LOGIN"พูดกันไม่รู้เรื่องแล้วโว้ย! " จินฮวนถึงกับหัวเสียเมื่อพูดกับอีกคนไม่รู้เรื่อง มือขาวจิกทึ้งหัวตัวเองด้วยความอับจนหนทาง อยากจะบ้าตายเหลือเกิน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอผู้ชายคนไหนที่พูดไม่รู้เรื่องขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ
ไคชาร์ทนกับพฤติกรรมเหล่านั้นของอีกฝ่ายไม่ไหวเพราะไม่ว่าจะส่งเสียงห้ามเท่าไหร่ก็เหมือนจะไม่ได้ยิน คงจะหัวเสียจนสติแตกไปแล้วแน่ๆ มือหนาดึงมือขาวออกเพราะกลัวว่าจะดึงผมตัวเองหลุดติดมือออกมาจริงๆ ตอนนี้ใบหน้าหวานมีแต่รอยจ้ำแดงๆ เพราะฝีมือตนเองไปหมด ถึงการทำแบบนี้จะดูน่ารักแต่ไม่อยากให้เกิดขึ้นบ่อยนัก กลัวว่าจะทำให้ใบหน้าและเส้นผมมีอันตรายไปด้วย
"พี่ทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ เดี๋ยวผมก็ร่วงหมดหัวหรอก นี่หน้ามีแต่รอยแดงหมดแล้ว" เขาพยายามส่งเสียงเรียกสติของจินฮวนกลับมา
"นายมันบ้าไปแล้ว! ไคชาร์ ฉันจะกลับบ้านวันนี้เลย" ร่างสูงโปร่งพยายามหนีอีกคนด้วยการสะบัดแต่ก็ไม่หลุดเสียทีจนต่างฝ่ายต่างพากันเหนื่อยหอบทั้งคู่ อาหารเช้าที่ถูกนำมาเสิรฟ์ตั้งนานแต่ยังไม่มีใครได้กินเลยสักอย่าง
หมับ!
ร่างสูงโปร่งถูกโอบกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อยให้ได้ทำตามใจ มือขาวทั้งทุบ ทั้งจิก ทั้งหยิก จนมีแต่รอยตามตัวร่างสูงเต็มไปหมด ไคชาร์ทำได้แต่อดทนให้คนอายุมากกว่ามีสติมากกว่านี้แล้วค่อยคุยกัน ขืนปล่อยให้กลับไปตอนนี้มีหวังได้หนีไปจนเขาตามไม่เจอแน่ๆ เพราะดูจากการแต่งตัวและเครื่องประดับที่ใส่ทั้งหมด น่าจะเป็นคนมีฐานะพอสมควรเลย
"ใจเย็นบ้างไหมครับ" ไม่มีเสียงตอบรับแต่พยักหน้าเป็นคำตอบ
"พี่เป็นผู้ชายและยังตัวสูงขนาดนี้เลยนะ ไคชาร์ ทำไมถึงไม่ไปเลือกผู้หญิงคนอื่นที่ดีกว่านี้ สาวกว่านี้ สวยกว่านี้"
"และที่สำคัญคือเราเพิ่งอกหักมาไม่เสียใจเหรอ มันจะหายกันได้เร็วขนาดนั้นเลยหรือไง"
"มันไม่ได้หายเร็วขนาดนั้นหรอกครับ แต่ผมแค่อยากจะทำความรู้จักกับพี่มากกว่านี้"
"และความน่าอับอายของผมในครั้งนั้นน่าจะช่วยให้มันเร็วขึ้นกว่าเดิม" ประโยคนี้ทำให้ใบหน้าหวานมองด้วยความสงสัยว่าหมายถึงอะไร แต่ก็รู้ความหมายในเวลาต่อมา
