปไหนก็มักจะไปกันสามคนนะ”
“มันก็ใช่นะแต่คนที่ฉันชอบตอนนั้นก็คือรวีจริงๆ” ภคชนท์นึกย้อนไปเมื่อสิบปีก่อนขณะที่เขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
วันปัจฉิมนิเทศ
วันสุดท้ายแล้วนะไอ้วัชร์ถ้ามึงไม่บอกพี่เขาวันนี้มึงก็ไม่มีโอกาสแล้วนะภูวริษในวัย 17 ปีคะยั้นคะยอให้เพื่อนไปสารภาพความรู้สึกกับรุ่นพี่ที่แอบชอบมานาน
“แต่มีคนเอาดอกไม้มาให้พี่รวีเยอะเลยนะ”
“กลัวอะไรล่ะคนอื่นให้ได้นายก็ให้ได้ นายน่ะเป็นนักบาสของโรงเรียนมีสาวๆ หลายคนแอบชอบนะ นายมั่นใจในตัวเองหน่อยสิเอาดอกไม้กับตุ๊กตาหมีไปให้เขาเลย”
ภคชนท์หรือวีรวัชร์ในวัย 17 ปีสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะเดินตรงไปยังรุ่นพี่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เขาแอบชอบ
“พี่วัชร์เอาดอกไม้มาให้พี่รวีเหรอคะ” ฉัตรญาดาเห็นพี่ชายข้างบ้านเดินถือดอกไม้มาก็รีบทักทาย
“อืม” เขาตอบน้องสาวของฉัตรรวีแล้วเดินตรงไปหาเธอ”
“ยินดีด้วยนะครับพี่รวี” เด็กหนุ่มส่งดอกไม้กับตุ๊กตาหมีตัวโตให้กับรุ่น
“พี่ขอบใจนะ” ฉัตรรวียิ้มแล้วรับดอกไม้กับตุ๊กตามาถือไว้
“ถ่ายรูปคู่กับพี่รวีไหมพี่วัชร์ เดี๋ยวญาดาถ่ายให้” ฉัตรญาดาตะโกนถาม
“ได้ไหมครับพี่รวี” วีรวัชร์หันมาถามเธอด้วยความเกรงใจ
“ได้สิ”
ทั้งสองคนยืนถ่ายรูปด้วยกันก่อนที่คนอื่นจะเข้ามาแสดงความยินดีกับฉัตรรวีต่อทำให้วีรวัชร์ต้องเดินถอยออกมา แต่เขาก็ไม่ไปไหนไกลเพราะอยากจะรอให้ทุกคนกลับไปก่อนและจะเข้าไปคุยกับเธออีกครั้ง
ตอนนี้หลายคนกำลังทยอยกลับบ้านฉัตรญาดากำลังช่วยพี่สาวรวบรวมช่อดอกไม้และของขวัญรวมถึงตุ๊กตาใส่ถุงใบใหญ่
“ญาดาเก็บของไปก่อนนะพี่ขอไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวมา”
“ค่ะพี่รวี”
เมื่อฉัตรรวีเดินแยกออกมาวีรวัชร์ก็สบโอกาสที่จะเข้ามาคุยกับเธอตามลำพัง
“พี่นึกว่ากลับไปแล้ว”
“ยังครับพี่รวีผมมีอะไรจะคุยกับพี่นิดหน่อย”
“ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนรอพี่อยู่ตรงนี้เดี๋ยวกลับมา”
“เอาล่ะจะคุยอะไรเหรอ” ฉัตรรวีถามเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ยืนรออยู่
เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นมีคนอื่นเขาก็รวบรวมความกล้าอีกครั้งก่อนจะพูดออกไป
“ผมชอบพี่ครับ”
“อะไรนะวัชร์”
“ผมบอกว่าผมชอบพี่ ผมรู้ว่าพี่ไม่มีแฟนเรามาคบกันไหม” เขาพูดในสิ่งที่ซ้อมกับตัวเองมาหลายวัน
