และแล้วฉันก็พาตัวเองมายืนกดกริ่งอยู่หน้าคอนโดเพื่อนรัก ไม่ถึงสามนาที มิณก็มาเปิดประตูให้
“อุกกาบาตจะชนโลกไหมวะเนี่ย” มันทำหน้าตกใจราวกับเรื่องนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น ตอนไปเรียนฉันก็ตื่นเช้าไหมล่ะ…
“อีนี่…” ฉันยกมะเหงกจะเคาะหัวมันแต่ก็ต้องลดมือลง เพราะนึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช้เวลาจะมาทะเลาะกับมัน
“ผัวมึงอยู่ไหม” ฉันพยายามมองเข้าไปด้านใน เพราะปกติเวลามาหามิณฉันจะไม่เข้าไปอยู่แล้ว เกรงใจรุ่นพี่ยูตะ และส่วนมากจะเป็นมันมากกว่าที่ขึ้นไปหาฉัน
“ถามหาทำไมมิทราบ” มันเอียงคอถามฉันเสียงแข็ง ความหวงผัวไม่มีใครเกินเพื่อนฉันจริงๆ
“กูมีอะไรจะขอให้เขาช่วยหน่อย” ไหนๆ เขาก็รู้กันหมดแล้ว ก็ขอให้เขาช่วยไปเลยแล้วกัน
“เรื่อง” มันเลิกคิ้วถาม
“กูอยากได้ที่อยู่ของเฮียฟิวส์” สิ้นเสียงฉันเพื่อนรักก็สบถออกมาเสียงดังลั่น
“ฮะ!!!”
จนฉันสะดุ้งโหยง บ้าจริง…
“จะตกใจอะไรขนาดนั้น”
“เกินไปปะ นี่มึงจะไปหาเขาถึงบ้านเลยเหรอ คิดอะไรอยู่” มันโวยวาย
“ไม่ใช่ มึงจะบ้าเหรอ…”
“แล้วจะเอาที่อยู่เขาไปทำอะไร”
“แค่จะส่งของไปให้ เนี่ยป๊าม้าเอาของมาฝากมึง” ฉันว่าพลางชูกล่องอาหารขึ้นตรงหน้าและอธิบายเหตุผลต่อ
“แล้วกูก็เลยอยากเอาให้เขาด้วย”
มันรับกล่องอาหารไปถือไว้พลางกลอกตาไปมา เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะพยักหน้ารับ
“เข้ามาก่อนงั้นอะ เฮียยูอาบน้ำอยู่”
“อ้าวเหรอ…งั้นมึงขอให้กูได้ไหม”
“ไม่รับปากว่าจะได้รึเปล่า”
“น้า…เพื่อนรัก” ฉันใช้สกิลการออดอ้อนที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิดเอื้อมมือไปเกาะแขนเพื่อนสุดที่รักเพียงคนเดียว พร้อมกะพริบตาปริบๆ หวังว่ามันคงจะเห็นใจฉันบ้าง ไม่มากก็น้อย
ในที่สุดมันก็พยักหน้ารับ
“ม๊วฟ…รักมึงที่สุด” ฉันยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มหนึ่งที่ก่อนจะถูกเพื่อนรักผลักออกอย่างแรง
“อี๋ ขนลุก” มันทำหน้าเหยเกขั้นสุด แล้วยกมือปัดไล่ก่อนประตูถูกจะปิดใส่ แต่ฉันไม่โกรธมันหรอกนะ มิหนำซ้ำยังเดินร้องเพลงกลับคอนโดตัวเองด้วยความสบายใจ…
อะไรที่มิณยอมรับปาก แสดงว่าต้องได้อย่างแน่นอน....