"เพราะว่าจะทำให้ไม่มีใครได้จดทะเบียนกับผมอีก นอกจากพี่เพียงคนเดียวครับ" เขาเองก็ยังไม่รู้หรอกว่ามีความรู้สึกให้คนตรงหน้ามากน้อยแค่ไหน แต่คนเราทุกอย่างต้องก้าวเดินไปข้างหน้า หากศึกษานิสัยใจคอกันไปเรื่อยๆ อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่คาดคิดก็ได้ เพราะเดิมทีการหมั้นหมายของเขากับผู้หญิงคนนั้นเกิดจากความต้องการของผู้ใหญ่ และความรักที่จำยอมของเขามาโดยตลอดต่างหาก ถึงได้ไม่มองผู้หญิงคนไหนและเลือกที่จะทำด้วยความรับผิดชอบตามที่พ่อแม่ต้องการ
แต่หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นได้นอกใจเขาไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุอะไรให้ต้องทำตามที่บอกอีก เรื่องนี้ได้รู้ถึงหูพี่ชายฝาแฝดผ่านทางอีเมล์ที่เขียนส่งระหว่างรอพี่จินฮวนอาบน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลักฐานทุกอย่างที่ไคชัวร์แอบตามสืบในช่วงสองสามวันนี้น่าจะทำให้ยืนยันกับพ่อแม่และขอถอนหมั้นได้อย่างแน่นอน ต้องรอเวลาที่เหมาะสมแล้วบอกให้รับรู้โดยทั่วกันและประกาศลงข่าวให้รู้เรื่องรู้ราว ส่วนปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ก็คือพี่จินฮวนนี่แหละ
"เรื่องเพศไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผม และผมคิดว่าพี่คือตัวการสำคัญที่จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นเลิกมายุ่งกันอีก"
"นี่นายกำลังจะใช้ฉันเป็นเครื่องมือบอกเลิกผู้หญิงเหรอ ร้ายกาจมาก" ใบหน้าหวานมีท่าทีเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที หมายความว่าจะยอมให้ความร่วมมือกับเขาหรือเปล่า
"เอาเป็นว่าจะช่วยเรื่องผู้หญิงคนนั้นที่ทำไม่ถูกแล้วกัน ส่วนเรื่องของพวกเราพี่ยังไม่รับปาก"
จินฮวนไม่รู้เลยว่าการรับปากในครั้งนั้นทำให้ตกเองตกกระไดพลอยโจนเข้าเสียแล้ว เด็กคนนี้มารับมาส่งเขาทุกวันที่มหาวิทยาลัย ไปไหนมาไหนก็บอกคนนั้นคนนี้ไปเที่ยวว่าเป็นแฟน ถึงแม้ว่าจะมีแต่คนร่วมแสดงความยินดีเพราะเอ็นดูคิวบ์บอยของมหาวิทยาลัยปีที่แล้วก็ตามที แต่แบบนี้มันก็ไม่ถูกนะ! รับปากว่าจะช่วยแต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ
"แกไปทำแบบนั้นกับพี่จินฮวน เขาไม่บ่นแกบ้างเหรอวะ ไอ้ชาร์" ไคชัวร์ถามด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการถอนหมั้นกันอย่างเป็นทางการระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเพราะต้องรอการรวบรวมหลักฐานจากไคชัวร์ แต่มีข่าวลือที่เป็นจริงว่าคุณชายรองมีแฟนใหม่ที่ทั้งรักและหลงมากกว่าคนก่อนจนประกาศไปทั่วมหาลัยแบบนี้
