LOGIN"ปล่อยได้แล้ว อึดอัด" ไม่พูดเปล่ายังออกแรงดันอีกฝ่ายให้ขยับไปไกลๆ แต่เหมือนอีกคนไม่ยอมทำตามแถมยังขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิมเสียอีก
"ไม่ครับ พวกเรามาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน" ไคชาร์ตอบพลางดึงใบหน้าหวานให้หันมาตรงกัน
"อยู่ไกลๆ ก็ได้ยิน ไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้หรอก"
"ทำไมครับ ผมไม่กัดนะ"
"เป็นเด็กเป็นเล็ก หัดล้อเลียนผู้ใหญ่เหรอ" การพูดแบบนี้ทำให้ใครต่อใครต้องเถียงกลับแน่นอน แต่ไคชาร์ส่งยิ้มเป็นคำตอบแทน
"ผมจะแนะนำตัวนะครับ ไคชาร์ กำลังจะเข้าเรียนวิศวะกรรมศาสตร์ปี 1 เป็นคนไต้หวันแต่มาเรียนที่เกาหลี แล้วพี่ล่ะครับ" ถึงเขาจะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าอายุเท่าไหร่แต่เรียกพี่ไว้ก่อน รู้สึกอยากมีคนอายุมากกว่าแต่น่ารักใกล้ๆ แบบนี้มานานแล้ว
"ไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้มั้ง หายใจไม่ออก" แล้วอีกฝ่ายก็คลายอ้อมกอดลงเล็กน้อย ขอย้ำว่าเล็กน้อยเท่านั้นเพราะมันแทบจะไม่ได้ห่างกันเลยสักนิดเดียว
จุ๊บ!
"มาหอมทำไมเนี่ย ตัวเหม็นไม่รู้หรือไง"
"ก็หอมดีนะครับ ยังไม่รู้สึกเลยว่าเหม็น"
"นายนี่มัน...กวนประสาทจริงๆ "
"ผมว่าพี่แนะนำตัวมาดีกว่าครับ อยากรู้ชื่อของที่รักของผมจะแย่แล้ว"
ตั้งแต่เขาตื่นนอนมาเด็กคนนี้เรียกเขาว่าที่รักน่าจะเกินสองครั้งหรืออาจจะมากกว่านั้นเพราะไม่ได้นับไว้ เมื่อคืนร้องไห้จะเป็นจะตายเพราะอกหักแล้วไหงวันนี้มาทำตัวร่าเริงสดใสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ไวขนาดนี้ มันน่าสงสัยจริงๆ หรือว่าพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกกันแน่นะ มือขาวลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะแนะนำตัวเอง
"ฉันชื่อ จินฮวน เป็นลูกชายเจ้าของรีสอร์ทที่นายมาพัก อยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ปี 2 ถ้าเปิดเทอมนี้ไป อายุมากกว่า 1 ปี" หลังจากแนะนำตัวแล้วก็ยังคงลูบหัวต่อไปเรื่อยๆ จนทำให้ไคชาร์เกิดความสงสัยว่าทำแบบนี้ทำไม
"เป็นไปไม่ได้ว่านายจะลืมผู้หญิงคนนั้นแล้ว ถ้าเศร้าร้องไห้ออกมาอีกก็ได้ ฉันอนุญาตให้ใช้ไหล่ซับน้ำตา"
เมื่อมีอะไรไปพังทลายกำแพงของคนที่อายุน้อยกว่าลงมาก ใบหน้าที่เคยร่าเริงสดใสตอนเช้าไม่มีอีกแล้ว มีเพียงคราบน้ำตาที่ไหลเป็นทางจากความเสียใจที่เกาะกินมาจากเมื่อคืนยังไม่จางหาย ความรู้สึกที่ผูกพันธ์มานานขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะหายภายในเวลาไม่กี่วัน ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นนอกจากการได้รับการปลอบโยนจากคนที่เพิ่งรู้จักกันเมื่อวานเท่านั้น มันช่างอบอุ่นเหลือเกินในเวลานี้ พ่อแม่เขายุ่งจนไม่มีเวลามาหา พี่สาวของเขาที่ทำหน้าที่สานต่อหลักเพราะเป็นลูกคนโตเหนื่อยยิ่งกว่าหลายเท่า
"ไปหาอะไรกินกันเถอะ เดี๋ยวเลี้ยงเอง" ใบหน้าหล่อเหลาพยักหน้าทั้งที่น้ำตายังคงไหลอยู่ หน้าผากของอีกฝ่ายขยับมาใกล้กันพลางไถ่ไปมาเพื่อปลอบโยนก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขารู้ตัวว่าจะไม่ได้กลับห้องตัวเองเลยสั่งให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้ผ่านช่องประตูสอดของเล็ก เมื่อเดินมาหน้าประตูก็เห็นกล่องเสื้อผ้าที่พร้อมจะเปลี่ยนใหม่ได้ทั้งหมด
หลังจากที่กลิ่นกายเหมือนขวดน้ำนมเด็กได้ไปอาบน้ำแล้วนั้นทำให้ไคชาร์อยากสัมผัสอีก เขายังคงเสียใจเรื่องที่ถูกหักอกมาเป็นเรื่องจริงแต่ว่าจินฮวนให้ความรู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ปลอดภัย แถมยังมีเรื่องน่าอายเกิดขึ้นที่ไปบังคับให้พี่เขามาจดทะเบียนสมรสด้วยแบบนี้ ที่นี่ไม่สามารถทำได้อย่างถูกต้องเพราะเป็นเกาหลี หากแต่เป็นต่างประเทศก็ไม่น่ามีปัญหาเท่าไหร่
ตรู๊ด... ตรู๊ด...
(เลขาของไคชาร์)
"ฮัลโหลครับ คุณชายรอง"
"นายช่วยมาเอาจดทะเบียนสมรสของฉันไปขึ้นที่ต่างประเทศให้หน่อยได้ไหม เพราะที่เกาหลีมันขึ้นไม่ได้"
"ทำไมหรือครับ ในเมื่อมีข่าวการเลิกราสายฟ้าแลบของคุณชายรองกับคุณผู้หญิงคนนั้น แล้วใครจะมาจดทะเบียนด้วยล่ะครับ" เลขาหนุ่มเกิดความสงสัยถามเจ้านายของตนในทันที
"พอดีเจอลูกแมวน้อยหลงทางระหว่างมาพอดี เลยอยากทำให้เป็นจริงขึ้นมา"
"ครับ แล้วจะส่งเอกสารมาหาผมใช่ไหมครับ"
"ใช่ ฉันออกมาส่งเอกสารหน้าเคาน์เตอร์ของรีสอร์ทแล้ว คิดว่าน่าจะถึงนายอีกสักวันพรุ่งนี้ รบกวนด้วยนะ"
"ครับ คุณชายรอง"
แกร๊ก!