“อุ๊ย!...” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยในตอนที่เปิดประตูเข้ามาเห็นป๊ากับม้ายืนจ้องตาเขม็ง ท่าทางเคร่งเครียดและจริงจัง ก่อนออกไปยังดีๆ อยู่เลย เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย…
“นี่ของใคร” ป๊าถามเสียงเข้มพร้อมกลับเอาของออกมาจากด้านหลัง
ซวยแล้ว…ดวงตาฉันเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะพุ่งเข้าไปแย่งแจ็คเกตของเฮียฟิวส์มากอดไว้แน่น
“ขะ…ของเพื่อน นะ…หนูยืมใส่แล้วลืมคืน”
“เพลินตา ลูกรู้ไหมว่าสกิลในการโกหกของลูกเป็นศูนย์” ม้าพูดพลางหรี่ตามองฉันอย่างจับผิด
สายตาฉันล่อกแล่กไปมาเพื่อหลีกหนีการถูกไล่ต้อน จนมันเหล่เข้าหากัน
“ไม่ต้องมาทำตาเหล่ใส่ม้า” ม้าว่าพลางฟาดมือลงมาที่ต้นแขนฉัน
“อ๊ะ! ก็เพื่อนจริงๆ ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน” ฉันบอกเสียงอ่อยก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอย่างแรง
“หมายความว่าไง ลูกกำลังจะมีแฟนแล้วไม่บอกป๊างั้นเหรอ” ป๊าพูดขณะเดินอ้อมมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ตามด้วยม้ามาประกบอีกข้าง
“ไม่ใช่สักหน่อย” ฉันปฏิเสธ
“ไหนลูกสัญญาว่าถ้ามีแฟนจะบอกป๊ากับม้าก่อนไง” คนเป็นแม่ทวงสัญญาที่ฉันเคยให้ไว้เมื่อนานมาแล้ว และฉันก็ไม่ได้ลืม ไม่ได้ตั้งใจปิด แต่…
“ก็ตอนนี้ยังไม่มีไงแล้วก็ไม่รู้จะได้เป็นรึเปล่าด้วย เขาไม่ได้ชอบลูก แง่งงงง…” ฉันร้องกระจองอแงเหมือนเด็กน้อยขึ้นมาทันที เพราะรู้ว่าป๊ากับม้าจะใจดีกับฉันเสมอ
“โอ๊ะ…ตายแล้ว มาๆ ม้ากอด”
ฉันร่างถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงขึงขังของผู้เป็นพ่อที่รักลูกสาวอย่างฉันสุดชีวิต
“ใครมันกล้าปฏิเสธลูกสาวป๊า บอกมา ป๊าจะไปจัดการให้”
“ช่างเถอะ ลูกไม่อยากพูดถึง” น้ำเสียงปนสะอื้นเล็กน้อยที่มาจากเพลินตาการละคร แน่นอนถ้ามาโทนเศร้าแบบนี้ ป๊าม้าจะหยุดซักไซ้ในทันที เพราะทั้งสองจะพากันปลอบโยนฉันไม่หยุด
ยกยิ้มมุมปากไปหนึ่งทีและบีบน้ำตาต่อเบาๆ …
และแล้วฉันก็พาตัวเองมายืนกดกริ่งอยู่หน้าคอนโดเพื่อนรัก ไม่ถึงสามนาที มิณก็มาเปิดประตูให้“อุกกาบาตจะชนโลกไหมวะเนี่ย” มันทำหน้าตกใจราวกับเรื่องนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น ตอนไปเรียนฉันก็ตื่นเช้าไหมล่ะ…“อีนี่…” ฉันยกมะเหงกจะเคาะหัวมันแต่ก็ต้องลดมือลง เพราะนึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช้เวลาจะมาทะเลาะกับมัน“ผัวมึงอยู่ไหม” ฉันพยายามมองเข้าไปด้านใน