"บ่นฉันทุกวันแต่ฉันก็ไม่ได้รับฟังนักหรอก ว่าแต่เรื่องหลักฐานแกรวบรวมเสร็จหรือยัง" เขาเร่งพี่ชายฝาแฝดตนเองเพราะแผนเรื่องที่ปล่อยข่าวลือเหล่านี้ออกไปจะต้องถึงหูอดีตคู่หมั้นที่เขาเคยเคารพรักอย่างแน่นอน
และนางจะต้องทนไม่ได้จนออกโรงมาฟ้องพ่อกับแม่ของเขา จนเป็นเหตุชนวนให้เรียกรวมตัวผู้ใหญ่มาพูดคุยกัน เมื่อนั้นหลักฐานที่ซุ่มตามเก็บมาทั้งหมดจะได้ถูกเปิดโปงทั้งหมด พี่จินฮวนจะต้องไม่ถูกคำครหาใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างจะต้องเป็นไปอย่างถูกต้องและบริสุทธิ์ทุกอย่าง
"ตอนนี้ก็มีมากพอสมควร ถ้ายัยผู้หญิงคนนั้นไปฟ้องพ่อแม่เมื่อไหร่ก็สามารถใช้ได้ทันที ว่าแต่เพื่อนของพี่เขาไม่ว่าแกเหรอ"
"ดีแล้ว ส่วนเรื่องนั้นฉันยังไม่ได้ไปพบจริงจังหรอกเพราะไปรับไปส่งแล้วก็กลับเลย"
"หมายความว่ายังไงวะ"
"พวกเรากับพี่เขาเรียนมหาลัยเดียวกันแต่พี่เขาอายุมากกว่าหนึ่งปี เลยต้องไปเตรียมกิจกรรมสำหรับกิจกรรมต้อนรับรุ่นน้องในปีที่กำลังจะถึงนี้ และโชคช่วยมาที่พวกเรากับพี่เรียนคณะเดียวกัน เรื่องอื่นฉันว่ารอให้มันลงรอยก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า"
"แกนี่มันจริงๆ เลยนะ แล้วเรื่องจดทะเบียนสมรสบอกพ่อแม่หรือยัง"
"ยัง รอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยว่ากัน"
"ถ้าแกคิดแบบนั้นก็แล้วแต่ ฉันมีหน้าที่ช่วยอย่างเดียวพอ" ไคชัวร์บอกพลางขึ้นห้องไปนอน
อีกไม่นานผู้หญิงคนนั้นจะต้องไปฟ้องอย่างแน่นอน เรื่องซุบซิบนินทาของพวกผู้หญิงไวยิ่งกว่าเทคโนโลยีใดๆ บนโลกใบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ทำเพราะอยากทำแต่มีการวางแผนมาแล้วทั้งหมด สิ่งที่หลายคนเห็นว่าเขารักและหลงนางนั้นเป็นเพียงเปลือกนอก เพราะหลังจากงานเลี้ยงจบต่างคนต่างแยกย้ายกันไปในทางของตนเองเพื่อแค่ทำหน้าที่ให้เหมาะสมตามที่ต้องการเฉยๆ
และเมื่อรู้ว่าพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก เขาทั้งเสียหน้าและอับอายเป็นอย่างมาก ไม่มีอะไรจะลบล้างได้เลยสักอย่าง เรื่องนี้จะต้องมีการถอนหมั้นและประกาศให้รู้ในหมู่แวดวงสังคมไฮโซทั้งหมด ต่อให้นางจะอับอายแค่ไหนเขาก็จะไม่สนใจเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่สมควรจะโดนแล้ว
ตรู๊ด... ตรู๊ด...