"ไปไหนมาไคชาร์ รีบมากินอาหารเร็ว ฉันสั่งรูมเซอร์วิสให้นายแล้ว" เสียงทุ้มนุ่มบอกพลางยกมือเรียกให้มากินข้าวที่มีหลายอย่างมาก รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มแก้แฮงค์ก็พร้อมเช่นกัน ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าถามว่าทำไมคุณชายถึงได้ไปนอนอยู่ในห้องนอนของแขกที่มาเข้าพักเมื่อวาน หลายๆ คนคิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนหรือใครสักคนที่มาพักเวลาอกหักที่เป็นเหตุการณ์ที่เคยพบเห็นอยู่บ่อยครั้ง จึงไม่มีใครสงสัยอะไรทั้งสิ้น
"ผมขอเรียกคุณจินฮวนเป็นพี่จินฮวนได้ไหมครับ" เสียงทุ้มต่ำถามพลางทำตาระยิบระยับหวังให้ได้คำตอบอย่างที่ตนเองต้องการ
"อยากเรียกอะไรก็เรียก ในเมื่อเรียกตามใจตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้วนิ"
"เรียกพี่ไม่ถนัด เรียกที่รักได้ไหมครับ" จินฮวนถึงกับสำลักอาหารที่กินเข้าไปทันที เด็กคนนี้มีสกิลในการจีบผู้หญิงที่ร้ายกาจมาก ควรจะระวังตัวเอาไว้ให้มากที่สุด อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับคนแบบนี้อีก
"แล้วเอกสารจดทะเบียนสมรสไปไหนแล้วล่ะ ไม่ทิ้งขยะเหรอเพราะว่ามันขึ้นที่เกาหลีไม่ได้" จินฮวนถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง มันเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายประเทศจะยังไม่ยอมรับการจดทะเบียนสมรสของเพศเดียวกันรวมถึงที่เกาหลีก็ด้วย เรื่องเมื่อคืนที่ทำไปเพราะแค่ตามใจคนเมาเท่านั้นพอตื่นเช้ามาเรื่องทุกอย่างเป็นอันยกเลิกไปทั้งหมด มันก็เหมือนกับเพื่อนของๆ เขาที่ชอบทำอะไรแปลกๆ เหมือนทุกที
"ไม่ได้ทิ้งนะครับ เอกสารสำคัญแบบนั้นใครจะทิ้งลง" เสียงอีกฝ่ายที่เหมือนสนุกสนานพูดออกมาพลางหัวเราะด้วยความชอบใจ ซึ่งไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ถูกใจมากมายขนาดนั้น
"หมายความว่ายังไง ถ้าไม่ทิ้งแล้วเอาไปที่ไหน"
"ไคชาร์ ฉันไม่ตลกด้วยนะ"
"ผมก็ไม่ได้ตลกครับเพราะว่าผมส่งให้คนเอาไปขึ้นทะเบียนที่ต่างประเทศแล้ว จากนี้ไปพวกเราจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายภายในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน"
"อะไรนะ! นายพูดอีกทีสิ! " มือขาวทุบโต๊ะอาหารจนของกินหลายอย่างหกกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่เขาคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าจะมาในทำนองนี้ ในเมื่อมีคนน่ารักมาอยู่ใกล้ๆ แล้วจะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไง ถึงจะยังไม่มีความรู้สึกให้กันและกันแต่อีกหน่อยเดี๋ยวก็รักกันเอง
"ผมเอาเอกสารให้ไปส่งที่ต่างประเทศเพื่อที่จะได้จดทะเบียนสมรสได้ถูกกฎหมาย และน่าจะถึงภายในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอนครับ"
"นายจะบ้าไปแล้วเหรอ! ฉันเป็นผู้ชายนะเว้ย! " เสียงทุ้มนุ่มตวาดทันทีเพราะคิดว่าอีกฝ่ายต้องยังไม่สร่างเมาแน่นอน ถึงได้เอาเรื่องคู่ชีวิตมาล้อเล่นกันแบบนี้ อันนี้ไม่ตลกด้วยอย่างแน่นอน ตัวเองก็ยังอกหักมาไม่หายไม่ใช่หรือไง เรื่องที่จะมาตกหลุมรักเขานี่เป็นไปไม่ได้เลยสักนิดเดียว