“พูดจริงเหรอ” ฉัตรรวีตกใจที่เด็กหนุ่มข้างบ้านมาสารภาพรักเพราะเธอกับเขาก็สนิทกันมานานแต่ไม่เคยรู้ความรู้สึกของรุ่นน้องคนนี้มาก่อน
“จริงครับ”
“ทำไมถึงชอบพี่ล่ะ” เธอมองรุ่นน้องและเห็นว่าเขาไม่น่าจะพูดเล่น
“ก็พี่รวีทั้งสวยทั้งเก่งมีใครบ้างเหรอครับที่ไม่ชอบพี่”
คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้ฉัตรรวียิ้ม วีรวัชร์ไม่ใช่คนแรกที่มาพูดกับเธอแบบนี้แต่เธอไม่เคยตอบตกลงคบกับใครเลยเพราะทุ่มเทให้กับการเรียนมาตลอด แต่ในเมื่อตอนนี้เธอเรียนจบแล้วก็เลยอยากจะลองคบใครสักคนดูเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอมหาวิทยาลัยเปิด
ฉัตรรวีคิดว่าการคบกับวีรวัชร์ก็คงไม่มีอะไรเสียหายเพราะเดิมทีก็สนิทสนมกันอยู่แล้ว
“ถ้าอยากจะคบกันจริงก็ห้ามเรียกพี่ตกลงไหมล่ะ”
“พี่รวีจะคบกับผมจริงๆ เหรอครับ”
“นั่นไงยังเรียกพี่อยู่เลย”
“รวีจะคบกับผมจริงๆ เหรอครับ”
“แล้วอยากให้มันเป็นความจริงไหมล่ะ”
“อยากครับอยากที่สุดเลย”
“ถ้างั้นก็ตกลงแต่รวีมีข้อแม้นะ”
“อะไรครับ”
“ระหว่างคบกันเราจะบอกคนอื่นให้รู้ไม่ได้”
“แล้วเราจะบอกคนอื่นได้ตอนไหนล่ะ”
“ก็ตอนที่เราโตกว่านี้ก่อนไง ขืนเราบอกพ่อกับแม่ว่าเราแอบคบกันเขาคงห้ามแล้วยายของวัชร์เองก็คงจะตกใจแน่”
“เอาอย่างนั้นก็ได้”
เมื่อตกลงกันได้แล้ววีรวัชร์ก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่ารุ่นพี่ที่แอบชอบจะตกตกลงง่ายๆ แบบนี้
“พี่วัชร์ยังไม่กลับเหรอ” เสียงหนึ่งดังทักทายเมื่อเขาเดินคู่มากับฉัตรรวี
“อือ แล้วญาดาจะกลับยังไง”
“ก็คงนั่งรถสองแถวนั่นแหละ”
“ของเยอะแยะแบบนี้นั่งรถสองแถวจะสะดวกเหรอให้พี่ไปส่งดีไหมญาดา”
“แล้วจะไปกันยังไงล่ะตั้งสามคนไหนจะของพะรุงพะรังอีก”
“ก็ให้พี่ไปส่งญาดาก่อนแล้วค่อยกลับมารับรวีส่วนของก็ช่วยกันถือไปดีไหมล่ะ”
ฉัตรญาดามองไปทางพี่สาวเมื่อเห็นเธอพยักหน้าก็ถือของเดินตามวีรวัชร์ไปยังลานจอดรถจักรยานยนต์ที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้
“พี่วัชร์ใจดีแปลกๆ แล้วยังเรียกพี่รวีว่ารวีเฉยๆ อีกมีอะไรที่ญาดาไม่รู้หรือเปล่า”
“เปล่านี่”
“ไม่มีอะไรแน่นะ”
“อย่าถามเซ้าซี้เลยน่าญาดา รีบขึ้นมาเถอะพี่ไม่อยากให้รวีรอนาน”
ระยะทางระหว่างบ้านของทั้งสองกับโรงเรียนไม่ได้ไกลมากเท่าไหร่ วีรวัชร์ใช้เวลาไม่นานก็จอดรถส่งฉัตรญาดาที่หน้าบ้านก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ไปรับฉัตรรวีที่โรงเรียนอีกครั้ง