เพราะปกติเวลามาหามิณฉันจะไม่เข้าไปอยู่แล้ว เกรงใจรุ่นพี่ยูตะ และส่วนมากจะเป็นมันมากกว่าที่ขึ้นไปหาฉัน“ถามหาทำไมมิทราบ” มันเอียงคอถามฉันเสียงแข็ง ความหวงผัวไม่มีใครเกินเพื่อนฉันจริงๆ“กูมีอะไรจะขอให้เขาช่วยหน่อย” ไหนๆ เขาก็รู้กันหมดแล้ว ก็ขอให้เขาช่วยไปเลยแล้วกัน“เรื่อง” มันเลิกคิ้วถาม“กูอยากได้ที่อยู่ของเฮียฟิวส์” สิ้นเสียงฉันเพื่อนรักก็สบถออกมาเสียงดังลั่น“ฮะ!!!”จนฉันสะดุ้งโหยง บ้าจริง…“จะตกใจอะไรขนาดนั้น”“เกินไปปะ นี่มึงจะไปหาเขาถึงบ้านเลยเหรอ คิดอะไรอยู่” มันโวยวาย“ไม่ใช่ มึงจะบ้าเหรอ…”“แล้วจะเอาที่อยู่เขาไปทำอะไร”“แค่จะส่งของไปให้ เนี่ยป๊าม้าเอาของมาฝากมึง” ฉันว่าพลางชูกล่องอาหารขึ้นตรงหน้าและอธิบายเหตุผลต่อ“แล้วกูก็เลยอยากเอาให้เขาด้วย”มันรับ
[Part Plernta]01:35 น.@คอนโดGหลังจากที่จัดการตัวเองให้อยู่ในสภาพพร้อมนอนเรียบร้อย แต่โคมไฟหัวเตียงยังเปิด สายตาโฟกัสหน้าจอมือถือซึ่งปรากฏแชทที่โคตรจะหนักขวา เพราะไร้การตอบกลับจากผู้รับฉันยันตัวขึ้นนั่งพิงพนักหัวเตียง ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ข้อความส่งไปอีกครั้งขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ : Plern_TAต่อมาฉันดีดแผ่นหลังขึ้นตั้งตรงเมื่อหน้าจอโชว์ว่า ‘เห็นแล้ว’ หลังจากข้อความถูกส่งไปได้ไม่ถึงนาที ริมฝีปากผลิบานทันควันตึกตัก…ตึกตัก…ตึกตักเสียงหัวใจเต้นเร็วและแรงจนสัมผัสได้ เมื่อมีสัญญาลักษณ์ว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังพิมพ์ แสดงขึ้นในหน้าแชทDe.FiEw : อืม ถือว่าหายกัน“อร๊ายยยยย!!!” ฉันหลุดกรี๊ดเสียงลั่นจนตัวเองยังตกใจ ก่อนจะดึงผ้านวมขึ้นมากัดไว้ ทั้งแขนและขาดีดดิ้น อยู่ไม่สุข แถมยังม้วนกลิ้งไปมาบนที่นอน นี่ฉันเขินกว่าตอนที่เขาจับมืออีกนะ…ดีใจยิ่งว่าตอนได้แต๊ะเอียจากป๊าม้าหลายร้อยเท่า“ตอบแล้ว เขาตอบกลับฉันแล้ว ในที่สุด อ๊ายยย!” อยากจะประกาศให้คนทั้งโลกรู้ ไปจนถึงดาวเคราะห์ดวงที่แปดโน่นเลยจริงๆมือเล็กถูกยกขึ้นทาบอกในตอนที่ดีดตัวขึ้นนั่ง พยายามผ่อนลมหายใจเข้าออก ก่อนจะกลับมาจับจ้องหน้าจอมือถืออีกครั้ง