(คุณแม่)
"ฮัลโหลครับแม่ คิดถึงแม่จังเลย"
"พวกเรามีเรื่องต้องคุยกัน ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงจะต้องเดินทางมาถึงไต้หวัน"
"ครับ" เริ่มเคลื่อนไหวแล้วสินะ งานนี้สนุกแน่ คู่หมั้นที่น่ารักของฉัน
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ” จินฮวนถามย้ำอีกครั้ง“จะถามทำไม ในเมื่อก็ได้ยินอยู่แล้ว” จินฮานยักไหล่แล้วกลับมานั่งกินข้าวแทนการตอบ ใครจะบ้าตอบอีกรอบให้โดนด่ากันล่ะ หนีมากินข้าวน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ไคชาร์ถามพลางสะบัดผมไปมาอยู่หน้าห้องน้ำ เหมือนได้ยินเสียงเถียงกันไปมาอยู่สักพัก หรือเขาไม่ควรถามเพราะเหมือนรุ่นพี่จะถลึงตาใส่แม้ไม่ได้พูดออกมา ส่วนพี่จินฮวนรอยยิ้มดูน่ากลัวแปลก ๆ“มี / ไม่มี” คำตอบของทั้งคู่ไม่ตรงกันยิ่งดูน่าสงสัยกว่าเดิม“แค่อยากได้ยินพี่ชายพูดซ้ำ แต่เหมือนว่าจะไม่อยากพูดออกมาเท่านั้นเอง” จินฮวนไม่ยอมแพ้ เขายังอยากให้อีกฝ่ายพูดออกมาให้ได้ อย่าคิดที่จะหนีเด็ดขาด“ไม่มีอะไรจะพูด ไม่ชอบพูดซ้ำ” จินฮานเอ่ยพลางยักไหล่“พี่จ
แกร๊ก!“เฮ้อ.....นึกว่าจะไม่รอดแล้ว เป็นยังไงบ้างล่ะ ฝีมือของฉัน”“สมบูรณ์แบบเหมือนคุณชายใหญ่มาก สมกับเป็นฝาแฝดกันเลยครับ ตอนแรกผมคิดว่าจะมีเพียงคุณชายจินฮานเท่านั้นที่จะปลอมตัวเป็นคุณชายจินฮวนได้ แต่วันนี้คิดว่าทั้งสองฝีมือการแสดงยอดเยี่ยมจริง ๆ ” เลขาของจินฮานเอ่ยปากชม เอาจริงเหมือนมากจนเขากลัวจริง ๆ ไม่ใช่แค่การแสดงเท่านั้นแต่คงไม่กล้าบอกออกไปว่าความกลัวทั้งหมดนั้นเกิดจากเขากลัวคุณชายจินฮวน ไม่ใช่เพราะว่ากลัวคุณชาย จินฮานเลยแม้แต่น้อย สีหน้า การพูด ท่าทาง แทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน ถึงจะอยู่ด้วยกันมากแค่ไหนแต่การแสดงเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเองมันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น แต่พวกเขาทำได้ราวกับหายใจ บ่งบอกถึงความรักและความใส่ใจกัน“ถ้างั้นไปเยี่ยมพี่จินฮานที่โรงพยาบาลกันเถอะ ป่านนี้คงเป็นห่วงผมแย่แล้ว”“ได้ครับ คุณชายเล็ก”เขากดสั่งอาหารร้
ณ งานการกุศลเป็นการออกงานครั้งสุดท้ายของ จินฮานก่อนจะกลับไปเรียนหนังสือตามปกติร่วมกับน้องชายฝาแฝด ข่าวลือที่เขามักจะรักและเอ็นดูน้องมากผิดปกตินั่นไม่ใช่ข่าวลือที่เกินจริง เพราะมันเป็นเรื่องจริงมานานแล้ว ทุกคนในแวดวงธุรกิจและสังคมรับรู้โดยทั่วกันว่าจินฮวนได้รับความรักมากผิดปกติและเจ้าตัวก็ไม่ได้บ่นหรือปริปากอะไรทั้งนั้น รวมถึงยอมรับทั้งหมดนั่นด้วยความเต็มใจและรอยยิ้มที่สดใสอีกต่างหาก ทำให้ไม่มีใครรู้สึกแปลกใจกับประเด็นนี้เท่าไหร่ ทุกสายตาจับจ้องไปยังผู้มาใหม่จากรถลีมูซีนรุ่นล่าสุดว่าใครสามารถซื้อทันในรอบแรกที่มีวางขายในอเมริกาเมื่อประตูเปิดออกมาว่าเป็นใคร ทำให้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรตกใจเช่นกัน เพราะคนชอบรถมากอย่างจินฮานจะต้องซื้อเก็บสะสมเอาไว้อย่างแน่นอน“จำเป็นจะต้องซื้อทั้งหมดกี่ภาพ อยากรีบกลับบ้าน” รวมถึงเรื่องที่เป็นคนปากร้ายมากที่สุดก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แตกต่างจากน้องชายฝาแฝดอย่า