"ครับ ผมเห็นก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ผู้หญิง"
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ” จินฮวนถามย้ำอีกครั้ง“จะถามทำไม ในเมื่อก็ได้ยินอยู่แล้ว” จินฮานยักไหล่แล้วกลับมานั่งกินข้าวแทนการตอบ ใครจะบ้าตอบอีกรอบให้โดนด่ากันล่ะ หนีมากินข้าวน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ไคชาร์ถามพลางสะบัดผมไปมาอยู่หน้าห้องน้ำ เหมือนได้ยินเสียงเถียงกันไปมาอยู่สักพัก หรือเขาไม่ควรถามเพราะเหมือนรุ่นพี่จะถลึงตาใส่แม้ไม่ได้พูดออกมา ส่วนพี่จินฮวนรอยยิ้มดูน่ากลัวแปลก ๆ“มี / ไม่มี” คำตอบของทั้งคู่ไม่ตรงกันยิ่งดูน่าสงสัยกว่าเดิม“แค่อยากได้ยินพี่ชายพูดซ้ำ แต่เหมือนว่าจะไม่อยากพูดออกมาเท่านั้นเอง” จินฮวนไม่ยอมแพ้ เขายังอยากให้อีกฝ่ายพูดออกมาให้ได้ อย่าคิดที่จะหนีเด็ดขาด“ไม่มีอะไรจะพูด ไม่ชอบพูดซ้ำ” จินฮานเอ่ยพลางยักไหล่“พี่จ
แกร๊ก!“เฮ้อ.....นึกว่าจะไม่รอดแล้ว เป็นยังไงบ้างล่ะ ฝีมือของฉัน”“สมบูรณ์แบบเหมือนคุณชายใหญ่มาก สมกับเป็นฝาแฝดกันเลยครับ ตอนแรกผมคิดว่าจะมีเพียงคุณชายจินฮานเท่านั้นที่จะปลอมตัวเป็นคุณชายจินฮวนได้ แต่วันนี้คิดว่าทั้งสองฝีมือการแสดงยอดเยี่ยมจริง ๆ ” เลขาของจินฮานเอ่ยปากชม เอาจริงเหมือนมากจนเขากลัวจริง ๆ ไม่ใช่แค่การแสดงเท่านั้นแต่คงไม่กล้าบอกออกไปว่าความกลัวทั้งหมดนั้นเกิดจากเขากลัวคุณชายจินฮวน ไม่ใช่เพราะว่ากลัวคุณชาย จินฮานเลยแม้แต่น้อย สีหน้า การพูด ท่าทาง แทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน ถึงจะอยู่ด้วยกันมากแค่ไหนแต่การแสดงเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเองมันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น แต่พวกเขาทำได้ราวกับหายใจ บ่งบอกถึงความรักและความใส่ใจกัน“ถ้างั้นไปเยี่ยมพี่จินฮานที่โรงพยาบาลกันเถอะ ป่านนี้คงเป็นห่วงผมแย่แล้ว”“ได้ครับ คุณชายเล็ก”เขากดสั่งอาหารร้
ณ งานการกุศลเป็นการออกงานครั้งสุดท้ายของ จินฮานก่อนจะกลับไปเรียนหนังสือตามปกติร่วมกับน้องชายฝาแฝด ข่าวลือที่เขามักจะรักและเอ็นดูน้องมากผิดปกตินั่นไม่ใช่ข่าวลือที่เกินจริง เพราะมันเป็นเรื่องจริงมานานแล้ว ทุกคนในแวดวงธุรกิจและสังคมรับรู้โดยทั่วกันว่าจินฮวนได้รับความรักมากผิดปกติและเจ้าตัวก็ไม่ได้บ่นหรือปริปากอะไรทั้งนั้น รวมถึงยอมรับทั้งหมดนั่นด้วยความเต็มใจและรอยยิ้มที่สดใสอีกต่างหาก ทำให้ไม่มีใครรู้สึกแปลกใจกับประเด็นนี้เท่าไหร่ ทุกสายตาจับจ้องไปยังผู้มาใหม่จากรถลีมูซีนรุ่นล่าสุดว่าใครสามารถซื้อทันในรอบแรกที่มีวางขายในอเมริกาเมื่อประตูเปิดออกมาว่าเป็นใคร ทำให้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรตกใจเช่นกัน เพราะคนชอบรถมากอย่างจินฮานจะต้องซื้อเก็บสะสมเอาไว้อย่างแน่นอน“จำเป็นจะต้องซื้อทั้งหมดกี่ภาพ อยากรีบกลับบ้าน” รวมถึงเรื่องที่เป็นคนปากร้ายมากที่สุดก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แตกต่างจากน้องชายฝาแฝดอย่า