[Part Peerakan]ผมใช้เวลาไม่นานก็พาตัวเองมาถึงบ้าน…บ้านขนาดกลาง แต่สำหรับผมมันใหญ่มาก...มากเกินกว่าที่จะอยู่คนเดียว บ้านที่มีครบทุกอย่าง แต่ไม่มีครอบครัว เพราะผมเสียพวกเขาไปจากอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ตั้งแต่ผมอายุไม่ถึงสิบขวบเลยด้วยซ้ำ ทั้งพ่อ แม่ และน้องสาว ทั้งสามคนเห็นแก่ตัวมากๆ ที่หนีไปอยู่สุขสบายพร้อมหน้าและทิ้งให้ผมอยู่คนเดียวบนโลกที่แสนกว้างใหญ่และเลวร้ายครอบครัวเดียวที่ผมมีอยู่ในตอนนี้ก็คือไอ้พวกแม่งนั่นแหละ ถึงจะช่วยให้คลายเหงาได้ ช่วยเหลือได้ในยามจำเป็น แต่มันทดแทนสิ่งที่ผมเสียไปไม่ได้เลย…น่าแปลก…ที่การอยู่คนเดียวมันยิ่งทำให้ผมจมลึกอยู่กับความเจ็บปวด แต่ผมยังชอบการอยู่คนเดียว ชอบความเจ็บปวด ซึ่งนานวันเข้ามันเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความชินชาเหตุการณ์หลายอย่างที่ผมอยากจะลืม…มันก็ยิ่งตอกย้ำชัดเจนขึ้น ว่าไม่ควรมีใครเข้ามาอยู่ในชีวิตผมเลยสักคนพรึ่บบบ!ไฟทั่วทั้งบ้านถูกเปิดอัตโนมัติในตอนที่ผมก้าวขาผ่านวงกบประตู ทั้งชั้นล่างและชั้นบน ถึงผมจะชอบอยู่คนเดียวแต่ผมไม่ได้ชอบความมืดเลยสักนิดผมเดินตรงขึ้นบันไดมายังชั้นสองของบ้านซึ่งเป็นพื้นที่โล่งทั้งชั้นไม่มีการกั้นห้อง แต่ท
[Part Plernta]ยอมรับเลยว่าตกอยู่ในอาการช็อกจนทำอะไรไม่ถูกตอนที่เห็นคนถูกปลายขวดเหล้าแหลมคมที่เกิดจากความตั้งใจจ้วงแทงต่อหน้าต่อตา เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนักที่ผับของรุ่นพี่ดิน มันมีอยู่บ้างแต่ไม่ร้ายแรงเท่าครั้งนี้ และฉันคือผู้โชคดี…โชคดีที่ไม่โดนลูกหลง แต่ก็ไม่สามารถสลัดภาพเหล่านั้นออกไปจากหัวได้เหมือนกันหัวใจเริ่มทำงานหนักขึ้นทันทีที่ฉันหลุบมองมือตัวเองที่ประสานกันบนตัก ณ เวลานั้น ฉันไม่รู้จะตกใจกับอะไรก่อน สมองก็สั่งการช้าซะเหลือเกินยังดีที่เขาไม่ได้ใจร้ายถึงขั้นทิ้งฉันไว้ตรงนั้น มือเล็กถูกยกขึ้นกระชับเสื้อแจ็คเกตที่คลุมบนไหล่ให้แน่นขึ้น ก่อนจะกวาดสายตาสำรวจภายในรถหรูอย่างถือวิสาสะ หลังจากเจ้าของหนีไปนั่งสูบบุหรี่อยู่บนกระโปรงท้ายไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้สัมผัสในชาตินี้เลยด้วยซ้ำ กลิ่นเฟรชอ่อนๆที่ปะทะเข้าจมูกจนฉันอดที่จะสูดดมไม่ได้ มันบ่งบอกได้ถึงความสะอาด สดชื่น ไม่มีกลิ่นอับหรือกลิ่นอาหารแม้แต่น้อย รู้เลยว่าเขารักและดูแลมันดีมากแค่ไหนแอบอิจฉารถได้ไหม...ฉันหันมองแผ่นหลังกว้างผ่านกระจกด้านหลัง เผลอหลุดยิ้มออกมาซ้ำๆ เพราะอย่างน้อยก็ได้เข้าใกล้เขามากขึ้นอีกหนึ่งก้าว ในเรื่องราว