“รอนานไหมไม่นานหรอก”
“หิวหรือเปล่ารวี”
“ทั้งเหนื่อยมากๆ เลยแหละ”
“เราไปหาอะไรกินกันก่อนกลับบ้านดีไหม”
“ไม่ได้หรอกถ้ากลับค่ำเดี๋ยวแม่จะว่าเอา”
“แต่ผมอยากฉลองให้รวี”
“เราไปฉลองกันวันอื่นก็ได้นะวัชร์วันนี้มันค่ำแล้วรวีไม่อยากโดนแม่ดุ”
“เอาอย่างงั้นก็ได้ตกลงว่ารวีรับนัดผมแล้วนะ”
“อืมแต่จะเป็นวันไหนเดี๋ยวรวีจะบอกนะ”
“ผมขอไลน์ของรวีได้ไหมล่ะ”
“ได้สิ”
ทั้งสองแลกไลน์กันก่อนที่ฉัตรรวีจะซ้อนรถจักรยานยนต์ของชายหนุ่มกลับมาที่บ้าน
“ขอบใจมากนะวัชร์”
“คืนนี้ผมโทรหาได้ไหมรวีนอนห้องเดียวกับญาดาหรือเปล่า”
“เปล่าเรานอนกันคนละห้อง”
“ดึกๆ ผมโทรหานะ ผมอยากคุยกับรวี”
“ได้สิ รวีขอเข้าบ้านก่อนนะ ขอบใจมากนะวัชร์” หญิงสาวโบกมือให้เขาก่อนจะเดินเข้าบ้าน
วีรวัชร์จูงรถจักรยานจากหน้าบ้านของหญิงสาวเข้ามาในบ้านของตนเองซึ่งตอนนี้คุณยายกำลังทำกับข้าวรออยู่แล้ว
“กลับค่ำเลยนะวัชร์ไปไหนมาเหรอลูก”
“วันนี้ที่โรงเรียนมีงานปัจฉิมครับยายผมก็เลยอยู่ร่วมงาน”
“แต่ยายเห็นเราขับรถเข้ามาในซอยแล้วครั้งหนึ่งนะ”
“ผมมาส่งญาดาแล้วก็กลับไปรับรวี”
“นี่หนูรวีเธอเรียนจบ ม. 6 แล้วใช่ไหมล่ะ”
“ใช่ครับคุณยาย”
“เธอจะไปเรียนต่อที่ไหนรู้หรือเปล่า”
“ยังไม่รู้เลยครับเห็นว่ากำลังดูอยู่”
“เราเองก็เหลืออีกปีเดียวที่จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนะตั้งใจเรียนหน่อยล่ะ จบแล้วจะได้ไปต่อมหาวิทยาลัยที่ตัวเองตั้งใจไว้”
“ครับคุณยาย ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับยายเดี๋ยวจะออกมากินข้าวด้วย”
“ได้จ้ะวัชร์อาบน้ำเสร็จกับข้าวนี้ก็น่าจะทำเสร็จพอดี”
บรรยากาศบ้านสวนของคุณนิวัฒน์และภัทราดูมีชีวิตชีวาเมื่อลูกสาวคนโตของบ้านกับน้องสาววัยสิบห้ากำลังคุยกันอย่างออกรส“พลอยอยากให้พี่ญาดากลับมาบ้านบ่อยๆ” พลอยภัทรานั่งเกาะแขนพี่สาวไว้ไม่ยอมปล่อย“พี่เขาต้องทำงานนะพลอยจะให้กลับมาบ่อยๆ คงไม่ได้หรอก” ภัทราบอกกับลูกสาวที่เอาแต่เกาะติดพี่สาวต่างมารดาไม่ยอมปล่อยตั้งแต่ฉัตรญาดากลับมาถึงบ้าน“ก็พลอยเหงานี่คะ อยู่กับพ่อและแม่น่าเบื่อจะตาย ขอออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างก็ไม่ได้”“จริงเหรอคะพ่อ” ฉัตรญาดาหันไปถามบิดาเพราะตอนที่เธออายุเท่ากับพลอยภัทราบิดาไม่ได้เข้มงวดขนาดนี้“ไม่หรอกน่า น้องก็พูดเกินไป”“ไม่เกินไปเลยค่ะ พ่อห้ามไม่ให้พลอยออกไปเที่ยวกับเพื่อนหรือถ้าให้ไปก็ไปนั่งเฝ้าพลอยอึดอัดนะ”“ก็พ่อเป็นห่วงพลอย”“แต่พลอยโตแล้ว” เด็กสาวเถียงเพราะเพื่อนๆ ของเธอไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ“พลอยจ้ะ พี่ว่าเอางี้ดีไหมล่ะ” ฉัตรญาดากำลังหาทางออกให้บิดาและน้องสาว“ยังไงคะ”“ก็เวลาที่พลอยจะไปไหนพลอยก็บอกพ่อและนัดเวลารับส่งที่แน่นอน ส่วนพ่อก็ต้องไว้ใจน้องนะคะ ญาดาว่าน้องก็โตพอที่จับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ตอนที่ญาดาอายุเท่าน้องพ่อยังให้ญาดาขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวกับเพื่อนเลยน
บ่ายวันเสาร์ภคชนท์ขับรถไปรอลดาภัสน์ที่หน้าโรงพยาบาล พอถึงเวลานัดหญิงสาวก็ลงมาจากตึกด้วยชุดกระโปรงสายเดี่ยวผ้าพลิ้วสีฟ้าน้ำทะเลและสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกชายเสื้อไว้ทางด้านหน้า“รอนานไหมคะ”“ไม่ครับ คุณสวยมากเลยนะ วันนี้ใส่ชุดนี้มาทำงานเหรอ”“เปล่าค่ะเพิ่งเปลี่ยนเมื่อกี้คุณชนท์จะพาไปทานอาหารทะเลทั้งทีก็ต้องแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศหน่อยสิคะ” หญิงสาวยิ้มเมื่อเห็นว่าวันนี้เขาก็แต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงผ้าต่างจากทุกครั้งที่จะสวมเชิ้ตและสวมสูททับ“ผมซื้อพายกับกาแฟมาให้คิดว่าคุณคงหิวเพราะอีกนานเลยกว่าเราจะไปถึงร้านอาหาร” เขาส่งกล่องพายและกาแฟให้กับลดาภัสน์ก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปจากหัวหินตามที่ได้คุยกันไว้“ขอบคุณค่ะโอปอกำลังหิวอยู่พอดีเลย คุณชนท์ทานด้วยกันไหมคะ”“ไม่เป็นไรครับผมทานมาแล้ว”ระหว่างทางไปหัวหินทั้งสองคนก็คุยกันอย่างสนิทสนม ลดาภัสน์รู้สึกเหมือนตัวเองรู้จักกับเขามานาน ถ้าหากภคชนท์ไม่ใช่นักเรียนนอกเธอคงจะคิดว่าเขาคือคนเดียวกับวีรวัชร์อย่างแน่นอน“ปกติแล้ววันหยุดคุณชนท์ทำอะไรคะ”“ก็ออกกำลังกาย ว่ายน้ำแล้วนอนดูหนังสักเรื่องที่คอนโดครับ คุณล่ะ”“ก็อยู่บ้านกับแม่ค่ะ ท
“ยังไม่นอนอีกเหรอคะแม่” ลดาภัสน์แปลกใจที่กลับมาเวลานี้แล้วมารดายังไม่เข้านอน“ก็ว่าจะนอนแล้วล่ะ งานหนักเหรอกลับดึกเชียว”“เปล่าหรอกค่ะแม่ โอปอไปทานข้าวกับเพื่อนมาค่ะ แม่เป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าไม่ดีเลย”“เย็นนี้ญาดาโทรมาหาแม่”“เหรอคะ แล้วญาดาว่ายังไงบ้างคะ”“ก็ถามเรื่องงานแล้วก็บอกว่าจะให้เงินเดือนแม่เพิ่ม”“เหรอคะ แล้วญาดาบอกไหมว่าจะให้เท่าไหร่”“แม่บอกน้องไปแล้วว่าไม่ต้องให้เพิ่มเพราะที่ให้มาก็มากพอแล้ว”“พอเหรอคะแม่ โอปอว่าน่าจะขอเพิ่มอีกสักหน่อย”“แค่นี้ก็รบกวนน้องมากแล้วนะโอปอ แม่เองก็พอมีเงินอยู่”“ญาดาไม่ได้ลำบากอะไรหรอกค่ะแม่ ตอนนี้ก็เพิ่งเข้าไปทำงานที่บริษัทใหม่เงินเดือนเยอะกว่าเดิมมาก”“ญาดาก็เล่าให้ฟังแล้วแต่แม่ก็อยากให้น้องเก็บเงินไว้บ้าง น้องยังต้องผ่อนคอนโดอีก แล้วโอปอล่ะลูกที่ทำงานใหม่เป็นยังไงบ้าง”“ก็ดีค่ะแม่ เงินเดือนเยอะขึ้นแต่ก็ต้องรับผิดชอบมากขึ้น วันเสาร์โอปอก็ต้องทำงานครึ่งวัน”“แล้วแบบนี้จะมีเวลาไปหาอาร์ทเหรอ”“ทำไมโอปอจะต้องไปหาเขาล่ะคะแม่ เขาต่างหากที่ต้องมาหาโอปอ นี่ก็หยุดยาวติดกันสามวันเขายังไม่มาเลย”“คุยกับเขาแล้วเหรอ”“เราคุยกันเมื่อตอนบ่ายค่ะ เขาว่าช่วง
ออกจากร้านอาหารแล้วภคชนท์ก็ไปนั่งดื่มที่ร้านของกษิเดชแต่เขาไม่ได้โทรนัดภูวริษออกมาเหมือนอย่างทุกครั้งเพราะวันนี้อยากนั่งดื่มคนเดียวและใช้ความคิดไปด้วย“ฉายเดี๋ยวเหรอวันนี้” กษิเดชเข้ามาทักทายรุ่นน้องที่เขาเห็นนั่งดื่มคนเดียวมาเกือบชั่วโมงแต่ก็ยังไม่เห็นเพื่อนสนิทของเขาอย่างหมอภูวริษมาด้วย“สวัสดีครับพี่เดช”“ดื่มคนเดียวเหงาไหมล่ะ”“ผมว่าผมเหงาจนชินแล้วล่ะครับ”“ไม่สบายใจเรื่องอะไร เล่าได้ไหม”“วันนี้ผมเจอโอปอ”“ใครกันโอปอ พี่พลาดอะไรไปหรือเปล่าเหมือนไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยนะ” เขานั่งข้างๆ สายตามองรุ่นน้องที่นั่งหน้าเครียด“ผมก็เพิ่งได้ยินวันนี้แต่ถ้าบอกว่าผมเจอรวีพี่ก็คงร้องอ๋อ”“จริงเหรอ แล้วเป็นไงบ้างได้คุยกันหรือเปล่า นายจำเธอได้ไหม”“เธอเหมือนจะจำได้แต่ผมก็ปฏิเสธไปแล้ว ถ้าพี่เป็นเธอพี่จะเชื่อไหมล่ะ”“มันอยู่ที่ว่านายกับเธอรู้จักกันดีมากแค่ไหนก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป แต่ถ้าว่ากันตามจริงก็เชื่อยากนะเพราะนายเปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งชื่อนามสกุลรวมถึงการศึกษา”“มันก็จริงนะ แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ”“ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลย อีกอย่างเธอก็แต่งงานไปแล้ว”“เสียใจไหม”“ก็นิดหน่อย แต่ผมก็เผื่อใจ