“โทษที ก็แค่ไม่คุ้นเคยเฉย ๆ ไม่ได้อยากจะพูดแบบนั้นเท่าไหร่หรอก” ซองอึนพูดเสียงเบาเพราะเขาไม่ใช่คนพูดจาดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว การเริ่มต้นอะไรแบบนี้ถือว่ายากมาก“ซองอึน” เสียงทุ้มนุ่มพูดแล้วจ้องหน้าทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจออกมาแล้วเริ่มพูดใหม่อีกครั้ง“ขอโทษด้วย ปกติเป็นนิสัยของฉันอยู่แล้ว สนิทกันไว้อาจจะเข้าใจไปเองว่าเป็นแบบนี้อยู่แล้ว”“ทำถูกแล้วซองอึน ต้องพูดแบบนี้สิ” ใบหน้าหวานร่าเริงขึ้นมาทันทีเพราะเห็นเพื่อนพูดในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ทุกคนในโต๊ะอาหารรู้ดีว่าการจ้องมองของจินฮวนเมื่อสักครู่ไม่ใช่การมองแบบธรรมดา แต่มันคือการบอกด้วยสายตาว่าให้ขอโทษใหม่อีกครั้ง หากไม่ทำจะต้องเกิดอะไรบางอย่างขึ้นแน่นอน“พี่จินฮวนครับ วันนี้ให้ผมไปส่งที่หอไหม” ไคชาร์ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ถึงเจ้าตัวจะไม่รู้ก็ตามแต่เขารู้ทั้งหมด ไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเลย แต่ก็ไม่อยากจ
ณ ร้านอาหารใต้หอ“เป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าเหมือนเครียดอะไรมา” โจวถามด้วยความเป็นห่วง“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย แต่คงไม่เป็นไรหรอก” เสียงทุ้มต่ำตอบปัด คงจะไม่มีใครกล้าพูดหรอกว่าไปทำอะไรมากับพี่เขยของตนเองหรอก ยกเว้นถ้าจะบอกคงจะเป็นไคชัวร์มากกว่า ถึงจะสนิทกันมาเป็นเทอมแล้วแต่ก็ไม่ได้จะพูดอะไรกันด้วยมากเท่าไหร่นัก“ยังไงก็เป็นเพื่อนร่วมคณะและหอเดียวกัน มีอะไรบอกได้เสมอเลยนะ”“ขอบใจ กิจกรรมของเทอมนี้ไม่น่าจะวุ่นวายมากเท่าเทอมที่แล้ว หรือมีกิจกรรมอะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า”“เท่าที่รู้ไม่มีหรอกนอกจากคริสต์มาส”“โอเค เหมือนพวกเราไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะว่าไหม” ไคชาร์เป็นฝ่ายเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน เพราะอยู่ด้วยกันมาหลายเดือนแล้วแต่ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้สนิทอะไรกันมากอย่างที่คิด
ณ ห้องพักรับรองแขก“จะนั่งจ้องผมอีกนานไหมครับ รุ่นพี่” ไคชัวร์ถามทั้งที่ยังหลับตาอยู่ในตอนแรกยังไม่รู้สึกคงเพราะเพลียมากจนหลับสนิทแต่พอเริ่มรู้สึกตัว ก็ทำให้รู้ว่าเหมือนมีใครกำลังมองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการมานอนบ้านคนอื่น คนที่จะมองแบบนี้น่าจะเพียงคนเดียว“ทำไมรู้ว่าเป็นฉันล่ะ”“ไม่น่าจะเดายากนะครับ ตอนนี้มีแค่ผมกับรุ่นพี่ส่วนน้องของพวกเราอยู่ข้างนอก ไม่มีใครกล้ามานั่งเฝ้าเจ้านายนอนหรอกครับ”“หึ ก็จริง”ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“ดูเหมือนจะกลับมาเร็วกว่าที่คิด คุยกันเองแล้วกัน”“หมายความว่ายังไงครับ”ไม่มีคำตอบออกมาจากปากของจินฮาน แต่ร่างของไคชาร์เข้ามาในแทน คิ้วทั้งสองขมวด





![เพียงหัวใจเพรียกหา - [Omegaverse]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