“โทษที ก็แค่ไม่คุ้นเคยเฉย ๆ ไม่ได้อยากจะพูดแบบนั้นเท่าไหร่หรอก” ซองอึนพูดเสียงเบาเพราะเขาไม่ใช่คนพูดจาดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว การเริ่มต้นอะไรแบบนี้ถือว่ายากมาก“ซองอึน” เสียงทุ้มนุ่มพูดแล้วจ้องหน้าทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจออกมาแล้วเริ่มพูดใหม่อีกครั้ง“ขอโทษด้วย ปกติเป็นนิสัยของฉันอยู่แล้ว สนิทกันไว้อาจจะเข้าใจไปเองว่าเป็นแบบนี้อยู่แล้ว”“ทำถูกแล้วซองอึน ต้องพูดแบบนี้สิ” ใบหน้าหวานร่าเริงขึ้นมาทันทีเพราะเห็นเพื่อนพูดในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ทุกคนในโต๊ะอาหารรู้ดีว่าการจ้องมองของจินฮวนเมื่อสักครู่ไม่ใช่การมองแบบธรรมดา แต่มันคือการบอกด้วยสายตาว่าให้ขอโทษใหม่อีกครั้ง หากไม่ทำจะต้องเกิดอะไรบางอย่างขึ้นแน่นอน“พี่จินฮวนครับ วันนี้ให้ผมไปส่งที่หอไหม” ไคชาร์ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ถึงเจ้าตัวจะไม่รู้ก็ตามแต่เขารู้ทั้งหมด ไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเลย แต่ก็ไม่อยากจ
ณ ร้านอาหารใต้หอ“เป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าเหมือนเครียดอะไรมา” โจวถามด้วยความเป็นห่วง“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย แต่คงไม่เป็นไรหรอก” เสียงทุ้มต่ำตอบปัด คงจะไม่มีใครกล้าพูดหรอกว่าไปทำอะไรมากับพี่เขยของตนเองหรอก ยกเว้นถ้าจะบอกคงจะเป็นไคชัวร์มากกว่า ถึงจะสนิทกันมาเป็นเทอมแล้วแต่ก็ไม่ได้จะพูดอะไรกันด้วยมากเท่าไหร่นัก“ยังไงก็เป็นเพื่อนร่วมคณะและหอเดียวกัน มีอะไรบอกได้เสมอเลยนะ”“ขอบใจ กิจกรรมของเทอมนี้ไม่น่าจะวุ่นวายมากเท่าเทอมที่แล้ว หรือมีกิจกรรมอะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า”“เท่าที่รู้ไม่มีหรอกนอกจากคริสต์มาส”“โอเค เหมือนพวกเราไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะว่าไหม” ไคชาร์เป็นฝ่ายเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน เพราะอยู่ด้วยกันมาหลายเดือนแล้วแต่ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้สนิทอะไรกันมากอย่างที่คิด
ณ ห้องพักรับรองแขก“จะนั่งจ้องผมอีกนานไหมครับ รุ่นพี่” ไคชัวร์ถามทั้งที่ยังหลับตาอยู่ในตอนแรกยังไม่รู้สึกคงเพราะเพลียมากจนหลับสนิทแต่พอเริ่มรู้สึกตัว ก็ทำให้รู้ว่าเหมือนมีใครกำลังมองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการมานอนบ้านคนอื่น คนที่จะมองแบบนี้น่าจะเพียงคนเดียว“ทำไมรู้ว่าเป็นฉันล่ะ”“ไม่น่าจะเดายากนะครับ ตอนนี้มีแค่ผมกับรุ่นพี่ส่วนน้องของพวกเราอยู่ข้างนอก ไม่มีใครกล้ามานั่งเฝ้าเจ้านายนอนหรอกครับ”“หึ ก็จริง”ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“ดูเหมือนจะกลับมาเร็วกว่าที่คิด คุยกันเองแล้วกัน”“หมายความว่ายังไงครับ”ไม่มีคำตอบออกมาจากปากของจินฮาน แต่ร่างของไคชาร์เข้ามาในแทน คิ้วทั้งสองขมวด