ฉัตรญาดาขับรถมายังร้านอาหารที่เธอมักมารับประทานเวลาเลิกงานกับเจ้านายเพราะถามแพรพรรณแล้วว่าร้านนี้น่าจะเหมาะสมที่สุดเพราะมีทั้งที่จอดรถและอาหารอร่อยหญิงสาวมาถึงร้านอาหารก่อนเวลาเล็กน้อยและพี่สาวของเธอก็ยังไม่มาถึงฉัตรญาดาเลือกนั่งโต๊ะติดกับประตูทางเข้าเพราะกลัวว่าพี่สาวจะมาแล้วมองไม่เห็นหรืออีกเหตุผลหนึ่งก็คือถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็จะได้หนีแบบง่ายๆพนักงานของร้านรีบเดินเข้ามารับออเดอร์ทันทีที่เห็นหญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้“รับอาหารเหมือนเดิมมั้ยคะ” พนักงานสาวทำด้วยความคุ้นเคยเพราะจำได้ว่าเธอคือผู้หญิงที่มารับประทานอาหารกับแขกประจำอย่างภคชนท์“ขอเมนูดีกว่าค่ะวันนี้ฉันมากับคนอื่น”“ได้ค่ะ”พนักงานหยิบเมนูอาหารมาให้หญิงสาวสั่งสเต๊กปลาสองที่และสั่งสลัดผัดกับสปาเกตตี้มาอีกอย่างละหนึ่งจาน เหตุผลเธอสั่งอาหารไว้รอเพราะคิดว่าเมื่อพี่สาวมาถึงก็จะได้รีบคุยธุระกันทันทีฉัตรญาดานั่งรอไม่นานนักพี่สาวของเธอก็เดินเข้ามาในร้านและเห็นเมื่อเห็นน้องสาวนั่งรออยู่ก็รีบตรงเข้ามาหาทันที“รอนานไหมญาดา โทษทีนะพี่ไม่คุ้นกับถนนเส้นนี้เลยขับมาแบบช้ามากๆ”“ไม่นานหรอกค่ะ ญาดาสั่งสลัดสเต๊กปลาแล้วก็สปาเกตตี้ให้แล้วนะคะ
“บอสเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ฉัตรญาดาสังเกตว่าวันนี้เจ้านายของเธอมีท่าทางแปลกตั้งแต่ขับรถออกจากบริษัท เขาดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา“เปล่านี่”“แน่นะคะ ญาดาว่าบอสเหมือนกำลังตื่นเต้นนะคะ งานนี้ไม่ใช่งานแรกที่บอสจะต้องไปสักหน่อย”“ผมบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ เรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะเดี๋ยวงานก็จะเริ่มแล้ว”การเปิดแผนกเสริมความงามแบบครบวงจรมีผู้มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ภคชนท์มอบช่อดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีกับแพทย์เจ้าของโรงพยาบาลและพูดคุยเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นได้เข้าไปแสดงความยินดีบ้างชายหนุ่มเดินไปตามบูทต่างๆ เพื่อหวังว่าจะเห็นผู้หญิงที่ชื่อลดาภัสน์แต่เขาผ่านมาหลายบูทก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา“บอสจะกลับเลยไหมคะ” ฉัตรญาดาเห็นว่าแขกบางคนเมื่อแสดงความยินดีเสร็จแล้วก็ทยอยกลับเขาจึงชวนเจ้านายกลับ“ผมว่าจะเดินดูรอบๆ สักหน่อย ถ้าคุณเมื่อยก็ไปนั่งรอได้นะญาดา”“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้สบายมา ญาดาว่าคนให้ความสนใจเยอะเหมือนกันนะคะ เขาจัดโปรโมชั่นได้น่าสนใจทีเดียว”“คุณอยากทำศัลยกรรมบ้างไหมล่ะ”“ไม่ค่ะ ญาดากลัวเข็ม”“กลัวเข็มแต่มาเป็นพยาบาลเนี่ยนะ”“ก็เราใช้เข็มกับคนอื่นนี่คะไม่ได้