[Part Peerakan]สาวน้อยช่างจ้อหันขวับกลับมาหาผม ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ มือถือที่แนบหูในตอนแรกถูกเลื่อนลงข้างลำตัวผมขยับเท้าเข้าหาทิ้งระยะห่างไม่ถึงสองก้าว ยกมือขึ้นกอดอก ทิ้งช่วงต้นแขนพิงผนัง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พินิศหญิงสาวตรงหน้าชัดเจนเต็มสองตา เธอไม่ได้สวยจนสามารถสะกดใครได้ในวินาทีแรก ใบหน้าทรงกลมคล้ายกับอมซาลาเปาสองลูกอยู่ข้างแก้ม ดวงตาเรียวแต่ก็ไม่ถึงกับตี่ ปากนิดจมูกหน่อย ตามสไตล์สาวหมวยที่เกิดมาในครอบครัวคนจีนโดยแท้ เพียงแต่เธอยังมีความคมเข้มในเรื่องของคิ้วและขนตา นี่คือข้อได้เปรียบไม่งั้น…ก็แม่ชีดีๆ นี่แหละแต่ถ้าโดยรวมก็ถือว่ามองได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อ ดูเหมือนแก้มป่องๆ นั่นจะเป็นจุดที่เรียกรอยยิ้มได้เป็นอย่างดี ขนาดผมที่ว่ายิ้มโคตรยาก ยังเกือบหลุด…ตอนนี้ผมเห็นรูปหมาตอนนี้ผมเห็นรูปหมาน้อยพันธุ์ปอมเมอเรเนียนหน้ากลมจากการตัดแต่งขนที่ถูกใช้ตั้งโปรไฟล์ มาแทนที่ใบหน้าเธอ เหมือนกันเด๊ะเลย“หืม?” ผมเม้มริมฝีปากกลั้นยิ้มพลางเอียงคอมอง ขณะเร่งคำตอบจากฝ่ายตรงข้าม เมื่อเธอใช้เวลาในการประมวลผลนานเกินไป ส่งผลให้คนถูกทักท้วงสะดุ้งเล็กน้อย“ปะ…เปล่าซะหน่อย” เธอปฏิเสธน้ำเสียงตะกุกตะกัก
วันต่อมา…11:00 น.@ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง“เร็วมึง”เสียงเร่งรัดดังขึ้นพร้อมกับร่างกายฉันถูกลากไปตามหลังเพื่อนรัก ฉันเหลือกตาขึ้นมองบนพลางถอนหายใจแรงด้วยความจำยอม เพราะมันเล่นไปขุดฉันจากที่นอนเพื่อมาช่วยมันเลือกของขวัญสำหรับการจบการศึกษาอย่างเป็นทางการให้แฟนสุดที่รักอย่างรุ่นพี่ยูตะทั้งที่ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลยสักนิด แต่ก็ต้องมา...ไม่นานเราก็พากันเข้ามาในร้านเครื่องแต่งกายบุรุษสุดหรู ซึ่งร้อยวันพันปี คนอย่าง มิณาริน ไม่แม้แต่จะเดินผ่าน แต่เพื่อผู้ชาย มันยอมจ่ายไม่อั้น“ช่วยเลือกหน่อยมึง” มิณพูดขึ้นขณะกระวนกระวายอยู่กับการเลือกเสื้อแจ็คเกต ราคาแพงที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างดี ก่อนที่มันจะหยิบออกมาจากราวแล้วชูขึ้นให้ฉันช่วยพิจารณา“ก็ดี แต่กูว่าสีอ่อนไปหน่อย” ฉันว่าพลางหันไปหยิบอีกตัวที่สีน้ำตาลเข็มขึ้นมาอีกเฉดเพื่อนรักเลื่อนปลายนิ้วชี้ขึ้นไปแตะที่ขมับตัวเองหลายครั้งขณะใช้ความคิด แถมยังกลอกตามองเสื้อสองตัวสลับกันไปมา และท้ายที่สุดมันก็คว้าอีกตัวซึ่งสีเข้มขึ้นไปอีก“งั้นตัวนี้ดีกว่ามะ”“ดีเลย” ฉันตอบพร้อมยัดตัวในมือเข้าที่เดิม“ทำไมมึงไม่ซื้อเนกไท กูเห็นเขาชอบให้กัน” ฉันถาม หลังจากเราพา